คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ
“วิ..เร็วเข้า....เราต้องไปสมัครแต่ต้น ๆ คนยังน้อยอยู่ เสร็จแล้วจะได้มีเวลาไปเดินดูรอบ ๆ โรงเรียนกัน”
ขวัญฤดีเรียกเพื่อนสาวร่างท้วมขาวท่าทางน่ารัก วิภาวี เดินมายังห้องประชุมที่รับสมัครสอบอย่างสบาย ๆ เหมือนไม่รีบไม่ร้อน สองสาวจะมาสมัครเข้าเรียนต่อระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนแห่งนี้ซึ่งเป็นโรงเรียนดังประจำจังหวัด
“ รีบสมัครให้เสร็จก็ดีหรอก แต่ไปเดินดูรอบโรงเรียนไม่เอาด้วยนะขี้เกียจ ร้อนก็ร้อนเหนื่อยด้วยอยากกลับบ้าน ” วิภาวีบอกเพื่อนสาวเมื่อเดินมาถึงเพื่อนสาวที่ยืนรออยู่ด้วยท่าทีกระตือรือร้นเพื่อนสาวของเธอเป็นคนเข้าขั้นสวยเชียว รูปร่างสมส่วนแววตาสดใสปากช่างเจรจา มองกี่ทีก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู
“ น่านะไหน ๆ ก็มีโอกาสได้มาแล้วไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหน่อยซิอยากดูมากเลยถือว่าเป็นความทรงจำวันสมัครสอบไง ”
ขวัญฤดียังคงอ้อนวิภาวีอย่างไม่ลดละ
เฮ้อออ............. วิภาวีแกล้งถอยหายใจยาวเจตนาให้เพื่อนสาวได้ยิน
“เอางี้แล้วกันยายบ๊องไปสมัครเรียนให้เสร็จก่อนดีกว่ามั๊ย เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ”
“ เออก็ได้ ๆ เซ็งนะเนี่ยงอนแล้วว ” ขวัญฤดีพ้อเพื่อนสาว
“ ยายบ๊อง อย่าเพิ่งใจน้อยแสนงอนเลย ไปสมัครให้เสร็จ ๆ ก่อน ”วิภาวีพูดยังไม่ทันจบประโยค ก็ต้องตกใจกับเสียงกรี๊ดของเพื่อนสาวที่แผดเสียงออกมาอย่างดีอกดีใจ ไม่อายฟ้าดิน
กรี๊ดดด......เฮ้ย.. ! วิ ดูผู้ชายคนนั้นซิเท่ห์ชะมัดเลย หล่อมั๊ก ๆ
“มีเวลาดูหนุ่มนะยะเธอ ไหนยะคนไหนที่หล่อมั๊ก ๆ ของเธอน่ะ”
“นั้นไง”
ขวัญฤดีชี้มือไปที่เด็กนักเรียนหนุ่มคนหนึ่งซึ่งใส่เครื่องแบบนักเรียนชื่อดังของจังหวัด ยืนอยู่คนเดียวในกลุ่มนักเรียนหญิงสถาบันเดียวกัน วิภาวี มองตามมือแล้วก็พบว่าหนุ่มที่เพื่อนบอกว่าเท่ห์นั้น เป็นอย่างที่เพื่อนว่าจริง ๆ ผู้ชายคนนั้น สูง ขาว หน้าตาหล่อคมสัน หล่อเข้าขั้นเทพเชียวหละ ตัดผมสั้น แต่งตัวสะอาด สะอ้าน ดูแล้วน่าประทับใจจริง ๆ เขาพูดคุยอยู่ในกลุ่มเพื่อนสาว ๆ ด้วยสีหน้าแววตาที่สดใสเป็นประกาย รอยยิ้มติดอยู่ในหน้าตลอดดูแล้วช่างมีความสุขจริง ๆ
“ เฮ้ย.. ยายวิ ....ยายยยวิ... มองเพลินเชียวนะหล่อน สนใจเหมือนกันเหรอ หล่ออย่างที่ฉันว่าใช่ม๊า..”
