NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คืนพระจันทร์เต็มดวงนั้นฉันถูกลากเข้าป่า

    ลำดับตอนที่ #4 : พระจันทร์ดวงที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 66


    ในความมืดก้อนขนสีขาวกลมกำลังทำท่าเหมือนขุดดินบริเวณหน้าประตูไม้ มันก้มๆ เงยๆ ทำให้เห็นใบหูเรียวยาว

    มันคือกระต่ายที่ตัวใหญ่กว่าแมว!

    จากตอนแรกที่ตกใจกลัวเสียงประหลาดกลับกลายเป็นดีใจ ที่มีเดลิเวอรี่ส่งเนื้อกระต่ายอ้วนๆ ถึงที่ ซินดี้เบื่อที่จะกินลูกไม้ป่าฝาดๆ นั่นเต็มที!

    เธอค่อยๆ เดินเข้าไปหากระต่ายยักษ์ที่หันหลังก้มหน้าก้มตาขุดดินอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก่อนที่มือของเธอจะจับตัวมันได้ กระต่ายยักษ์หันมองด้วยสัญชาตญาณ

    กระต่ายยักษ์ขนฟูสีขาวตัวอ้วนกลมเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูน ความน่ารักของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าแม้จะอยู่ในความมืด เธอกับมันจ้องตากันหลายวินาที ก่อนที่ซินดี้ดึงสติกลับมาแล้วตะครุบตัวกระต่ายยักษ์ไว้ ใช้มือข้างหนึ่งกดตัวกระต่ายไว้ส่วนมืออีกข้างเปิดประตูแล้วเหวี่ยงมันเข้าไปในโพรงไม้

    กระต่ายยักษ์วิ่งไปที่ประตูทันทีที่มันลุกได้ แต่เธอปิดประตูทันทำให้มันทำได้เพียงแค่กระโดดไปมาในบ้านโพรงไม้

    ซินดี้ทิ้งตัวลงนั่งที่ที่นอนพลางมองเจ้าก้อนกลมๆ กระโดดอย่างตื่นตระหนก ภาพในจินตนาการตอนนี้เห็นเพียงลูกชิ้นเนื้อขาวๆ เด้งไปมา ทำเอาน้ำลายสอ

    เจ้ากระต่ายที่เหมือนจะจับสัญญาณอันตรายบางอย่างได้ก็หันหลังถอยชิดกำแพง

    "เจ้ากระต่ายน้อยมานี้เร็ว"

    "โม้ๆๆ"

    เจ้าก้อนกลมยังคงอยู่ที่เดิมไม่มีทีท่าจะขยับไปไหน เหมือนกำลังระแวดระวังภัย

    "ถ้าแกทำตัวดีๆ แกอาจจะไม่กลายเป็นลูกชิ้นก็ได้นะ" แต่เป็นไส้กรอกแทน

    "เห็นนี่มั้ย มากินเร็ว"

    เธอใช้ลูกไม้ป่าหลอกล่อให้มันเข้ามาใกล้ มันหยุดมองอย่างสนใจ

    จมูกสีชมพูดมฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นหอมๆ ของลูกไม้ป่า มันค่อยๆ เดินเข้าไปหากลิ่นหอมหวานช้าๆ

    เมื่อวางลูกไม้ป่าลงบนพื้น เจ้ากระต่ายก็เข้ามาใกล้ก่อนจะก้มลงกัดลูกไม้ป่าจนน้ำจากลูกไม้ป่าไหลเลอะปากมัน ด้วยความน่ารักทำให้อดที่จะยกมือขึ้นลูบขนของมันไม่ได้

    เจ้ากระต่ายสะดุ้งโหยง แต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้ทำร้ายมันก็ปล่อยให้ลูบต่อ

    "จะย่างหรือต้มดีนะ"

    โดยที่เจ้าขนปุกปุยไม่รู้เลยว่ากำลังจะกลายเป็นอาหารมื้อเด็ด

     

    เช้าวันต่อมา

    หญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ อาการปวดเมื่อยถาโถมคงเป็นเพราะที่นอนที่แข็ง จึงทำให้ปวดตามตัวร่างกายที่ยังไม่ชินกับการไม่มีฟูกสปริงนุ่มๆ รองรับ

    เจ้าก้อนขนกระต่ายนอนกระดิกหางอย่างสบายใจ เมื่อคืนหลังจากที่เจ้ากระต่ายกินลูกไม้ป่าเธอจนหมด มันก็วิ่งไปขุดดินจะหนี เธอจึงกอดมันไว้ไม่ให้มันหนีไปได้ โชคดีที่มันดิ้นเพียงเล็กน้อยแล้วยอมนอนแต่โดยดี จึงยังไม่ต้องกินเนื้อกระต่ายเร็วๆ นี้

