ตอนที่ 32 : ความอดทน
เมื่อคืนหลังจากตงจื่อหยากลับไป เหมยก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกตามแม่สามีบอกไว้ เธอกินข้าวเงียบๆกับเสี่ยวเปาในห้อง ไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย เสี่ยวเปาดูจะเป็นห่วงเธอมาก ไม่ยอมกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง จะนอนเป็นเพื่อนเธอให้ได้ จนต้องพูดเสียงแข็ง ถึงได้ยอมกลับออกไป
เธอต้องการสมาธิคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เธอจะสนุกมากไปหน่อย ทำเหมือนเล่นไปหมด เธอต้องย้ำตัวเองอีกทีว่านี่ไม่ใช่ชีวิตของหลินเหม่ยเหมยอีกแล้ว แต่เป็นของเหมย คนที่มาจากกรุงเทพ จากยุคศตวรรษที่21 จะทำเหมือนกับว่าเดี๋ยวก็ได้กลับบ้าน แล้วทุกอย่างก็จะไม่เกี่ยวอะไรกับเธออีกแล้วไม่ได้
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงมั้ย อีกทั้งทุกตัวละครในเรื่องก็คือคนจริงๆ ผูกพันกันเธอจริงๆ ทุกการกระทำส่งผลต่อเธอจริงๆ เป็นชีวิตของเธอจริงๆ
เพราะฉะนั้นขอให้เรื่องที่เกิดขึ้น อย่าได้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลย ขอให้แค่เธอถูกนินทานิดๆหน่อยๆ แล้วผู้คนก็ลืมเลือนไปเหมือนที่เคยเป็นมาด้วยเถิด สาธุ แล้วจะได้เริ่มวางแผนกันใหม่ ไม่ใช่สิ แผนเดิมนั่นแหละ แต่ต้องจริงจังมากขึ้น
ดูท่าว่าคำภาวนาของเหมยและใครอีกหลายๆคนจะไม่เป็นผล เพราะเมื่อแสงแห่งรุ่งอรุณมาถึง หาได้มีแต่ความอบอุ่นที่มาพร้อมกับแสงสว่างไม่ ความร้อนจากเรื่องฉาวๆ ที่ร้อนยิ่งกว่าเหล็กในเตาหลอม ก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นฉินด้วยเช่นกัน
ไฟฉาวนั้นลามเร็วเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่งหญ้าแห้ง และดูเหมือนว่าไม่ได้มีคนที่ต้องการดับไฟร้อนนั้นเท่าไรนัก นอกเสียจากคนในสกุลจาง นอกนั้นน่าจะช่วยกันสุ่มไฟให้ยิ่งโหมกระหน่ำมากยิ่งกว่าเดิม
ทุกคนภายในจวนสกุลจางต่างตกอยู่ในภาวะเคร่งเครียด แม้จะเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ดูจะหนักหนากว่าทุกที แถมยังมีกลิ่นตุๆโชยมา พาให้ยิ่งหวั่นวิตก ว่าจะไม่ใช่เป็นแค่การซุบซิบนินทาธรรมดาของชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป
เหมยนั้นรู้เรื่องตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนที่เสี่ยวเปาเข้ามาดูแลตามปกติ และยังถูกห้ามไม่ให้ออกนอกเรือนจนกว่าเรื่องจะคลี่คลาย ทุกอย่างให้คนสกุลจางเป็นคนจัดการ แถมยังฝากบอกมาด้วยว่าอย่าได้กังวลไป ขอให้ตรวจรายงานและบัญชีของโรงเตี้ยมเหมือนอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน
ห้ามไม่ให้ออกจากเรือน! ห้ามไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว!
อ่าว นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอหรอกเหรอ แล้วเธอไม่ใช่คนสกุลจางเหรอ ทำไมถึงได้กีดกันกันแบบนี้หละ
มันไม่ถูกต้อง!! ไม่เลยสักนิด!!