“ บ้า..เปล่าสนใจซะหน่อย มองไปเรื่อย ๆ ไร้สาระน่ะ เท่ห์หล่อ ตรงไหน รสนิยมเธอเหรอนั่น ” หญิงอายหน้าแดงเฉไฉแก้ตัวไปข้าง ๆ คู ๆ
“ นี่หล่อน ตาไม่มีแววหรือไงยะหล่อม๊ากกกกกก ว๊ายดูซิยิ้มก็น่ารัก ”
ขวัญฤดี เขย่าแขนวิภาวี เต็มแรงพร้อมส่งเสียงเต็มเสียงอย่างลืมตัวจนกลุ่มนักเรียนที่เป็นที่สนใจของขวัญพากันหันมามองพลันสายตาของวิภาวี ก็สบเข้ากับสายตาของเขาคนนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ วิภาวี ยิ้มอย่างอาย ๆ ออกอาการเคอะเขิน แล้วก็เฉไฉหันไปมองทางอื่นทำเป็นเหมือนไม่สนใจเขาคนนั้น เลยไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มของเขาที่ขบขันกับท่าทางเคอะเขินของเธอ
“ ต๊าย ยายวิดูซี เขายิ้มให้เราด้วย ดูซีดูซี ”
ขวัญฤดีเขย่าเพื่อนสาวจนหัวสั่นหัวคลอนผมกระจุยกระจายมาปกคลุมใบหน้าอันขาวผ่อง เผยให้เห็นเพียงปากนิดจมูกหน่อยที่พ้นผมออกมา จากแรงเขย่าโดยที่เพื่อนสาวยังไม่ทันรู้ตัวมันทำให้หล่อนทั้งคู่เซถลาล้มจ้ำบ้ำกันไปทั้งคู่ นพพรซึ่งยืนมองสองสาวอยู่แล้วอดขำไม่ได้จนเผลอหัวเราะออกมา เพื่อนสาวของเขาหันมามองนพพรอย่างแปลกใจในท่าทางของเขาที่อยู่ดี ๆ ก็หัวเราะออกมา
“ นพเธอเป็นอะไรไปมีอะไรน่าขำหรือไง ” มายาวีเพื่อนสาวคนสนิทของเขาถาม
“ เปล่าไม่มีอะไร ” นพพรตอบในขณะที่เขายังคงส่งเสียงหัวเราะไม่เลิกเหมือนคนบ้าจี้ที่หัวเราะแล้วหยุดไม่ได้ อาการของเขาไม่ใช่แค่เพื่อนของเขาเท่านั้นที่มองเขา แต่ทำเอาสองสาวที่เป็นต้นเหตุของเสียงหัวเราะซึ่งขณะนี้ลุกขึ้นยืนได้แล้วยังต้องหันมองมาทางเขาอย่างแปลกใจเหมือนกัน
“ วิเธอว่าเขาขำอะไร ”
วิภาวี ทำท่างงเหมือนกัน แต่แล้วสายตาก็สบเข้ากับสายตาที่ยังมีแววขบขันอยู่อย่างบังเอิญ พอสายตาสบกันเท่านั้น นพพรก็ปล่อยหัวเราะก๊าก....ออกมาอีกอย่างดัง วิภาวี อายจนหน้าแดงคิดว่าเธอรู้แล้ว..ว่าไอ้สาเหตุที่เขาหัวเราะนั้นต้องมาจากที่พวกเธอล้มลุกคลุกคลานเป็นแน่ ดู๋ดู...แม่เพื่อนสาวตัวดีตัวต้นเหตุ ยังไม่สำนึก เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบชวนเพื่อนสาวไปให้พ้นจากสายตาเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่สปรี๊ดเหนือนรกอย่างเธอจะทำได้
“ ไปสมัครเรียนกันได้แล้วไหนว่ารีบไง ”
ว่าแล้วก็ลากเพื่อนสาวที่ทำท่าว่าจะฝังรากแก้วไว้บนพื้นดินแถวนั้นเสียแล้ว เพราะเธอแทบจะไม่ยอมขยับขาตามแรงลากของเพื่อนสาว แต่สุดท้ายก็ยอมไปโดยยังไม่วายทิ้งสายตาละห้อยหาให้ชายหนุ่มมองตาม
ขณะที่วิภาวี นั่งเขียนใบสมัครเข้าเรียนอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงทักจากคนที่มายืนอยู่ข้างหน้าโต๊ะ
“ สวัสดีครับ
.”
