ตอนที่ 30 : ทะเลสาบ
"อ่าว คุณชายหมิง ท่านมาไหว้พระด้วยหรือเจ้าคะ" เสียงเหม่ยเหมยทักเขามาแต่ไกล
หมิงเหอคัง มองเลยเหม่ยเหมยไปด้านหลัง เห็นจางฮุ่ยจินเดินกำลังเดินเคียงคู่มากับเฉินมู่อิง มาไหว้พระแต่เหตุใด คุณชายฮุ่ยจินถึงดูไม่สดชื่นผ่องใสเช่นนั้นเล่า ให้เขาเดาสาเหตุก็คงไม่ยากนัก ไม่พ้นเขาที่เป็นต้นเหตุ
"ไม่นึกว่าจะเจอกันอีกครั้ง คงเพราะมีวาสนาต่อกันเป็นแน่แท้" เมื่อเหม่ยเหมยเดินมาใกล้ เขาจึงเอ่ยตอบ พร้อมรอยยิ้มที่เหม่ยเหมยเห็นอยู่เสมอ
'โห ลิเกสุดๆ ไปเลยคุณชายหมิง นี่จะเกี้ยวเธอรึอย่างไร เธอมีสามีแล้วนะ เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะอาเหมย' เหมยคิดอย่างติดตลก ไม่ได้ใส่ใจมากนักเหมือนกับเมื่อกาลก่อน เห็นแบบนี้แต่เธอก็มีผู้ชายมาจีบอยู่บ้างนะ แต่เป็นพวกหมาหยอกไก่เสียมากกว่า พอเธอไม่เล่นด้วยก็หายหัวไป หรือไม่ก็เลิกราไป กลายเป็นเพื่อนก็หลายคน
"คุณชายได้ไหว้พระหรือยังเจ้าคะ พวกเรากำลังจะไปทะเลสาบกันต่อ ถ้าคุณชายไม่มีธุระที่ใด ไปด้วยกันไหมเจ้าคะ" ถึงแม้จะยังไม่รู้แน่ชัดถึงเจตนาของคุณชายผู้นี้ แต่เหม่ยเหมยต้องการออกห่างจากคู่ยวนยาง เพราะดูเหมือนนกตัวเมียอยากจะจิกหัวเธอเต็มทีแล้ว เขามาได้จังหวะพอดี ขอเธอใช้ประโยชน์หน่อยละกัน อย่าหาว่าเธอให้ท่าทอดสะพานเลยนะ
"เชิญไปด้วยกันเถิดเจ้าคะ ทะเลสาบสวยงามนัก" เฉินมู่อิงก็ไม่อยากเห็นหน้าเหม่ยเหมยในเวลานี้เท่าไรเช่นกัน หากมีใครมาพานางออกห่างจากสามีได้ จะรอช้าอยู่ใย อีกทั้งดูเหมือนเขาจะพอใจในตัวอาเหมยอยู่ไม่น้อย นางควรส่งเสริม
"เชิญคุณชายหมิง" จางฮุ่ยจินจะทำอย่างไรได้ เมื่อสองสาวออกปากขนาดนั้นโดยไม่ถามความเห็นหรือขออนุญาตเขาผู้เป็นสามีก่อนอย่างที่ควรจะทำ จึงต้องตามน้ำไปเท่านั้น
"ขอบคุณ"
จากนั้นเฉินมู่อิงก็เดินควงแขนสามี เดินนำหน้าไป เพราะมีเพียงนางที่เคยมา ทะเลสาบอยู่ด้านหลังป่าที่อยู่หลังศาลเจ้าอีกทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ไกล อยู่ในระยะเดินได้ คงเพราะต้องผ่านป่าก่อนจึงจะถึง ทำให้ผู้คนดูเบาบาง ไม่พลุกพล่านอย่างในศาลเจ้า
หมิงเหอคังเดินมาเป็นอันดับสอง โดยมีเหม่ยเหมยเดินเยื้องหลังตามมากับเสี่ยวเปา บ่าวที่เหลือจึงเดินปิดท้ายขบวน
ทะเลสาปหลังศาลเจ้าเป็นทะเลสาบเล็กๆ ประมาณสนามฟุตบอล น้ำใสดั่งกระจกสีเขียวมรกต ล้อมด้วยป่ารอบบริเวณ ให้บรรยากาศสงบเงียบยิ่งนัก เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ จึงไม่แปลกที่จะเห็นบัณฑิตนั่งอ่านตำราอยู่ตามใต้ต้นไม้ประปราย มีศาลาเล็กๆ สองสอมหลังรอบทะเลสาบ
