ตอนที่ 31 : อารมณ์
ตอนนี้เธอโมโหจริงๆ โมโหกับทุกสิ่งทุกอย่าง มันจะเกินความอดทนที่มีแล้ว ซ้ำยังคิดไม่ตกเหตุใดคุณชายเจิ้งจึงคอยรังควานเธอและรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนตลอด คงไม่ใช่เพียงเหตุบังเอิญแน่แล้ว ในตลาดยังพอจะบอกว่าบังเอิญได้ แต่ในป่าหลังศาลเจ้าเช่นนี้ และถ้าเธอจำไม่ผิด ชุดที่เขาใส่นั้นคือชุดขุนนาง เขาจะใส่ชุดขุนนางการคลังมาทำอะไรในป่าอย่างนี้ อย่าว่าเธออ่านนิยายมากไปเลย แต่มันต้องมีอะไรแน่ๆ
หมิงเหอคังที่นั่งเบียดกับลูกน้องด้านหน้าก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเช่นกัน ทำอย่างไรจึงจะสามารถช่วยอาเหมยได้ หากคุณชายเจิ้งเอาเรื่องที่พบเขากับอาเหมยที่ทะเลสาบหลังศาลเจ้าไปเล่าต่อ เขาไม่อยากคิดว่าเรื่องจะบานปลายเพียงใด ดูท่าแล้วคุณชายผู้นี้ไม่ก็น่าจะประสงค์ดีเป็นแน่
ถึงแม้ว่าจะมีบ่าวตามมาด้วยและเขาก็ไปกับคณะของคุณชายฮุ่ยจินผู้เป็นสามีของนางก็ตาม แต่ปากคนนั้นถือได้ว่าเป็นอาวุธร้าย ฆ่าคนมามากพอๆกับดาบคมเลยทีเดียว เรื่องเข้าหูคนแล้วความจริงเป็นอย่างไรหาเป็นที่สนใจไม่
แล้วความสัมพันธ์ทางการค้าของสกุลจางกับสกุลหมิงอีกเล่า
ตอนนี้เขาทำได้เพียงภาวนาไม่ให้คุณชายเจิ้งเอาเรื่องไปโพนทะนาต่อ เขาทำได้เพียงเท่านี้...เท่านี้จริงๆ
ทางผู้ที่คอยอยู่ที่ศาลาก็แตกตื่นเช่นกัน เมื่อเห็นคุณชายเจิ้งเดินออกมาอีกทาง และเขายังหันมาเหมือนจะทักทายหรือเยาะเย้ยก็ไม่แน่ใจนัก ซ้ำร้ายแทนที่จะเห็นอาเหมยกับคุณชายหมิงเดินออกมา กลับกลายเป็นสองบ่าวที่จางฮุ่ยจินให้ตามไปวิ่งกระหืดกระหอบออกมาแทน
ใจของเขาเหมือนจะร่วงจากอกตกไปอยู่ที่พื้น
แต่ตอนนี้ความรู้สึกตกใจและโล่งใจปะปนกันจนไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรมากว่า ที่ตกใจเพราะอาเหมยไม่ได้เดินกลับออกมาด้วย และคุณชายหมิงก็หายไป ที่โล่งใจเพราะเสี่ยวเปาก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่ได้หายกันไปสองคน
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ถึงแม้จะเป็นเพราะว่าคุณชายหมิงหวังดีอย่างบริสุทธิ์ใจ ซึ่งประการนี้เขาไม่แน่ใจนักว่าใช่หรือไม่ เข้ามาช่วยอาเหมยไว้จากคุณชายเจิ้ง ก็คงไม่พ้นคำครหานินทาอย่างแน่นอน บริเวณนี้หาได้มีแค่พวกเขาไม่
เรื่องในมุ้งของชาวบ้าน คือความบันเทิงของชาวเมือง โดยที่ไม่สนว่าจะมียศฐาบรรดาศักดิ์ใดอย่างแท้จริง
"อาเหมยเล่า ทำไมถึงไม่ออกมาด้วย" จางฮุ่ยจินแทบจะตะคอกใส่สองบ่าวเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในระยะที่ใกล้พอจะพูดคุย
"คุณชายเจิ้งเซียนฟง โผล่มาจากไหนไม่รู้ขอรับ เข้ามาทำรุ่มร่ามกับฮูหยินรอง คุณชายหมิงเหอคังจึงเร่งพาฮูหยินกลับจวนก่อน โดยรถม้าของคุณชายเอง แล้วให้บ่าวรีบมาบอกนายท่านขอรับ" บ่าวชายละล่ำละลักบอกแทบไม่ได้หยุดหายใจ
"กลับจวน!!"