วิภาวี เงยหน้าจากการเขียนใบสมัคร แล้วสิ่งที่ไม่อยู่ในความคาดคิดของเธอก็เกิดขึ้นเพราะผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือผู้ชายที่สร้างความรู้สึกอับอายให้เกิดขึ้นในชีวิตสาวของเธอเมื่อซักครู่นี้เอง
“ สวัสดีครับ ” ชายหนุ่มทักอีกครั้งเมื่อเห็นสาวเจ้าเอาแต่มองเขาแล้วไม่พูดอะไร
“ คะ สวัสดีค่ะ เอ่อ.....มีอะไรหรือเปล่า” วิขานตอบแล้วก็ให้นึกถึงไอ้ท่าทางหัวเราะแทบเป็นแทบตายของเขาเมื่อกี้แล้วให้นึกหมั่นไส้นักหัวเราะเยาะเราขนาดนั้นแล้วยังกล้ามาทักเราอีก ........นายแน่มากกกกกกก แค้นนนนน...แต่ก็ได้แต่คิด
“ เอ่อไม่มีอะไรหรอกครับเผอิญเห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวเลยเข้ามาทักแล้วเพื่อนของคุณอีกคนไปไหนเสียแล้วหละ ว่าแต่จำผมได้ไหมครับที่เราเจอกันตรงหน้าห้องประชุมเมื่อสักครู่นี่น่ะครับ ”
นพพรถามต่อเลยโดยไม่รอคำตอบจากประโยคแรก
จำไม่ได้ก็บ้าแล้ว....วิภาวีคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา แล้วไอ้ภาพหัวเราะงอก่องอขิงของเขาเมื่อกี้ก็ลอยมากวนอารมณ์เธอให้ขุ่นขึ้นมาอีกจนได้
“ ว่าไงครับจำผมได้ไหมเอ่ย...? เอไม่น่าความจำสั้นเลยนะครับเพิ่งเจอกันเมื่อกี้เอง ” นพพรกล่าวเสริมพร้อมกับแววตาที่พยายามกลั้นอาการหัวเราะเต็มที่
“ จำได้ซี จำได้ดีเชียวแหละเจอหน้ากันครั้งแรกหัวเราะเสียขนาดนั้นไม่รู้ว่าพวกเราไปสะดุดต่อมอะไรของนายเข้าถึงหัวเราะจนฟ้าสะท้านดินสะเทือนซะขนาดนั้น ”
เธอตอบอย่างกระแหนะกระแหนตอบแบบชวนหาเรื่อง แล้วทำท่าเหมือนจะปิดการสนทนาซะดื้อ ๆ โดยหันไปสนใจเรื่องใบสมัครที่วางอยู่ตรงหน้า นพพรมองอาการต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างนึกขำมันเป็นความน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“ สมัครสายไหนครับ ” นพพรยังไม่เลิกตอแยและไม่เลิกสนใจท่าทางอารมณ์เสียหัวฟัดหัวเหวี่ยงของสาวเจ้าแถมยังยิงคำถามต่อพร้อมกับมองใบสมัครในมือซึ่งเจ้าของถือมันไว้เฉย ๆ โดยไม่ได้เขียนอะไรต่อ
“ วิภาวีครับ สมัครสายไหนครับ ” นพพรเรียกชื่อเต็มพร้อมถามซ้ำเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากปากสาว
“ รู้จักชื่อฉันได้อย่างไร...?” หญิงสาวถามเขากลับอย่างงง ๆ เขารู้ชื่อเธอได้อย่างไรวิภาวีคิด
นพพรหัวเราะเสียงดัง จนใบหน้าของเขาแดงกล่ำ เขาช่างเป็นคนหัวเราะง่ายเสียนี่กระไรวิภาวีคิดแบบประชด เสียงหัวเราะของเขาทำให้วิภาวีหน้าแดงขึ้นเรื่อย ๆ แดงแล้วก็ซีด....ซีดแล้วก็แดงขึ้นอีก เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเขารู้จักชื่อเธอได้อย่างไร อย่าว่าแต่ชื่อเลยยยยยยย...นามสกุลก็รู้ได้เพราะขณะนี้เธอสวมเครื่องแบบนักเรียนที่มีชื่อพร้อมนามสกุลปักหลาอยู่บนหน้าอก
“ ขำพอหรือยัง ....?” วิภาวีถามอย่างไม่สบอารมณ์โก๋ เหมือนพาลจะหาเรื่องซะให้ได้
นพพรหยุดกึก...เหมือนจะสำนึกได้ เมื่อได้ยินน้ำเสียงของสาวที่อยู่ตรงหน้าบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์เอามาก ๆ
