คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : พระจันทร์ดวงที่ 12
ผ่านไปเกือบสองอาทิตย์ จากพื้นดินราบเรียบเริ่มมีเนินสูงให้ต้องใช้กำลังร่างกายมากขึ้น ซินดี้เดินทางเพียงไม่นานก็ขอหยุดพักหลายครั้งตลอดทาง ท้อกว่าไปขึ้นดอยกับเพื่อนซะอีก
ลิชท์อสูรกระต่ายหนุ่มที่คุ้นชินเส้นทางจึงอุ้มหญิงสาวขึ้นภูเขามาแทนการที่ปล่อยให้นางเดิน แม้ท่าทีตอนแรกจะไม่ยินยอมก็ตามสุดท้ายก็ไร้เรี่ยวแรงนอนซุกอกแกร่ง ไม่กี่วันก็ได้พบเส้นทางที่ถูกถางไว้ให้สะดวกในการใช้เดินทาง
คนที่ดูดีใจที่ได้เดินในเส้นทางที่สบายมากขึ้นคงมีเพียงซินดี้เท่านั้น ส่วนอีกคนกลับหน้ามืดครึ้มเหมือนมีเมฆฝนลอยอยู่เหนือหัว ยิ่งเข้าใกล้เขตเผ่ากระต่ายเท่าไหร่ อารมณ์ก็ยิ่งเสียมากขึ้นไปเรื่อยๆ
เขาอยากจะวกกลับไปซะตอนนี้ แต่พอเห็นตัวเมียที่เดินทางอย่างเหนื่อยล้ามาหลายวันก็ได้แต่เพียงเดินต่อไป
ใบหูที่ตอบสนองไวต่อเสียงรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้ ตอนนี้อยู่ในเขตของเผ่าแล้ว เป็นไปได้ที่จะเป็นคนในเผ่าที่เดินลาดตระเวนดูแลป้องกันผู้บุกรุก เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาตัวเมียดึงหนังสัตว์ของเธอขึ้นคลุมศีรษะพอดีกับเสียงหนึ่งดังขึ้น
"ลิชท์"
นามที่ถูกเรียกออกมา ทำให้เจ้าของนามหันไปตามเสียง อสูรจากเผ่ากระต่ายป่าซึ่งเป็นหน่วยลาดตระเวนรอบนอกเดินมาทางเขา
"นั่นเจ้าจริงๆ"
เวลและราฟ เขาเป็นหนึ่งในหน่วยที่เขาออกลาดตระเวนประจำ ทำให้สนิทสนมกันไม่น้อย แต่ถึงสนิทกันอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเขาตอนนี้ โดยเฉพาะพวกอสูรที่ยังไม่มีคู่สัมพันธ์
ลิชท์ใช้ร่างกายใหญ่บังหญิงสาวไว้ด้านหลัง แม้จะไม่สามารถรอดพ้นจากอสูรกระต่ายทั้งสองตนได้
"ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้วซะอีก"
"แล้วนั่น..."
"นี่ตัวเมียของข้า"
"อ่า..สวัสดี"
หญิงสาวที่เห็นชายทั้งสองคุยกับไวท์ก็คิดว่าเป็นคนรู้จักคุยกัน จังหวะที่พวกเขาหันมามองเธอคงกำลังคุยเรื่องเธออยู่ จึงทำอะไรไม่ถูกกล่าวทักทายไป
"นางพูดอะไร"
"นางมาจากเผ่าตอนใต้นางจึงพูดภาษาอสุราไม่ได้"
"อสูรแดนใต้อ้อนแอ้นนัก ถึงวัยเจริญพันธุ์แล้วรึ"
ราฟเอ่ยขึ้น พลางมองร่างเล็กที่อยู่ด้านหลังกระต่ายเผือก ทั่วทั้งเผ่ารับรู้กันหมดว่าลิชท์ออกจากเผ่าไปตามหาดอกซาเรเซียเพื่อมารูนน่า แต่กลับกลับมาพร้อมตัวเมียคู่สัมพันธ์หลังจากที่หายไปนานหลายเดือน
"กลิ่นนางแรงนัก"
เวลที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาวเพียงเสี้ยววินาที ต้องยกมือขึ้นปิดจมูกกับกลิ่นที่ตลบอบอวลรอบตัวร่างเล็ก