    วันนี้มื้อเช้าคงต้องออกไปหาอะไรมาประทังหิวอีกครั้ง เพราะลูกไม้ป่าที่เก็บมาถูกเจ้าก้อนขนกินไปหมดแล้ว จะย่างเจ้ากระต่ายตอนนี้ก็เสียดายเนื่องจากไม่มีวัตถุดิบในการปรุงมากพอ กลัวมันจะไม่อร่อยแล้วกินไม่ได้ สู้ขุนมันให้อ้วนไปก่อนไม่ดีกว่าเหรอ อีกใจก็อยากให้เจ้ากระต่ายอยู่เป็นเพื่อนด้วย อยู่ในป่าคนเดียวน่ากลัวจะตายอย่างน้อยมีสัตว์เลี้ยงพ่วงด้วงอาหารฉุกเฉินอยู่ด้วยก็อุ่นใจกว่า

    ซินดี้เดินไปที่ลำธารที่อยู่ไม่ไกลล้างหน้าล้างตา ระหว่างล้างหน้าก็สังเกตไปด้วยว่ารอบๆ มีอะไรให้กินได้บ้าง เธออยากกินเนื้อ ไม่อยากกินลูกไม้ป่าแล้ว อยากกินปลา แต่ฝูงปลาที่ว่ายในลำธารเร็วเกินไปที่จะจับด้วยมือเปล่า คงต้องไปทำเบ็ดหรือไซดักปลาก่อน ซึ่งมันใช้เวลาพอสมควร คงหิวจนเป็นลมไปก่อน

    ระหว่างที่เดินหาของกินในลำธารก็พบเข้ากับก้อนอะไรบางอย่างที่มีสีอ่อนต่างจากหินเล็กน้อย มันมีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ

    ซินดี้พับขากางเกงผ้าขึ้นเหนือเข่า รองเท้าผ้าใบถูกถอดออกเหลือเพียงเท้าเปล่า ทันทีที่เท้าสัมผัสกับน้ำเย็นเฉียบก็รู้สึกสดชื่น เธอเดินลุยน้ำมาบริเวณโขดหินใหญ่ ก่อนจะหยิบก้อนสีน้ำตาลเข้มขึ้นมาอย่างง่ายดาย มันคือหอย หน้าตาของมันเป็นตลับเหมือนหอยกาบที่มีขนาดใหญ่ นี่มันของดีสุดๆ แถมดูเหมือนมันจะมีเยอะอีกด้วย

    "เสียดายไม่มีวัตถุดิบทำน้ำจิ้มซีฟู้ด ย่างไปก่อนแล้วกัน"

    เธอเดินเก็บหอยในบริเวณที่น้ำไม่ลึกมากทำให้ได้หอยมาห้าหกตัว นำมันมาห่อด้วยใบไม้มาเก็บไว้ที่โพรงไม้ เพราะนึกขึ้นได้ว่าต้องไปหาฟืนมาก่อไฟก่อน

    เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจอเจ้ากระต่ายยังคงนอนท่าเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแม้ฉันจะเสียงดังแค่ไหน ดีที่เห็นว่ามันยังหายใจอยู่ไม่งั้นคงคิดว่ามันตายแล้ว

    "เจ้าขี้เกียจเอ๊ย"

    เมื่อเก็บของเสร็จก็ออกไปหาฟืนมาก่อไฟทันที กิ่งไม้ที่เจอส่วนใหญ่มีแต่ชื้นทั้งหมดเนื่องจากฝนที่ตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้ต้องออกไปหาฟืนไกลจากบ้านโพรงไม้มากขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะหาได้เพียงพอก็เกือบครึ่งวันไปแล้ว

    แต่ก็ไม่ได้มาเพียงฟืนเท่านั้น ระหว่างทางเธอได้เจอเห็ดดอกยักษ์อีกด้วย มันหน้าตาเหมือนเห็ดโคนแต่ใหญ่เกือบสามสิบเซนติเมตร หมวกเห็ดผิวเรียบ ไม่มีกลิ่น และเห็นกระรอกกินมันทำให้แน่ใจว่ามันไม่มีพิษแน่ๆ เธอเก็บเห็ดไปเพียงสองดอกเนื่องจากถือไม่ไหว เพราะมีฟืนที่ต้องแบกกลับด้วย