เหม่ยเหมยเดินตามไปเงียบๆ ด้วยเพราะไม่รู้จะชวนคุยอะไร และอีกใจนึงก็กำลังคิดถึงหยุนซี ไม่รู้ว่าทางนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ปฏิบัติการของเธอจะคืบหน้าไปแค่ไหนนะ
"ข้าวแช่บุปผาของท่าน ได้รับคำชมไปไกลถึงต่างแคว้นเลยทีเดียว ท่านรู้หรือไม่" หมิงเหอคังไม่คิดว่าจะได้ยินชื่ออาหารชนิดนี้ที่แคว้นเว่ย แสดงว่าคงได้รับความนิยมพอดู จนพ่อค้านักเดินทางเอาไปเล่าสู่กันฟัง
"จริงหรือเจ้าคะ ดีจริง ข้าก็ไม่คิดว่าจะออกมาดีขนาดนี้" สำเร็จตามเป้าไปหนึ่งอย่าง ต่อไปก็เป็นแผนการใช้บัตรสะสมแต้ม บัตรสมาชิก บัตรส่วนลดต่างๆ ที่เธอเอามาจากโลกโน้น เธอได้ปรึกษากับซือข่ายแล้วเมื่อเช้า เขาบอกว่าแปลกใหม่ดี ยังไม่มีผู้ใดทำ แต่ก็เห็นดีเห็นงามด้วยและรับปากว่าจะลองหาที่เหมาะสมกับโรงเตี้ยมดู แล้วจะมาเสนอให้เธอพิจารณาอีกที พอได้ทำงานจริงๆจังๆแบบนี้ ทำให้เหมยรู้สึกกระชุ่มกระชวย กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง หลังจากทำตัวหงิมๆอยู่พักใหญ่ เธออยากออกไปทำงานที่โรงเตี้ยมทุกวัน แต่ก็ทำไม่ได้ เธอรู้ดี
เฉินมู่อิงแวะที่ศาลาแรก บอกว่าเหนื่อยแล้วอยากนั่งพักชมทะเลสาบมากกว่า แน่นอนว่าเหม่ยเหมยไม่อยากร่วมวงด้วย
"ข้าขอเดินดูรอบๆนะเจ้าคะ ที่นี่สวยงามยิ่งนัก"
"ข้าขอไปด้วย คุณชายฮุ่ยจินอย่าได้ห่วง ข้าจะดูแลฮูหยินรองเอง" ไม่ทันที่จางฮุ่ยจินจะได้เอ่ยปากปฏิเสธหรืออนุญาต หมิงเหอคังใช้ความไวกว่ารวบรัดตัดความเสียเรียบร้อย
"จะดีหรือคุณชาย" อย่าคิดว่าใช้วิธีการรวดรัดแล้วเขาจะเห็นแก่มารยาทปล่อยผ่านไปอีก
"ข้าจะทำตัวดีๆ ไม่ทำให้คุณชายหมิงลำบากเจ้าค่ะ" เหม่ยเหมยรู้ว่าที่สามีบอกว่าไม่ดีนั้นคืออะไร แต่ก็ตีมึนเปลี่ยนเรื่องไป เพราะไม่อย่างนั้นคงต้องนั่งอยู่กับคู่ยวนยางที่ศาลา
"คงไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านพี่ อาเหมยก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว แต่อย่าไปไกลนัก เดียวจะโดนงูเงี้ยวเขี้ยวขอกัดเอา ข้าฝากอาเหมยด้วยเจ้าค่ะคุณชายหมิง" เมื่อเห็นเหม่ยเหมยเปลี่ยนประเด็นอย่างหน้าตาเฉย เฉินมู่อิงจึงยอมเสี่ยงเสียมารยาทตัดหน้าผู้เป็นสามี เอ่ยอนุญาตไป
"ให้บ่าวตามไปด้วยอีกสักสองคน" แน่นอนว่าเสี่ยวเปาต้องตามไปด้วย แต่ก็ดูจะไม่พอในสายตาของจางฮุ่ยจิน เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอื้อฉาวใดๆต่อสกุลจางอีกแล้ว
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"
ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะถูกสองสาวมัดมือชกเสียหลายหน คราวนี้จะให้ดื้อดึงต่อก็คงไม่งาม ค่อยไปสะสางกันที่จวนจะดีกว่า
จากศาลาสามารถมองเห็นทางเดินรอบทะเลสาบ แม้ปากจะพูดคุยอยู่กับเฉินมู่อิง แต่สายตาของจางฮุ่ยจินนั้น กลับเคลื่อนตามเหม่ยเหมย
ทางเหม่ยเหมย ก็เดินคุยกับหมิงเหอคังอย่างไม่รู้ตัวว่ามีสายตามากกว่าหนึ่งคู่จับจ้องอยู่ เมื่อหมิงเหอคังกลับมาพูดคุยปกติ ไม่ได้มีท่าทีเกี้ยวพาราสีอย่างตอนแรก เธอก็เข้าใจว่าคงแค่หยอกเล่นเท่านั้น จึงไม่ได้ตะขิดตะขวงใจที่จะสนทนาปราศรัยกับเขา ดูๆไป คุณชายผู้นี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน
จนเมื่อเดินกันมาถึงช่วงหนึ่ง ที่ทางเดินเบี่ยงลึกเข้าไปในป่า ไม่ได้เลียบทะเลสาบอย่างที่เคย เหม่ยเหมยก็หายไปจากสายตาของจางฮุ่ยจิน
"ไม่ต้องกังวลหรอเจ้าค่ะ เดี๋ยวทางเดินก็กลับมาเลียบทะเลสาบเช่นเดิม" เฉินมู่อิงรับรู้ถึงสายตาของสามีดี และยิ่งเมื่อเหม่ยเหมยเดินหายไปในป่า แม้ภายนอกสามีของนางจะยังดูสงบนิ่ง แต่นางรู้ว่าภายในเขากระสับกระส่ายแล้ว
"ข้าอาจกังวลมากเกินไป" ก็อาเหมยออกมาข้างนอกทีไร มักมีเรื่องทุกที
"คุณชายหมิงอยู่ด้วย คงไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ท่านพี่รับขนมหน่อยไหมเจ้าคะ" เฉินมู่อิงหยิบขนมที่เตรียมมาจากโรงเตี้ยมที่แวะทานอาหารเที่ยงขึ้นมาจากตะกร้า
"อืม" นั่นแหละคือสิ่งที่เขากังวล คุณชายหมิงผู้นี้ทำตัวไม่ค่อยเหมาะสมนักต่อสตรีที่ออกเรือนแล้วอย่างอาเหมย แต่นั่นก็ไม่เท่ากับที่อาเหมยประพฤติตัวไม่เหมาะสมเสียเอง คงมีเรื่องให้เขาสะสางที่จวนหลายเรื่องทีเดียว เห็นสมควรให้คนอื่นออกเดินทางแทน เขาต้องอยู่ติดจวนเสียบ้างแล้ว
"ไม่นึกว่าจะพบเหมยเอ๋อคนงามที่นี่" ขณะที่เหม่ยเหมยและคณะกำลังจะเดินผ่านศาลาหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงชายป่า เสียงบุรุษที่ทำให้ขนบนหัวเหม่ยเหมยลุกได้ก็ดังขึ้น
'ไอ้คุณชายเจิ้ง จะตามจองล้างจองผลาญไปถึงไหน' เธอคิดว่าวันนี้คงรอดแล้ว ไม่น่าจะมีดวงสมพงษ์กันขนาดนั้น แต่เธอคิดผิด เวรจริงๆ
เสี่ยวเปารีบเดินขึ้นมาประกบหม่ยเหมยทันที เช่นเดียวกับสาวใช้และบ่าวชายที่จางฮุ่ยจินให้ตามมาด้วย ก็เดินขึ้นหน้ามาบังเหม่ยเหมยไว้เช่นเดียวกัน
จากที่หมิงเหอคังเห็น คนผู้นี้คงเป็นคุณชายเจิ้งเซียนฟง ผู้ที่คอยระรานเหม่ยเหมยอย่างไม่ยอมรามือโดยไม่มีสาเหตุ ตามที่ผู้ช่วยของเขารายงานมา
