ตอนที่ 35 : คิดไปเอง
"ให้ข้าหย่า แล้วไปจากที่นี่เถอะเจ้าค่ะ
"อาเหมย! " ผู้อาวุโสทั้งสองอุทานขึ้นมาพร้อมกัน
"เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่าพูดอะไรออกมา" ถ้าคนที่พูดเป็นเพียงเด็ก ตงจื่อหยาคงจะเอาไม้เรียวมาตีก้นหญิงสาวไปแล้ว
"ข้ารู้ตัวดีเจ้าค่ะท่านป้าว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่ ข้าคิดไตร่ตรองมานานแล้ว ยิ่งมาเกิดปัญหาเช่นนี้ ข้ายิ่งไม่เห็นประโยชน์อันใดที่ข้าจะอยู่ในฐานะฮูหยินรองของคุณชายใหญ่สกุลจางต่อ รังแต่จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้นก็เท้านั้น ถ้าข้าเดาไม่ผิด สิ่งที่ข้าบอกท่านป้าไปในคืนก่อน คงเป็นจริงใช่หรือไม่เจ้าคะ"
เพราะคำว่า 'พวกนั้น' ที่หลุดออกมา ทำให้เหมยรู้ว่า สันนิษฐานของเธอน่าจะเป็นจริง เหม่ยเหมยถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายที่คิดร้ายต่อสกุลจาง
ตงจื่อหยา ถอนหายใจเบาๆหนึ่งเฮือก แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง นางจึงหันไปมองผู้เป็นสามี เมื่อได้รับอนุญาตจึงเอ่ยปากบอกเหม่ยเหมย
"เราให้คนเร่งตรวจสอบแล้ว สิ่งที่เจ้าคิดไว้น่าจะเป็นความจริง แต่มันก็ไม่ได้เป็นเหตุผลที่เจ้าหย่านะอาเหมย"
"ทำไมเล่าเจ้าคะ ในเมื่อถ้าข้าไม่อยู่สักคน พวกนั้นก็ใช้ข้ามาทำร้ายสกุลจางไม่ได้อีก"
ตงจื่อหยายิ้มเอ็นดูที่อีกฝ่ายทำเพื่อสกุลของตน
"แม่ขอบใจเจ้ามากที่เห็นแก่สกุลจางถึงเพียงนี้ แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่า ถ้าไม่มีเจ้าแล้วพวกนั้นจะไม่ทำอะไรสกุลจางอีก เจ้าก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น เสียหมากตัวนี้ไป หมากตัวใหม่ก็คงถูกส่งมาแทน ดีไม่ดีอาจมีอยู่ในจวนหลายตัวแล้วก็ได้ พวกมันไม่น่าจะหยุดง่ายๆเสียแล้ว"
นั่นสิ เธอลืมคิดถึงข้อนี้ไป
"แต่การที่ข้ายังอยู่ อาจทำให้เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมนะเจ้าคะ"
"อย่างไรเล่า การที่เจ้าอยู่จะเลวร้ายกว่าเดิมได้อย่างไร อ้อ แล้วอีกอย่างนะอาเหมย ถ้าเพียงเจ้าเชื่อฟังแม่เสียตั้งแต่แรก เรื่องพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น"
แม้คำที่เอ่ยออกมาจะเป็นคำตำหนิอย่างชัดเจน แต่น้ำเสียงและแววตาที่ส่งมาให้นั้น เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ไม่เห็นความไม่พอใจแม้สักเซี่ยว
'เฮ้อ ท่านป้า ท่านดุด่าข้ามาเลยดีกว่า ท่านอย่ามองข้าแบบนี้เลย มันยิ่งทำให้ข้ารู้สึกผิด' ใช่ว่าเหมยจะไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิด ส่วนหนึ่งมาจากความดื้อดึงของตัวเอง
