ตอนที่ 14 : ท่านป้า
หมดกัน!
แผนที่เธอวางเอาไว้ สูตรอาหารที่จดไว้เพื่อเปิดเหลาอาหารและโรงเตี้ยม ร้านเสื้อผ้าที่เพิ่งคิดว่าก็ดูเข้าท่าดีเธอน่าจะทำได้ ไหนจะการทำบัญชีที่ท่านป้าให้พ่อบ้านฉีมาสอนเธอแล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างต้องมาพังทลาย ฝันสลายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มวางเสาเข็ม เพียงเพราะคุณสามีไม่ยอมให้ออกจากจวน
ถ้าไม่ให้ออกจากจวน แล้วเธอจะเริ่มค้าขายได้อย่างไรกัน
นึกแล้วมันโมโห
เมื่อรถม้าจอดตรงหน้าประตูจวน เหม่ยเหมยเลยชิงออกมาจากรถม้าก่อน แล้วเดินหายลับเข้าเรือนไป โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสมาสั่งอะไรเธอได้อีก
'แค่นี้ก็จำกัดเสรีภาพกันมากเกินไปแล้ว'
เสี่ยวเปานั้นกลับมาถึงหลังเธอนิดหน่อย กลับมาถึงก็โวยวายอยู่พักใหญ่เรื่องถูกทิ้งไว้ที่ตลาด ถ้าตามคุณชายรองไม่ทัน คงได้เดินเท้ากลับจวนเอง
'ตอนนั้นก็คิดอะไรไม่ทันเหมือนกันนี่นา ขอโทษจริงๆนะเปาเปา'
ตอนเย็นเธอจึงให้เสี่ยวเปาออกไปบอกพ่อบ้านฉูว่าจะกินข้าวที่เรือนตัวเอง ไม่ไปที่โถงกลาง พ่อบ้านก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามมากความ แต่กว่าจะเธอกินมื้อเย็นเสร็จ ทั้งนายและบ่าวก็ก่นด่าคุณชายเจิ้งไปเสียจนเต็มท้อง
----
โถงกลาง
"เหตุใดจึงกลับมาเร็วอย่างนี้เล่าอาจิน แม่นึกว่าพรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนเจ้าถึงจะกลับเสียอีก" ตงจื่นหยา เอ่ยถามลูกชายคนโตที่กลับมาจากต่างเมืองเร็วกว่าที่คิดไว้
"เฒ่าแก่ฟู่ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอรับ ยินดีทำตามที่เราเสนอไปทุกอย่าง" จางฮุ่ยจินตอบมารดาเรียบๆไม่แสดงอารมณ์อะไร ยังคงกินอาหารที่เฉินมู่อิงคีบให้ พุ้ยข้าวเข้าปากต่อ ไม่สนใจเอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น
ตงจื่อหยาส่ายหน้าน้อยๆ เอือมระอากับบุตรชายคนโต นางรู้เรื่องเมื่อเย็นแล้ว บ่าวชายที่ให้ตามไปด้วย กลับมารายงานทุกอย่าง
"แม่ได้ยินว่าเจ้ากับอาเหมยเจอกับคุณชายเจิ้งรึอาจิง ไม่ใช่ว่าเขาออกไปนอกเมืองแล้วรึ" ตงจื่อหยาจึงหันไปถามบุตรชายคนเล็กที่ตนให้พาหลานสาวไปตลาดเมื่อบ่ายแทน นางคิดว่าอาจื่อน่าจะดูแลอาเหมยได้ คุณชายเจิ้งน่าจะเกรงใจคุณชายรองสกุลจางอยู่บ้าง ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรโดยไม่เห็นหัวผู้อื่นแบบนี้
"ขอรับท่านแม่ เห็นว่าติดธุระเลยค่อยตามไปทีหลัง แต่คุณชายเจิ้งพูดไปได้ไม่กี่คำหรอกขอรับ พี่ใหญ่ก็มาเจอพวกเราพอดี เลยพาอาเหมยกลับจวนมาก่อน ส่วนข้านั้นคอยกันไว้ไม่ให้คุณชายเจิ้งตามไปได้ขอรับ" บุตรชายคนเล็กของนาง เอ่ยด้วยอาการเคร่งขรึม ผิดจากปกติที่มักจะมีท่าทีสบายๆ แม้ว่ากำลังคุยเรื่องเคร่งเครียดก็ตาม คงคิดมากเรื่องนี้จริงๆ