"แล้วคุณชายผู้นี้คือผู้ใดกัน ชายคนใหม่ของเจ้ารึ" เจิ้งเซียนฟงใช้พัดในมือพัดเบาอย่างกับว่าสิ่งที่เอ่ยออกมาคือเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป
"คุณชายโปรดระวังคำพูดด้วย ข้ากับเหม่ยเหมยเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น" ทำไมไอ้คุณชายเจิ้งต้องพูดให้เธอเสียหายทุกทีเลยนะ หรือว่าแค้นใจ ตัวเองไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ สู้ทำลายเสียดีกว่าอย่างนั้นเหรอ เธอยังไม่เห็นเหตุผลใดๆจากการกระทำของคุณชายผู้นี้เลย
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอร่วมเดินชมทะเลสาบด้วยได้หรือไม่ ทิวทัศน์งดงาม ย่อมต้องคู่กับสาวงาม ท่านคิดเช่นเดียวกันหรือไม่" ไอ้คุณชายเจิ้งนี่จะทำให้เธอคิดว่าตัวเองเป็นสาวงามล่มเมืองละนะ ถ้าไม่ติดว่าส่องกระจกอยู่ทุกวัน
"คุณหนู เอาอย่างไรดีเจ้าคะ" เสี่ยวเปากระซิบถามเหม่ยเหมย จากจุดนี้ ก็กึ่งกลางทางเดินพอดี ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง ไม่มีทางไหนเร็วกว่ากัน
"ขอโทษท่านด้วย พวกข้ากำลังจะกลับแล้ว" หมิงเหอคังเป็นฝ่ายพูดกับเจิ้งเซียนฟง โดยที่เหม่ยเหมยยังคงก้มหน้าเงียบอยู่ด้านหลังของเขา
"เอาไงก็เอากัน รอดูก่อนว่าคุณชายหมิงจะทำอย่างไร" เหม่ยเหมยกระซิบตอบเสี่ยวเปา
"ถ้าเช่นนั้นให้ข้าเดินไปส่งพวกท่านที่รถม้าเถิด" ตื้อได้โล่ห์จริงๆ หน้าด้านด้วยอีกต่างหาก คนเขาไล่ขนาดนี้แล้ว เหมยได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่ในใจ บอกตัวเองไว้ว่าสงบใจไว้ อย่าหลุด เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวยให้เธอก่อเรื่องใดๆ
"อย่าลำบากเลย รถม้าข้าอยู่ข้างหน้านี่เอง" เหม่ยเหมยเงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่กำลังเจรจาอยู่ข้างหน้าเธอ ไม่ใช่ว่ารถม้าอยู่ข้างหลังหรอกเหรอ จอดอยู่หน้าวัดโน้น หรือว่าคุณชายหมิงจะพูดเพื่อสลัดไอ้คุณชายจิ้งจกนี่
"ไม่เลยสักนิด เพื่อเหมยเอ๋อคนงามแล้วเล็กน้อยเพียงนิด" เจิ้งเซียนฟง ทำท่าจะเดินเข้ามาหาเหม่ยเหมย แต่คุณชายหมิงกลับดึงความสนใจของเขาไปเสียก่อน โดยการผายมือ เชิญให้ออกเดินไปพร้อมกัน
"ถ้าเช่นนั้นเชิญคุณชายขอรับ ข้าหมิงเหอคังขอทราบนามคุณชายได้หรือไม่ วันนี้ได้พบกันถือว่ามีวาสนาต่อกันแล้ว" หมิงเหอคัง ไม่หลุดกิริยาเลยสักนิด แม้ว่าอีกฝ่ายจะกล่าวว่าจาต่ำช้าอย่างไร เขาทำเหมือนไม่รับรู้
"หึ มิใช่ว่าท่านรู้จักข้าแล้วหรอกหรือ" คุณชายคนนี้สงบนิ่งยิ่งนัก เขาไม่สามารถใช้วาจาก่อกวนได้ดั่งเช่นคุณชายสกุลจาง