“ เอ่อขำพอแล้วครับ ” นพพรตอบ “ แต่แหมนึกถึงหน้าคุณประกอบกับ ภาพหัวสั่นหัวคลอนล้มลุกคลุกคลานของคุณเมื่อกี้นี้แล้ว มันอดขำไม่ได้จริง ๆ นะ แต่ก็เป็นภาพที่น่ารักนะครับ” เขาพูดด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยรอยอมยิ้มแบบกลั้นหัวเราะกันสุดฤทธิ์
ตบหัวแล้วลูบหลัง วิภาวีหน้าแดงแป๊ดดดด กะจะฉะหนุ่มหล่อเท่ห์ของเพื่อนที่แสนจะปากดีคนนี้สักยก แต่ยังไม่ทันที่เธอจะอ้าปากทำตามที่ใจนึกก็ต้องรีบหุบปากลงเสมือนติดเบรกอย่างดี เมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนสาวตัวดีของเธอนั่นเองที่ลอยมาตามลมน้ำเสียงบ่งบอกถึงอารมณ์อันแสนจะยินดีปรีดาเสียนี่กระไร
“ สวัสดีค่ะ คุยอะไรกันอยู่คะแหม ดีใจจังเลยที่มีโอกาสได้พบกันอีก ”
เสียงทักจากขวัญฤดีเพื่อนรักที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาแต่ไกลแบบว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ว่าคิดอะไรอยู่ ดู่ดู๊ดู... ดูเธอทำ... เพื่อนสาวเธอปรี่ไปหาหนุ่มในดวงใจปานว่าถ้าเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนเขาได้ก็คงจะทำไปแล้ว ใช่ว่าจะสนใจเพื่อนสาวอย่างเธอเลย ลืมไปเลยมั้งว่ามีเธอยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ด้วย “ เหมือนว่าโลกนี้มีเพียงเราสองคน” ฉะนั้นก็ไม่ปาน
“ หวัดดีครับผมนพพรครับ กำลังคุยกับวิเรื่องการสมัครเรียนครับ ยังไม่ได้รับคำตอบเลย ”
พูดจบนพพรก็หันมาสบตากับวิภาวี พร้อมกับส่งสายตาแบบยี่ยวนมาให้ วิภาวีเห็นแล้วเกิดอาการทนไม่ไหวเลยย่นจมูกใส่เขาเสียเลย แต่สำหรับนพพรแล้วมันกับเป็นอากัปกิริยาที่ดูธรรมชาติน่ารักเสียนี่กระไร..
“ ถามว่าอะไรหรือคะ ” ขวัญฤดียังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วต่อไป
“ ผมถามวิเขาว่าสมัครเรียนสายไหนน่ะครับ ”
“ อ๋อ วิเขาสมัครสายวิทย์คณิต น่ะค่ะ ขวัญก็เหมือนกันแล้ว
นพพรล่ะสมัครเรียนสายไหนคะ”
เพื่อนสาวเธอตอบคำถามพร้อมสาธยายเสร็จสรรพ แถมยังยิงคำถามไปยังหนุ่มเท่ห์แบบไม่ให้เสียโอกาส เฮ้ออออออ.. เพื่อนเราเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
“ ครับ วิทย์คณิตเหมือนกันครับ”
“ แหมดีจังเลยถ้าสอบเข้าได้ ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันก็ดีนะคะเนี่ย”
น่านให้มันได้อย่างนี้ซิเพื่อนเรา ไม่มีเหนียมอาย ไม่วางฟอร์ม ไม่เคยปล่อยโอกาสให้หลุดลอย วิภาวิคิดในใจแต่ไม่พูดไม่สนทนาด้วยแต่ก็เงี่ยหูฟังนะ
“ ครับผมจะดีใจมากเลยครับ.....” นพพรขานรับแล้วก็มองไปยังสาวอีกคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาเหมือนไม่สนใจใยดีที่มีเขายืนอยู่ตรงนี้ และเงียบตั้งแต่ขวัญฤดีเข้ามา....เพียงหวังว่าจะสบตาสักครั้งแต่ก็ไม่ได้สมดังใจเขาพบแต่เพียงผมสีดำเงางามที่ปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเธอจะสนใจอยู่กับใบสมัครมากกว่าเขา นพพรคิดน้อยใจนิด ๆ แต่หารู้ไม่ว่าขณะนั้นสาวที่เหมือนจะสนใจแต่เรื่องใบสมัครนั้น ก็สนใจในถ้อยคำสนทนาระหว่างเพื่อนสาวกับชายหนุ่มและจดจำทุกคำพูดของชายหนุ่มได้ แต่ด้วยอารมณ์แบบไหน..... ก็เหลือจะคาดเดาได้.........