ซินดี้ที่เห็นท่าทีดังกล่าวรู้สึกหน้าเสีย ตัวเธอเหม็นขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องทำท่าทางขนาดนั้นด้วย
ต่างจากลิชท์ที่ทำได้เพียงข่มอารมณ์ ทุกคืนเขาใช้กลิ่นกายของเขาเข้ากลบกลิ่นของนางให้จนมิด ตอนนี้ทั่วร่างกายของเธอจึงมีแต่กลิ่นช่วงผสมพันธุ์และกลิ่นกายของเขา หากนางไปใช้กลิ่นล่อลวงใครอีกเขาคงต้องโดนเนรเทศออกจากเผ่าจากการฆ่าคนในเผ่าแล้ว กลิ่นของนางให้เขาสูดดมเพียงตัวเดียวก็พอแล้ว
"อย่ายุ่งกับนาง"
ราฟยื่นหน้าเข้ามาบ้างแต่ถูกผลักออกอย่างแรงจนอสูรระดับสามถอยไปหลายก้าวก่อนจะยกมือขึ้นทั้งสองข้างด้วยท่าทางยอมแพ้
"ข้าไม่ยุ่งแล้ว"
ทั้งสามเดินกลับเผ่าด้วยกันด้วยเวลาที่ใกล้เย็นแล้ว โดยเป็นเวลและราฟที่เดินนำทาง ส่วนลิชท์เดินโอบร่างเล็กเดินตามแต่ทิ้งระยะห่างหลายก้าว
เมื่อเดินมาถึงเผ่าก็ได้เจอกับต้นไม้สูงใหญ่หลายต้นที่เป็นที่บังแดด ส่วนพื้นราบเรียบสะอาดตาเป็นลานกว้างร่มรื่น
ในเผ่าตอนนี้มีอสูรบางตา เนื่องจากเป็นเวลาออกลาดตระเวนและช่วงเร่งแลกเปลี่ยนของกับเผ่าอื่นก่อนเข้าช่วงฤดูหนาว จึงมีอสูรอยู่ติดเผ่าไม่มาก
กระต่ายยักษ์สีดำ น้ำตาล ครีมตัวโตหลายตัววิ่งกระโดดอยู่ทั่วไป และมีผู้คนที่แต่งตัวด้วยชุดหนังสัตว์ที่ดูนุ่มฟู
ลิชท์มองสายตาแวววับสีน้ำตาลอมเขียวที่มองรอบตัวอย่างตื่นเต้น ก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นอสูรผิวเข้มร่างใหญ่ที่กำลังเดินตรงมาทางเขา
ซินดี้ที่มัวแต่สนใจอย่างอื่นเกือบสะดุดเพราะชายด้านข้างเธอหยุดเดินกะทันหัน
"กลับมาแล้วรึ" ดอนเดินเข้ามาคล้ายทักทายเวลและราฟแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ลิชท์พลางแสยะยิ้ม
"ท่านดอน"
"ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะกล้ากลับมา"
ดอนพุ่งเป้าไปที่กระต่ายเผือกที่หายหน้าหายตาไปหลายเดือนทันที
"ตอนนี้เขาได้กลายเป็นตัวผู้ของท่านมารูนน่าไปแล้ว"
เวลเอ่ยกระซิบเสียงเบาให้ลิชท์ได้ยิน แต่มีหรือที่จะพลาดไม่เข้าหูกระต่ายป่าทั่วบริเวณนั้น
ดอนยิ้มอย่างพอใจพลางยกมือขึ้นกอดอกแสดงสัญลักษณ์สีแดงเป็นขีดเจ็ดขีดที่หลังมือ ซึ่งสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของคู่สัมพันธ์ของหัวหน้าเผ่าหรือคนที่จะได้เป็นหัวหน้าเผ่าคนต่อไป ส่วนจำนวนขีดเป็นการบอกลำดับการเป็นคู่สัมพันธ์ ซึ่งดอนเป็นคู่สัมพันธ์ของมารูนน่าตนที่เจ็ด