จางฮุ่ยจื่อคิดว่ามารดาคงรู้เรื่องหมดแล้ว จึงไม่ได้เล่าอะไรมาก ยังคงคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ใช่ว่าเขาปล่อยปละไม่ระมัดระวังเพราะคิดว่าคุณชายเจิ้งไม่อยู่ในเมือง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโผล่มาโดยไม่รู้ตัวเช่นนั้น ถ้าเห็นก่อนเขาคงพาอาเหมยเดินเลี่ยงไปได้ ไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสกล่าววาจาต่ำช้า ให้อาเหมยเสียหาย แล้วไหนจะคำพูดชวนให้น่าสงสัยนั่นอีก เหตุใดคุณชายเจิ้งถึงได้บอกกับเขาอย่างนั้น ในเมื่อที่เขาป่วยหนักคราวก่อนเพราะเป็นไข้ป่า เขาคงต้องรู้ให้ได้ว่าความจริงคืออะไรกันแน่
"แล้วอาเหมยเป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ วันนี้ก็ไม่ได้ออกมากินข้าวด้วยกัน" เฉินมู่อิงเอ่ยแทรกขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่ในใจกลับคิดตรงกันข้าม เหตุใดเหม่ยเหมยถึงรอดพ้นน้ำมือของคุณชายเจิ้งมาได้ตลอด ไม่อย่างนั้นนางก็ไม่ต้องมีหนามคอยยอกอกอยู่แบบนี้ แม้จะเห็นว่าสามีไม่ได้รักใคร่อีกฝ่าย แต่นางก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ยิ่งท่านพ่อท่านแม่นั้นเอ็นดูเหม่ยเหมยมากกว่านางเสียอีก
"อาเหมยไม่เป็นอะไรหรอกอาซ้อใหญ่ แต่คงตกใจกลัวอยู่ไม่น้อย" จางฮุ่ยจื่อเปรยตามองเฉินมู่อิง คิดถึงตอนที่เหม่ยเหมยยืนตัวสั่นหลบหลังตน ก็ให้นึกไปถึงเมื่อคราวก่อนที่มีเพียงบ่าวชายตามไปด้วยเท่านั้น นางจะหวาดกลัวเพียงใดกัน แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็ซึมไปหลายวัน วันนี้ก็คงเช่นเดียวกัน จึงไม่ได้ออกมากินข้าวที่โถงกลาง
"หึ" จางฮุ่ยจินเค้นเสียงออกมาเบาๆ กับท่าทางวิตกของน้องชาย
"ดีที่อาเหมยมีเจ้าทั้งสองคอยดูแล ถ้าอยู่ตัวคนเดียวคงไม่รอดพ้นมือคุณชายเจิ้ง นี่แม่จะทำอย่างไรดี ขนาดอาเหมยออกเรือนไปแล้วก็ยังตามรังควานไม่เลิกรา" นางไม่เข้าใจความคิดของบุตรชายท่านเสนาบดีคนนี้เลยสักนิด เจ้าชู้ก็ยังคิดได้ว่าเป็นปรกติวิสัยของผู้ชาย แต่อาเหมยนั้นหาได้งามล่มเมืองพอที่ให้ผู้ชายต้องฆ่าฟันแย่งชิง ยิ่งออกเรือนไปแล้วก็ควรปล่อยมือ คิดแล้วนางก็ยิ่งกลุ้ม
ในขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จางฮุ่ยจินกลับเอ่ยเรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันออกมา "อาเหมยอยากทำกิจการของตัวเองขอรับท่านแม่"
"ว่าอย่างไรนะ!" / "ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ" สามเสียงเอ่ยประสานพร้อมกัน หันมองจางฮุ่ยจินเป็นตาเดียว คิดว่าที่ตนได้ยินนั้นเพราะหูฝาดไป
