ตอนที่ 5 : บทที่สอง มหานครแห่งจักรวรรดิ (3)รีไรท์
อันที่จริง ในตอนแรกที่นางเอ่ยปากถึงเรื่องนี้กับผู้เป็นบิดาของนาง อัยย์ ได้ปฏิเสธที่จะให้เด็กสาวพาพี่เลี้ยงเข้าไปด้วยและกล่าวอีกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพาคนอื่นๆเข้าไปในเขตพระราชวัง โดยที่องค์ราชินีไม่ได้ทรงประทานอนุญาต
อย่างไรก็ตาม เด็กสาวให้เหตุผลกับผู้เป็นบิดาว่า ถ้าหากนางมีไอริสไปด้วย อย่างน้อยนางก็จะได้มีคนที่สามารถไว้วางใจได้คอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เผื่อว่าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็จะได้มีผู้ช่วยเหลือ และที่สำคัญก็คือไอริส พี่เลี้ยงของนางจะได้ทำหน้าที่เป็นคนคอยส่งข่าวระหว่างนางกับบิดาได้ และก็ด้วยเหตุผลข้อนี้เองที่ทำให้ผู้เป็นบิดายอมเอนเอียงตามที่นางขอ
"เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น พ่อจะลองไปกราบทูลขอต่อพระนางให้เจ้าเอง" อัยย์ บอกกับบุตรสาว
"ลูกขอบคุณท่านพ่อมากเจ้าค่ะ "น้ำเสียงของเนเฟอร์ตีตีแฝงด้วยความดีใจ..
สองวันต่อมาเด็กสาวก็เข้ามาพำนักในตำหนักของราชินีไทยี ในฐานะนางข้าหลวงคนใหม่ อย่างไรก็ตาม ฐานะของนางนั้นค่อนข้างสูงกว่านางข้าหลวงทั่วไป โดยนางมีห้องพักเป็นส่วนตัวอยู่ในด้านหนึ่งตำหนักขององค์ราชินีและเป็นห้องที่สุขสบายพอสมควร
ที่จริงแล้ว สำหรับหญิงสาวที่จะเข้าถวายตัวต่อองค์รัชทายาทนั้น โดยทั่วไป ทุกคนจะต้องเข้าไปอยู่รวมกันยังตำหนักแห่งหนึ่งซึ่งถูกจัดไว้เป็นที่สำหรับเก็บตัวเหล่าสตรีที่เข้าวังเพื่อถวายตัวและรอเวลาที่จะถูกเรียกให้เข้าเฝ้าในภายหลัง ซึ่งหลายคนอาจไม่มีวันนั้นเลยก็ได้
แต่สำหรับเนเฟอร์ตีตีแล้ว นางค่อนข้างจะพิเศษกว่าคนอื่น เพราะนอกจากบิดาของนางจะเป็นข้าหลวงใหญ่แล้ว ก็ยังมีศักดิ์เป็นพระญาติกับองค์ราชินีด้วย แม้จะมิใช่พี่น้องร่วมบิดามารดา แต่ก็นับเนื่องเป็นบุคคลในตระกูลเดียวกัน และถึงอย่างองค์ราชินีเองก็ทรงปรารถนาที่จะเห็นหญิงสาวในตระกูลของพระองค์ ได้เป็นพระชายาของพระโอรสมากกว่าที่จะเป็นหญิงสาวจากตระกูลอื่น
ด้วยเหตุทั้งหมดนี้เองจึงเป็นที่มาของสิทธิพิเศษที่นางได้รับ โดยสิทธินี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความคาดหวังของบุคคลทั้งสองคนคือ องค์ราชินีไทยี และ อัยย์ บิดาของนาง แต่ทว่าความคาดหวังของบุคคลทั้งสองนั้น จะตรงกับความต้องการของนางก็หาไม่
อย่างไรก็ดียังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เนเฟอร์ตีตีรู้สึกว่านางได้รับพระเมตตาจากองค์ราชินีค่อนข้างมาก นั่นคือการที่พระนางประทานอนุญาต ให้นางไอริสพี่เลี้ยงของนาง เข้ามาในวังพร้อมกับนางด้วย โดยให้พำนักในห้องของนาง การที่พี่เลี้ยงคนสนิทเข้ามาอยู่ด้วย ทำให้เนเฟอร์ตีตีรู้สึกว่าอย่างน้อยนางก็ยังไม่ต้องโดดเดี่ยวในสถานที่อันไม่คุ้นเคย อีกทั้งยังมีคนสนิทที่รู้ใจคอยเป็นที่ปรึกษาด้วย
"ข้าคงลำบากใจยิ่งกว่านี้เป็นแน่ หากไม่มีเจ้าเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนด้วย" เด็กสาวกล่าวกับไอริสหลังจากที่ทั้งสองเข้ามาในห้องพักแล้ว
"นับว่า พระมเหสีทรงมีพระเมตตาต่อนายหญิงน้อยมากนะ เจ้าคะ"อีกฝ่ายว่าพลางมองไปรอบๆ "ดูแต่ห้องพักนี่สิเจ้าคะ ช่างตกแต่งได้สวยงามน่าอยู่จริงๆ"
สีหน้าของผู้เป็นนายสลดลงเล็กน้อย" ถึงจะตกแต่งได้สวยงามน่าอยู่เพียงใด แต่ในใจลึกๆ ข้าก็อดคิดไม่ได้ว่าที่นี่ก็มิต่างอันใดกับที่คุมขังหรอก"
" อย่ากล่าวเช่นนั้นอีกนะเจ้าคะ นายหญิงน้อย ด้วยว่าหากล่วงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณพระมเหสีแล้ว จักทรงไม่พอพระทัยได้นะเจ้าคะ" ไอริสรีบกล่าวห้ามอย่างเป็นห่วงเมื่อได้ยินผู้เป็นนายเอ่ยเช่นนั้น
"เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก ข้ารู้ดีว่าข้าควรทำตัวเช่นไร" เนเฟอร์ตีตีกล่าว..