ไม่ต้องบอก ทุกคนก็พร้อมกันเงียบ ไม่กล้าปริปากแม้สักคน ตอนนี้แม้แต่เด็กแรกเกิดก็ดูออกว่าจางฮุ่ยจินโกรธมากขนาดไหน
เฉินมู่อิงแม้จะตกใจในตอนแรกที่เห็นญาติผู้พี่ แต่เมื่อเห็นว่าสามีห่วงใยเหม่ยเหมยจนเสียอาการอย่างที่นางก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ความรู้สึกไม่พอใจค่อยๆเข้ามามีพื้นที่ในใจของนาง แต่ถึงจะไม่พอใจเพียงใด นางก็ไม่กล้าพอแสดงออกไปให้สามีเห็น
"ท่านพี่ อาเหม่ยจะไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ" น้ำเสียงใสบอกความห่วงใยอย่างชัดเจน จางฮุ่ยจินจึงได้รู้สึกตัว ผ่อนคลายความเครียดลง หันไปส่งยิ้มให้เฉินมู่อิง
"เพราะคุณชายหมิงจะต้องดูแลอาเหมยเป็นอย่างดีแน่นอนเจ้าค่ะ"
เฉินมู่อิงเหมือนจะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่กลายเป็นราดน้ำมันถังใหญ่ลงกลางกองไฟแทน อาการเครียดขึงที่เพิ่งคลายลงไปเมื่อครู่ กลับขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม จนตอนนี้แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าไฟที่อยู่กลางอกของเขาในตอนนี้ เกิดจากสาเหตุใดกันแน่
เมื่อรถม้าของสกุลหมิงมาถึงหน้าจวนสกุลจาง คุณชายหมิงรอให้เสี่ยวเปาลงจากรถม้าและประคองเหม่ยเหมยเข้าจวนไปก่อน โดยที่เขาไม่ได้เข้าไปช่วย แล้วจึงค่อยเดินตามหลังเข้าจวนไป
สกุลหมิงไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่าใดนักในแคว้นเฉิน คงไม่มีผู้ใดจดจำตราประจำตระกูลที่แปะอยู่ข้างรถม้าได้หรอกกระมัง
เมื่อเข้าจวนมาได้เหม่ยเหมยก็ตรงไปที่เรือนของตัวเองทันที ไม่แม้แต่จะหันไปขอบคุณคุณชายหมิง ตอนนี้เธอต้องการสงบสติอารมณ์โดยด่วน เธอรู้ตัวว่าปล่อยให้ตัวเองมีอารมณ์มากเกินไป ก็คนมันทนไม่ไหวแล้ว อะไรที่กดไว้นานๆ มันก็มักจะปะทุได้ง่ายๆ หากพูดจาอะไรออกไปในตอนนี้ เธอไม่แน่ใจนักว่าจะยังรักษาคำพูดคำจาให้เป็นแบบคนในยุคนี้ได้หรือไม่ เห็นสมควรต้องรีบไป ยุบหนอพองหนอ ไม่โกรธหนอเสียก่อน
เมื่อเสี่ยวเปาเห็นดังนั้น จึงปิดประตูอย่างเงียบเชียบ และกำชับไม่ให้ใครรบกวนโดยเด็ดขาด แล้วตรงไปหาคุณชายหมิง เอ่ยขอบคุณแทนเจ้านาย แล้วรีบร้อนตรงไปยังห้องหนังสือที่ฮูหยินใหญ่มักจะทำงานอยู่ที่นั้น
"แล้วอาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง ตกใจมากหรือไม่" เมื่อรู้เรื่องทั้งหมด ตงจื่อหยาเป็นห่วงหลานสาวมากกว่า ที่จะทันคิดถึงเรื่องอื่น
"คุณหนูไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ตอนนี้พักผ่อนอยู่ที่เรือน บ่าวจึงมาเรียนท่านก่อนเจ้าค่ะ"
"คุณชายหมิงเล่า ยังอยู่ที่นี่หรือไม่ หรือกลับไปแล้ว"
"คุณชายบอกว่าจะอยู่รอให้คุณชายใหญ่กลับมาก่อนเจ้าค่ะ"
ตงจื่อหยาพยักหน้าเข้าใจ อย่างน้อยคุณชายผู้นี้ยังมีความคิดอยู่บ้าง
