ตอนที่ 33 : ความในใจ
เธอพยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะทำตัวกลมกลืนกับที่นี่ เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ควรจะหลิ่วตาตาม ที่ผ่านมาปิดตาเธอไว้หนึ่งข้าง เธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจ พยายามหาทางให้ตัวเองต่อไปเท่าที่จะทำได้ แต่ตอนนี้จะมาปิดตากันทั้ง 2 ข้าง แม้ว่าจะเป็นไปด้วยความหวังดี หรือความห่วงใยอะไรก็แล้วแต่ มันก็เกินจะรับได้
เหมยกินข้าวในห้องอย่างสงบในช่วงเช้า เธอรู้ว่าทุกคนกินข้าวร่วมกันที่โถงกลาง แต่มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม เสี่ยวเปายังคงทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปต่างๆในจวนให้เธอรับรู้ได้อย่างดี โดยไม่ต้องเอ่ยปากถาม แต่ไม่รู้ว่าบอกหมดหรือเปล่านะสิ
เหมยรอจนถึงเวลาสาย ที่ตงจื่อหยาจะใช้เวลาอยู่ในห้องหนังสือ เพื่อเข้าไปพบ ทำไมต้องเป็นท่านป้านะเหรอ ก็เธอคิดว่าน่าจะพูดง่ายกว่าไอคุณสามีบ้านั่นไงเล่า
"ท่านแม่อยู่ที่ห้องหนังสือใช่หรือไม่" เหมยวางรายงานของโรงเตี้ยมลง ทุกอย่างกำลังไปได้ดีแท้ๆ กำลังเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ ถ้าไม่เพราะไปเจอกับคุณชายเจิ้งเข้า ตอนนี้เธอคงได้ออกไปโรงเตี้ยม ได้ปฏิบัติภารกิจกามเทพต่อ และคงได้คุณชายหมิงเป็นสหายเพิ่ม
นี่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโดนข่าวเสียหายไปด้วยหรือไม่ แล้วเขายังจะมีไมตรีต่อเธออีกหรือเปล่า ที่คิดไว้ว่าหลังจากหย่าจะย้ายไปอยู่เมืองอู๋๋ ที่อย่างน้อยก็มีคนรู้จักให้พึ่งพาอาศัย แถมการเดินทางไปมาลำบาก จะได้ไม่มีใครตามจองเวรเธอได้อีก อาจจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
"อยู่ที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ นายท่านก็อยู่ มีเพียงคุณชายทั้งสองที่ออกไปข้างนอกเจ้าค่ะ"
เหมยพยักหน้ารับรู้ แล้วลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
"คุณหนูจะไปพบฮูหยินใหญ่จริงๆหรือเจ้าคะ รออีกสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ตอนนี้นายท่านทั้งสองคงกำลังยุ่งอยู่เป็นแน่ อย่าไปรบกวนพวกท่านเลยนะเจ้าคะ"
ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าดื้อรั้นไม่มีเหตุผล แต่ถ้าทุกอย่างคลี่คลายแล้ว เรื่องของเธอจะมีใครรับฟังเล่า คงเห็นเป็นเรื่องไร้สาระอย่างที่ผ่านมา
"ข้าบอกเจ้าแล้วเสี่ยวเปา ว่าจะรอจนถึงวันนี้เท่านั้น"
ท่าทางสุขุม น้ำเสียงมั่นคง วาจาที่เอ่ยออกมาหนักแน่น แม้ไม่ได้เสียงดังหรือถลึงตาใส่ แต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้เสี่ยวเปาลอบกลืนน้ำลาย ไม่กล้าเอ่ยอะไรขัดอีก คุณหนูของนางเปลี่ยนไปอีกแล้ว
เหมยหันมองเสี่ยวเปา พยักหน้าเบาๆ พร้อมส่งยิ้มบางๆให้
" ไปกันเถอะ"
เสี่ยวเปาจำต้องเดินตามนายสาวไป ไม่คิดจะเอ่ยปากอะไรอีก ทำไมนางถึงได้รู้สึกหนาวๆ เช่นนี้ ยังไม่หมดหน้าร้อนแท้ๆ
ที่หน้าห้องหนังสือ พ่อบ้านฉูตกใจตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินตรงยังห้องที่ตนยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า
"ฮู.. ฮูหยินรอง ตอนนี้นายท่านทั้งสองปรึกษางานกันอยู่ ยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบขอรับ" พ่อบ้านฉูพูดตะกุกตะกักด้วยไม่คาดคิดว่าคนตรงหน้าจะกล้าออกมาจากเรือน
"เช่นนั้นหรือ ข้าขอรออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน"
"เออ.. ขอรับ เดี๋ยวข้าให้บ่าวยกน้ำชามาให้"
"ขอบคุณ"
พ่อบ้านฉูลอบส่งสายตาหายเสี่ยวเปาแทนคำถาม แต่เสี่ยวเปาเองก็จนปัญญา ได้แค่ส่ายหน้ากลับไปเท่านั้น