“ นพ ไปสมัครเร็ว .....ไม่สมัครหรือไงวะ? หลีสาวอยู่ได้ มาสมัครเรียนนะโว้ยสมัครให้เสร็จก่อน ” เพื่อนของนพพรตะโกนเรียกเขา
เพื่อน ๆ ของเขาเรียกแล้ว วิภาวีคิดในใจแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นยังคงเขียนใบสมัครต่อไปเสมือนไม่สนใจชายหนุ่ม
“ เพื่อนเรียกแล้วเหรอยังคุยกันได้ไม่นานเลย จะมีโอกาสได้คุยกันอีกไหมคะก่อนกลับ ”
“เอ่อ...” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้นพร้อมกับเหลือบสายตาไปยังหญิงสาวอีกคน
“ ว่าไงคะ จะได้พบกันก่อนกลับไหมเพราะขวัญกับวิว่าจะเดินดูโรงเรียนก่อนกลับน่ะ แต่ไปน้อยคนกลัวกร่อย ”
นพพรดีใจลึก ๆ “ ครับ ถ้าสมัครเสร็จแล้วนะครับ....จะรอตรงไหนครับ ”
“ หน้าหอประชุมก็แล้วกันนะคะ แหมขวัญดีใจมากเลยนะคะนึกว่าต้องเดินชมแบบกร่อย ๆ กับวิ เสียแล้ว”
“ไปก่อนนะแล้วผมจะมาหา ”..นพพรพูดพร้อมกับมองไปยังสาวซึ่งก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา จนนพพรต้องเอยขึ้นอีก
“ วิ...ผมไปก่อนแล้วค่อยเจอกันนะครับ ” วิภาวี เงยหน้าแต่ไม่ได้
เอ่ยตอบอะไรพร้อมกับยิ้ม เอหรือสแยะ.....นพพรคิดแล้วก็พลอยจะขนหัวลุกซะให้ได้
“ เราดีใจจังเลย เขายอมรับนัดเราด้วยหละวิ ว๊าววววววววว... เร็ว ๆ เข้ารีบสมัครให้เสร็จ ๆ ยายวิ เราจะได้มีเวลาเดินดูโรงเรียนกันนาน ๆ ช่างมีความสุขจริง ๆ เลย โอ ความทรงจำที่แสนวิเศษ.”
น่านให้มันได้ยังนี้เพื่อนฉัน
“ เกินไปไหมจ๊ะยายขวัญ น้อย ๆ หน่อย หล่อนเป็นผู้หญิงนะยะ หงิม เสงี่ยม นะ มีไหม เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ มาสมัครเรียนนะจ๊ะไม่ได้นัดบอดดูตัวเลือกคู่”
“ แหมเธอก้อจะเป็นคุณยายหงำหงึก คร่ำครึ โบราญไปถึงไหน สมัยนี้สมัยใหม่แล้วยุคฮายเทคโนโลยีกันแล้ว นี่ก็เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อยของเพื่อนฝูง หยวน ๆ น่ะ”
“ ก็รู้...ถึงไม่อยากค้าน แต่เราเป็นผู้หญิงก็ต้องไว้เนื้อไว้ตัวบ้างเปิดเผยไปซะหมด คิดอะไรเขารู้หมด ระวังจะไม่มีค่าในสายตาเขา แล้วไปกับคนที่พึ่งจะรู้จักกัน นิสัยดีร้ายยังไงก็ยังไม่รู้เลย ท่าทางก็กวน ๆ ชวนโมโห นี่นะ”
“ ต๊ายยายวิ ว่าสุดหล่อของฉัน ตรงไหนยะที่หล่อนพูดมาน่ะ เขาออกจะน่ารัก เพอร์เฟคซะขนาดนั้น ตามีแววหรือเปล่าจ๊ะ ..คุณยายประจำคาน เอ......หรือจะเป็นเจ้าหญิงบนหอคอยที่เจ้าชายต้องไปช่วยลงมาดีนะ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”
