ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Final Especially Love [WonKyu Ft. HyukMin KiHae]

    ลำดับตอนที่ #3 : Final:Ch.02 จุดเปลี่ยน

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 56




    Love_Match: Final Especially Love

    Pairing :  WonKyu Ft. HyukMin KiHae

    By  winata & Betty Noona

     

     

    Ch.02: จุดเปลี่ยน

     

    คำพูดธรรมดาของใครบางคน  อาจเป็นคำพูดที่แสนวิเศษของคนฟังบางคน

    หรืออาจเป็นใบมีดที่พร้อมกรีดหัวใจของบางคน

     

     

                “เป็นไงบ้าง” ซีวอนที่เปิดประตูวีไอพีของผู้ป่วยในเข้ามาถามขึ้นหลังจากวางข้าวของต่าง ๆ ลงแล้ว 

                 แต่ปฏิกิริยาจากชายหนุ่มผิวคร้ามแถมมีแก้มเจ้าเนื้อมีแค่ตวัดสายตามองแวบเดียว  ก่อน
    จะหันกลับมองร่างอวบที่นอนอยู่บนเตียงสีขาวในชุดสีชมพูอ่อน   ใบหน้าใสมีร่องรอยช้ำเล็กน้อยเพราะแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ ส่วนขาทั้งสองของ
    ซองมินที่ได้รับการผ่าตัดจัดเรียงกระดูกใหม่พร้อมเข้าเฝือกไว้ทั้งสองข้าง  ทำให้ซีวอนรู้สึกตื้อทุกครั้งที่มองของเพื่อนรัก


     

                “เหมือนเดิมนะซีวอน” ทงเฮเป็นคนตอบกลับเสียงเอง  ก่อนจะเดินเข้ามาเปิดถุงนั้นถุงนี้ดูว่าเพื่อนร่างสูงซื้ออะไร
    มาให้กินบ้าง  แม้จะรู้สึกอึดอัดในบรรยากาศแต่ด้วยเป็นคนนิสัยร่าเริงและไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย


     

                เกือบสามวันแล้วที่ซองมินออกจากห้องผ่าตัดครั้งล่าสุด  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะฟื้นแม้ทุกคนจะได้รับการยืนยันจากแพทย์เจ้าของไข้ว่าตอนนี้อยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว   ต้องรอให้ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมาเอง

     

                “ฉันไปเรียกคิบอมมาทานข้าวเอง” ทงเฮบอกเมื่อจัดอาหารบนโต๊ะภายในห้องรับรองญาติผู้ป่วยที่อยู่ ๆ ข้างผู้ป่วยบอก  เพราะในตอนนี้เหมือนมีแค่เขาคนเดียวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในกลุ่มเพื่อนสนิททั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฮยอกแจ  ซีวอน  คยูฮยอน และคนสุดท้ายคิบอม

     

                “ฉันไปดร็อปให้ซองมินแล้ว” ฮยอกพูดขึ้น

                หลังจากที่พวกเขาทั้งห้าคนเริ่มทานอาหารกันไปได้สักพัก เพราะใกล้จะสอบไฟนอลของภาคที่สองของการเป็นนักศึกษาปีสองแล้วและด้วยสภาพร่างกายซองมินคงไม่พร้อมที่จะกลับไปเรียนเร็ว ๆ นี้


     

                “คุณลุงกับคุณป้ากว่าจะกลับมาถึงก็คงวันศุกร์” คยูฮยอนเปิดปากขึ้นบ้างเพราะตัวเขาเป็นคนอาสาติดต่อกับพ่อแม่
    ของซองมินที่ทำงานอยู่ที่ต่างประเทศเอง


     

                “วันนี้จิมมี่แซมมาหาซองมินที่คณะด้วย  บอกว่าให้ติดต่อกลับเรื่องเดบิวต์เห็นบอกว่าทางค่ายกำหนดวันแล้ว” ทงเฮพูดจบก็นั่งเขี่ยข้าวไปมา