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปบอกบ่าวให้ยกน้ำชาและขนมมาดูแลคุณชายด้วย ข้าจะไปหาอาเหมย อาจินกลับมาเมื่อใด ให้ไปเรียกข้าทันที"
"อาเหมย ให้แม่เข้าไปได้หรือไม่"
เหมยเดินมาเปิดประตูด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้เสี่ยวเปาไม่อยู่ เมื่อประตูเปิดออก ตงจื่อหยายกมือขึ้นลูบหน้าลูบหัวเธอเป็นการใหญ่
"เป็นอย่างไรบ้าง ตกใจมากหรือไม่ โถ่ เหตุใดเจ้าถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ" เมื่อเห็นว่าตงจื่อหยาตาแดงๆทำท่าจะร้องไห้ คนที่อยากจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงอลวาดขว้างปาข้าวของอย่างในละครบ้าง ก็ใจสงบลงทันที
"เข้ามาข้างในก่อนเถิดเจ้าค่ะ" เป็นเธอที่ประคองผู้มาใหม่ไปที่โต๊ะ ไม่ใช่ว่าตอนนี้เธอต้องรับบทเป็นคนที่ถูกปลอบหรอกหรือ ไฉนดูสลับตัวกันอย่างนี้
"ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้น" แต่โมโหมากๆเลยเจ้าค่ะ
"แต่เสี่ยวเปาบอกว่าคุณชายเจิ้งมาทำรุ่มร่ามกับเจ้าด้วยนี่"
"แค่จับมือเท่านั้นเจ้าค่ะ" ถ้าไม่เพราะเธอเผลอไม่ทันระวังตัวให้ดี เธอไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวได้หรอก
"จับมือ!!" คราวนี้ตงจื่อหยาดูเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้
"เจ้าค่ะ แค่จับมือตอนข้าที่เผลอเท่านั้น แต่ข้าก็รีบสบัดมือออกทันทีเลยนะเจ้าคะ ท่านแม่อย่าได้กังวล"
"เท่านั้น!! ไม่กังวล!! เอิ้ก" ซิงซิงที่ตามเจ้ามาในห้องด้วยรีบพัดวีฮูหยินใหญ่ที่ตอนนี้หน้าซีดคล้ายเป็นลมไปแล้วจริงๆ
"เอายาหอมมาให้นายหญิงเร็ว" ซิงซิงตะโกนบอกซือซือที่ยืนคอยอยู่หน้าห้อง
"ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ" เหมยทำตัวไม่ถูก ตกใจกว่าโดนคุณชายเจิ้งจับมือเสียอีก
"สงสัยจะตกใจจนลมตีขึ้นมาเจ้าค่ะ" อย่าว่าแต่นายหญิงเลย นางเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินฮูหยินรองเอ่ยออกมา ถูกชายที่ไม่ใช่สามีจับมือ แต่นางบอกราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ช่างเป็นความคิดที่แปลกประหลาดอย่างยิ่งนัก
"ท่านแม่อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ ข้าว่าคุณชายเจิ้งหาได้พอใจในตัวข้าจริงๆไม่ ที่ทำไปเพียงต้องการทำให้สกุลจางเสียชื่อเสียงผ่านทางข้าก็เท่านั้น"
หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์ คิดไตร่ตรองอย่างจริงจัง ว่าคุณชายเจิ้งทำไปทำไม เกิดประโยชน์อะไรจากการทำแบบนี้ ตัดเรื่องชอบอาเหมยออกไปได้เลย นางไม่ได้สวยขนาดล่มเมืองล่มแคว้น
