คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Final:Ch.02 จุดเปลี่ยน
Love_Match: Final Especially Love
Pairing : WonKyu Ft. HyukMin KiHae
By winata & Betty Noona
Ch.02: จุดเปลี่ยน
คำพูดธรรมดาของใครบางคน อาจเป็นคำพูดที่แสนวิเศษของคนฟังบางคน
หรืออาจเป็นใบมีดที่พร้อมกรีดหัวใจของบางคน
“เป็นไงบ้าง” ซีวอนที่เปิดประตูวีไอพีของผู้ป่วยในเข้ามาถามขึ้นหลังจากวางข้าวของต่าง ๆ ลงแล้ว
แต่ปฏิกิริยาจากชายหนุ่มผิวคร้ามแถมมีแก้มเจ้าเนื้อมีแค่ตวัดสายตามองแวบเดียว ก่อนจะหันกลับมองร่างอวบที่นอนอยู่บนเตียงสีขาวในชุดสีชมพูอ่อน ใบหน้าใสมีร่องรอยช้ำเล็กน้อยเพราะแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ ส่วนขาทั้งสองของ
ซองมินที่ได้รับการผ่าตัดจัดเรียงกระดูกใหม่พร้อมเข้าเฝือกไว้ทั้งสองข้าง ทำให้ซีวอนรู้สึกตื้อทุกครั้งที่มองของเพื่อนรัก
“เหมือนเดิมนะซีวอน” ทงเฮเป็นคนตอบกลับเสียงเอง ก่อนจะเดินเข้ามาเปิดถุงนั้นถุงนี้ดูว่าเพื่อนร่างสูงซื้ออะไร
มาให้กินบ้าง แม้จะรู้สึกอึดอัดในบรรยากาศแต่ด้วยเป็นคนนิสัยร่าเริงและไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย
เกือบสามวันแล้วที่ซองมินออกจากห้องผ่าตัดครั้งล่าสุด แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะฟื้นแม้ทุกคนจะได้รับการยืนยันจากแพทย์เจ้าของไข้ว่าตอนนี้อยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว ต้องรอให้ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมาเอง
“ฉันไปเรียกคิบอมมาทานข้าวเอง” ทงเฮบอกเมื่อจัดอาหารบนโต๊ะภายในห้องรับรองญาติผู้ป่วยที่อยู่ ๆ ข้างผู้ป่วยบอก เพราะในตอนนี้เหมือนมีแค่เขาคนเดียวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในกลุ่มเพื่อนสนิททั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฮยอกแจ ซีวอน คยูฮยอน และคนสุดท้ายคิบอม
“ฉันไปดร็อปให้ซองมินแล้ว” ฮยอกพูดขึ้น
หลังจากที่พวกเขาทั้งห้าคนเริ่มทานอาหารกันไปได้สักพัก เพราะใกล้จะสอบไฟนอลของภาคที่สองของการเป็นนักศึกษาปีสองแล้วและด้วยสภาพร่างกายซองมินคงไม่พร้อมที่จะกลับไปเรียนเร็ว ๆ นี้
“คุณลุงกับคุณป้ากว่าจะกลับมาถึงก็คงวันศุกร์” คยูฮยอนเปิดปากขึ้นบ้างเพราะตัวเขาเป็นคนอาสาติดต่อกับพ่อแม่
ของซองมินที่ทำงานอยู่ที่ต่างประเทศเอง
“วันนี้จิมมี่แซมมาหาซองมินที่คณะด้วย บอกว่าให้ติดต่อกลับเรื่องเดบิวต์เห็นบอกว่าทางค่ายกำหนดวันแล้ว” ทงเฮพูดจบก็นั่งเขี่ยข้าวไปมา
ใช่แล้ว...ความฝันสูงสุดในชีวิตของเพื่อนรักอย่างอีซองมินคือการเดบิวต์เป็นนักร้อง กว่าเจ้าตัวจะออดิชั่นเป็นเด็กฝึก
ในค่ายดังของวงการเพลงเกาหลีใต้ได้ต้องใช้ความพยายามมากมายต่อหลายครั้ง แถมยังต้องฝึกหนักมากในช่วงสามสี่ปีมานี้...
