คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ผู้ถูกเลือก(4)
ครู่ต่อมา ว็อกเกอร์ก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของน็อกซ์
เมิร์ฟหนุ่มเคาะประตูสามครั้งเพื่อบอกกับผู้ที่อยู่ข้างใน
"เข้ามาสิ" เสียงของน็อกซ์ดังมาจากในบ้าน
ว็อกเกอร์เปิดประตูเข้าไปในบ้านที่ปิดผ้าม่านจนมืดสนิท
มีเพียงแสงจากเทียนไขเล่มใหญ่บนโต๊ะกลางห้องเท่านั้นที่ส่องสว่างอยู่
น็อกซ์นั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งและที่ขอนไม้ใกล้กับเก้าอี้ตัวนั้น
ว็อกเกอร์ก็เห็นร่างสีขาวขนปุกปุยของโอลด์ สโม็ค เกาะอยู่
เมิร์ฟหนุ่มก้มศรีษะเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพผู้เฒ่าทั้งสองก่อนที่น็อกซ์จะเชิญให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้า
นตรงข้ามของโต๊ะตัวนั้น
"ท่าน เรียกข้ามา มีธุระอะไรหรือครับ"ว็อกเกอร์เอ่ยถาม
ผู้เฒ่าทั้งสองมองดูเมิร์ฟหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่น็อกซ์จะเอ่ยขึ้นว่า"เรามีเรื่องหนึ่ง
ที่ต้องการจะให้เจ้าช่วย ว็อกเกอร์ "
ว็อกเกอร์มีสีหน้าประหลาดใจ
เมิร์ฟอย่างเขาเนี่ยนะหรือจะช่วยอะไรสองผู้เฒ่าที่ได้ชื่อว่าฉลาดรอบรู้มากที่สุดในเบรนวู้ดได้
"เรื่องอะไรหรือครับ" เมิร์ฟหนุ่มถาม
"เจ้าต้องสัญญาก่อน ว่าจะช่วยพวกเรา" โอลด์ สโม็คเอ่ยขึ้นบ้าง ในท่ามกลางแสงไฟสลัวแบบนี้
ว็อกเกอร์อดรู้สึกไม่ได้ว่า ดวงตาของนกเต้าแมวเฒ่าดูแฝงความนัยที่ลึกลับอย่างไรชอบกล
โดยเฉพาะเมื่อมาคาดคั้นให้เขาสัญญาในสิ่งที่เขาเองยังไม่รู้เลยแบบนี้ มันทำให้เมิร์ฟหนุ่มเกิดความ
รู้สึกกังวลลึกๆขึ้นมา
"แล้ว ท่านจะให้ข้าทำอะไรหรือครับ" เขารวบรวมความกล้าและย้อนถามกลับไป
"ข้าจะให้เจ้านำของบนโต๊ะนี้ไปส่งให้กับคนผู้หนึ่ง" โอลด์ สโม็คกล่าว
ถึงตอนนี้ ว็อกเกอร์เพิ่งสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะตัวนั้น มีกล่องคริสตัลสีน้ำเงินใบหนึ่งวางอยู่ด้วย
บนฝากล่องแกะสลักเป็นรูปนกเค้าแมว
"ของสิ่งนี้คืออะไรหรือครับ" ว็อกเกอร์ถาม
แทนคำตอบ ฝากล่องได้เปิดขึ้น เผยให้เห็นพลอยสีน้ำเงินส่องประกายวาววับอยู่ข้างใน
"พลอยสีน้ำเงินนี่"ว็อกเกอร์อุทาน
"นี่ไม่ใช่พลอยธรรมดา"น็อกซ์กล่าว "แต่มันคือกุญแจศิลา"
"กุญแจศิลา" ว็อกเกอร์ทวนคำอย่างประหลาดใจ
"ใช่" นกเค้าแมวเฒ่าพูดขึ้นบ้าง " งานที่ข้าจะให้เจ้าทำก็คือ
ให้เจ้านำกุญแจศิลานี้ไปพบเวอร์ธัง พ่อมดไฟ ที่นครแอสการ์ธ"
"นครแอสการ์ธ
"ว็อกเกอร์ทวนคำพูดของอีกฝ่าย" ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนครนี้มาก่อนเลย "