"อาเหมยอยากออกไปทำงานข้างนอกขอรับ" จางฮุ่ยจินพูดย้ำอีกครั้งให้ทุกคนได้ยินโดยทั่วถึงอย่างชัดถ้อยชัดคำ
"อย่างไรกัน แม่ยังไม่เข้าใจ" ตงจื่อหยายังคงงงงวย จับต้นชนปลายไม่ถูก
"นางบอกว่า นางเบื่อที่จะทำแต่งานบ้านงานเรือน อยู่แต่กับจวนขอรับ"
"คิดอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน เป็นหญิงก็ต้องทำงานของหญิง อยู่กับบ้านกับเรือน จะออกไปตะลอนๆ ก้าวก่ายงานของผู้ชายได้อย่างไร" เป็นหญิงแต่คิดจะทำงานเยี่ยงชาย มีใครที่ไหนทำกัน ยิ่งตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด ช่างเป็นคนที่ไม่ประมาณตนเอาเสียเลย เฉินมู่อิงคิดตำหนิเหม่ยเหมยในใจ
"นางก็ไม่ได้จะก้าวก่ายงานของใคร เพราะนางจะทำของนางเอง" จางฮุ่ยจินหันไปอธิบายกับมู่อิง ความไม่พอใจแว้บผ่านมาในดวงตา ไวจนมู่อิงเองก็ไม่ทันสังเกตุเห็น
"มิน่านางถึงให้ข้าบอกว่ากิจการสกุลจางมีอะไรบ้าง"
"ข้าเห็นนางคอยจดสูตรอาหารตอนเข้าครัวไว้ด้วยเจ้าค่ะ"
"อืม แม่ก็เพิ่งให้พ่อบ้านฉีสอนเรื่องทำบัญชีให้นาง"
"สอนเรื่องทำบัญชีรึขอรับ" จางฮุ่ยจินหันมายื่นหน้ามาถามผู้เป็นมารดาด้วยสีหน้าสงสัย
"แม่เห็นว่าอาเหมยอยากช่วยแบ่งเบางานของแม่ อีกอย่างแม่คิดว่าอาเหมยน่าจะเคยช่วยงานที่บ้านเดิมมาก่อนเลยให้ช่วยทำบัญชีของร้านเล็กๆเท่านั้น แล้วที่แม่ให้พ่อบ้านฉีไปสอนนาง ก็เผื่อนางจะหลงลืมอีก" ตงจื่อหยารีบอธิบายให้บุตรชายเข้าใจ กลัวจะเข้าใจผิดคิดว่านางส่งเสริมให้เหม่ยเหมยทำงานนอกบ้าน
"นางคงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสกุลจางแล้วกระมั้ง ถึงได้วางแผนทำอะไรมากมายเยี่ยงนี้"
"ฮ้าย ได้อย่างไรกัน อาเหมยไร้ญาติขาดมิตร จะหันหน้าไปพึ่งพาใครได้ แล้วตอนนี้อาเหมยก็เป็นฮูหยินรองของเจ้าแล้ว ไม่ได้การ แม่ต้องไปพูดกับนางสักหน่อย เหตุใดจึงคิดพิเรนๆเช่นนี้ได้" ว่าแล้วนางก็วางตะเกียบในมือ รีบรุดออกไปหาเหม่ยเหมย ไม่ทันได้เห็นว่ามุมปากของบุตรชายคนโตยกขึ้นเล็กน้อย
แม้จะเพียงเบาบาง แต่กับคนที่นั่งตรงข้ามและโตมาด้วยกันอย่างจางฮุ่ยจื่อย่อมมองเห็น
'พี่ใหญ่คิดจะทำอะไรกัน'
-------
"อาเหมย นี่ป้าเอง ให้ป้าเข้าไปได้หรือไม่" ภายในห้องของเหม่ยเหมย ตอนนี้ผู้เป็นนายกำลังนั่งให้เปาเปาสางผมให้อยู่หน้ากระจก เตรียมตัวเข้านอน
"เจ้าค่ะ ท่านป้ามีอะไรหรือเจ้าคะ มาหาข้าเสียดึกดื่น" แม้จะถามไปอย่างนั้น แต่เหม่ยเหมยก็รู้ว่าคงไม่พ้นเรื่องของคุณเจิ้งอย่างแน่นอน
"เป็นอย่างไรบ้าง หายตกใจหรือยัง" ตงจื่อหยารับหวีจากเปาเปามามาสางผมของเหม่ยเหมยต่อ
"หายแล้วเจ้าค่ะ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านป้าเป็นห่วง" ความอบอุ่นที่ได้รับอยู่นี้ ทำให้เหม่ยเหมยคิดถึงแม่จับใจ แม่ชอบหวีผมให้เธอตอนนอนดูละครหลังข่าวด้วยกัน ตอนนี้แม่จะเป็นยังไงบ้างนะ