     

     

    กลับมาที่บ้านโพรงไม้อย่างอารมณ์ดี รีบก่อไฟทันทีด้วยความหิวแน่นอนว่าการก่อไฟในป่าไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงจะเคยดูวิธีการจุดไฟในรายการเซอร์ไวเวอร์มามากมาย แต่อุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นอย่างมีดยังไม่มีด้วยซ้ำ แต่ไม่มีปัญหานั้นหรอก เพราะเธอมีไฟแช็ก อยากจะขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่หยิบมันใส่กระเป๋าเสื้อหลังจากที่จุดไฟย่างบาร์บีคิวคืนนั้น

    หลังจากที่ก่อไฟได้แม้จะทุลักทุเลนิดหน่อยจากการทำตะแกรงสำหรับย่างหอยจากกิ่งไม้อย่างง่ายๆ ด้วยการเอามาวางเรียงกันบนก้อนหินหน้าเรียบ

    ซินดี้เข้าไปนำหอยที่เก็บไว้ที่บ้านโพรงไม้ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าประตูถูกเปิดออก จำได้ว่าก่อนออกไปเธอปิดประตูอย่างดีไม่มีทางลืมแท้ๆ เมื่อรีบเข้าไปดูภายในก็ไม่พบร่างของกระต่ายยักษ์แล้ว มันคงหนีไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่

    เธอรีบเดินหาบริเวณรอบบ้านทันที ภาวนาให้มันอยู่ไม่ได้ไปไหนไกล แต่ก็ต้องผิดหวัง พื้นที่ป่าโดยรอบไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตเลย

    จึงกลับมานั่งย่างหอยและเห็ดอย่างเสียดาย แต่หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นของหอยย่างและเห็ดย่างก็ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว

    หลังจากที่กัดเนื้อนุ่มๆ เด้งๆ ของหอยก็ทำเอาลืมเรื่องกระต่ายยักษ์ไปได้ทันที รสชาติหวานนุ่ม ไม่เหนียวเลยสักนิด ส่วนเห็ดก็รสชาติดีไม่ต่างกันเนื้อข้างในชุ่มฉ่ำ อร่อยทั้งที่ไม่ได้ปรุงอะไรเพิ่ม

    อยากให้ทุกคนบนโลกใบนี้ได้ลิ้มรสมันจริง ของสดๆ จากธรรมชาติดีอย่างงี้นี่เอง

    เธอนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย อย่างน้อยก็ยังมีเห็ดและหอยย่างเยียวยา หลังจากที่กินทุกอย่างจนหมด ท้องฟ้าที่มืดครึ้มก็เริ่มมีสายฝนเทลงมา จึงต้องรีบกลับเข้าโพรงไม้

     

    ซ่าาา!

    เสียงสายฝนโหมกระหน่ำตกลงบนผืนป่า อากาศที่เย็นขึ้นทำให้ทุกอย่างดูน่าเบื่อไปหมด ซินดี้ได้แต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกโพรงไม้ผ่านช่องเล็กๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่มือก็ยังคงหยิบจับสานเถาวัลย์

    ก่อนที่ฝนจะตกแรงฉันไปเก็บเถาวัลย์เส้นเล็กมาหลายกำสำหรับสานตะกร้า มือถลอกเล็กน้อยจากการโดนเถาวัลย์บาดตอนที่เก็บ อยู่ป่ามาเพียงไม่กี่วันกลับรู้สึกว่ามือด้านขึ้น คงเพราะรอบตัวพัฒนาไปไกลจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ใช้เงินซื้อได้ กลับกันที่นี่มีเพียงตัวเธอเองที่ช่วยเหลือตัวเองได้เท่านั้น

    นั่งสานตะกร้าระหว่างนั่งฟังเสียงฝนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด ตะกร้าขนาดใหญ่หน้าตาน่าเกลียดเสร็จจนได้ ถึงมันจะดูไม่เหมือนตะกร้าตามตลาดที่เคยเห็นแต่ก็ใช้ใส่ของได้เหมือนกัน หลังจากนี้ก็เก็บเห็ดให้มากหน่อยจะได้ไม่ต้องไปทุกวันและหาของป่าอย่างอื่นด้วย หนึ่งวันมันผ่านไปไวมาก แป๊บเดียวก็ติดอยู่ในป่าเป็นเวลาสามวันแล้ว และหวังว่าจะมีคนมาช่วยเหลือในเร็วๆ นี้ ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ถ้าออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่เธอจะไปพบจิตแพทย์ทันทีเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×