นี่ยังไม่รวมที่ต้องอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งอย่างโซลเพื่อที่จะได้เรียนที่เดียวกันกับแฟนหนุ่มคยูฮยอน
“หึ” นั้นคือเสียงของคิบอมที่ทุกคนได้ยินก่อนที่ร่างสูงจะวางตะเกียบแล้วลุกออกจากโต๊ะกินข้าวเพื่อไปนั่งเฝ้าซองมิน
บรรยากาศอึดอัดและอึมครึมแบบนี้ทุกคนล้วนสัมผัสได้เป็นอย่างดี กลุ่มเพื่อนสนิทที่ไม่มีวันที่จะสนิทใจกันดังเดิมนับแต่วันที่ความจริงทุกอย่างเปิดเผยความสัมพันธ์ที่มันลึกลับซับซ้อน
ซีวอนกำตะเกียบแน่นขึ้นก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปก่อนพูดขึ้น
“กินข้าวต่อเถอะ ยังไงทุกอย่างก็ต้องรอซองมินฟื้นก่อน ตอนนี้พอมีอะไรทำได้ก็ทำไปก่อน”
คยูฮยอนเหลือบตามองคนพูดก่อนจะเสหลบสายตานิ่ง ๆ จากฮยอกแจที่จ้องมอง ไม่ว่าจะสักกี่ครั้งตัวเขาก็ยังไม่กล้าสบตากับอีฮยอกแจคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของชเวซีวอนเต็มตาอยู่
“นายจะมีอะไรจะพูดเหรอฮยอกแจ” ซีวอนเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นฮยอกแจยังจ้องตนเองกับคยูฮยอนไม่วางตา
ส่วนคนถูกถามก็ถอนหายใจก่อนจะตะเกียบลง
“เราเลิกกันเถอะซีวอน” หลังพูดจบ ความรู้สึกแรกของอีฮยอกแจคือความโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกแบบที่ไม่เคยเป็น
มาก่อน ทั้งที่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือคนที่คิดว่าเป็นผู้ชายในอุดมคติแต่พอเอาเข้าจริง ๆ มันกลับเป็นแค่ภาพลวงตาของความสมบูรณ์แบบที่คนแบบอีฮยอกแจเอื้อมมือไปสัมผัสไม่ได้
“ถ้าเป็นเพราะฉัน....” ฮยอกแจยกมือห้ามคยูฮยอนที่กำลังจะพูดแก้ตัว
“ไม่ใช่หรอก เพราะยังไงฉันก็ไม่มีวันเป็นคนที่ใช่สำหรับซีวอน ตัวนายก็รู้ดีแก่ใจว่าตัวเองรักใครถึงพยายามแค่ไหนสุดท้าย
พวกเราก็ต้องเลิกกันอยู่ สู้ให้มันจบลงที่ตรงนี้ซะดีกว่า” ฮยอกแจพูดด้วยความรู้สึกจากใจจริง ๆ
“อืม ขอบใจนะฮยอก” ซีวอนบอกพร้อมยิ้มให้คนตัวบางแต่ไม่บอบบางเหมือนที่เห็น
ฮยอกแจกรอกตาขึ้นมองเพดานห้องพักรับรองของผู้ป่วย นี่ไงรอยยิ้มที่เขาเคยใฝ่ฝันว่าอยากได้จาก
ชเวซีวอนสักครั้ง...รอยยิ้มจากใจจริง ๆ ไม่ใช่การเสแสร้งหรือแสร้งทำเพื่อความสบายใจของใคร
“แล้วคยูฮยอนกับซองมินละจะเอายังไงต่อ” นี่เป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครตอบคำตอบของทงเฮนอกจากความเงียบ