"นครแอสการ์ธอยู่ในดินแดนทางใต้ถัดจากเทือกเขาเมฆลงไป"น็อกซ์กล่าว
"ถัดจากเทือกเขาเมฆลงไป !" ว็อกเกอร์อุทานเสียงดังอย่างลืมตัว "แต่นั่นน่ะ
มันเลยอาณาเขตของ เบรนวู้ดไปตั้งเยอะนะท่าน แล้วข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าเมืองที่ท่านพูดถึงน่ะ มันอยู่ที่ไหน
แล้วข้าจะไปถูกได้อย่างไรกัน"
"เรื่องนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก เพราะนอกจากข้าจะมีแผนที่ให้เจ้าแล้ว
ข้าจะมอบของที่จะช่วยเจ้าในการเดินทางให้ด้วย" เมื่อกล่าวจบ โอลด์
สโม็คก็ดึงขนปีกเส้นหนึ่งของตนออกมาและวางลงบนโต๊ะ
ในพริบตานั้นเองขนเส้นนั้นได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นแท่งไม้สีดำสนิทยาวครึ่งฟุต
ขณะที่ว็อกเกอร์มองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เขาไม่ทันเห็นเลยว่าขนนกเส้นนั้นกลายเป็นแท่งไม้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
"นี่เป็นไม้บอกทาง ทุกครั้งที่เจ้าต้องการทราบว่าจะไปทางใด
จงถือมันไว้ในมือซ้ายและไปตามทิศที่แท่งไม้นี้ชี้บอก แล้วเจ้าจะไม่มีวันหลงทาง" นกเค้าแมวเฒ่าพูด
เมิร์ฟหนุ่มจับแท่งไม้นั้นขึ้นมา ทันใดนั้นเองเขารู้สึกเหมือนว่ามันมีชีวิต แท่งไม้ในมือของเขาหมุนไปมา
ก่อนจะชี้ไปยังทิศใต้ มันทำให้ว็อกเกอร์ รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
โอลด์ สโม็คกล่าวกับว็อกเกอร์ต่อไปอีกว่า"เมื่อเจ้าไปถึงแอสการ์ธและได้พบกับเวอร์ธังแล้ว
ให้บอกกับเขาว่า เจ้านำของจากวาโลคาน พ่อมดลม มามอบให้เขา"
"แล้วใครคือวาโลคาน หรือครับ" เมิร์ฟหนุ่มที่เพิ่งตั้งสติได้ ถามต่อ
"ข้าเอง"นกเค้าแมวเฒ่าตอบ ในเวลานั้นเองก็มีสายลมเย็นยะเยือกวูบหนึ่งพัดผ่านเข้ามาในห้องนั้น
จนเปลวเทียนแทบจะดับ ทั้งๆที่หน้าต่างทุกบานปิดสนิท
ว็อกเกอร์ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน
ที่จริงแล้วการที่เขาได้เห็นนกเค้าแมวเฒ่าเปลี่ยนเส้นขนกลายเป็นแท่งไม้ที่มีชีวิตได้นั้นก็เป็นสิ่งที่ทำ
ให้เขาประหลาดใจมากอย่างคาดไม่ถึงอยู่แล้ว และเมื่อได้รู้ว่าที่จริงแล้วนกเค้าแมวเฒ่า เป็นพ่อมด
ก็ยิ่งทำให้เขาต้องตกตะลึงยิ่งขึ้นไปอีก เขาได้รู้จากนิทานที่เคยฟังมาว่า
พวกพ่อมดนั้นมีอำนาจวิเศษและใช้เวทมนต์ทำอะไรได้สารพัดอย่าง ถ้าหากโอลด์ สโม็คเป็นพ่อมดล่ะก้อ
สิ่งที่เขาเห็นนี่ก็ต้องเป็นเวทมนต์น่ะสิ
"เหลือเชื่อจริงๆ" ว็อกเกอร์อุทาน " ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่ใครต่อใครลือกันว่า