"ไม่ใช่เพียงแต่ป้าที่เป็นห่วง ทุกคนเป็นห่วงเจ้าไม่น้อย โดยเฉพาะอาจื่อ คงรู้สึกผิดกับเจ้ามาก"
"เหตุใดพี่ฮุ่ยจื่อถึงต้องรู้สึกผิดเล่าเจ้าคะ ในเมื่อข้าเป็นคนอยากออกไปเอง" นี่ถ้าคุณสามีไม่มาลากเธอออกไปก่อน เธออาจจะได้เห็นเขาใช้วรยุทธ์ปกป้องนางเหมือนในนิยาย นึกแล้วก็โมโหคุณสามีขึ้นมาอีก ที่มาขัดจังหวะฉากสุภาพบุรุษช่วยเหลือสาวงามของเธอ
"อาจินก็ดูจะเป็นห่วงเจ้ามากนะ" หืม? คุณสามีนี่นะ จะเป็นห่วงเธอ เขาน่าจะโกรธที่เธอทำให้ต้องขายหน้ากลางตลาดเสียมากกว่า
ตงจื่อหยาหยุดมือที่สางผมของเหม่ยเหมย แล้วจับไหล่ให้หันหน้าเข้าหากัน
"อาจินบอกป้าแล้วว่าเจ้าคิดจะเปิดกิจการของตัวเอง" ไอ้คุณสามีปากมากนั่น จะบอกท่านป้าทำไม ในเมื่อก็ห้ามเธอขนาดนั้นแล้ว มันน่านัก!
"อาจินดูแลเจ้าไม่ดีรือ ถึงขัดสนจนคิดจะออกไปทำงานเองเช่นนี้ ให้ป้าเพิ่มเบี้ยหวัดให้หรือไม่" เพื่อนรักของนางฝากฝังลูกสาวคนเดียวไว้ให้นางดูแลก่อนตาย นางดูแลทะนุถนอม ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เอาใจยิ่งกว่าบุตรชายของตัวเองเสียอีก ด้วยนึกเวทนาในชะตากรรมของหลานสาว แล้วเหตุใดเจ้าตัวจึงคิดเช่นนี้ได้
"ไม่ใช่เจ้าค่ะท่านป้า เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว" ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ได้เล่า เธอแค่อยากอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่อยากพึ่งคนอื่นมากเกินไปเท่านั้น
"หรืออาจินรังแกเจ้าให้เจ็บช้ำน้ำใจ บอกป้ามา ป้าจะไปจัดการให้" เอิ่ม จะให้บอกว่าอีตานั่นห้ามไม่ให้ออกนอกจวนก็ไม่ได้ ตอนนี้ท่านป้าต้องเห็นด้วยกับคุณสามีแน่นอน
"ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านพี่ไม่ได้รังแกข้า" แล้วท่านพี่ก็ไม่ได้สนใจข้าด้วยเจ้าค่ะ แต่ท่านป้าไม่ต้องจัดการนะเจ้าคะ ให้เป็นแบบนี้ดีแล้ว
"ข้าเพียงอยากพึ่งพาตัวเองบ้างก็เท่านั้นเจ้าค่ะ ก็ข้าเป็นภาระให้ท่านลุงท่านป้ามามากแล้ว" อีกอย่าง เวลาจับจ่ายใช้สอยจะได้คล่องมือ ไม่ต้องคอยขอจากสามี
"ฮ้าย! ภารงภาระอะไรกัน เด็กคนนี้น่าตีนัก ต่อให้เจ้ามีลูกให้อาจินอีกสักสามสี่คน ลุงกับป้าก็ยังเลี้ยงพวกเจ้าไหว สกุลจางไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้น" ตงจื่อหยาล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากแขนเสื้อมาวางบนตัก
'อ่า ผิดประเด็นแล้วเจ้าคะท่านป้า'
"หรือเจ้าไม่อยากอยู่กับป้าแล้ว จึงคิดจะไปจากสกุลจางเสีย" มือของตงจื่อหยาที่ถือผ้าเช็ดหน้าอยู่นั้นก็ยกขึ้นซับน้ำตาที่จู่ๆก็ทะลักออกมาจากเบ้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