     

                ใช่แล้ว...ความฝันสูงสุดในชีวิตของเพื่อนรักอย่างอีซองมินคือการเดบิวต์เป็นนักร้อง  กว่าเจ้าตัวจะออดิชั่นเป็นเด็กฝึก
    ในค่ายดังของวงการเพลงเกาหลีใต้ได้ต้องใช้ความพยายามมากมายต่อหลายครั้ง       แถมยังต้องฝึกหนักมากในช่วงสามสี่ปีมานี้...
    นี่ยังไม่รวมที่ต้องอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งอย่างโซลเพื่อที่จะได้เรียนที่เดียวกันกับแฟนหนุ่มคยูฮยอน


     

                “หึ” นั้นคือเสียงของคิบอมที่ทุกคนได้ยินก่อนที่ร่างสูงจะวางตะเกียบแล้วลุกออกจากโต๊ะกินข้าวเพื่อไปนั่งเฝ้าซองมิน

     

                บรรยากาศอึดอัดและอึมครึมแบบนี้ทุกคนล้วนสัมผัสได้เป็นอย่างดี  กลุ่มเพื่อนสนิทที่ไม่มีวันที่จะสนิทใจกันดังเดิมนับแต่วันที่ความจริงทุกอย่างเปิดเผยความสัมพันธ์ที่มันลึกลับซับซ้อน 


     

    ซีวอนกำตะเกียบแน่นขึ้นก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปก่อนพูดขึ้น

     

                “กินข้าวต่อเถอะ  ยังไงทุกอย่างก็ต้องรอซองมินฟื้นก่อน  ตอนนี้พอมีอะไรทำได้ก็ทำไปก่อน”

     

                คยูฮยอนเหลือบตามองคนพูดก่อนจะเสหลบสายตานิ่ง ๆ จากฮยอกแจที่จ้องมอง  ไม่ว่าจะสักกี่ครั้งตัวเขาก็ยังไม่กล้าสบตากับอีฮยอกแจคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของชเวซีวอนเต็มตาอยู่

     

             “นายจะมีอะไรจะพูดเหรอฮยอกแจ” ซีวอนเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นฮยอกแจยังจ้องตนเองกับคยูฮยอนไม่วางตา 
    ส่วนคนถูกถามก็ถอนหายใจก่อนจะตะเกียบลง

     

                “เราเลิกกันเถอะซีวอน” หลังพูดจบ  ความรู้สึกแรกของอีฮยอกแจคือความโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกแบบที่ไม่เคยเป็น
    มาก่อน  ทั้งที่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือคนที่คิดว่าเป็นผู้ชายในอุดมคติแต่พอเอาเข้าจริง ๆ มันกลับเป็นแค่ภาพลวงตาของความสมบูรณ์แบบที่คนแบบอีฮยอกแจเอื้อมมือไปสัมผัสไม่ได้


     

                “ถ้าเป็นเพราะฉัน....” ฮยอกแจยกมือห้ามคยูฮยอนที่กำลังจะพูดแก้ตัว

     

                “ไม่ใช่หรอก  เพราะยังไงฉันก็ไม่มีวันเป็นคนที่ใช่สำหรับซีวอน  ตัวนายก็รู้ดีแก่ใจว่าตัวเองรักใครถึงพยายามแค่ไหนสุดท้าย
    พวกเราก็ต้องเลิกกันอยู่   สู้ให้มันจบลงที่ตรงนี้ซะดีกว่า” ฮยอกแจพูดด้วยความรู้สึกจากใจจริง ๆ


     

                “อืม  ขอบใจนะฮยอก” ซีวอนบอกพร้อมยิ้มให้คนตัวบางแต่ไม่บอบบางเหมือนที่เห็น

     