"ให้อาเหมยเข้ามา" ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องรอนาน เสียงอนุญาตจากจางฮุ่ยเจียงก็ดังขึ้นมาจากในห้อง
แม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาพบคนผู้เป็นลุงด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าน่าจะเป็นอะไร ดีเสียอีก จะได้พูดที่เดียว
"เหม่ยเหมยคารวะท่านลุงท่านป้าเจ้าค่ะ"
สองสามีภรรยาขมวดคิ้วเหลือบตามองกันทันทีที่ได้ยินสรรพนามที่หลานสาวที่พ่วงตำแหน่งลูกสะใภ้ ใช้เอ่ยถึงตน
"เหตุใดจึงไม่รออยู่ที่เรือนตามคำสั่ง" ตงจื่อหยาเลือกที่จะละเลยเรื่องคำเรียกของเหม่ยเหมยไปก่อน
"ข้าขอโทษที่ขัดคำสั่งเจ้าค่ะ แต่ข้าร้อนใจจนไม่อาจทนอยู่เฉยแต่ในเรือนได้" เหมยย้ายตัวเองมานั่งยังตั่งตัวหนึ่งข้างโต๊ะทำงานของทั้งสอง
"ร้อนใจเรื่องข่าวลือของเจ้าที่ออกมาอย่างนั้นรึ พวกเราจัดการได้ อย่ากังวลไปเลย" จางฮุ่ยเจียงบอกเหม่ยเหมยด้วยน้ำเสียงเอื้ออารีไม่เปลี่ยนแปลง
"ที่ข้าร้อนใจไม่ใช่เรื่องของตัวเองหรอกเจ้าค่ะ แต่เป็นเพราะข้า จึงทำให้ชื่อเสียงของสกุลจางต้องเสื่อมเสีย"
จริงๆแล้วเสี่ยวเปาไม่ได้บอกละเอียดว่าข่าวลือนั้นผู้คนลืออะไรกันบ้าง เพียงแค่บอกว่าข่าวแพร่ไปทั่วเมืองหลวงและไม่ค่อยดีนัก และนั่นเป็นสาเหตุให้เธอถูกกักบริเวณ
ไม่ใช่ว่าไม่ดีนักหรอก แต่คงจะไม่ดีเอามากๆต่างหาก เสี่ยวเปาตัวน้อยจึงยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าเธออย่าได้ยินดีจะกว่า แม้จะคาดคั้นอย่างไรก็ไม่ยอมปริปาก
แต่ก็เดาได้ไม่ยากไม่ใช่หรือ
"อย่าคิดอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะเจ้าหรอก เป็นเพราะคนชั่วพวกนั่นต่างหาก"
'พวกนั้น' เหรอ ไม่ใช่คุณชายเจิ้งคนเดียวหรอกหรือ
แม้ว่าเหมยอยากจะถามแทบตาย แต่ก็ต้องยั้งใจไว้ก่อน เพราะไม่ใช่จุดประสงค์ของการมาเยือนห้องหนังสือในวันนี้
"ไม่ว่าจะเป็นเพราะใคร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวข้าคือปัญหาอยู่ดี"
"... "
"หากไร้ซึ่งตัวปัญหาแล้ว เรื่องทุกอย่างคงจบ"
"..."
"ให้ข้าหย่า แล้วไปจากที่นี่เถอะเจ้าค่ะ"
&&&
ไรท์อ่านคอมเม้นแล้วไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะ กลับไปย้อนอ่านดู ก็เห็นว่าอาจจะจริงอย่างที่รีดหลายๆคนบอก อาจเป็นเพราะไม่ได้เขียนอย่างต่อเนื่อง และอาจเป็นเพราะตอนที่ตัดมาลงด้วย ดันเป็นตอนที่เดจาวู รู้สึกว่าวนลูปอีกแล้ว เรื่องไม่ไปไหนเลย
จริงๆ มันก็ไปตามที่ไรท์ตั้งใจไว้นะ คือ ตอนแรกรู้สึกแปลกใหม่ อึดอึดไม่เข้าใจ แล้วก็พยายามปรับตัว จากนั้นก็กำลังดำเนินไปได้ดี แต่ก็ถูกกระชากกลับมาอีก จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ต่อๆไป
เรื่องความไม่เด็ดขาด เพราะมีประสบการณ์แล้วว่าผลที่ได้จากความวู่วามเป็นอย่างไร ทำให้คิดมากกว่าเดิม คือพยายามอย่างที่สุดแล้ว ยอมจนสุดทาง ยอมจนยอมไม่ได้อีกแล้ว
แต่เป็นเพราะความอ่อนด๋อยของไรท์ เขียนไม่ดีจนทำให้ภาพรวมของเรื่องออกมาเป็นแบบนี้
จะพยายามทำให้ดีกว่านี้ค่ะ
ไม่สบายใจจริงๆ เลยมาลงส่วนที่เหลือไว้ ที่ตอนแรกกะจะไปรวมไว้กับตอนหน้า ให้ได้อ่านกันก่อน
ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ
ปล.ลืมว่าเป็นวันวาเลนไทน์
Happy Valentine
Love
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ดีแล้วล่ะหย่าแล้วไปอยู่ที่อื่นซะ
ใจเราก้อคิดแบบนี้ หย่าขาด แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นซะ ไปเริ่มชีวิตใหม่ จะมาทนทุกข์ระทมไปทำไม
หย่าเลยๆ
หย่าเลย ไปเริ่มชีวิตใหม่ๆๆๆๆๆเชียร์
หากไม่หย่าขาด... เรื่องก็วนกลับมาที่เดิม...เพราะคุณชายเจิ้งกับเมียเอกเป็นญาติกัน หาเรื่องกันไม่จบไม่สิ้นมันจะทำให้เรื่องน่าเบื่อ