เมื่อคิดดีๆ ทุกครั้งที่เกิดเรื่องก็เป็นทางฝั่งนี้ที่ถูกเอาไปพูดต่อเสียๆหายๆ เรื่องคาวฉาวโฉ่แบบนี้ คนยิ่งชอบเอาไปพูดต่อกันสนุกปาก ส่งผลต่อสกุลจางไม่มากก็น้อย แต่กับคุณชายผู้นี้ที่มีชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงไม่ดีอยู่แล้วนั้น คนกลับไม่ได้สนใจพูดถึงมากนัก เหมือนเขาเป็นคนจุดไม้ขีด แต่ไฟกลับลามเข้าสกุลจาง แล้วเขาจะต้องการทำลายชื่อเสียงสกุลจางไปทำไมเล่า เป็นคู่แข่งทางการค้ากันก็ไม่ใช่
"ทำลายชื่อเสียงสกุลจางรึ" ตงจื่อหยา หายเป็นลมในทันที
สามีของนางสั่งสมชื่อเสียงมานานหลายปี เรื่องที่ไม่ยกใครเป็นฮูหยินเท่าเทียมนาง เพื่อผลประโยชน์ทางการค้า แต่ก็สามารถขยายกิจการได้อย่างที่นายท่านคนก่อนที่ถึงแม้จะมีฮูหยินหลายคนจากสกุลการค้าต่างๆก็ไม่สามารถเทียบได้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของนายท่านคนปัจจุบันโดยที่ไม่ต้องใช้เส้นสายผ่านทางสตรี ผู้คนจึงให้ความเคารพนับถือสามีของตนอยู่มากทีเดียว
แล้วตอนนี้เล่า เป็นอย่างไร พี่น้องสกุลจางมีผู้หญิงคนเดียวกันบ้างละ พี่แย่งผู้หญิงของน้องบ้างละ น้องสวมหมวกเขียวให้พี่บ้างหละ และอีกสารพัดที่คนพูดจะต่อเติมเสริมได้ แล้วถ้าเรื่องคุณชายหมิงและเหตุการณ์วันนี้หลุดออกไป ความน่าเชื่อถือของนายท่านคนต่อไปของสกุลจางจะเป็นเช่นไร เหตุใดนางถึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
"แม่เข้าใจแล้ว เจ้าพักต่อเถอะ วันนี้ไม่ต้องออกไปกินที่โถงกลาง แล้วก็ไม่ต้องออกไปที่ไหนอีก พรุ่งนี้แม่จะมาหา ขอบใจเจ้ามาก"
ตงจื่อหยาเดินออกไปอย่างเคร่งเครียด ไม่มีท่าทางของคนที่ลมตีขึ้นจนจะเป็นลมเช่นเมื่อครู่เลยสักนิด
เหมยมองตามตงจื่อหยาไป สงสัยว่างานนี้เธอจะเดาถูกเสียแล้วสิ
&&&
มาส่งแล้วววว
เรื่องเหตุผลต่างๆในเรื่อง ก็จะทยอยๆเฉลยแล้วนะ พยายามเร่งเครื่องบ้างแล้วด้วย แต่ไม่รู้จะทันใจกันมั้ย กลัวจะคุมเรื่องไม่อยู่เช่นกัน แต่จะพยายามนะคะ
เรื่องทางสังคมประเพณีต่างๆ ไรท์ไม่ได้ยึดกับของอะไรเป็นหลัก อ่านกันสบายๆ ไม่อิงประวัติศาสตร์นะ
ไม่พูด(เขียน)มากละ เดียวรีดบ่นอีก
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ที่แท้เจ้าเจิ้งกับใภ้ใหญ่เป็นญาติกันคงจะสมรู้ร่วมคิดกันให้มาทำลายใภ้รองอะนะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
มาเร็วๆนะคะ คิดถึง
รอต่อนะคะ มาเร็วๆ ล่ะ
เอาจริงๆๆๆรีดคิดว่ามูอิงน่าสงสัย ปมปัญหาที่เกิดขึ้นที่ตระกูลจางอาจมาจากนาง รอตอนต่อไปน้าาา
มาบ่อยๆได้ไหมคะ เค้าคิดถุง
รอติดตาม อยูาตรงนี้ นะค่ะ
ไรท์กรุณาอย่าฝืนยัดเยียดคุณชายใหญ่เป็นพระเอกเลยค่ะ มันไม่ใช่อย่างแรง ส่วนคุณชายเจิ้งก็สุดแล้วแต่พี่เค้าเลย เดาไม่ถูกเว้นแต่เกลียดคุณชายใหญ่จนอยากทำลายรึเปล่า
เค้าโครงเหมือนเมียหลวงเหลวและอิจฉาอะ
ได้โปรดอย่าให้สามีเป็นพระเอกเลยนะ
ขอคุณชายหมิงเป็นพระเอก
สวยและฉลาด
รอตอนต่อไปคะ อย่าหายไปนานอีกน้าา