ในเวลาเพียงครึ่งเดือน หลังจากที่เนเฟอร์ตีตีเข้ามาพำนักในตำหนัก ความงามและเฉลียวฉลาดของนางก็สร้างความพอพระทัยให้กับราชินีไทยีมาก และนั่นก็ยิ่งทำให้พระนางทรงมั่นพระทัยว่า เด็กสาวผู้นี้คงจะเป็นที่โปรดปรานของพระโอรสของพระนางได้ไม่ยาก
ขณะเดียวกัน เนเฟอร์ตีตีเองก็เริ่มที่จะมีความรู้สึกตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ของนางเช่นกัน ตามวิสัยของดรุณีน้อยที่เพิ่งจะผ่านเข้าสู่วัยแรกรุ่นได้ไม่นาน เพียงการได้พบเห็นสิ่งแปลกใหม่จากที่เคยพบเคยเห็นมา ก็พอจะทำให้ลืมเรื่องราวอันเป็นความกังวลใจไปได้
ทั้งนี้สำหรับนางแล้ว ชีวิตในวังหลวงดูจะเต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกใหม่ที่น่าสนใจรวมทั้งยังมีสถานที่อันสวยงามอยู่มากมายอีกด้วย และเนื่องจากเด็กสาวได้เคยร่ำเรียนอักษรเฮียโรกลิฟฟิค*มาตั้งแต่ยังเด็ก ผิดกับเด็กสาวส่วนใหญ่ในสมัยเดียวกันที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนหนังสือ ทำให้นางค่อนข้างเฉลียวฉลาดและมีความรู้มากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ อีกทั้งยังมีน้ำเสียงที่ไพเราะดุจระฆังเงิน ดังนั้น เด็กสาวจึงได้รับหน้าที่เป็นผู้อ่านบทกวีและเรื่องราวของทวยเทพถวายองค์ราชินีด้วย และด้วยหน้าที่อันนี้เอง ที่ยิ่งทำให้เนเฟอร์ตีตีกลายเป็นที่โปรดปรานขององค์ราชินีมากยิ่งขึ้น
****************************
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่พระนางไทยีกำลังทรงพักผ่อนพระอิริยาบทอยู่ที่ศาลาเล็กในเขตราชอุทยานกับนางกำนัลคนสนิท โดยมีเนเฟอร์ตีตีเข้าเฝ้าอยู่ด้วย เหมือนทุกวัน หลังจากเด็กสาวอ่านบทกวีถวายจบแล้ว พระนางผู้เป็นใหญ่ก็ตรัสขึ้นว่า
" ตั้งแต่มีเจ้ามาพักอยู่ที่นี่ด้วย ข้าก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมากทีเดียว"ราชินีไทยีทรงแย้มพระสรวลให้กับเด็กสาวอย่างทรงมีเมตตา "เจ้ารู้หรือไม่ เนเฟอร์ตีตี ว่านอกจากตัวเจ้าจะมีดวงหน้าที่งดงามแล้ว เจ้ายังมีน้ำเสียงอันไพเราะเสนาะหูอีกด้วย"
"พระนางทรงมีรับสั่งชมหม่อมฉันเกินไปแล้วล่ะเพคะ"อีกฝ่ายถ่อมตัว
"ข้ามิได้กล่าวชมจนเกินไปหรอก ใช่ไหม มีอา" ประโยคหลัง พระนางหันไปตรัสถามกับนางข้าหลวงคนสนิทที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้นใกล้กับตั่งที่ประทับ
"เพคะ พระนาง" นางข้าหลวงคนสนิทค้อมศรีษะรับ
เนเฟอร์ตีตีก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมกับลอบยิ้มบางๆให้กับตัวเองด้วยความรู้สึกภูมิใจที่ได้รับคำชมจากองค์มเหสีของฟาโรห์
ในขณะนั้น ราชินีไทยีได้ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรเด็กสาวอีกครั้งก่อนจะตรัสขึ้นว่า "ข้าเพิ่งนึกได้ ว่ามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งจะบอกแก่เจ้า"
"เรื่องอันใดหรือเพคะ"
"อีกสิบวัน องค์ฟาโรห์กับเจ้าชายจะเสด็จพร้อมทัพหลวงเดินทางมาถึงยังธีบส์ จากนั้นจะมีการจัดงานพิธีเฉลิมฉลองเพื่อถวายเป็นเกียรติแด่องค์ฟาโรห์และจอมเทพอามอน" พระนางทรงยิ้มน้อยๆ " และข้าจะให้เจ้าเตรียมตัวสำหรับงานฉลองในครั้งนี้ "
เด็กสาวตกใจด้วยสามารถคาดเดาได้ว่าองค์ราชินีทรงหมายถึงสิ่งใด แต่นางก็สงบกิริยาลงและแสร้งทูลถามไปว่า
"พระนางจะทรงให้หม่อมฉันเตรียมตัว เรื่องอันใดหรือเพคะ"