“ เดี๋ยวเถอะยายต๊องเถียงแทนคอเป็นเอ็นเชียวนะ ฉันยอมอยู่บนคาน หรือบนหอคอยดีกว่า จะคบผู้ชายไม่ดี มีหลายคน ศักดิ์ศรีน่ะรู้จักไหม ยายสาวสมัยใหม่ สาวไฮเทค เอาตัวให้รอดเถอะ เขาเป็นคนอย่างไรดูกันไปนาน ๆ ก่อนดีไหม แล้วก็ไม่รู้ว่าจะสอบเข้าเรียนได้หรือเปล่าเลย สนใจเรื่องเรียนก่อนดีกว่า อนาคตที่ดี ๆ ๆ ท่องเข้าไว้” วิภาวีเทศยาว
วิภาวีและขวัญฤดี สมัครจนเสร็จ ก็โทรบอกทางบ้านขออนุญาตเดินชมโรงเรียนกับเพื่อนก่อนกลับ แล้วมานั่งรอนพพรตรงหน้าหอประชุมตามนัด ช่วงระยะเวลา
การรอ...วิภาวี รู้สึกเหมือนกับว่ามันช่างนานเสียนี่กระไร
เฮ้อพ่อเจ้าประคุณพ่อเทพบุตร เมื่อไรจะเสด็จมาเสียที .....แล้วการรอคอยก็สิ้นสุดเมื่อวิภาวี มองไปเห็นนักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินตรงมายังจุดที่เธอนั่งอยู่ ใช่แล้วเขานั่นเอง เขามาตามที่นัดกับขวัญไว้แต่...เขาไม่ได้มาคนเดียวเขามาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนของเขาที่ได้เจอกันครั้งแรก แต่คราวนี้มีผู้ชายมาเพิ่มขึ้น กลุ่มนพพรเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ นพพรกล่าวทักพร้อมกับแนะนำเพื่อน ๆ ให้เธอและขวัญได้รู้จัก
“ พอดี เพื่อน ๆ รู้ว่าผมจะไปเดินชมโรงเรียนก็เลยอยากมา ร่วมกิจกรรม ด้วย ก็ดี ไปหลาย ๆ คนจะได้สนุกเป็นความทรงจำที่ดี
“ใช่ไปหลาย ๆ คนสนุกดีผมชอบมากเนอะ มายาวี”
เพื่อนของนพพรกล่าวเสริมพร้อมกับหันไปพยักหน้าให้กับสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างนพพร ซึ่งวิภาวี เพิ่งสังเกตเห็นว่าสาวสวยคนนี้ยืนอยู่ใกล้นพพรมาก ความสนิทสนมคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาเรียนมาจากโรงเรียนเดียวกัน วิภาวีเหลือบมองไปยังเพื่อนสาวซึ่งคงยังไม่รู้สึก
“ไปกันหรือยัง .......”นพพรกล่าว
“ ไปซิ ๆ ๆ ไปครับขวัญ วิ” เกียรติศักดิ์กล่าวชวนขวัญ และวิภาวี
ขวัญดูมีความสุขเธอคุยไปตลอดทางที่เดินชมโรงเรียนโดยเธอคุยได้กับทุกคนโดยเฉพาะเกียรติศักดิ์ และนพพร ดูเพื่อนเธอจะสนุกสนานจนเหลือคณานับ ดูเธอเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี สำหรับวิภาวีได้แต่เดินไปเงียบ ๆ คุยบ้างบางครั้งเมื่อมีคนถาม แต่วิภาวีเลือกที่จะเดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่พูดมากกว่า แต่สายตาเธอ เมื่อลืมตัวเธอก็อดที่จะมองไปทางนพพรและมายาวีที่เดินพูดคุยกันหนุงหนิงอย่างมีความสุขไม่ได้แฟนกันหรือเปล่า มองที่ไรก็ให้รู้สึกหมั่นไส้เล็ก ๆ ทุกครั้ง วิภาวีรู้สึกว่าระยะเวลามันช่างนานเสียเหลือเกิน .....มันนานเกินไปแล้ว
ในที่สุดการเที่ยวชมโรงเรียนก็สิ้นสุดลงเมื่อทุกคนเดินวนจนมาถึงหอประชุมอีกครั้ง
“แหมเวลาผ่านไปเร็วจังเลย แต่เป็นความทรงจำที่ดีนะ” เกียรติศักดิ์เอ่ย