"ข้าขอโทษเจ้าค่ะ แต่... " เหมยเองก็จนคำพูด ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลใดขึ้นมาอ้างอีกดี
"เหตุใดจึงอยากหย่านักเล่า เจ้าก็รู้ว่าการหย่าสำหรับผู้หญิงเรามันร้ายแรงเพียงใด ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าคิดว่าการหย่าจะทำให้เรื่องจบได้จริงๆนะหรือ หลังจากหย่าแล้วเจ้าจะไปอยู่ที่ใด อยู่อย่างไร คิดเอาไว้แล้วหรือยัง" นางไม่คิดว่าเมื่อครั้งก่อนที่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับหลานสาวไปแล้วนั้น อีกฝ่ายจะยังจริงจังถึงเพียงนี้
"ข้ายังไม่รู้เจ้าค่ะ แต่ข้าอยู่ต่อไปก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้นนี่เจ้าคะ ถ้าไม่นับเรื่องนอกจวน เรื่องภายในจวนเองก็ไม่มีทางสงบสุข ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นทะเลาะตบตีเหมือนจวนอื่นๆ แต่ท่านป้าก็น่าจะดูออกว่าพี่มู่อิงระแวงข้าเพียงใด แม้ว่าพี่ฮุ่ยจินจะไม่ได้แสดงออกว่ารักใคร่ข้าเลยก็ตาม"
"แต่ข้าเห็นว่าพวกเจ้าดีกันแล้วไม่ใช่หรือ ยังลงครัวด้วยกัน ออกไปเที่ยวงานเทศกาลด้วยกันอยู่เลย "
"นั่นเป็นเพราะว่าข้าบอกกับพี่มู่อิงไปว่าข้าไม่รักพี่ฮุ่ยจินแล้ว ตั้งใจจะขอหย่า แล้วไปจากสกุลจาง นางจึงวางใจ แล้วดีกับข้าเจ้าค่ะ"
"อาเหมย! " เป็นอีกครั้งที่ผู้อาวุโสทั้งสองอุทานขึ้นพร้อมกัน ถ้าเป็นยุคของเธอ ก็ซิสคอมจังหวะดีๆนี่เอง
"นี่เจ้าคิดเรื่องหย่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
"ตั้งแต่ที่ข้าฟื้นขึ้นมาเจ้าค่ะ"
"เพราะคับแค้นใจที่โดนวางยาพิษหรือ เพราะคิดว่าพวกเราดูแลเจ้าไม่ดีพอใช่หรือไม่ หรือเพราะอาจินไม่ใส่ใจเจ้า เจ้าถึงได้คิดจะจากไป ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองยังมีภัยและการหย่านั้นเหมือนตายทั้งเป็น"
อ่า ท่านป้าเริ่มเล่นบทโศกอีกแล้ว ไม่ได้ เธอจะใจอ่อนอีกไม่ได้
"ไม่ใช่เลยเจ้าค่ะ เพราะข้าคิดถึงบุญคุณของสกุลจางที่มีต่อข้าอย่างไรเจ้าคะ ข้าไม่อยากทำให้สกุลเสียชื่อเพราะข้าอีก ข้าไม่อยากให้คู่สามีภรรยาผิดใจกันเพราะข้า ข้าไม่อยากเห็นผู้ชายคนหนึ่งต้องมาปักใจกับข้าที่ไม่สามารถครองคู่กันได้ ข้าไม่อยากเป็นคนอกตัญญูเจ้าค่ะ"
"แล้วเจ้าคิดว่าการที่เจ้าจะจากไปคือความกตัญญูอย่างนั้นหรือ" จางฮุ่ยเจียงที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้นมา หลังปล่อยให้ภรรยาทำหน้าที่พูดคุยอยู่นาน
"เอ่อ... "
"ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเห็นแก่ตัวและดูถูกความรักที่พวกเรามีให้ต่อเจ้าเช่นนี้ นี่ข้ามองคนผิดไปได้ขนาดนี้เชียวรึ"