                ฮยอกแจกรอกตาขึ้นมองเพดานห้องพักรับรองของผู้ป่วย  นี่ไงรอยยิ้มที่เขาเคยใฝ่ฝันว่าอยากได้จาก

    ชเวซีวอนสักครั้ง...รอยยิ้มจากใจจริง ๆ ไม่ใช่การเสแสร้งหรือแสร้งทำเพื่อความสบายใจของใคร

     

                “แล้วคยูฮยอนกับซองมินละจะเอายังไงต่อ” นี่เป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครตอบคำตอบของทงเฮนอกจากความเงียบ

     

                “เห้ออออ  ถ้ามีความรักแล้วจะทุกข์ขนาดนี้อีทงเฮขอไม่มีดีกว่า  ดูดิเรารึต้องมานั่งกินเอากินเอาอยู่คนเดียว” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะจัดการอาหารมื้อเย็นอยู่คนเดียวเนื่องจากคนอื่น ๆ กินพอเป็นพิธี  หลังจากฮยอกแจเคลียร์กับซีวอนเสร็จก็ขอตัวกลับบ้านไปเอาของก่อนจะมานอนเฝ้าซองมินอีกคน  

     

                ส่วนซีวอนกับคยูฮยอนก็นั่งทำมินิโปรโจคอยู่ที่โซฟาข้างเตียงซองมิน   ส่วนคิบอมแน่นอนอยู่แล้วร่างสูงคนนั้นยึดที่นั่งเฝ้าข้างเตียงซองมินแทบจะตลอดเวลา

     

                คิบอมที่กำลังจะมาชวนทงเฮลงไปหาเค้กทานที่คาเฟ่ด้านล่างของตึกผู้ป่วยใน  ถึงกับชะงักเพราะเป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้ยินทงเฮพูดแบบนี้

     

                “อ้าวคิบอม...” ทงเฮที่เก็บจานเรียบร้อยหันมาเอ่ยปากทักขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ซีวอนและคยูฮยอนเรียกชื่อของเพื่อนรักในกลุ่มที่สลบไปเกือบสามวันอย่างอีซองมินด้วยความตกใจระคนดีใจ

     

                “ซองมิน/มินนี่”

     

     

             เปลือกตาบางสีน้ำนมที่กระพริบตาถี่ ๆ ค่อย ๆ ลืมขึ้น  พร้อมกับดวงตาเรียวเล็กที่หยีขึ้นทันทีรวมถึงใบหน้าหวานใสที่เหยเกเพราะความเจ็บปวดจากขาทั้งสองข้างทันทีขยับตัว

     

                “จะ..เจ็บ” เสียงที่เคยหวานใสที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

     

                ซองมินกระพริบตาถี่ ๆ มองเพดานสีขาว  ก่อนที่ความทรงจำสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไปกลับเข้ามาอีกครั้ง  ร่างบางสั่นสะท้านก่อนที่น้ำตาเม็ดโต ๆ จะไหลออกมาจากดวงตากลมด้วย

     

                “ซองมินเป็นไงบ้าง” คยูฮยอนที่วิ่งมายืนประชิดข้างเตียงพร้อมกับยกมือบางขึ้นมากุมไว้

     

                “ฉันกดเรียกหมอกับพยาบาลแล้ว” ซีวอนเอ่ยบอกเพราะนายแพทย์เจ้าของไข้สั่งไว้นักหนาว่าถ้าซองมินฟื้นแล้วให้รีบตามโดยด่วน

     

                “อะ..ออกไป...ออกไปทั้งคู่เลย” ซองมินพูดออกมาด้วยความลำบาก  เพราะตอนนี้เขาเจ็บ...มันไม่ได้เจ็บแผลเพราะโดยรถชนแต่มันเจ็บที่หัวใจสำหรับคนที่เขารักทั้งสองใจจงใจหักหลัง!!!