“เห้ออออ ถ้ามีความรักแล้วจะทุกข์ขนาดนี้อีทงเฮขอไม่มีดีกว่า ดูดิเรารึต้องมานั่งกินเอากินเอาอยู่คนเดียว” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะจัดการอาหารมื้อเย็นอยู่คนเดียวเนื่องจากคนอื่น ๆ กินพอเป็นพิธี หลังจากฮยอกแจเคลียร์กับซีวอนเสร็จก็ขอตัวกลับบ้านไปเอาของก่อนจะมานอนเฝ้าซองมินอีกคน
ส่วนซีวอนกับคยูฮยอนก็นั่งทำมินิโปรโจคอยู่ที่โซฟาข้างเตียงซองมิน ส่วนคิบอมแน่นอนอยู่แล้วร่างสูงคนนั้นยึดที่นั่งเฝ้าข้างเตียงซองมินแทบจะตลอดเวลา
คิบอมที่กำลังจะมาชวนทงเฮลงไปหาเค้กทานที่คาเฟ่ด้านล่างของตึกผู้ป่วยใน ถึงกับชะงักเพราะเป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ยินทงเฮพูดแบบนี้
“อ้าวคิบอม...” ทงเฮที่เก็บจานเรียบร้อยหันมาเอ่ยปากทักขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ซีวอนและคยูฮยอนเรียกชื่อของเพื่อนรักในกลุ่มที่สลบไปเกือบสามวันอย่างอีซองมินด้วยความตกใจระคนดีใจ
“ซองมิน/มินนี่”
เปลือกตาบางสีน้ำนมที่กระพริบตาถี่ ๆ ค่อย ๆ ลืมขึ้น พร้อมกับดวงตาเรียวเล็กที่หยีขึ้นทันทีรวมถึงใบหน้าหวานใสที่เหยเกเพราะความเจ็บปวดจากขาทั้งสองข้างทันทีขยับตัว
“จะ..เจ็บ” เสียงที่เคยหวานใสที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ซองมินกระพริบตาถี่ ๆ มองเพดานสีขาว ก่อนที่ความทรงจำสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไปกลับเข้ามาอีกครั้ง ร่างบางสั่นสะท้านก่อนที่น้ำตาเม็ดโต ๆ จะไหลออกมาจากดวงตากลมด้วย
“ซองมินเป็นไงบ้าง” คยูฮยอนที่วิ่งมายืนประชิดข้างเตียงพร้อมกับยกมือบางขึ้นมากุมไว้
“ฉันกดเรียกหมอกับพยาบาลแล้ว” ซีวอนเอ่ยบอกเพราะนายแพทย์เจ้าของไข้สั่งไว้นักหนาว่าถ้าซองมินฟื้นแล้วให้รีบตามโดยด่วน
“อะ..ออกไป...ออกไปทั้งคู่เลย” ซองมินพูดออกมาด้วยความลำบาก เพราะตอนนี้เขาเจ็บ...มันไม่ได้เจ็บแผลเพราะโดยรถชนแต่มันเจ็บที่หัวใจสำหรับคนที่เขารักทั้งสองใจจงใจหักหลัง!!!
“เดี๋ยวมินนี่อย่าเพิ่งพูดอะไรรอคุณหมอก่อนนะ” คยูฮยอนพูดเสียงสั่นเพราะแววตาของคนป่วยที่มองมานั้นมันคือแววตาของคนหัวใจสลายและผิดหวัง มันทำให้เขาจุกจนแทบพูดไม่ออกกับความเลวของตัวเองที่ได้ทำลงไป
ซองมินแข็งใจเอื้อมซ้ายที่มีเข็มน้ำเกลืออยู่คว้าแจกันข้างเตียงมาขว้างใส่ร่างสูงทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเตียง
โดยไม่สนใจเลยว่าเข็มมันจะทิ่มมือบางของตนเองจนเลือดไหล และไม่แคร์ว่าแค่ขยับร่างกายตัวเองนิดเดียวจะทำให้แผลที่
ตัวเองมีอยู่แล้วแย่ลงกว่าเดิมแค่ไหน เพราะขอแค่อย่างเดียว..อย่าได้เห็นหน้าคนทรยศทั้งสองคนอีกเลย
เพล้ง!!