"ท่านลุง... ไม่ใช่นะเจ้าคะ"
"ไม่ใช่ได้อย่างไร เจ้ากำลังทำให้ทุกอย่างที่ทุกคนลงแรงกันทำเพื่อเจ้ามากลายเป็นฝุ่นผงไร้ค่า
หรือว่าแท้จริงแล้วพวกเราสกุลจางไม่ได้มีค่าในสายตาของเจ้าตั้งแต่แรก เจ้าหวังเพียงใช้เป็นที่พึ่งพิงยามยากไร้ เมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการ ก็ไม่พอใจ ซ้ำสกุลจางยังมาเกิดปัญหา เจ้าจึงได้คิดหนีเอาตัวรอด ปัดปัญหาให้พ้นตัวเช่นนี้"
"ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านลุง " ไม่นะ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้เล่า มาเป็นฉากๆเลย ท่านลุงไปเขียนนิยายลงเด็กดีได้เลยนะนี่ ไอเดียบรรเจิดสุดๆ
"หึ นี่ก็อีกเรื่อง ที่เจ้าไม่ยอมเรียกว่าท่านพ่อท่านแม่แต่แรก ข้าหลงนึกว่าเพราะเจ้าต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจจริงๆอย่างที่เจ้าบอก แท้จริงแล้วเป็นเพราะเจ้าไม่เห็นหัวพวกเราเลยต่างหาก หยาเอ๋อร์์เจ้าก็ไม่น่าไปฝืนใจนางให้ต้องเรียกเช่นนั้นเลย"
"... "
"ท่านพี่ใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะ"
"จะเย็นได้อย่างไร เจ้าดูลูกสาวของเพื่อนรักของเจ้า ที่เจ้ารักนางหนักหนา รักเหมือนลูกตัวเองทำกับพวกเราสิ"
"อาเหมย เจ้ากลับไปก่อน"
"แล้วก็ไม่ต้องไปห้ามนางอีก นางอยากออกไปไหนก็ให้นางไป เดี๋ยวนางจะคิดว่าเราใจไม้ไส้ระกำกักขังนางไว้แต่ในจวน"
"อาเหมย" เมื่อเห็นว่าหลานสาวยังไม่ขยับลุกออกไป ตงจื่อหยาจึงเอ่ยซ้ำเพื่อเรียกสติที่ดูหลุดลอยไปของนางกลับคืน
เหมยยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เพียงแต่ลุกออกไปจากห้องเงียบๆ โดยไม่ได้กล่าวลาผู้อาวุโสอย่างที่ควร
"คุณหนู" เสี่ยวเปาเรียกนายสาวที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องไม่ขยับไปไหน นางไม่เคยเห็นนายท่านใหญ่ขึ้นเสียงกับคุณหนูเลยสักครั้ง ถึงฟังไม่ได้ความ แต่ก็พอเดาได้ว่าคงโกรธมากจริงๆ
ระหว่างทางเธอเห็นจางฮุ่ยจื่อกำลังเดินผ่านประตูจวนเข้ามา แต่ตอนนี้เธอไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น จึงไม่หยุดรอเอ่ยคำทักทาย แล้วรีบเดินกลับเรือนไป
เหมยคิดว่าตัวเองคิดมาดีแล้ว คิดว่าตัวเองคิดมากแล้ว แต่กลายเป็นว่ายังคิดน้อยไปเสียได้ เธอมองแต่มุมของตัวเอง ไม่ได้มองในมุมของพวกเขาเลย
มันก็จริง จะมีเหตุผลอะไรถึงต้องทำให้ตัวเองลำบากกันขนาดนี้ จริงๆแล้วไม่ต้องให้เหม่ยเหมยแต่งเข้าสกุลจางก็ได้ จะให้เหม่ยเหมยแต่งกับคุณชายเจิ้งไปเสียแต่แรกก็ยังได้ จะได้ไม่มีปัญหา