"เสี่ยวเปา ข้าจะไปหาท่านแม่" ในที่สุดความอดทนของเหมยก็หมดลง
"แต่ฮูหยินใหญ่ ยังไม่ให้คุณหนูออกไปไหนนะเจ้าคะ"
"ก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกเสียหน่อย อยู่ในจวนนี่แหละ"
"แต่คุณหนูออกไปนอกเรือนไม่ได้นะเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่สั่งไว้"
"เหตุใดเล่า เรื่องของข้าแท้ๆ ข้าก็ควรมีส่วนร่วมแก้ปัญหาสิ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ทำอะไรผิด มาลงโทษกักบริเวณกันเช่นนี้ ถูกต้องแล้วหรือ"
"คุณหนูไม่ได้โดนลงโทษเจ้านะเจ้าคะ เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว"
"ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ไปแล้ว เอางี้ เสี่ยวเปาเจ้าลองไปขอท่านแม่ดูสิ บอกว่าข้ามีเรื่องร้อนใจ อยากปรึกษา จะขอพบ"
"คุณหนูร้อนใจเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ"
"เสี่ยวเปา.. "
"เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ บ่าวจะลองไปถามดูนะเจ้าคะ"
เหมยคิดว่าตอนนี้อาจเป็นโอกาสดีที่จะพูดถึงเรื่องหย่า แม้ว่าตัวเองจะยังไม่พร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกข้างนอกสักเท่าไรนัก แถมยังมีภัยอยู่ข้างนอกอีกต่างหาก แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้น้อยนิดที่จะได้หย่า แต่ถือว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน หลังจากนี้อาจไม่มีโอกาสดีๆ ที่จะพูดเรื่องหย่าขึ้นมาอีกก็ได้ ถือว่าคราวนี้เป็นการแจ้งความจำนงก่อนก็แล้วกัน
รออยู่สักพัก เสี่ยวเปาก็กลับมา ดูจากหน้าเสี่ยวเปาแล้ว คงจะไม่เป็นไปอย่างที่เธอต้องการ
"ฮูหยินใหญ่บอกว่าตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งกันหมดเจ้าค่ะ คืนนี้หากมีเวลาจะมาหาคุณหนูเอง ขออย่าให้คุณหนูกังวลใจ ทุกอย่างจะเรียบร้อยในเร็ววัน ทุกคนกำลังเร่งแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเจ้าค่ะ"
'ปัญหาต่างๆ เหรอ ไม่ใช่เรื่องของเธอเรื่องเดียวสินะ'
"อืมเข้าใจแล้ว คืนนี้ก็คืนนี้ ขอบใจเจ้ามากนะ" ถ้าคืนนี้ยังไม่มาหา พรุ่งนี้เธอจะออกไปหาเอง นี่เธอทำตัวเป็นเด็กดีเชื่อฟังแล้วนะ จะมาว่าว่าไม่ปรับตัวไม่ได้ แต่ถ้ามันมากจนเกินไป ก็ต้องเคลียกันหน่อย จะให้เธอทำตามอย่างเดียวโดยไม่มีปากมีเสียง เธอทำไม่ได้หรอก ก็เธอไม่ใช่หลินเหม่ยเหมย สตรีในห้องหอของยุคนี้นี่นา
หลังจากนั้น เหมยก็ตรวจรายงายตรวจบัญชีตามปกติ แม้จะไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไรนัก ใจก็พะวงว่าจะพูดอย่างไร ให้ตงจื่อหย่าเห็นว่าการให้เธอหย่า แล้วส่งไปอยู่ไกลๆ จะเป็นผลดีต่อทุกคน และต่อตัวเธอเองด้วย
ในเมื่องานไม่เดิน คิดอะไรก็ไม่ออก เหมยเห็นสมควรว่าน่าจะต้องออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเสียหน่อย เพื่อให้สมองปลอดโปร่งขึ้น จึงสั่งให้เสี่ยวเปาย้ายของไปที่ศาลาด้านนอกใน ใช้ธรรมชาติบำบัด เผื่อจะคิดอะไรออกบ้าง
การที่ไม่สามารถใช้เหตุผลในยุคโน้น มาใช้อธิบายกับที่นี่ มันน่าปวดหัวเป็นที่สุด แถมเธอก็ยังไม่เข้าใจที่นี่ดีพอที่จะหาเหตุผลดีๆมาอ้าง มันช่างน่าอึดอัดเสียจริง