กลายเป็นว่าซีวอนที่พุ่งตัวมาบังคยูฮยอนไว้ ทำให้แจกันที่ซองมินขว้างออกไปโดนศีรษะของร่างสูงแทนเลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากข้างขมับของซีวอน
“ออกไป ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!!!” ซองมินตะโกนขึ้นอย่างสุดพร้อมกับกรีดร้องอย่างโหยหวน พร้อม ๆ กับที่แพทย์เจ้าของไข้และเหล่านางพยาบาลมาถึงพอดี
“เชิญข้างนอกดีกว่าครับพวกคุณ ตรงนี้ขอหมอดูแลผู้ป่วยก่อน” นายแพทย์อิมแทบินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
เพราะเท่าที่สังเกตดูผู้ป่วยและคนเฝ้าไข้คงมีปัญหากันซับซ้อนมากกว่าเกินที่คิด
เกือบยี่สิบนาทีที่คุณหมอและพยาบาลจะเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยด้านใน คยูฮยอนเป็นคนแรกที่เข้าไปถามอาการจากคุณหมอ
“ตอนนี้หมอฉีดยานอนหลับให้คนไข้ได้พักผ่อนแล้ว คงตื่นอีกทีพรุ่งนี้เช้าตอนนี้คนไข้ได้รับความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
หมออยากจะแนะนำว่าควรเลี่ยงเรื่องที่จะกระทบจิตใจคนไข้มากที่สุด เพราะหมอยังไม่ได้คุยเรื่องขาของคนไข้หวังว่าพวกคุณจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
ไม่มีเสียงตอบรับจากชายหนุ่มทั้งสี่คนนอกจากความเงียบที่เหมือนเป็นการตอบรับคำขอร้องจากคุณหมอเจ้าของไข้
ซีวอนที่ตอนนี้ไปทำแผลมาแล้วถึงกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วเอนหลังพิงฝาพนังพร้อมยกเข่าขึ้นมาชันก่อนจะซบใบหน้าคมลง ส่วนคยูฮยอนนั่งลงโซฟาเดี่ยวพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้า
ทงเฮที่ตอนนี้น้ำตาคลอได้แต่มองเพื่อนคนโน้นทีคนนั้นที โดยไม่รู้จะทำยังไงเพราะเสียงร้องไห้ของ
ซองมินตอนที่ฟื้นขึ้นมามันทำให้เขารู้สึกเจ็บไปกับเพื่อนแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง
“ทงเฮ ไปส่งสองคนนี้กลับหอเถอะ” คนพูดน้อยที่สุดในกลุ่มเปิดปากพูดประโยคที่ยาวที่สุดในรอบหลายวัน
“เอ๋?”