แต่ก็ไม่ทำ
ถ้าไม่ใช่เพราะรักเธอ หวังดีกับเธอแล้วจะเป็นอะไรได้อีก
แม้แต่คุณสามีเอง ก็อาจรักเธอแบบน้องสาวอย่างที่มู่อิงบอกจริงๆก็ได้
เฮ้อ เธอคิดน้อยไปจริงๆสินะ สมควรแล้วที่จะโดนท่านลุงด่าเอาแบบนั้น
แล้วจะทำไงต่อดีละทีนี้
ยอมไปเหมือนเดิม อาจจะสบายใจกับทุกคน แต่ไม่ใช่กับเธอและมู่อิงแน่นอน
หนีออกจากจวนไปเลย แหม ถ้าเธอติดสกิลเทพทรู อัพเหรียญเงินได้ก็คงทำไปแล้ว หนีไปตอนนี้ไม่ถูกจับปาดคอ ก็คงถูกส่งไปหอนางโลม หรือไม่ก็เรือนอนุของคุณชายเจิ้ง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว บรึย
หรือว่าจะรอไปก่อน รอให้ทุกอย่างคลี่คลายกว่านี้ ค่อยขอหย่าอีกที ถ้าคราวนี้ไม่ได้อีก ก็ค่อยหนี
จะหนีเสือปะจระเข้หรือปล่าว จะอดตายกันมั้ย จะถูกฉุดหรือไม่ ยิ่งสวยๆอยู่ด้วย
ถ้าที่กรุงเทพเธอมั่นใจว่าเอาตัวรอดได้แน่นอน แต่ที่กรุงฉินนี้ ไม่มั่นใจซะเลย ลำพังความรู้เดิมที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับที่นี่นักกับเงินไม่เท่าไหร่ ยิ่งปราศจากอำนาจคุ้มภัยแล้วไซร้ จะพาตัวเองกับเสี่ยวเปารอดไปได้นานแค่ไหนกัน ขนาดตอนนี้มีคนคุ้มหัวยังไม่ค่อยจะรอดเลย
เฮ้อ อยากเชิดหน้า สบัดบ๊อบ โนสน โนแคร์ อย่างนางเอกในนิยายบ้างเหมือนกันนะ แต่ยอมรับตรงๆเลย ว่าป๊อด ใจไม่กล้าพอนี่สิ เป็นสาวแกร่งในออฟฟิตแล้วไง อุตส่าห์ได้ชีวิตใหม่มาแล้ว ก็ไม่อยากเอาไปทิ้งง่ายๆหรอกนะ
เฮ้อ นี่สินะที่เค้าว่ากันว่า ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย
ตกเย็น จางฮุ่ยจินมาขอพบ น่าแปลกที่ปกติที่คุณสามีนึกอยากจะเข้าก็เข้า อยากจะออกก็ออก ไม่เคยบอกกล่าวหรือขออนุญาต แต่วันนี้พอเธอให้เสี่ยวเปาไปบอกว่าเธอเพลียหลับไปยังไม่ตื่น เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ กลับไปโดยดี คงจะรู้เรื่องเมื่อตอนสายแล้ว
มื้อเย็นเหมยก็คงกินอยู่ในห้องกับเสี่ยวเปา ไม่รู้ว่าบทสนทนากลางโต๊ะอาหารจะเป็นเรื่องของเธอบ้างมั้ย แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรกับเธอต่อ ดูเหมือนว่าเธอจะนำเรื่องยุ่งยากไปรบกวนพวกเขาเพิ่มเสียแล้วอย่างที่เสี่ยวเปาว่า
ก็ไม่คิดนี่นา ว่ามันจะกลายเป็นอย่างนี้ คิดว่าคงแค่โดนดุว่าไร้สาระแล้วก็ไล่กลับห้องไป ดีหน่อยอาจจะฟลุ๊คให้เธอหย่าตัดปัญหา ไม่คิดว่าท่านลุงจะโกรธมากขนาดนี้
คืนนั้นเหมยทำอย่าไรก็นอนไม่หลับ พลิกแล้วพลิกอีก หยุบหนอพองหนอกี่รอบ แกะนับไปกี่ตัวก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้
แน่สิ เกิดเรื่องขนาดนั้น ใจเย็นอยู่ได้คงมีแต่แม่ชี
