NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คืนพระจันทร์เต็มดวงนั้นฉันถูกลากเข้าป่า

    ลำดับตอนที่ #6 : พระจันทร์ดวงที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 66


    "หากผู้ใดนำดอกซาเรเซียสีชมพูมาให้ข้าได้ ข้าจะยอมรับเป็นคู่สัมพันธ์กับสัตว์อสูรตนนั้น"

    เสียงก้องกังวานดังทั่วบริเวณ ทำเอาผู้คนในเผ่าต่างพากันฮือฮากับวาจาของบุตรีหัวหน้าเผ่ากระต่ายภูเขา

    ตัวเมียที่ถูกขนานนามว่างดงามที่สุดในเผ่า ด้วยรูปลักษณ์ที่สูงเกือบสองเมตร สะโพกและอกที่มีขนาดใหญ่เรียกได้ว่าเป็นแม่พันธุ์ที่แข็งแรง และยังมีตำแหน่งเป็นผู้นำเผ่ากระต่ายภูเขาคนต่อไป จึงทำให้เกิดเสียงฮือฮาจากตัวผู้ในเผ่าที่ต่างหมายปองนาง แม้นางจะมีคู่สัมพันธ์อยู่ถึงห้าตนแล้ว

    โดยปกติตัวเมียก็จะเลือกตัวผู้โดยความพอใจของพวกนางเองเป็นหลัก จึงไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีตัวเมียเลือกคู่สัมพันธ์โดยตั้งเงื่อนไข

    เช่นนี้เขาก็มีสิทธิ์ในการเป็นคู่สัมพันธ์ของนางมิใช่รึ

    ชายหนุ่มร่างสูงผิวกายและผมที่ขาวทำให้เขาโดดเด่นที่สุดในฝูงชน นัยน์ตาสีแดงสดจับจ้องไปที่ดวงหน้าขาวผ่องของมารูนน่าตัวเมียที่เขาหมายปอง โดยที่ผู้ถูกจ้องก็มองกลับมาที่เขาเช่นกัน

    เขาเป็นกระต่ายที่พึ่งเข้ามาในเผ่าได้ไม่นาน มีหน้าที่เพียงลาดตระเวนเก็บของป่า จึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับมารูนน่าเลยสักครั้ง แต่เพียงเห็นผ่านๆ ก็ทำเอาถูกตาต้องใจ เขาพยายามพัฒนาตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นจนเลื่อนขั้นเป็นอสูรระดับสี่ เพื่อที่จะไม่เป็นที่ครหาที่จะเข้าหามารูนน่า

    "ลิชท์! เจ้าก็จะออกไปตามหาดอกซาเรเซียเช่นกันรึ"

    ขณะที่เขาเข้ามาเก็บของเตรียมตัวสำหรับเดินทาง ก็เจอเข้ากับดอนกระต่ายอสูรดำที่เป็นตัวเต็งในการแข่งขันครั้งนี้ ด้วยระดับที่สูงถึงระดับห้ามากกว่าเขาหนึ่งระดับ และเป็นหัวหน้าในการลาดตระเวน

    "ข้าไม่คิดว่าคนที่เจ้าหมายปองจะเป็นมารูนน่า"

    ดอนหัวเราะเยาะในความคิดใฝ่สูงของกระต่ายเผือกที่พึ่งเข้ามาในเผ่าไม่กี่ปี

    แล้วอย่างไร ตอนนี้อสูรกระต่ายวัยเจริญพันธุ์เกือบครึ่งหนึ่งของเผ่าก็เก็บของเตรียมตัวออกไปเสี่ยงโชคหาดอกซาเรเซียกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่มานานหรือพึ่งมาอยู่ในเผ่า

    "ข้าต้องได้เป็นคู่สัมพันธ์ของมารูนน่าแน่"

    "อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย เพียงนำลาดตระเวนไม่กี่ครั้งก็ได้ใจซะแล้ว"

    ลิชท์กัดฟันกรอดด้วยความโมโห รีบเก็บของต่อไม่สนใจ เขาเชื่อว่าจะต้องหาดอกซาเรเซียกลับมาได้แน่

     

    ผ่านมาสองเดือนที่กระต่ายหนุ่มได้ออกมาตามหาดอกซาเรเซีย แต่ก็ยังไร้วี่แวว ดอกซาเรเซียเรียกได้ว่าเป็นพืชน้ำ ส่วนมากดอกของมันจะมีสีขาว ส่วนดอกสีชมพูพบเจอได้น้อยมากโดยมันมีสรรพคุณช่วยให้ผู้ที่กินเกสรของมันเข้าไปจะมีกลิ่นที่หอมของดอกซาเรเซียไปหลายเดือน มันพบได้ตามแหล่งน้ำในฤดูฝน กระต่ายหนุ่มจึงต้องลงจากเขาที่เป็นที่ตั้งของเผ่า แต่รอนแรมมาสองเดือนก็ยังไม่เจอดอกซาเรเซียสีชมพู