ท่านมีเวทมนต์ก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิครับ " เมิร์ฟหนุ่มหันมาทางน็อกซ์"
แล้วก็เรื่องที่ท่านผู้เฒ่าน็อกซ์มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ก่อนที่พวกเราจะอพยพเข้ามาที่เบรนวู้ดนี่
ก็คงจะเป็นเรื่องจริงด้วยน่ะสิครับ"
โอลด์ สโม็คหรือที่จริงคือ วาโลคานยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเมิร์ฟเฒ่าผู้เป็นสหายของตน "ดูเหมือน
เจ้าหนุ่มนี่จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดขึ้นมาบ้างแล้วนะ น็อกซ์"
"นั่นสิ"น็อกซ์เห็นด้วยก่อนจะพูดกับว็อกเกอร์ต่อ"เมื่อเจ้าได้รู้เรื่องแล้ว ทีนี้
เจ้าจะรับปากพวกเราได้หรือยังล่ะ ว็อกเกอร์"
ว็อกเกอร์นิ่งอึ้งไปอย่างใช้ความคิด
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดนับแต่เขาเกิดมาเลยทีเดียว แต่ก็ดูเหมือนว่า
ผู้เฒ่าทั้งสองคงจะไม่ยอมให้เขาปฏิเสธได้แน่ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีข้อสงสัยอยู่อีก
"ทำไม พวกท่านถึงเลือกให้ข้าทำงานนี้"ว็อกเกอร์ถาม " ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้
ข้ายังไม่เคยก้าวเท้าออกจากเบรนวู้ดเลยด้วยซ้ำไป"
"เมิร์ฟอื่นๆก็เหมือนกัน" น็อกซ์กล่าว
"ก็นั่นน่ะสิครับ แล้วทำไมพวกท่านจึงเลือกข้าล่ะ"ว็อกเกอร์ข้องใจ
"เราไม่ได้เลือกเจ้า"วาโลคานกล่าว" แต่กุญแจต่างหากที่เป็นผู้เลือก"
"กุญแจเป็นผู้เลือกข้าอย่างนั้นเหรอ"ว็อกเกอร์คราง" ท่านหมายถึงอะไร"
"ก็หมายความว่า มันเป็นชะตากรรมของเจ้าอย่างไรล่ะ"น็อกซ์กล่าวขึ้นบ้าง
ว็อกเกอร์รู้สึกไม่ค่อยดีนักเมื่อได้ยินน็อกซ์กล่าวเช่นนั้น
เพราะมันทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหมือนกำลังถูกยัดเยียดภารกิจบางอย่างให้โดยที่เขาไม่เต็มใจนัก
เนื่องจากว็อกเกอร์นั้นก็เหมือนเมิร์ฟอื่นๆที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อนและกลัวที่จะต้องไปยังที่ที่ไม่เ
คยไป แต่ในทันใดนั้นเอง ความคิดเรื่องที่อยากจะผจญภัยสู่โลกภายนอกก็ผ่านเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง
บางทีนี่อาจเป็นโอกาสดีที่เขาจะหนีไปจากความรู้สึกเบื่อหน่ายของชีวิตที่แสนจะน่าหดหู่ก็เป็นได้
อันที่จริงจะว่าไปแล้วมันก็แค่การเดินทางไปเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยมีเครื่องนำทางให้เสร็จสรรพ
แล้วก็นำของไปส่งให้คนที่รอรับอยู่ จากนั้นก็เรียบร้อย ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นน่าจะมีปัญหาอะไรเลย
"งานนี้มีอันตรายหรือเปล่า ท่าน"ว็อกเกอร์ถาม