“ ใช่ ๆ เป็นความทรงจำที่ดีมากเลยถ้าพวกเราสอบเข้าเรียนต่อได้ทุกคนและได้เรียนห้องเดียวกันก็จะดีมากเลย ”
“ ใช่ ผมก็อยากให้เป็นเป็นอย่างนั้น”
พูดพร้อมกับหันมามองวิภาวี ซึ่งคราวนี้เขาได้สบตากับเธออย่างจัง เพราะวิภาวี มองเขาอยู่แล้วตลอดเวลาที่มาถึงหอประชุม วิภาวีรีบหันไปมองทางอื่นไม่เออออไปกับความคิดของใครทั้งนั้น ในใจก็คิดไปต่าง ๆ นานา มันจะดีตรงไหนนะ.... คิดไม่ออก อยู่ใกล้ก็อยากจะซัดซักยกแล้ว แหมมีสาวสวยติดตามตัวมาขนาดนี้ยังมีเวลาสอดส่ายสายตาสานสัมพันธ์กันคนอื่นได้อีกนะ พ่อปลาไหล น่าหมั่นไส้จริงเลย วิภาวี คิดในใจแต่หารู้ไม่ว่าความคิดมันแสดงออกมาทางสีหน้าแววตาอย่างเห็นได้ชัด
“ วิ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ...” นพพรถาม
“เปล่า ....ไม่ได้เป็นอะไรหนิ ปกติจะตาย..”วิภาวีตอบแบบไม่เก็บอารมณ์เลย
เงียบ........................... บรรยากาศมันชั่งอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“ นี่เรามาแลกเบอร์โทรกันไหมเผื่อก่อนสอบจะได้นัดกันดู
หนังสือบ้าง ..” .
โอ้แม่เจ้า... เพื่อนเธอชั่งกล้าคิดนะ
“เอาซี่ เป็นความคิดที่ดีมากเลย....”เกียรติศักดิ์เสริม
“ได้จ๊ะ” มายาวีกล่าวพร้อมกับบอกเบอร์ของเธอ และ ของนพพร ให้ทราบ .เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าเขาและเธอสนิทสนมกันจนจำเบอร์โทรศัพท์ของกันได้
“ เสร็จยัง......กลับกันเถอะขวัญ............”วิภาวี กล่าวชวนขวัญ
“ยังไม่ได้เบอร์วิเลย” นพพรกล่าวท้วง
“เอ้อ เราไม่มีโทรศัพท์” วิภาวีแกล้งโกหกเพราะไม่อยากให้เบอร์กับเขา ขวัญฤดีมองหน้าเพื่อนแบบงง ๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร
“อ้าว แล้วจะติดเธอได้อย่างไรหละ”....นพพรอุทานปนผิดหวัง
“ติดต่อผ่านเราก็ได้เพราะเป็นคู่แฝดกันอยู่แล้วและจะดีใจมากเลยถ้าเธอโทรมาหา แล้วจะรอนะ ”. ขวัญกล่าว
“ไปได้แล้ว”วิชวนเพื่อนสาวอีกครั้ง แล้วก็หันไปกล่าวลาเพื่อนใหม่แบบกลาง ๆ โดยไม่ได้หันไปมองนพพรอีกเลย
นพพร มองตามหลังหญิงสาวที่กล่าวลาเขา โดยไม่แม้จะหันมาสบตาเขา เธอเป็นอะไรไป........? นพพรคิดกังวลอยู่ในภวังค์....โดยไม่ได้ยินเสียงมายาวีที่เอ่ยชวนเขากลับบ้าน
“ นพ ๆ ๆ ” หญิงสาวเขย่าแขนเพื่อนหนุ่ม
“หา...........ว่าไงนะ ? ” นพพรสะดุ้งขานรับพร้อมกับละสายตาจากวิภาวีที่เดินจากไป หันกลับมามองหน้าเพื่อนสาว
“ กลับบ้าน...เพื่อน ๆ ไปกันหมดแล้ว .เป็นอะไรของเธอนะ ใจลอยไปถึงไหนเรียกไม่ได้ยินเลย...........” มายาวีตัดพ้อนิด ๆ
“ไม่มีอะไรกลับเถอะเหนื่อยเหมือนกัน” นพพรกล่าว
ความคิดเห็น