“อยู่เฝ้าไป มันก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แถมพรุ่งนี้2คนนี้ก็มีพรีเซ็นงานที่คณะด้วยนิกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ฉันอยู่เฝ้า
ซองมินเอง ยังไงเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะมาแก้ไขอะไรตอนนี้ให้มันดีทันใจคงทำไม่ได้หรอกนะ” อีกครั้งที่คำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ของคิมคิบอมมันแทงใจจำของคยูฮยอนและซีวอน
ทงเฮที่ยืนรีรออยู่ด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่รู้ว่าทำไมคืนนี้ถึงไม่อยากจากคิบอมไปไหนเลย คล้าย ๆ กับมีอะไรมาหน่วง ๆ ในใจว่าเหมือนเขาจะไม่ได้เจอกับร่างสูงนี้อีกแล้ว
“คิบอม” ทงเฮพูดเสียงอ่อน
“รีบไปเถอะเดี๋ยวสองคนนั้นจะรอนาน ฝากดูด้วยละ กลับถึงห้องแล้วรีบอาบน้ำแล้วนอนเลยรู้ไหม คืนนี้ไม่เล่นเกมจนดึกนะ” คิบอมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ที่น้อยคนนักจะได้ยินก่อนจะยกมือหนาลืมผมสีส้มของเพื่อนตัวเองที่มองมาด้วยสายตาหงอย ๆ
“คิบอม”
“เป็นอะไรไปหึ” เอ่ยถามเพื่อนตัวเล็กที่โผเข้ามากอด จนคิบอมต้องยกแขนกอดตอบ
“ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยากกอดคิบอม” ขี้อ้อน...ทงเฮเป็นแบบนี้เสมอเวลาอยู่เพื่อนสนิท
“รีบกลับเถอะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” คิบอมผละออกมาก่อนพร้อมกับจูงมือทงเฮมาส่งที่ประตูห้อง
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ทงเฮเอ่ยบอกคิบอมก่อนจะเปิดประตูห้องออกไป
ร่างสูงยืนมองบานประตูห้องพักผู้ป่วยอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับเดินเข้ามายังเข้าห้องพักผู้ป่วยด้านในที่ซองมินกำลังนอนอยู่ คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคนป่วยที่ควรจะหลับด้วยฤทธิ์ยากับกำลังนอนมองเพดานอยู่เงียบ ๆ
“แก้มป่อง” สรรพนามที่เคยเรียกขานกันในวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง
“อืม ว่าไงแก้มกลม” คิบอมเรียกกลับคืนบ้างก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย
“ถ้าเราขอทวงสัญญาจากแก้มป่องตอนนี้จะได้ไหม” เสียงเครือของซองมินมันบาดหัวใจคนฟังอย่าง
คิบอมจนต้องยกมือหนาไปกุมมือบางเอาไว้เพื่อถ่ายทอดความเจ็บปวด
“ได้สิ แก้มกลมอยากได้อะไร ตามสัญญาฉันให้ได้ทุกอย่างถ้าสามารถให้ได้”
“ฮึก...ขอร้องละ พาเราไปจากที่นี่ได้ไหม เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” สิ้นคำขอของผู้ป่วยถึงกับทำให้คิบอมรู้สึกหนาวสะท้าน
“แต่ว่าอาการของแก้มกลม”
“เราไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะคิมคิบอม เราถามคุณหมอแล้วถึงจะไปจากที่นี้ช้าหรือเร็วเราก็กลับมาเดิน...ไม่สิแม้กระทั่งลุกขึ้นยืน เราก็คงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว”
“ซองมิน” คิบอมอุทานด้วยความตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าเพื่อนสนิทจะรู้อาการตนเองเกือบละเอียด
เขาก็เกือบจะลืมไปว่าคุณพ่อซองมินเป็นแพทย์
“ขอร้องละ ฉันยังไม่พร้อมจะเจอหน้าใครจริง ๆ ตอนนี้” ซองมินพูดเจือสะอื้นก่อนที่น้ำตาเม็ดโต ๆ จะไหลออกมาจาก
ดวงตากลมสวยที่ตอนนี้มันแดงไปหมด
ใช่แล้ว ตอนนี้อีซองมินยังไม่พร้อมที่จะเจอใครและยังไม่พร้อมที่เผชิญหน้าความจริง...