อย่างน้อยเขาก็ต้องการรู้ว่าที่สุดแล้วเขาจะกลับมาบ้านได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า
จริงอยู่ล่ะเรื่องที่เขาเริ่มอยากออกไปผจญภัยแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากเอาชีวิตไปทิ้งไว้โลกภายนอกด้วย
วาโลคานกับน็อกซ์มองหน้ากัน ก่อนที่นกเค้าแมวเฒ่าจะหันมายิ้ม
ซึ่งว็อกเกอร์รู้สึกว่าการยิ้มแบบนกเค้าแมวนี้ มันแฝงเลศนัยบางอย่างเอาไว้
"เจ้ากลัวอย่างนั้นรึ" วาโลคานเอ่ย
"ข้าแค่อยากรู้ว่าจะมีอันตรายอะไรบ้างที่ข้าจะพบระหว่างทาง " ว็อกเกอร์ตอบอย่างไว้เชิงนิดๆ
นกเค้าแมวยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะดึงขนปีกขึ้นมาอีกเส้น "เอาสิ่งนี้ไป ติดตัวไว้
มันจะช่วยเจ้าได้เมื่อถึงคราวจำเป็น"
ว็อกเกอร์รับเส้นขนนั้นมา พลิกไปพลิกมาอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่ามันก็เหมือนกับขนนกธรรมดานี่เอง
แต่ก็นั่นแหละนะ ในเมื่อนี่เป็นเส้นขนที่วาโลคาน พ่อมดลมมอบให้เขา
บางทีมันอาจจะมีอิทธิฤทธิ์หรือเวทมนต์อะไรแฝงอยู่ก็ได้
"แล้วพวกท่านจะให้ข้าเดินทางไปเมื่อไหร่หรือ" ว็อกเกอร์ถามอีก
หลังจากเก็บขนนกใส่กระเป๋าเสื้อไปแล้ว
"พรุ่งนี้เช้ามืด "วาโลคานตอบ "ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวันเพื่อเตรียมตัว แล้ววันพรุ่งนี้
ก่อนตะวันขึ้น ให้เจ้ามาหาพวกเราที่นี่เพื่อรับกุญแจและออกเดินทาง เอาล่ะ เจ้ามีปัญหาอะไรอีกไหม
ว็อกเกอร์"
ว็อกเกอร์มองหน้าผู้เฒ่าทั้งสอง เท่าที่ฟังมาเขาก็คิดว่าเขาไม่มีอะไรที่อยากรู้อีกแล้ว
และเขาก็บอกไปตามนั้น "ไม่มีแล้วครับ"
"อ้อ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งข้าอยากให้เจ้าเก็บเรื่องกุญแจไว้เป็นความลับ
ห้ามบอกใครเด็ดขาด"วาโลคานกำชับ
"ครับ" ว็อกเกอร์รับปาก
"เช่นนั้นก็กลับไปเตรียมตัวเถอะ" น็อกซ์กล่าวส่งท้าย
"การเดินทางที่ยาวไกลรอเจ้าอยู่"
ว็อกเกอร์กล่าวลาทั้งสองก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน
ความรู้สึกไม่พอใจที่เหมือนถูกยัดเยียดภารกิจให้โดยไม่เต็มใจซึ่งยังมีอยู่บ้างในตอนแรก
มาเวลานี้มันได้หายไปหมดแล้ว
ตอนนี้เขากลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ออกผจญภัยตามที่เขาฝันไว้เมื่อตอนเด็กๆแทน
เขารู้สึกชอบประโยคสุดท้ายที่น็อกซ์พูดกับเขาจริงๆ "การเดินทางที่ยาวไกลรอเจ้าอยู่"
มันฟังดูยังกับนิทานของผู้กล้าหาญหรือไม่ก็เรื่องเล่าในตำนานที่เขาเคยฟังมาอย่างไรอย่างนั้นแหละ
และในวันพรุ่งนี้เขาก็จะได้เป็นเมิร์ฟคนแรกที่ได้ก้าวเท้าออกจากเบรนวู้ดแล้ว
มันช่างน่าตื่นเต้นเสียนี่กระไร
(มีต่อ)
ความคิดเห็น