    ในที่สุดความพยายามตลอดหลายเดือนก็ไม่ทำให้เขาศูนย์เปล่า เขาได้เจอกับมันแม้มันจะยังไม่บาน ดอกซาเรเซียต้องเก็บตอนที่บานสะพรั่งเท่านั้นจึงจะยังคงสรรพคุณและกลิ่นหอมเอาไว้ได้ เขาจึงต้องเฝ้ารอเวลาที่มันจะเบ่งบาน

    เนื่องจากฤดูนี้เป็นฤดูฝนทำให้เขาต้องหาที่หลบฝนในยามค่ำคืน เขาได้พักที่โพรงไม้ไม่ไกลจากกอดอกซาเรเซียมากนัก ทุกๆ วันเขาก็จะออกมาเฝ้าดูมัน ในยามค่ำคืนเขาก็จะกลับมาที่โพรงไม้

     

     

    วันหนึ่งหลังจากที่ออกไปดูดอกซาเรเซียที่ยังไม่มีทีท่าจะบาน เมื่อกลับมาที่โพรงไม้ ก็พบว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในโพรงไม้จึงคิดจะจัดการให้รู้ถึงฤทธิ์กระต่ายอสูรระดับสี่ของเขา

    แต่ไม่คิดว่ากระต่ายอสูร ระดับสี่จะพลาดท่า ผู้บุกรุกเป็นตัวเมีย ดูเหมือนนางจะอยู่ในระดับห้าหรือหก แรงกดของนางมากจนช่วงแรกเขาเกือบหายใจไม่ออกตาย น่าจะพอๆ หรือมากกว่ามารูนน่า ตัวเมียที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าของเขาเสียอีก

    เมื่อสู้แรงไม่ได้เขาก็ถูกโยนเข้ามาในโพรงไม้ ภายในโพรงไม้ของเขาเปลี่ยนไปมากจนเขาแทบจำไม่ได้ แต่มันไม่ใช่เวลามาชื่นชม เขาต้องหนีจากตัวเมียนี่เสียก่อน

    นางหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาทำให้เกิดแสงสว่างจ้าสาดส่องมาที่เขา

    ดูเหมือนนางจะเป็นอสูรพเนจร ในเผ่าเขาลือกันเป็นอย่างมากว่าพวกมันโหดร้าย มีพลังประหลาดมากมายแสงสว่างที่สาดส่องมาที่เขาต้องเป็นพลังของอสูรพเนจรเป็นแน่ นอกจากนี้อสูรพเนจรยังฆ่าได้แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์เดียวกัน จึงพบเห็นว่าส่วนใหญ่จะอยู่เพียงตนเดียว

    พวกมันพเนจรไปเรื่อย ในฤดูผสมพันธุ์พวกมันก็จะจับตัวผู้มาผสมพันธุ์จนแน่ใจว่าตั้งครรภ์ มันจะฆ่าตัวผู้ทิ้งเพื่อเป็นสารอาหารให้ลูกที่อยู่ในครรภ์ เมื่อสองปีก่อนก็มีตัวผู้ในเผ่าของเขาถูกอสูรพเนจรจับไปเช่นกัน ก่อนจะพบเป็นซากโครงกระดูก

    กระต่ายหนุ่มในร่างก้อนขนสีขาวถอยหลังจนติดกำแพง ดวงตาสีแดงสดจับจ้องไปยังตัวเมียที่นั่งมองมาที่ตนด้วยสายตาชั่วร้าย

    เมื่อได้สังเกตพบว่านางนั้นมีใบหน้าที่งดงาม ดูสะอาดสะอ้านไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมาว่าอสูรพเนจรจะสกปรกและมีกลิ่นสาบ ผิวนางเรียบเนียน ดวงหน้างดงามเข้ากับปากสีแดงอมชมพูสวย นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเขียวเหมือนใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีจับจ้องมาที่เขาไม่วางตา สิ่งปกปิดกายที่แปลกประหลาดไม่เคยพบไม่เคยเจอ เป็นอสูรตัวเมียที่งดงามตนหนึ่งที่เขาเคยได้พบเจอมา แม้นางจะดูผอมบางขาดสารอาหารก็ตาม

    "มานี่เร็ว"

    เสียงใสกังวานที่เอื้อนเอ่ยภาษาประหลาดออกมาทำให้เขาถึงกับสติหลุดไปชั่วขณะ เขาไม่เคยพบเจอใครที่เสียงหวานน่าฟังเช่นนี้มาก่อน แต่เขาจะเคลิ้มไปกับนางไม่ได้

    แม้ช่วงนี้ยังไม่เข้าช่วงฤดูผสมพันธุ์ของสัตว์พเนจรแต่ก็ใช่ว่ามันจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาต้องรีบหาทางหนีออกไป