ระหว่างที่กำลังทอดสายตาไปยังป่าไผ่ฝั่งตรงข้ามกับสระบัว เหมยเห็นคนเดินผ่านป่าไผ่ไป
เอ๋ ปกติไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามแถวนี้นี่นา เพราะมันอยู่ลึกสุดของเรือนปีกขวา ถ้าจะผ่านมาก็คือมาหาเธอเท่านั้นแหละ ชุดที่ใส่ก็ไม่น่าใช่ชุดบ่าวนี่ แล้วใครกัน
"เสี่ยวเปา เจ้าเห็นใครในป่าไผ่หรือไม่" เผื่อว่าจะตาฝาดไปเอง
"พวกบ่าวหรือเปล่าเจ้าคะ" เสี่ยวเปาไม่ให้ความสนใจนักยังคงปักผ้าในมือต่อ พวกบ่าวก็เดินผ่านไปมาเป็นปกติ คุณหนูจะถามทำไม
"ไม่ใช่ชุดบ่าว วันนี้มีแขกมาที่จวนหรือไม่"
"มีเจ้าค่ะ แต่บ่าวไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าเป็นใคร แต่ก็คงไม่มาเดินอยู่แถวนี้หรอกมั้งเจ้าคะ คุณหนูตาฝาดแล้ว"
"คงงั้น" แล้วเหมยก็จมอยู่ในห้วงความคิดต่อ ไม่ได้สนใจป่าไผ่อีก
จวบจนมื้อเย็นเหมยก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปกินข้างนอก เธอรอคอยให้ตงจื่อหยามาหาอย่างใจจดใจจ่อ จะมารึไม่มานะ
ผ่านไปจนค่ำก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมายังเรือนของตน
"ข้าจะออกไปข้างนอก"
"ไม่ได้นะเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่อาจจะยังไม่ว่าง รออีกสักประเดี๋ยวเถอะเจ้าคะ"
"แต่ข้ารอมาครบวันแล้วนะ จะปิดหูปิดตากันไปถึงไหน ข้าไม่ยอมอยู่รอเฉยๆอีกแล้ว" เหมยไม่ฟังคำทักท้วงของเสี่ยวเปา เธอไม่โกรธอีกฝ่ายที่เอาแต่คอยห้าม เธอเข้าใจว่าหญิงสาวหวังดี
"ก็จนกว่าปัญหาจะคลี่คลาย" ยังไม่ทันที่เหมยเดินไปถึงประตู ประตูก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน ไม่ใช่แม่สามีที่เข้ามา เป็นคุณสามีเธอต่างหาก
"แล้วเหตุใด จึงไม่ให้ข้ารับรู้บ้างเล่าเจ้าคะ นี่มันปัญหาของข้า จริงๆคือ ปัญหาเกิดมาจากข้านะเจ้าคะ"
"ปัญหาของเจ้าก็ใช่ แต่ตอนนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องของเจ้าแค่เรื่องเดียว ตอนนี้เหตุการณ์สับสนวุ่นวาย ทุกคนจึงไม่อยากให้เจ้าไม่สบายใจเสียเปล่าๆ ลำพังแค่เรื่องข่าวของเจ้าก็หนักหนามากแล้ว"
จางฮุ่ยจินกับเหม่ยเหมย เดินมานั่งตรงโต๊ะน้ำชา หลังจากเสี่ยวเปาชงชาเรียบร้อย ก็ได้รับสัญญาณมือจากจางฮุ่ยจินว่าให้ออกจากห้องไป
"ข้าไม่ห่วงเรื่องชื่อเสียงของตัวเองหรอกเจ้าคะ กลัวแต่ว่าจะทำให้สกุลจางมัวหมองก็เท่านั้น"
"เจ้าไม่ห่วง แต่ทุกคนห่วง ช่วงนี้ก็ให้อยู่แต่ในเรือนอย่างเพิ่งออกไปไหน"
"ออกนอกเรือนก็ไม่ได้หรือเจ้าคะ ในจวนแท้ๆ ข้าไม่เข้าใจ ทำไมไม่ให้ข้ามีส่วนร่วมแก้ปัญหาบ้าง ข้าอยากช่วย หรือเพราะเห็นว่าข้าเป็นคนนอก หาใช่คนสกุลจางหรือเจ้าคะ"
"เพราะว่าเจ้าเป็นคนสกุลจางแล้วต่างหาก"
" แต่.... "
"อดทนอีกสักหน่อยเถิด"
เหมยยังคงไม่เข้าใจ ผู้หญิงในยุคนี้ไม่ก้าวก่ายงานราชการ ไม่ยุ่งเรื่องงานของผู้ชายก็จริง แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นี่นา แล้วทำไมต้องปิดกัน
หรือว่าเธอควรทำเป็นไม่อยากรู้ รู้แค่เท่าที่อยากให้รู้เหมือนนางเอกในนิยายดีนะ เฮ้อ จะลองพยายามดูอีกครั้งก็ได้
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"
"ดี อยู่แต่ในเรือนให้เรียบร้อย อย่าออกไปไหนจนกว่าจะได้รับอนุญาต แล้วก็อย่าก่อเรื่องใดๆอีก"
"ท่าน!"