"เสียมารยาทต่อท่านแล้ว ข้ามาจากแคว้นอู๋ ไม่รู้จักผู้ใดที่นี่มากนัก" หมิงเหอคังเหลือบมองทางด้านหลัง เห็นเหม่ยเหมยเดินสงบตามมาพร้อมกับบ่าว ไม่มีท่าทีเสียขวัญตกใจก็ให้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
"ข้า เจิ้งเซียนฟง บุตรชายคนโตของท่านมหาเสนาบดีฝ่ายบริหาร ตำแหน่งรองเสนาบดีการคลัง"
"ข้าจะจดจำไว้ขอรับ" เธออยากจะแหวะ ไม่ค่อยคุยโตโอ้อวดเลย
เส้นทางที่คุณชายหมิงเดินนำมาหาใช่ทางเดินเลียบทะเลสาปไม่ แทนที่จะเดินต่อไปให้พ้นชายป่า จางฮุ่ยจอนย่อมต้องเห็นแขกผู้มาใหม่ แต่เขากลับนำไปอีกทาง
เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นรถม้าจอดอยู่จริงๆ
"รถม้าของข้าเอง" คุณชายหมิงไม่ได้อธิบายอะไรว่ารถม้าของเขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แล้วเขารู้จักเส้นทางนี้ได้อย่างไร เหม่ยเหมยก็ไม่คิดจะซักถามตอนนี้ เธอควรรีบขึ้นรถม้าไปก่อน
"ไว้พบกันใหม่ เหมยเอ๋อ"
ยังไม่ทันที่เหม่ยเหมยจะก้าวขึ้นบันได มือข้างหนึ่งที่ไม่มีเสี่ยวเปาประคองกลับถูกคุณชายเจิ้งคว้าไป โดยที่ไม่ทันตั้งตัว
"ท่าน!" เธอสะบัดมือให้หลุดจากการจับกุมทันที ไม่คิดว่าไอ้คุณชายเจิ้งจะหาญกล้าขนาดนี้
ทางฝั่งคุณชายหมิงที่ตกใจไม่แพ้กัน เข้ายืนคุมอยู่อีกฝั่งแล้ว ไม่ให้คุณชายบ้านั่นเข้าถึงตัวเหม่ยเหมยได้ แต่เขาก็เว้นระยะให้เหมาะสม ไม่ใกล้ชิดจนเกินงาม ไม่คิดว่า คุณชายเจิ้งจะใช้ช่องว่างนั้น แทรกดข้ามาจนจับมือเหม่ยเหมยได้
"คุณชาย!"
"ท่านจะเสียงดังไปใย ข้ากับเหมยเอ๋อเราสนิทสนมกันดี" ไอบ้านี่ เธอไปสนิทด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เสี่ยวเปาที่เห็นเจ้านายทำท่าจะลงมาต่อกรกับคุณชายมารยาทราม ก็รีบดันตัวให้เหม่ยเหมยเข้าไปในรถม้า
"คุณหนู อย่าเจ้าค่ะ"
"เจ้าไม่เห็นรึเสี่ยวเปาว่าเขาหยามเกียรติข้าเพียงใด จะให้ข้าก้มหน้ารับ ข้าไม่ยอมอีกแล้วนะ" เมื่อเข้ามาในรถม้าได้ เหม่ยเหมยก็โวยวายทันที เธอจะไม่ทนแล้ว
"อย่าเลยเจ้าค่ะ ให้คุณชายหมิงจัดการไปเถอะเจ้าค่ะ" เสี่ยวเปาเองตกใจไม่น้อย แต่ตกใจกว่าเมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดของผู้เป็นนาย
"เจ้าไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เสี่ยวเปา" เธอคร้านจะต่อปากต่อคำให้โมโหไปมากกว่าเดิม แต่ก็เผลอสบัดหน้าให้เสี่ยวเปาไปหนึ่งที
"ท่านโปรดระวังกิริยาด้วย" ตอนนี้หมิงเหอคังก็เริ่มจะสงบนิ่งไม่ไหวแล้วเช่นกัน น้ำเสียงของเขาเลยแข็งขึ้นหลายส่วน
"แล้วท่านเล่า ระวังกิริยาของท่านดีแล้วหรือ"
"ท่าน..."