    "เห็นนี่มั้ย มากินเร็ว"

    นางวางผลไม้ป่าหลากชนิดลงตรงหน้าของนาง ลมจากช่องเล็กระบายอากาศพัดเอากลิ่นหอมหวานอบอวลไปทั่วโพรงไม้ จนเขาอดใจไม่ได้ที่จะเข้าไปหาผลไม้ป่ากองนั้น

    ทันทีที่เขาเข้าไปกินผลไม้ มือนวลของนางก็ลูบลงบนขนของเขา ทำให้รู้ได้ทันทีว่ากลิ่นหอมหวานไม่ได้มาจากกองผลไม้ แต่มาจากนางต่างหาก

    ในค่ำคืนนั้นกระต่ายหนุ่มพยายามหนีออกไป แต่ร่างบางกลับจับเขาไว้ แล้วอุ้มตัวเข้าไปกอดก่ายก่อนที่จะหลับไป

    ลมหายใจที่สม่ำเสมอของนางพร้อมกลิ่นหอมจากร่างกายนาง ทำให้ร่างกายของกระต่ายหนุ่มเคลื่อนไหวเข้าไปใกล้ก่อนจะซุกเข้าที่อกอิ่มของหญิงสาว

    ลิชท์ไม่เคยเข้าใกล้ตัวเมียตัวใดใกล้ขนาดนี้มาก่อน ความหอมหวานและความตื่นเต้นทำให้เขากลายร่างเป็นร่างครึ่งอสูรเองตามสัญชาตญาณเพื่อเตรียมผสมพันธุ์ ร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้นยิ่งแนบชิดกับกายหอม

    ยิ่งอยู่ในร่างครึ่งอสูรกลิ่นของนางก็เหมือนจะแรงขึ้น จนเขารู้สึกปวดหนึบที่แก่นกาย

    "ถ้าแกไม่อยู่นิ่ง ฉันกินแกแล้วนะ"

    เสียงหวานพูดเสียงเบาเหมือนกระซิบทั้งที่เปลือกตายังคงปิดสนิทยิ่งแขนทั้งสองข้างที่โอบกอดเขากระชับขึ้นทำให้อารมณ์พลุ่งพล่านกลิ่นหอมที่ล่อลวงเขาให้เข้าไปดอมดมไม่หยุด ร่างใหญ่ผ่อนลมหายใจพยายามดึงสติที่แม้จะเหลือเพียงน้อยนิดไว้

    "หนาว"

    ใบหน้าของหญิงสาวซุกเข้ากับกลุ่มผมสีขาวสว่างอย่างหาความอบอุ่น ทำเอาสติที่เหลืออยู่เตลิดหายไปในพริบตา

    ท้องฟ้าที่ไร้แสงจันทร์ทำให้ภายในโพรงไม้มืดเพียงใดแต่ด้วยความสามารถของสัตว์ทำให้ภาพทุกอย่างชัดเจน มือของเขาลูบเรียวขาที่กอดก่ายเอวหนาไว้ ใบหน้าของเขาซุกลงที่อกหอม

    มือหนาเคลื่อนจากขาเรียวมากุมที่แก่นกายใหญ่ที่พองตัวแข็งขึงจนปวดไปหมด

    "อึก..."

    เพียงแค่สัมผัสหัวมนทู่เบาๆ กับสูดดมกลิ่นหอมก็ทำเอาแทบสำลักความสุข นิ้วโป้งใหญ่ลูบวนหัวมนที่มีน้ำใสปริ่ม

    กระต่ายหนุ่มสกัดกั้นเสียงร้องจากอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้เงียบที่สุด เพราะกลัวกายหอมตรงหน้าตื่น

    กระต่ายหนุ่มเริ่มชักรูดขึ้นลงช้าๆ ริมฝีปากชมพูเม้มเข้าหากันจนเปลี่ยนเป็นสีแดงฝาด ใบหน้าแดงก่ำมีหยาดเหงื่อผุดทั่วกรอบหน้า มือหนาขยับชักรูดเร็วขึ้นจนร่างบางข้างๆ สั่นไหวไปด้วย

    "อย่าดิ้น..."

    สิ้นเสียงหวานติดรำคาญ ร่างหนาที่สั่นโยกก็หยุดลง น้ำสีขุ่นก็พวยพุ่งไหลทะลักเปื้อนมือของเขา และบางส่วนที่กระเซ็นไปโดนต้นขาขาว

    นี่เขาทำอะไรอยู่กัน เขาออกมาหาดอกไม้เพื่อนำไปพิสูจน์ตัวว่าแข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่สัมพันธ์ของมารูนน่า แต่ตอนนี้เขากลับอยากจะผสมพันธุ์กับอสูรพเนจรที่เปรียบเสมือนการฆ่าตัวตาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×