ตอนที่ 60 : บทที่57 พี่สาวคนนั้น...เหงาหงอย
บทที่ 57 พี่สาวคนนั้น...เหงาหงอย
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย…. ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น….
ฉันร้องเพลงจำเลยรักในใจพลางมองออกไปยังสวนของบ้านด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยา ทำไม…. ทำไมฉันเป็นคนเดียวที่ถูกกักบริเวณห้ามออกจากห้องแค่คนเดียวววว
ฉันแค่ไม่ยอมบอกที่บ้านแค่ไม่กี่เรื่องเอง….. ถึงไม่กี่เรื่องนี้จะพาฉันไปซวยจนแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ตาม……. ยอมรับก็ได้ว่าเรื่องใหญ่อยู่….. แต่ไม่เห็นต้องขังฉันไว้แต่ในห้องเลยยย ขนาดออกไปกินข้าวพร้อมหน้าครอบครัวยังไปไม่ได้เลย ต้องเอาอาหารมาให้กินที่ห้องเท่านั้น ฮือออ
ถึงตอนนี้ที่บ้านของฉันรู้เรื่องที่เฟนริสกับอาเมะกลายร่างเป็นคนได้แล้ว แถมทั้งคู่ยังเป็นที่รักของบ้านด้วย ยกเว้นท่านพ่อที่ดูไม่ชอบเฟนแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก เพราะท่านมองว่าเฟนช่วยชีวิตฉันไว้ในหลายๆครั้ง……. เนี่ย ขนาดปาร์ตี้น้ำชาที่สวนยังมีเฟนริสกับอาเมะอยุ๋เลย ฉันล่ะ…. ฉันเป็นเจ้านายนะ…….
เฮ้อ พอมองย้อนเหตุการณ์ที่โรงเรียนก็เหมือนพึ่งเกิด….. ต่อให้จริงๆแล้วจะผ่านมาแล้วกว่า 3 เดือน มีอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปเยอะทีเดียว ที่สำคัญคือหลังจากสลบในงานฉันได้สติอีกทีก็ผ่านไปแล้วสามวัน ตอนนั้นพอฉันลืมตาขึ้นมาก็มีคนอยู่รอบเตียงเต็มไปหมด แต่คนที่อยู่ใกล้ฉันที่สุดก็คือ คุณแม่มดเฟทกับพี่หมอราฟาเอลนั่นเอง ทั้งสองกำลังคุยอะไรกันหน้าตาเคร่งเครียด มีแบ็คกราวด์เป็นคุณไทรันที่จ้องมองพี่ราฟาเอลตาแข็ง แม้ว่าริมฝีปากจะยกมุมปากคล้ายยิ้มอยู่ก็ตาม แต่ก็ดูสยองขวัญพอควร
ฉันจึงได้รู้ว่า พอฉันหลับไม่ได้สติในวันที่สอง พี่ราฟาเอลก็พยายามหาสาเหตุแต่หายังไงก็ไม่เจอ เฟนริสที่ตอนนั้นที่บ้านรับรู้เรื่องราวแล้วจึงกระโดดหน้าต่างออกไปลากแม่มดกลับมายังบ้านของฉัน ทำเอาร้านเกือบถล่ม เพราะเฟนไปถึงร้านในร่างหมาป่า และไม่พูดพร่ำใดๆ กระโดดงับคอเสื้อแม่มดถูลากกับพื้นออกมาทันที คุณไทรันที่กำลังจัดการกับเมล็ดพืช กว่าจะรู้ตัวก็เผลอ(?) ปล่อยเถาวัลย์พืชมีพิษไล่มัดคนที่ขโมยเจ้านายตัวเองโดยไม่พิจารณารอบข้างให้ดี ทำเอาถนนพัง อาคารแถวๆนั้นได้รับความเสียหาย ดีที่คุณเฟทจำเฟนได้จึงห้ามคุณไทรันซะก่อนที่จะถล่มเมืองอย่างราบคาบ แน่นอนว่าเจ้าขาวผู้เป็นคนร้ายลักพาตัว ก็ใช้ความไวตัวเองหลบหนีมาได้อย่างชิวๆ ไม่มีรอยขีดข่วน แน่นอนว่าด้วยความเร็วดั่งรถไฟเหาะตีลังการได้ 360 องศานั้น ทำเองพอคุณเฟทถึงคฤหาสน์ ก็เรียกร้องขอถังขยะมาจากคุณพ่อบ้านอย่างเร่งด่วน….. แน่นอนว่าเจ้าคนร้ายนิสัยไม่ดีนั้นไม่เคยเห็นใจใคร หลังจากคุณเฟทหมดไส้หมดพุง…. ลาก่อนข้าวเช้าไปแล้ว เจ้าสุนัขตัวโตก็ลากร่างแม่มดชราเดินไปโยนในห้องนอนฉัน ยังดีที่คุณไทรันมาถึงเร็วและใช้เถาวัลย์รับร่างนั้นเอาไว้ได้ (ขอบคุณสวรรค์) แน่นอนว่าพอมาถึงได้ข่าวว่าห้องของฉันเกือบกลายเป็นสงครามเบาๆ ของต้นไม้กับหมาป่า ดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้ามาก่อน เจ้าหมาป่าเลยสงบเสงี่ยมเป็นหมาบ้าน เดินหูหางตกมานอนข้างๆฉันพร้อมช้อนตามองคุณเฟทอย่างน่าสงสาร ทำเอาคุณไทรันรู้สึกอยากเอาเมล็ดอะไรซักอย่างเข้าไปฝังในหัวเจ้าหมาสองหน้าตัวนี้
คุณเฟทจึงได้เจอกับพี่ราฟาเอลครั้งแรก แน่นอนว่าสามารถเข้ากันได้อย่างดีจนคุณไทรันต้องขอไปแย่งงานคนสวนในบ้านเพื่อตัวเองจะได้ไม่เผลออารมณ์เสียจากการหวงเจ้านาย
นั้นแหละค่ะ พอการแพทย์สมัยใหม่ (ในยุคนี้) ผสานเข้ากับการแพทย์ของแม่มดในเช้าวันที่สามฉันก็ลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อมกับรับประสบการณ์หูดับ จากการโดนตำหนิจากท่านพ่อและท่านแม่ การบ่นเรื่องสุขภาพของฉันทางทั้งคุณเฟทและพี่ราฟาเอล และแน่นอนรวมถึงการฟ้องถึงพฤติกรรมใช้ความรุนแรงของเฟนริสจากคุณไทรัน ส่วนเจ้าขาวก็อยู่ในร่างหมาช้อนตามองฉันพร้อมเอาหน้าถูไถอยู่ข้างๆอย่างไม่สนใจเจ้าต้นไม้เดินได้ตรงหน้า……..ค่ะ ฉันหลับแค่สามวันเองค่ะ…… ไม่อยากนึกถึงความบรรลัยถ้าฉันหลับไปนานกว่านั้นเลย……
อาการของฉันดีขึ้นเรื่อยๆ และมาพร้อมสุขภาพทีี่ดีขึ้นด้วย เป็นผลงานจากความร่วมมือกันของหมอ (?)สองคน ที่คุณไทรันถึงขั้นมาขอให้ฉันห้ามพี่ราฟาเอลไม่ให้ไปดื่มชาแลกเปลี่ยนความรู้กับคุณเฟทที่ร้าน (ไปบ่อยจนคุณไทรันหวงมากๆ) แน่นอนว่าฉันก็ทำอะไรไม่ค่อยได้ ขอโทษนะคุณไทรันไว้ฉันหมดจากการโดนกักบริเวณก่อนนะคะ (ปาดน้ำตา)
แน่นอนว่า เรื่องที่อยากรู้ที่สุดในตอนนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ฉันเฝ้าด่าตัวเองตลอด…… ทำไมมม อีกนิดเดียวก็ถึงบทสรุป ทำไมไม่แหกตารอดูไปก่อนนนน ่ทำไมถึงได้สลบไป……
แต่ยังดีที่มีคนมาสรุปให้ฟังทีหลังมากมาย หนึ่งในนั้นคือคนที่ช่วยฉันเอาไว้อย่างพี่รามีเอล ที่มาบอกเหตุการณ์หลังจากฉันสลบไป
ปรากฎว่าในตอนนั้นตรงที่พี่รามีแทงดาบใส่นางเอกแต่ดันไม่ใช่จุดตาย และดูเหมือนนางจะทนเจ็บไม่ได้จนเป็นลมไป (กากจัง) หลังจากนั้นพวกที่รับมือด้านนอกก็ทยอยกันเข้ามาควบคุมสถานการณ์กันได้ ดีที่ทางเราไม่มีใครถึงชีวิตซักคน (ได้ข่าวว่าอาเมะทำลายเสาจนเหลือแค่สองต้นที่ค้ำเพดานเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ส่วนค่าเสียหายเรียกได้ว่าพี่รามีเอลถึงขั้นหน้าเจื่อนเลยทีเดียว) พระราชาแต่ละอาณาจักรก็ได้พวกกบฎของอาณาจักรตัวเองกลับไปลงโทษกันถ้วนหน้า