ชื่อของตัวเมียนางนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเลยสักนิด จิตใจของเขาตอนนี้อยู่ที่ตัวเมียด้านข้างของเขาที่ชะเง้อชะแง้อย่างอยากรู้อยากเห็นใต้แผ่นหนังสัตว์แสนประหลาดของนางมากกว่า
"แล้วนั่นเจ้าพาใครเข้ามาในเผ่า"
"นางเป็นตัวเมียของข้า"
"เหตุใดต้องปิดหน้าปิดตา"
"นาง...กำลังป่วย ข้าจะรีบพานางไปที่รังผู้เฒ่า"
ดอนหรี่ตามองจ้องไปที่ตัวเมียร่างเล็กข้างอสูรกระต่ายเผือก ที่มันหายไปเพราะนางตัวเมียผู้นี้หรือ
ชุดหนังสัตว์ที่ไม่เคยพบเจอปกคลุมจนไม่มีสิ่งใดโผล่ออกมานอกร่มผ้า แต่เสี้ยวหน้าขาวผ่องที่อยู่ใต้ผ้าคลุมดึงดูดสายตาเขาไม่น้อย
"ท่านดอนกลุ่มลาดตระเวนนอกอาณาเขตกลับมาแล้ว"
ดอนที่ได้ยินคำรายงานของคนในเผ่าก็ได้แต่ถอยตัวไปทำหน้าที่ของตนเองอย่างไม่สบอารมณ์ที่ถูกขัดจังหวะ แต่ไม่เป็นไรยังมีเวลาอีกมากมายให้เยาะเย้ยอสูรกระต่ายเผือกนั่น
เมื่อแยกกับอสูรตัวอื่น เขาก็พาตัวเมียมาที่รังของผู้เฒ่ากระต่าย เขาเป็นหมอยาและผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ทุกคนในเผ่าต้องเกรงใจรองจากหัวหน้าเผ่า
"นางเป็นอะไรหรือไม่"
"ข้าสัมผัสไม่ได้ถึงพลังจิตอสูรจากร่างกายนางเลย"
อสูรกระต่ายชราใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นตามเวลาชีวิต ใช้มือลูบคลำใบหน้าขาวที่ทำสีหน้าไม่ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"เป็นไปไม่ได้ มีหลายครั้งที่นางสามารถต้านแรงข้าได้"
"ข้าสัมผัสไม่ได้จริงๆ หากเป็นดังที่เจ้าว่าจิตอสูรของนางคงกำลังแปรปวนหรือไม่ก็ถูกทำลายไปแล้ว แต่ยังมีฐานจิตร่างอยู่"
พลังจิตอสูรคือพลังขีดจำกัดความสามารถของสัตว์อสูรแต่ละสายพันธุ์ หากไม่มีพลังจิตอสูรก็เป็นเพียงสัตว์ไร้ค่าในร่างครึ่งอสูร หรือหากร้ายแรงกว่านั้นฐานจิตที่เป็นเหมือนภาชนะกักเก็บพลังจิตถูกทำลายไปด้วยก็จะกลายเป็นสัตว์ธรรมดาไร้สติปัญญา
"นางอาจจะได้รับบาดเจ็บมาอย่างหนักจึงทำให้พลังจิตอสูรแปรปวน ตอนนี้ข้าขาดแคลนสมุนไพรต่างฤดู"
"ท่านต้องการอะไร ข้าจะออกไปหามาให้"
"สมุนไพรที่ต้องใช้ล้วนเป็นสมุนไพรฤดูดอกไม้บาน คงต้องรอผ่านฤดูหนาวไปจึงจะทำยารักษานางได้ ใช้เวลานานหน่อยแต่นางจะกลับมาเป็นปกติแน่"
"ข้าจะให้สมุนไพรไปบำรุงนางก่อน นางตัวเล็กมากเกินไป เจ้าต้องดูแลนางให้ดีหน่อย หน้าตาเช่นนี้คงจะงดงามไม่แพ้ท่านมารูนน่าทีเดียว"
"ขอรับ"
ซินดี้ที่มองหนึ่งหญิงชรา หนึ่งชายหนุ่มคุยภาษาประหลาดจนน่าปวดหัว ใบหน้าเบื่อหน่าย เธอไม่ชอบโพรงใต้ดินนี้เท่าไหร่ มันทั้งอับและมีกลิ่นเหม็นเขียวไปทั่ว ดินก็ดูไม่อยู่ตัวมากนักถ้ามันถล่มลงมาคงตายกันหมด
ความคิดเห็น