ความจริงที่ว่าคยูฮยอนรักซีวอน และซีวอนรักคยูฮยอน หรือแม้กระทั่งความใฝ่ฝันของตัวเองที่ทุ่มเทมาหลายปีกับการเด็กฝึก
ที่จะได้เดบิวต์เป็นศิลปินในเดือนหน้านั้น มันกลายเป็นความฝันที่หลุดลอยไปที่ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะทำได้อีกแล้ว
“งั้นแก้มกลม อยากจะไปไหน” มือหนาเอื้อมมือมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าใส
“ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่เกาหลี”
“งั้นไปหาออมม่ากับอาป๋าฉันกัน” คิบอมบอกก่อนจะลุกขึ้นมาโทรศัพท์ติดต่อไปหาคนสนิทของบิดาเพื่อจัดการทุกอย่างให้รวดเร็วที่สุด
“ขอบใจนะแก้มป่อง”
“นอนเถอะเดี๋ยวตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” คิบอมยิ้มให้เพื่อนสนิทที่ตอนนี้ตาเริ่มปรือเพราะฤทธิ์ยาที่เขาเพิ่งให้คุณพยาบาลเข้ามาฉีดให้อีกรอบ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย พวกนายทำ....แบบนี้ได้ยังไง ซองมินเป็นเพื่อนสนิทของพวกเรา ถ้าบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความรัก แล้วต้องเจอแบบนี้ ฉันไม่ขอมีความรักกับใครทั้งนั้น”
คำพูดธรรมดาของอีทงเฮ แต่มันเหมือนใบมีดที่พร้อมกรีดหัวใจของคนฟังอย่างคิบอม เพราะว่าไม่ว่าแสดงออกแค่ไหน...ทงเฮก็ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้เลย เพราะงั้นเขาเลยเลือกที่จะทำตามสัญญาของซองมินเพื่อนรัก ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนประถมที่กลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยโดยไม่คิดจะโต้แย้งใด ๆ หวังให้เวลาที่จากกันไปจะช่วยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น รวมถึงความรู้สึกที่เขาคิดเกินคำว่าเพื่อนกับร่างเล็กให้หายไปกับกาลเวลา!!!
แล้วนั้นคือวันสุดท้ายที่พวกเขาทั้งหกคนได้เจอกัน ก่อนที่คิมคิบอมและอีซองมินจะหายตัวไปแบบ
ไร้ร่องรอยจนเสมือนไม่เคยมีตัวตนใด ๆ ทั้งสิ้น
หนึ่งในสองคนที่จากด้วยความบอบช้ำของหัวใจและร่างกายที่บาดเจ็บแสนสาหัส
แต่สี่คนที่เหลืออยู่นั้นก็ไม่ต่างกัน สามคนที่ต่างรู้ดีถึงความผิดของตนเองที่ก่อไว้จนต้องทำให้เพื่อนรักเจ็บปางตาย
ส่วนอีกคนที่มีแค่ความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทิ้งกันไปโดยไม่แม้แต่จะล่ำลามีเพียงคำถามที่อยากจะถามคนจากไป...
ทำไมคิมคิบอมถึงจากไปพร้อมอีซองมินโดยที่ไม่ยอมบอกอะไรกับอีทงเฮเลยสักคำ!!!
แต่อย่างว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยใจดำกับคนที่มีดวงชะตาต้องกัน เหลือเพียงโชคชะตาที่หมุนผ่านเวลาจะพาพวกเขาทั้งหกกลับมาเจอกันอีกครั้ง
+++++++++++++++++++++++tbc++++++++++++++++++++
**แซม ย่อมาจาก ซอนแซงนิม ที่แปลว่า อาจารย์ นะคะ
เจอกันตอนหน้าค้าาาาาาาาาาาาาาาา
ปล. ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป แน่นอนว่าเรื่องนี้วอนคยู ><
แต่เราค่อย ๆ นำเสนอความสัมพันธ์เกี่ยวกับตัวละครว่า กว่าคยูจะไปเป็น อาจารย์หมอ(ปากหมาจอมวางแผน)
กับหล่อเทพซีวอน(ดร.หนุ่ม อาจารย์คณะวิศวะ)ในเลิฟแมทของเอ็กโซ ได้มันต้องผ่านอะไรไปบ้าง
รวมถึงคู่ฮยอกมิน...และคิเฮ
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน+เม้น+fav ค่ะ
ความคิดเห็น