'นี่มันไปกันใหญ่แล้ว'
"ไม่ใช่เจ้าค่ะท่านป้า ท่านคิดมากไปแล้ว ข้าจะไปที่ไหนได้อีกเจ้าคะ ข้าไม่รู้จักใครนอกจากสกุลจางแล้วนะเจ้าคะ" มือของตงจื่อหยาที่ซับน้ำตาอยู่นั้น หยุดชะงักในทันที แล้วเลื่อนมาจับมือเหม่ยเหมยไว้แน่นทั้งสองมือ
"ดี! เจ้ารู้อย่างนี้ก็ดี ตอนนี้ไม่มีใครดีกับเจ้าเท่าสกุลจางอีกแล้ว" เดี๋ยวๆ ท่านป้า ผิดประเด็นไปไกลเลยนะเจ้าคะ อีตาสามีไปบอกอะไรท่านป้าเนี๊ยะ ทำไมท่านป้าถึงได้มาฟูมฟายกับเธอแบบนี้
ตอนนี้เธอยังไม่ได้คิดจะออกไปอยู่ข้างนอก เธอไม่โง่พอจะพาตัวเองออกไปเจอกันอันตราย และถ้าเธอจะก้าวออกจากสกุลจางนั้น เธอต้องมีพร้อมทุกอย่างแล้ว เธอต้องแน่ใจว่าจะเอาตัวรอดได้
"อีกอย่างถ้าเจ้าคิดจะมีกิจการของตัวเอง คิดไว้รึยังว่าจะเอาทุนรอนมาจากไหน ลำพังสินเดิมที่แม่เจ้าฝากไว้ก็พอมี จะให้ป้าเติมให้อีกก็ย่อมได้ แต่ทำการค้านั้นสายป่านต้องยาว คิดไว้หรือไม่ จะทำเช่นไร หากผลไม่เป็นไปตามที่เจ้าหวัง แล้วการค้าขายย่อมต้องมีเส้นสาย เจ้ามีบ้างหรือไม่ หรือจะใช้ของสกุลจาง เห็นมั้ย สุดท้ายเจ้าก็หนีไม่พ้นต้องพึ่งสกุลจางอยู่ดี อย่างนี้ไม่สู้มาช่วยป้ากับลุง แล้วก็พี่ๆของเจ้าดีกว่าหรือ อีกเดี๋ยวพออาจินรับช่วงต่อจากลุงเจ้าเต็มตัว เจ้าก็ต้องช่วยอาจินเหมือนกับที่ป้าทำอยู่" น้ำตาที่มากมายของตงจื่อหยาเมื่อครู่ หายไปตอนไหนก็ไม่รู้
"..." เหม่ยเหมยได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ด้วยไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกมา
"ตอนนี้เจ้าก็ฝึกช่วยดูแลร้านเล็กๆ ไปก่อนก็แล้วกัน"
คนตระกูลนี้เป็นนักมวยเก่ากันรึอย่างไร ทำไมถึงได้ชอบมัดมือชกแบบนี้
&&&
โหวว แม่ยกอาจินมาแล้ว อิอิ แต่จะใช่พระเอกรึเปล่าน๊า
วันนี้ยังไม่ได้ออกไปไหน เลยมาปั่นให้ก่อน ถ้าพรุ่งนี้หายไป ก็ให้รู้ว่าไรท์แอบหนีเที่ยวเด้อ
ปั่นจนไม่เห็นว่าว่ายอดคนอ่านจะสองหมื่นห้าแล้ว ยอดติดตามก็พันแล้ว สำหรับมือใหม่ เป็นการตอบรับเกินคาดจริงๆค่ะ ขอบคุณรีดทุกคนที่เข้ามาอ่าน แต่ก็แอบกดดัน อิอิ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ ไรท์อ่านทุกคอมเม้นแหละ ก็มีอยู่แค่นี้ 555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปากไม่มีรึไงให้ป้าพูดๆๆๆคิดไปเองอยู่นั่นแหละต้องเข้มแข็งเข้าไว้
ไม่รู้ทำไมแต่ชอบคุณชายเจิ้งมากก่วาชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองดี
แล้วเมียหลวงที่นั่งอยู่บนหิ้ง อะ จิ้มๆ
สนุก สุดจัด
เหมยไม่ทันเขาเล้ยยย
ไม่เอา-ขี้เก๊กเป็นพระเอก หมั่นไส้
ไม่เอาๆๆๆๆ
อะไรยังไง คนพี่นี่ตกลงพระเอกหรอ แล้วแต่งอีกคนทำไมอ่ะ จะบอกว่าเพราะจำเป็นก็ดูไม่สนใจคนที่เผ็นฮูหยินเอกอ่ะ ปมจริงๆ
เรื่องน่ารักดีค่ะ