NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คืนพระจันทร์เต็มดวงนั้นฉันถูกลากเข้าป่า

    ลำดับตอนที่ #3 : พระจันทร์ดวงที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 ธ.ค. 66


    ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังชัดเจนและเสียงร้องของเหล่าแมลงผสมผสานกัน

    ร่างบางของหญิงสาวฝ่าพุ่มไม้และกอหญ้ารกสูง พลางมองย้อนกลับไปข้างหลัง กลัวจะมีลิงหรือหมูป่าตามมา แม้จะหนีมาไกลแล้วก็ตาม รอบตัวมืดลงเรื่อยๆ ความกลัวกลัดกลุ้มเข้ามาในจิตใจ ทั้งสับสนและวิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน

    เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเป็นระยะ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นสัญญาณที่สามารถติดต่อสื่อสารใครได้ ปริมาณแบตก็เหลือไม่ถึงครึ่ง

    "บ้าเอ๊ย!"

    เสียงสบถอย่างหัวเสียดังจนสัตว์เล็กๆ บริเวณนั้นพากันตื่นตกใจหาที่หลบซ่อน

    สิ่งเดียวที่ทำได้คือเปิดไฟฉายส่องทางแล้วเดินต่อไป ความสว่างเพียงเล็กน้อยจากมือถือไม่ได้ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยขึ้นเลยสักนิด มันดูน่ากลัวกว่าเดิมซะอีก

    คงต้องหาที่นอนสำหรับคืนนี้ การเดินทางในตอนกลางคืนไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ ท้องฟ้าที่ถูกเมฆปกคลุมจนไม่มีแสงของดวงจันทร์หรือดวงดาวรอดผ่านมาได้ และเสียงคำรามจากท้องฟ้าส่งสัญญาณเตือนว่าต้องรีบหาที่พักให้ได้เร็วที่สุด

    เดินมาสักพักไม่ไกลก็เห็นต้นไม้ใหญ่ แต่ถึงจะบอกว่ามันใหญ่แต่ก็เล็กกว่าต้นไม้รอบๆ อยู่ดี ใบไม้ก็ใหญ่ตามต้นไม้ไปด้วย ใบไม้หนาพอที่จะกำบังหยาดน้ำฝนที่กำลังจะตกลงมาแน่นอน แต่พักบนพื้นดินก็อันตรายมาก

    บริเวณต้นไม้มีเถาวัลย์อยู่มากเธอจึงดึงเถาวัลย์เพื่อตรวจดูว่าเถาวัลย์เส้นไหนแข็งแรงพอที่จะใช้ปีนเพื่อขึ้นไปยังกิ่งไม้ใหญ่ได้ด้วยความเคยชินจากการเล่นซนในวัยเด็กและวิชาลูกเสือที่เรียนมาแม้จะทุลักทุเลในตอนแรก

    เมื่อปีนขึ้นมาบนกิ่งไม้ได้ก็ทิ้งตัวลงนั่งพิงลำต้นอย่างหมดแรง กิ่งไม้สูงจากพื้นสามถึงสี่เมตรทำให้เสียแรงไปมาก ในค่ำคืนที่ยาวนานนี้ จะหลับก็หลับไม่ลงแม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าแค่ไหน เสียงประหลาดโดยรอบทำให้ตื่นตลอดเวลา

    เธอมองฟ้าค่ำคืนนี้ที่ถูกบดบังไปด้วยเมฆจนมืดสนิท เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมา โชคดีที่บริเวณที่อยู่หยาดน้ำฝนไม่สามารถมาถึงได้เพราะร่มเงาจากต้นไม้

    ในความมืดนี้ได้แต่ตั้งสติทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันดูเหนือธรรมชาติมากจนตั้งรับแทบไม่ไหว เมื่อหลายชั่วโมงก่อนยังเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนอยู่ดีๆ กลับต้องมากลายเป็นผู้ประสบภัย อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ทั้งพบเจอเรื่องประหลาดหลายอย่างทั้งถูกจับมาในป่า คนที่กลายร่างเป็นสัตว์แล้วเข่นฆ่ากันต่อหน้าต่อตา หรือบาดแผลที่ถูกยิง... ผิวที่เรียบเนียนบริเวณเอว บริเวณที่เคยมีบาดแผลฉกรรจ์ แต่ตอนนี้กลับหายไป

    มันไม่ได้แปลกไปแค่รอบตัว แต่ตัวเธอเองก็แปลกตามไปด้วย

    สถานที่ที่เธฮอยู่ตรงนี้อาจเป็นที่หลังความตายก็ได้

     

     

    เช้าวันต่อมา

    ซินดี้เดินทางต่อทันทีที่มีแสงสว่าง ถ้าเดินไปเรื่อยๆ อาจจะเจอถนนหนทางหรือบ้านคนที่จะขอความช่วยเหลือออกไปจากป่านี้ได้ หรือตรงกันข้ามอาจจะเข้าไปในป่าลึกกว่าเดิม แต่ทำอะไรได้นอกจากเสี่ยง

    หลังจากเดินไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์อยู่กลางหัว ก็แวะพักที่บึงน้ำขนาดใหญ่ โดยบริเวณรอบบึงน้ำเป็นพื้นราบเรียบ เดินได้สะดวกกว่าการฝ่าป่ารก

    เธอลงไปล้างหน้าบ้วนปากและกินน้ำที่บึงขจัดความง่วง แม้น้ำไม่ได้ใสมากแต่อย่างน้อยก็ไม่ขาดน้ำตาย จากการไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานและใช้พลังงานไปมาก ข้าวก็ไม่ตกถึงท้อง ทำได้แต่ดื่มน้ำให้อิ่ม

    ขณะที่กำลังใช้น้ำในบึงชำระทำความสะอาดหน้าอยู่ ก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง โดยรอบมีเพียงหินกับดินที่ราบและบางจุดมีพุ่มหญ้าสูงกระจายอยู่ มองกวาดสายตาไปรอบๆ แล้วค่อยๆ ถอยหลังห่างจากบึงน้ำ

    ตูม!

    ทันทีที่เกิดเสียงน้ำแตกกระเซ็นดังขึ้น ซินดี้รีบวิ่งให้ห่างจากน้ำทันทีโดยไม่ได้หันไปมองต้นเสียง ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรห่างจากบึงให้ได้มากก่อนดีกว่า

    ความเงียบกลับมาปกคลุมบรรยากาศโดยรอบอีกครั้ง เธอโยนกิ่งไม้ไปกลางบึงน้ำ ก่อนจะต้องผงะกับจระเข้ตัวใหญ่ มากกว่าสามตัวที่แย่งกันรุมฉีกกิ่งไม้ที่เพิ่งโยนไป ภาพชวนสยองตรงหน้าทำให้ไม่อยากคิดว่าหากยังอยู่ริมบึงคงถูกลากลงไปขย้ำแยกเป็นชิ้นๆ

    จึงต้องกลับมาเดินฝ่าป่ารกเหมือนเดิม ระหว่างทางก็เจอผลไม้ประหลาดหลายอย่าง แต่เพราะไม่รู้จักผลไม้ป่าเลยสักนิด จึงเก็บมาเฉพาะอันที่เหมือนจะมีหนอนแมลงหรือนกกินเท่านั้น เพราะกลัวผลไม้จะมีพิษ เธอไม่อยากเซ่อซ่ากินมั่วซั่วจนตายเป็นผีเฝ้าป่าหรอกนะ

    ลูกไม้ป่าไม่ทำให้อิ่มท้องนัก เพราะทนกินรสชาติเปรี้ยวฝาดของมันไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้กินอะไรเลย

    หลังจากกินเสร็จก็ได้แต่นั่งคิดว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิตดี ยิ่งเดินก็เหมือนป่ายิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ ซินดี้เชื่อว่าเพื่อนๆจะต้องตามหาเธอแน่ หรือคอยอยู่กับที่จะได้ตามหาได้ง่ายไม่คลาดกัน ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้คิดว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาเธอเจอ แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือมีชีวิตรอดจนถึงตอนที่จะมีความช่วยเหลือมาถึง

     

     

    เสียงน้ำไหลกระทบกับโขดหินดังไม่ไกล เธอเดินตามเสียงน้ำไปทันทีด้วยความกระหาย เมื่อเดินฝ่าพุ่มไม้มาได้ก็เจอเข้ากับลำธารสายเล็ก น้ำใสจนเห็นพื้นหินที่มีตะไคร่เกาะ มีฝูงปลาแหวกว่ายเป็นกลุ่ม ไร้เงาสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายอย่างจระเข้ เหมาะที่จะตั้งแคมป์ จึงตัดสินใจที่จะปักหลักรอความช่วยเหลือบริเวณนี้

    เมฆก้อนยักษ์เริ่มเคลื่อนตัวมาปกคลุมท้องฟ้าให้มืดครึ้ม ในคืนนี้ฝนต้องตกอีกแน่ ต้องรีบทำที่พักก่อนที่จะมืด ถ้าไม่อยากนอนตากฝนในคืนนี้

    ขณะที่กำลังสำรวจพื้นที่โดยรอบอยู่ ก็สังเกตเห็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่สิบคนโอบที่ตั้งตระหง่านอยู่บนชั้นดินที่สูงขึ้นหนึ่งขั้น พื้นที่โดยรอบไม่รกมาก เธอมองกิ่งของมันโดยไม่ได้สังเกตเห็นโพรงทางเข้าเล็กๆ เลยจนกระทั่งตอนที่กำลังหาทางขึ้นไปยังกิ่งไม้ที่หมายตาทำที่พักในคืนนี้