ในเมื่อทำอย่างไรก็ไม่หลับ การออกมาสูดอากาศข้างนอกสักแปบคงทำให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้น แล้วอาจจะหลับลงได้
เธอให้เสี่ยวเปากลับไปนอนที่ห้องไม่ต้องมานอนเฝ้ากัน ตอนนี้เหมยจึงได้นั่งอยู่ที่ชานหน้าห้องคนเดียว
"เหตุใดจึงมานั่งอยู่หน้าห้องดึกๆดื่นๆคนเดียว"
เหมยเกือบกรี๊ดออกมาแล้ว นึกว่าผีหลอก ถ้าไม่จำได้ว่านั่นคือเสียงของคุณสามีเสียก่อน
บ้าจริง คนโบราณที่เดินกันเบาชะมัด ไม่ได้ยินเสียงเดินเลย ทั้งที่เป็นพื้นไม้แท้ๆ
"ข้านอนไม่หลับเจ้าค่ะ เลยออกมาสูดอากาศสักหน่อย"
"เหตุผลจริงๆที่เจ้าอยากหย่าคืออะไร" จางฮุยจินไม่กล่าวอ้อมค้อม และไม่ลงมานั่งกับเธอ แต่กลับยืนมือไพล่หลังอยู่ข้างๆแทน
"ท่านก็คงรู้จากท่านป้าแล้ว จะมาถามข้าทำไมอีก"
"หึ" นางเรียกว่า 'ท่าน' กับ 'ท่านป้า'รึ นี่นางคงเตรียมตัวหย่าเรียบร้อยแล้วสินะ
"เหตุผลก็ไม่แค่นั้นจริงๆ" แต่เหมยเข้าใจไปว่าจางฮุยจินไม่เชื่อที่เธอบอก
"แล้วถ้าข้าไม่ยอมรับความปรารถนาดีนั้น และไม่ให้เจ้าหย่าเล่า"
"นี่ท่่านไม่เห็นใจพี่มู่อิงบ้างหรือ ท่านรักนางจริงรึปล่าว นางทุกข์ใจเรื่องข้ามาก ท่านก็น่าจะรู้นี่นา"
"เจ้าอย่ากังวลแทนมู่อิงไปเลย นางอาจไม่พอใจบ้างแต่นางก็เข้าใจดี"
"แต่ท่านเองก็ไม่ได้รักใคร่ใยดีข้า ข้าเองก็ไม่ได้รักท่าน แล้วจะทนอยู่กันไปเพื่ออะไร" โอ๊ย ทำไมถึงเข้าใจกันยากนักนะ
เขาเข้าใจว่าเหตุใดท่านพ่อถึงได้โกรธนางหนักหนาแล้ว นางกล้าพูดได้อย่างไรว่าไม่ใยดีนาง
"รักหรือไม่ ไม่สำคัญเท่าเจ้าทำหน้าที่ของตัวเองดีหรือยัง มู่อิงทำหน้าที่ฮูหยินใหญ่ของข้าได้อย่างดี แล้วเจ้าเล่า"
"แต่ข้าไม่ได้อยากเป็นฮูหยินรองของท่าน"
"งั้นเจ้าก็คงอยากเป็นฮูหยินเอกสินะ"
"ไม่ ข้าก็ไม่ได้อยากเป็นฮูหยินของท่าน"
"แท้จริงแล้วเจ้าอยากเป็นฮูหยินของผู้อื่นนี่เอง เหตุใดจึงไม่บอกเล่า ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่ฝืนใจเจ้าเช่นนี้"
อ้อ หรือว่าเจ้าเพิ่งจะเจอคนที่ต้องใจจนอยากเป็นฮูหยินของเขาแทน จึงได้มาขอหย่ากับข้า"
"ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้อยากเป็นฮูหยินของใครทั้งนั้นแหละ"
ตอนนี้เหมยลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับคุณสามีที่วันนี้เหมือนตั้งใจจะมาตีรวนกวนประสาทเธอโดยเฉพาะ
"เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องการอะไร"
น้ำเสียงที่อยู่ดีๆก็จริงจัง ไม่มีแววหยอกเล่นอย่างเมื่อครู่ ทำให้เหมยต้องรวบรวมสติใหม่ เพราะตอนนี้เริ่มมีควันออกมาจากหูหน่อยๆแล้ว