แน่นอนว่าแม่นางเอกก็โดนโยนเข้าคุกไปก่่อนในระหว่างฃ่วงต้องสอบสวนนี้ ส่วนเจ้าชายหลุยห์ผู้ใจง่ายถึงขั้นรับไม่ได้จนต้องกลับอาณาจักรไปก็ล้มหมอนนอนเสื่อ อะมาดิโอไปเยี่ยมมา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะดูดีขึ้นแม้สภาพร่างกายจะดูทรุดโทรมลง จนพระราชาคนพ่อต้องส่งจดหมายมาขอหยุดเรียนไปหนึ่งเทอมเลยทีเดียว
ล่าสุดได้ข่าวว่าแม่นางเอกคนสวยถึงขั้นสติแตกพูดเพ้อเจ้อไม่รู้เรื่องจนทางการตัดสินใจไม่สอบสวนต่อ และใช้เวทมนตร์ให้เธอใช้เวทย์ไม่ได้อีกต่อไป พร้อมทั้งจับนางปล่อยลงเรือไปทิ้งไว้กลางทะเล อะมาดิโอบอกว่ามันเป็นความเมตตาอย่างหนึ่งของพระราชา ถึงแม้เธอจะโชคดี เรือลำนั้นแล่นไปถึงฝั่ง ก็คงอยู่ไม่สู้ตายเพราะใช่เวทย์ไม่ได้อีก แถมในร่างกายก็มียาพิษที่ฉันใช้ปิ่นแทงลงไปอีก…. ซึ่งฉันมารู้ทีหลังว่ายาพิษนะจะทำให้ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ แถมยังค่อยๆทำลายสภาพจิตใจจนคนได้รับพิษนั้น ค่อยๆเป็นบ้าในที่สุด……. เอาเถอะ ก็ถือว่าตามบุญตามกรรมนะน้อง…….. แต่ว่า….ท่านพ่อคะ อย่าบอกนะว่าสภาพคุณนางเอกที่คลั่งนั้นจะเป็นฤทธิ์ของยา……. ท่านพ่อจะรู้ไหมว่าลูกเกือบตายเพราะยานั้นไปแล้ว…..
ก๊อก ก๊อก
“คุณหนูคะ น้ำชายามบ่ายค่ะ” เสียงเมลีนดังขึ้นพร้อมเสียงเปิดประตู ทำให้ฉันที่เหม่อมองไปด้านนอกหันกลับมาสนใจ
“ขอบคุณจ้ะ” ฉันยิ้มพร้อมรับเอาถ้วยชาที่เมลีนยื่นมาให้ยกขึ้นจิบ
“คุณหนูเหงาหรอคะ” เมลีนยิ้มพร้อมมองลงไปยังงานเลี้ยงน้ำชาด้านล่าง
“ก็นิดหน่อยจ้ะ” ฉันมองลงไปยังครอบครัวที่อยู่ด้านล่าง ก็นะ คงจะเหงาหน่อยๆจริงๆแหละ กับคนที่มีเรื่องตื่นเต้นให้ทำมาตลอดพอโดนกักบริเวณ ในห้องมันก็เงียบๆน่ะนะ
“คุณหนูจะให้ตามใครขึ้นมาไหมคะ” เมลีนยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน คงเห็นฉันเหงาๆละมั้ง
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกความสนใจจากพวกเราในห้อง เมื่อฉันเอ่ยอนุญาต ร่างที่ก้าวเข้ามาก็ทำเอาฉันรีบลุกขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“เฮล!” ร่างของปีศาจตัวน้อยในชุดทางการเปิดมาพร้อมรอยยิ้มน่ารัก
“พี่เทีย!” ร่างเล็กวิ่งเข้ามากอดเอวฉันแน่น พร้อมถูหัวเข้ากับหน้าท้องอย่างออดอ้อน
และแล้ว......ในวันเหงาๆของฉันก็มีเสียงพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะของพวกเราดังขึ้นจนถึงเย็น......
***************************************************
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เลือกลงเรือไม่ถูกเลยผู้อำนวยการก็ดี คุณหมอก็ดีปีศาจน้อยน่ารักก็ใช่(ลงเรือใครดีเนี้ยยยยย)