"ต้องให้ข้าบอกกี่หน ว่าเจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านพี่" โดยไม่รอให้เหม่ยเหมยได้พูดอะไรอีก ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นสามีก็ลุกยืน แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
'ไอสามีบ้า แล้วนี่เขามาทำไม อย่าบอกนะว่ามาเพื่อบอกว่าห้ามก่อปัญหาอีก หนอย...คุณสามี'
เอ หรือว่าจะมีเรื่องอะไรร้ายแรงมากกว่าที่เธอรู้
"คุณหนูจะออกไปไหนเจ้าคะ คุณชายใหญ่เพิ่งบอกเองนะเจ้าคะ ว่าห้ามออกไปข้างนอก"
"เจ้าแอบฟังรึ เสี่ยวเปา"
"คุณชายใหญ่ย้ำกับบ่าวตอนที่ออกจากห้องไปเจ้าเจ้าค่ะ"
'ถึงกับต้องย้ำเสี่ยวเปาอีกรอบ หนอย...ไอคุณสามี เห็นเธอเป็นตัวก่อปัญหารึยังไง เออ ก็ยอมรับว่าอาจจะใช่'
เหมยยืนคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง จนเสี่ยวเปาเองก็ไม่แน่ใจว่านายของตนกำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนตัวเองนั้นคิดว่าที่ห้ามไม่ให้ออกไปไหนตอนนี้ ก็เหมาะสมแล้ว ไม่ใช่คนนอกจวนเท่านั้นที่ต้องระวัง แม้แต่คนในจวนก็ยังไม่อาจไว้ใจได้มั้งหมด เก็บตัวเงียบๆสักพักเป็นการดีที่สุด แล้วทำไมคุณหนูของนางไม่เข้าใจเล่า
"คุณหนู..."
"ข้าเข้าใจแล้ว แต่พรุ่งนี้ข้าจะไม่ทนแล้วนะเสี่ยวเปา"
&&&
กราบขออภัยรอบทิศ ที่มาช้าเหลือเกิน เนื่องด้วยเหตุหลายประการ และปัญหาสุขภาพ ไรท์พยายามเขียนเอาวันละนิดวันละหน่อย จริงๆยังไม่ครบตอนดีตามที่ตั้งใจไว้ ต้องจบตอนอาเหมยแผลงฤทธิ์55
แต่กลัวจะนานเกินไป ตัดมาส่งก่อนค่า
เนื่องจากเขียนทีละน้อย ไม่ต่อเนื่องกัน อาจไม่สมูทต่อเนื่องกันเท่าไร ยังไม่ได้ทวน คิดเอาเองว่าไม่น่าจะออกทะเล 555 แต่ตั้งใจไว้แบบนี้แหละ เมื่อถูกกดดันมากๆ ก็จะตู้มเป็นโกโก้ครั้น 55
ปมต่างๆจพทยอยรู้พร้อมอาเหมยนะคะ เหมยยังไม่รู้ รีดจะรู้ก่อนไม่ได้ เหมยไม่ได้กล่าว 55
เรื่องนี้อาจไม่ได้ดั่งใจรีดหลายๆคน ไรท์เข้าใจค่ะ แต่ไรท์เองก็ตั้งใจเขียนให้แตกต่างดูบ้าง ส่วนเรื่องที่เดินเรื่องช้าไป ขอน้อมรับไปปรับปรุงค่ะ
ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ
ไม่เทแน่นอนค่ะ ไรท์ก็อยากส่งอาเหมยให้ถึงฝั่งเหมือนกัน เลิฟ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มองยังไงก็เป็นแผนของใภ้ใหญ่กับเจ้าเจิ้งจอมราคะ
ตกลงเสี่ยวเปานี่มันคือบ่าวหรือว่าคือนายกันแน่นะ
วนเรื่องกลับมาที่เดิมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เหมยจะระเบิดตัวเองแล้วนะ
เรื่องนี้ชื่อเรื่องฮูหยินรองโอกาสที่จะไปมีหลัวใหม่ค่อนข้างยาก คงต้องทำใจกับพระเอก แต่ความไม่คืบหน้าของเหมยคืออะไรเฮ้อถูกปิดกั้น ปิดหูปิดตา เรื่องจะได้ไปใช้ชีวิตข้างนอกท่องยุทธภพหรือหย่าคง นอนฝันเท่านั้นเหมือนกับฝันว่าจะได้กลับบ้านยุคเดิมนั่นแหละสมกับชื่อเรื่อง ฮูหยินรองอยู่อย่างผู้หญิงในยุคนั้น รอติดตามว่าเหมยจะหลุดพ้นกับคำว่าฮูหยินรองได้ไหม (ในใจรีดคิดว่าไม่มีทางสามคำนี้ตลอดที่อ่านมา)
เหมือนปมปัญหาทั้งหมดคนในสกุลจางนั้นปกปิด ไม่ให้นางรับรู้ ส่วนคนที่พยายามกำจัดเหมยหรือใช้นางเป็นเครื่องมือนั้นเหมือนเงา ปมซ่อนปมปัญหาเก่ายังไม่ทันแก้ก็เกิดปัญหาใหม่เรื่อยๆ แทนที่จะแก้ไขกลับสะสม อึดอัดแทนอาเหมย
นางเอกก็โง่