"เอาหละ ข้าขอส่งพวกท่านตรงนี้" มือของเจิ้งเซียนฟงที่จับมือเหม่ยเหมยเมื่อครู่ ยกสูงขึ้นมาจรดจมูก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งทีต่อหน้าหมิงเหอคัง
"หอม... ท่านเห็นด้วยหรือไม่" จากนั้นก็หันหลังกลับไป จู่ๆก็มีคนสี่คนโผล่มาจากไหนไม่รู้เดินตามเจิ้งเซียนฟงไป
หากเมื่อครู่เขาวู่วาม จะเกิดอะไรขึ้น แม้เขาจะมีวรยุทธ์ และยังมีผู้ช่วยติดตามอีกสองคนที่เขาไม่ให้ปรากฏตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะรับมือได้หรือไม่
หมิงเหอคังหันไปบอกบ่าวอีกสองคนที่ยืนอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ
"พวกเจ้ากลับไปแจ้งแก่คุณชายฮุ่ยจิน ว่าข้าจะพาฮูหยินรองล่วงหน้าไปจวนสกุลจางก่อน ขออย่าได้เป็นกังวล"
บ่าวทั้งสองพยักหน้ารับก่อนรีบสาวเท้าออกไป เขาก็เหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งข้างคนบังคับม้า แม้จะคับแคบไปสักหน่อยสำหรับผู้ชายตัวโตสามคน แต่เขาก็ไม่ยอมเข้าไปนั่งข้างใน
&&&
มาแล้วเจ้าค่า วันนี้ไปหาหมอ ใช้เวลาในการรอเขียนนิยายสะเลย เขียนเอาในมือถือนะคะ อาจมีคำผิดมาก ไม่ได้ทวนด้วย กลัวทวนไปทวนมาจะไม่ได้ลง ตัดใจลงก่อนเลย ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ
คงต้องวางแผนใหม่ จะรอว่างๆยาวๆแล้วเขียนทีเดียวคงไม่ได้แล้ว ไม่งั้นก็จะหายไปยาวๆแบบนี้อีก
ต้องกลับมาทยอยเขียนเอาในมือถือ แต่มันไม่มีนับจำนวนคำให้ ไรท์ก็ไม่รู้ว่าสั้นยาวขนาดไหน แล้วก็อยากจะไม่ต่อเนื่อง เพราะเขียนคนละทีกัน วันนี้ก็รอเจาะเลือดทีนึง รอซักประวัติทีนึง รอหมอตรวจทีนึง รอรับนัดนัดครั้งต่อไป รอจ่ายเงิน รอรับยา หลายช่วงมาก 555
ขอย้ำอีกครั้ง
ไรท์เป็นนักเขียนมือใหม่เอี่ยมอ่องเลยค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกจริงๆ เพราะฉะนั้นต้องมีเรื่องปรับปรุงเยอะแน่นอนอยู่แล้ว ไรท์เข้าใจ แต่ขอภาษานุ่มนวลหน่อยได้มั้ยคะ ไรท์ใจไม่ค่อยดีเลย แหะๆ ยิ่งแรงบันดาลใจอย่างฮูหยินใหญ่จบแล้ว ความกระตือรือร้นในการเขียนก็ลดลงไปด้วย
ไรท์นับถือนักเขียนคนอื่นที่มีวินัยในการเขียน สุดยอดไปเลย บางครั้งสมองมันตื้อ มือมันแข็ง เค้นอย่างไรก็มันไม่ออก พอจะมามันก็มาแบบหยุดไม่ได้ ข้าวปลาเว้นไว้ก่อน มันกำลังไหลมาในหัว สงสัยต้องฝึกเขียนบ่อยๆ ถึงจะได้แบบนั้นบ้าง แต่ติดที่เวลานี่สิ เอาเป็นว่าไรท์จะพยายามนะคะ
บ่นไปเรื่อยเปื่อย
ขอบคุณทุกคนที่อ่าน กดติดตาม กดหัวใจ เขียนคอมเม้นมาพูดคุยกันนะคะ
ปล.คิดชื่อตอนไม่ออกอีกแล้ว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เจ้าเจิ้งต้องมีแผนและร่วมมือกะใครรึเปล่าน๊ะ
คุณชายเจิ้งเซียฟง นี่ตามราวี อาเหมย ไม่เลิกรา ... เอ๊ะ นี่มันอะไรยังไง? ทำไมถึงปักใจ รักอาเหมย ที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ได้ขนาดนี้
จากคำพูดหยั่งเชิงคุณชายหมิงเหอคัง ของคุณชายเจิ้งที่ว่า "ไม่ใช่ท่ารู้จักข้าอยู่แล้วหรอกหรือ" ทำให้ฮีดูไม่โง่อย่างที่เคยคิด การคอยตามก่อกวน ยุแยง ต่างๆนาๆ มันต้องมีที่มาที่ไปบ้างสิน่า
ดูเหมือนว่ามาดกวนโมโห จะทำให้คะแนเชียร์เทไปทางคุณชายเจิ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ... ขนาดอาเหมย ที่ดูเฉยๆ กับ ทั้ง สองหนุ่งสกุลจาง และคุณชายหมิง
กับเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียว อยากต่อกรกับคุณชายเจิ้งบ้างแล้ว
รีดยังคงเชียรื คุณชายหมิง แต่ก็อยากรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณชายเจิ้ง เร็วๆ
ไรท์ สู้ๆนะค่ะ ต้องดูแลสุขภาพ ควบคู่กันไปเนอะ เป็นกำลังใจให้ค่ั
ไม่เอาฮุ่จินนนนน
ตามราวีไม่เลิกหรือคือรักแท้