"ก็เตรียมตัวเข้าร่วมพิธีน่ะสิ ข้าจะให้ลูกข้าได้พบหน้าเจ้าในงานพิธี เพื่อให้เขาได้รู้จักเจ้าเสียก่อน " องค์ราชินีตรัส " หลังจากงานเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะให้เจ้าถวายตัวเป็นชายาของลูกข้า "
เด็กสาวยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อได้ฟังพระนางไทยีรับสั่งออกมาชัดเจนดังนั้น แต่นางก็พยายามเก็บความกระวนกระวายและสงบท่าทีเอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต
***********************
" แย่แล้วไอริส! …นี่ข้าจะทำอย่างไรดี "เนเฟอร์ตีตีบอกกับพี่เลี้ยงของตนด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เต็มไปด้วยความร้อนรน ในทันทีที่กลับมาถึงห้องพัก
"เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ นายหญิงน้อย "ไอริสรีบถาม
"องค์ราชินี จะทรงให้ข้าเข้าร่วมพิธีฉลองชัยชนะในอีกสิบวันข้างหน้า" เด็กสาวตอบ "พระนางยังตรัสอีกว่าหลังพิธีฉลองเสร็จสิ้นแล้ว จะให้ข้าถวายตัวกับเจ้าชาย " เนเฟอร์ตีตีทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง " นี่ข้าจะควรทำอย่างไรดี ไอริส ข้าคิดอะไรไม่ออกแล้ว"เด็กสาวพูดคล้ายรำพันกับตัวเอง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งแปลกใหม่ในพระราชวังทำให้นางเพลิดเพลินจนเกือบจะลืมเรื่องนี้ไป ทว่ารับสั่งของพระมเหสีก็กลายเป็นสิ่งที่เตือนให้นางรับรู้ว่ามีปัญหาใดกำลังรอนางอยู่ที่นี่
พี่เลี้ยงสาวมองผู้เป็นนายอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า "แต่ ถึงอย่างไร นายหญิงน้อยเองก็ต้องเข้าถวายตัวอยู่แล้วมิใช่หรือเจ้าคะ "
"เรื่องนั้นน่ะ ข้ารู้ดีอยู่แล้ว เจ้ามิต้องมากล่าวย้ำหรอก" เด็กสาวหันมามองผู้พูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก " เพียงแต่ข้ายังไม่อยากให้เวลานั้น มันมาถึงเร็วเกินไปเช่นนี้ "
ไอริสถอนหายใจ ด้วยเข้าใจถึงอารมณ์และความรู้สึกของผู้เป็นนายดีว่าต้องการจะยืดระยะเวลาออกไปแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
พี่เลี้ยงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ "เช่นนั้น ก็คงมีเพียงวิธีเดียว "
"เจ้าหมายความว่าอย่างไรหรือ" เนเฟอร์ตีตี สงสัย
" สมัยก่อน พ่อของข้าเป็นหมอยาสมุนไพร พ่อเคยบอกข้าว่า มีใบไม้บางประเภทที่เอามาเคียวแล้ว จะทำให้คนที่แข็งแรง ปกติ ดูเหมือน เจ็บป่วย เซื่องซึมได้ " พี่เลี้ยงสาวพูดขึ้นเบาๆ
ผู้เป็นนายหันมามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แฝงความสงสัย.
*******************
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* อักษรเฮียโรกลิฟฟิค หรือ ตาเฮียโรกลิฟฟิคา เป็นอักษรรูปภาพของอียิปต์โบราณและเป็นหนึ่งในตัวอักษรที่เก่าแก่ที่สุดของอารยธรรมโลก นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า อักษรเฮียโรกลิฟฟิคถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าห้าพันปีแล้ว *
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มาอ่านได้ไม่กี่ตอน แต่ก็ชอบมากมาย จะขอตามอ่านเรื่อยๆนะจ๊ะ
อิอิ
สนุกสุดๆ สุดยอด ^ ^
ว่าแผนการที่จะทำเพื่อไม่ให้ได้ถวายตัวอะ
จะสำเร็จไหม๊ อิอิ
ป.ล.อยากรู้จักองค์ชายหล่อไหม๊อะ แหะๆๆๆๆๆ (เขินจังเลย >*<)
มาอ่านต่อแล้วนะคะ พอดีช่วงนี้ไม่ได้เล่นเน็ตเลยไม่ได้มาเม้นให้ ยังรออ่านต่ออยู่นะคะ