    ภายในโพรงไม้ มีที่กว้างประมาณสามคูณสามเมตร ถือว่าไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ รูโหว่มีอยู่สี่รู รูแรกมีขนาดใหญ่เท่าประตูทางที่เข้ามา อีกสองเป็นรูขนาดเล็ก เป็นช่องเหมือนหน้าต่างพอที่จะเอาหัวออกไปได้เท่านั้น และอีกรูอยู่สูงเกือบสามเมตร ขนาดใหญ่พอสมควรแต่มีกิ่งไม้ใบไม้บดบังไว้

    พึ่งสังเกตได้ว่าทุกอย่างในป่าแห่งนี้มีขนาดที่ใหญ่ผิดปกติ เหมือนกับเธอกลายเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กๆ ในโลกของยักษ์ โลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแม้แต่ในสารคดี ก็ภาวนาว่าอย่าให้เป็นเรื่องเพ้อเจ้อที่เธอคิดเถอะ

     

    โพรงไม้นี้แข็งแรงมากพอที่จะเป็นที่พักในคืนนี้และก็จะไม่ต้องหาไม้มากมาย แค่หาไม้มาทำประตูปิดไว้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

    ซินดี้ทำการไปหักใบไม้ที่มีขนาดใหญ่เหมือนใบต้นกล้วยมารองเป็นพื้นไปก่อนชั่วคราวเพื่อกันแมลงหรือสัตว์ตัวเล็กที่อยู่ในดิน นำกิ่งไม้มาร้อยผูกติดกันเป็นแพด้วยเถาวัลย์เส้นเล็กจนแข็งแรงพอที่จะเป็นประตูได้ ส่วนรูเล็กๆ ของต้นไม้ก็ปล่อยมันไว้สำหรับระบายอากาศและรับแสงไม่ให้ในโพรงไม้มืด

    ที่นอนตอนนี้ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าการนำใบไม้ยักษ์มาทับกันหลายๆ ชั้น แม้จะไม่ได้นุ่มแต่ก็ดีกว่านอนบนพื้นแข็งๆ หลังจากที่จัดการบ้านโพรงไม้ชั่งคราวเสร็จ ฟ้าก็เริ่มมืดพอดี ตรวจเช็กความแข็งแรงของประตูและยึดมันเข้ากับก็ช่องโพรงไม้ใหญ่โดยการพิงแผ่นประตูกับรูใหญ่ใช้เถาวัลย์ตรึงไม่ให้ประตูล้ม ก่อนจะเข้าไปดูความเรียบร้อยในโพรงไม้

    มื้อค่ำในคืนนี้ก็ยังคงเป็นผลไม้ป่าที่เก็บมา เมื่อกินจนพออิ่มท้องก็ล้มตัวลงนอนบนกองใบไม้ทันที ในค่ำคืนนี้แม้จะหวาดระแวงสัตว์ป่าอยู่บ้างแต่ก็ทำให้หลับได้ เนื่องจากอุณหภูมิที่อบอุ่นและความเหนื่อยล้าจากการเดินทางเป็นเวลานาน

     

     

    แกร๊กๆๆๆ

    เสียงประหลาดที่ดังขึ้นนอกประตูไม้เป็นพักๆ ปลุกหญิงสาวตื่นขึ้นเปิดไฟฉายจากมือถือสาดส่องไปทางที่เกิดเสียง ซึ่งเป็นประตูไม้แสงไฟสาดส่องผ่านร่องไม้เล็ก ปรากฏสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่หน้าประตู ซินดี้ตั้งสติถอยหลังติดกำแพงไม้ธรรมชาติ 

    รีบหยิบเสื้อฮู้ดขึ้นมาสวมใส่แล้วปีนขึ้นไปบริเวณรูโหว่ข้างบนของโพรงไม้ที่มีรูขนาดใหญ่พอที่จะมุดตัวออกไปได้ โชคดีที่ได้ผูกเถาวัลย์ไว้สำหรับใช้หนียามฉุกเฉิน โดยรูที่ออกมาเป็นบริเวณด้านหลังต้นไม้มีกิ่งไม้ใหญ่รองรับ ภายนอกค่อนข้างมืด จากเมฆครึ้มปกคลุมทั่วท้องฟ้าจนใช้เวลาสักพักในการปรับสายตาให้เข้ากับความมืด

    เธอลงจากต้นไม้อย่างเงียบที่สุดก่อนจะเดินอ้อมต้นไม้สอดส่องสายตาหาต้นเหตุของเสียงทันที หากเป็นสัตว์ป่าดุร้าย จะได้หนีได้ทันแต่ถ้าเป็นเพียงสัตว์ที่ไม่มีพิษสงจะไล่ออกไปให้ไกล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×