"อิสระ ข้าเพียงต้องการอิสระเท่านั้น"
นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ ถ้าพวกเขาเพียงให้เธอบ้าง เธออาจจะไม่ดิ้นรนหนีขนาดนี้ จะให้เป็นเพียงฮูหยินรองที่สามีไม่รัก เธอก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เมื่อก่อนก็ไม่ได้สนใจผู้ชายนักหนา ขอแค่มีอิสระได้ทำตามใจบ้างเท่านั้น
ทั้งคู่มองตากันโดยปราศจากคำพูด เหมยหวังว่าท่ามกลางความสลัวของค่ำคืน นัยตาของเธอจะส่งความจริงใจไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้
"เข้าใจแล้ว"
&&&
มาแว้วววว
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ เหมือนไรท์งอแงเลยอะ 555
ไรท์อยู่ในช่วงสับสน เหมยเลยสับสนไปด้วย 555 อยากหนีก็อยาก กลัวมั้ยก็กลัว แต่ให้อยู่ต่อไม่ก็ไม่ดีกว่า แล้วตกลงจะเอายังไงคร๊าาา
แต่หน่องเหมยก็ประกาศชัดเจนแล้วนะ ว่าต้องการ อิสระะะะะะ
ไรท์เข้าใจทุกคอมเม้นนะคะ คอมเม้นก็เหมือนกับกระจกสะท้อนความคิดของผู้อ่าน ทำให้รู้ว่าไรท์ยังมีส่วนที่ต้องแก้ไขอีกมาก นั้นคือส่วนที่ไม่สบายใจค่ะ
ไรท์ก็อยากให้ผู้อ่านได้อ่านสิ่งที่ดีเนอะ จะพยายามต่อไปนะคะ
แอบบ่น ไม่น่าเปิดด้วยเรื่องยากขนาดนี้เลย ด้วยความเผลอไผลและฮูหยินใหญ่เป็นเหตุแท้ๆ ทำให้เรามาไกลกันได้ขนาดนี้
ขอบคุณจริงๆที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ ^^
แอบสปอย เดียวเหมยก็ได้ไปจากจวนสกุลจางแล้วเจ้าคะ ปมต่างๆจะทยอยคลายนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นึกถึงแต่ตัวเองกันทั้งนั้นเลยเนอะ
เขียนมาก้อหลายตอนแล้วนะไรท์. อ่านตามมาจนติดละ เมื่อไหร่ ไรท์จะแต่งต่อ อย่าเพิ่งทิ้งคนอ่านเลยยยยย นะ
อยากอ่านแล้ววว
พึ่งเข้ามาอ่าน เนื้อเรืรองดีน่าติดตาม รอให้ไรต์มาอัพค่อจ้า
ชีวิตจริงมันก็ควรเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าทะลุมิติมาแล้วต้องเทพทรูอะไรๆ ก็ดูง่ายไปซะหมด ชักเบื่อพล๊อตแบบนั้นแล้วล่ะ
รออ่านต่ออยู่นะ ^__^
ว่างอล้วมาอัพต่อนะคะ
ต้องเข้มแข็งและเด็ดขาดเพื่ออนาคตที่สดใสถ้าเจ้าใจอ่อนไม่เด็ดขาดละก้อนะถ้าเจ้าอยู่เปนสะใภ้สกุลจางต่อละก้อเจ้าเตรียมตัวตายอีกรอบได้เลยหรือไม่ก้อโดนข่มขืนหรือโดนทั้งสองอย่างเลยแน่นอน
มาอัพได้แล้วคร้า
นั่นสิ กลับมาตอนนึงแล้วหายไปเลย ไรทืจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ มาต่อให้ด้วยนะ อยากรู้ว่าจะเปนไงต่อไป
ไม่ได้คิดไปเอง ..แต่ไรท์หายไปจริงๆ
อยากเป็นอิสระเเต่ความเทพไม่อำนวย นางเหลือเเค่ตัวคนเดียวไม่มีจวนให้กลับ ไม่มีอะไรเลย...
ไรท์หายไปไหนยังมีคนรอออออออ