     

                “เดี๋ยวมินนี่อย่าเพิ่งพูดอะไรรอคุณหมอก่อนนะ” คยูฮยอนพูดเสียงสั่นเพราะแววตาของคนป่วยที่มองมานั้นมันคือแววตาของคนหัวใจสลายและผิดหวัง  มันทำให้เขาจุกจนแทบพูดไม่ออกกับความเลวของตัวเองที่ได้ทำลงไป

     

                ซองมินแข็งใจเอื้อมซ้ายที่มีเข็มน้ำเกลืออยู่คว้าแจกันข้างเตียงมาขว้างใส่ร่างสูงทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเตียง

    โดยไม่สนใจเลยว่าเข็มมันจะทิ่มมือบางของตนเองจนเลือดไหล  และไม่แคร์ว่าแค่ขยับร่างกายตัวเองนิดเดียวจะทำให้แผลที่
    ตัวเองมีอยู่แล้วแย่ลงกว่าเดิมแค่ไหน  เพราะขอแค่อย่างเดียว..อย่าได้เห็นหน้าคนทรยศทั้งสองคนอีกเลย


     

                เพล้ง!!

     

                กลายเป็นว่าซีวอนที่พุ่งตัวมาบังคยูฮยอนไว้  ทำให้แจกันที่ซองมินขว้างออกไปโดนศีรษะของร่างสูงแทนเลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากข้างขมับของซีวอน

     

                “ออกไป  ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!!!” ซองมินตะโกนขึ้นอย่างสุดพร้อมกับกรีดร้องอย่างโหยหวน  พร้อม ๆ กับที่แพทย์เจ้าของไข้และเหล่านางพยาบาลมาถึงพอดี

     

                “เชิญข้างนอกดีกว่าครับพวกคุณ  ตรงนี้ขอหมอดูแลผู้ป่วยก่อน” นายแพทย์อิมแทบินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
    เพราะเท่าที่สังเกตดูผู้ป่วยและคนเฝ้าไข้คงมีปัญหากันซับซ้อนมากกว่าเกินที่คิด


     

                เกือบยี่สิบนาทีที่คุณหมอและพยาบาลจะเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยด้านใน  คยูฮยอนเป็นคนแรกที่เข้าไปถามอาการจากคุณหมอ

     

                “ตอนนี้หมอฉีดยานอนหลับให้คนไข้ได้พักผ่อนแล้ว  คงตื่นอีกทีพรุ่งนี้เช้าตอนนี้คนไข้ได้รับความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก 
    หมออยากจะแนะนำว่าควรเลี่ยงเรื่องที่จะกระทบจิตใจคนไข้มากที่สุด  เพราะหมอยังไม่ได้คุยเรื่องขาของคนไข้หวังว่าพวกคุณจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”


     

                ไม่มีเสียงตอบรับจากชายหนุ่มทั้งสี่คนนอกจากความเงียบที่เหมือนเป็นการตอบรับคำขอร้องจากคุณหมอเจ้าของไข้


     

                ซีวอนที่ตอนนี้ไปทำแผลมาแล้วถึงกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วเอนหลังพิงฝาพนังพร้อมยกเข่าขึ้นมาชันก่อนจะซบใบหน้าคมลง   ส่วนคยูฮยอนนั่งลงโซฟาเดี่ยวพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้า


     

                ทงเฮที่ตอนนี้น้ำตาคลอได้แต่มองเพื่อนคนโน้นทีคนนั้นที   โดยไม่รู้จะทำยังไงเพราะเสียงร้องไห้ของ

    ซองมินตอนที่ฟื้นขึ้นมามันทำให้เขารู้สึกเจ็บไปกับเพื่อนแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง

     

                “ทงเฮ     ไปส่งสองคนนี้กลับหอเถอะ” คนพูดน้อยที่สุดในกลุ่มเปิดปากพูดประโยคที่ยาวที่สุดในรอบหลายวัน

     

                “เอ๋?”

     

                “อยู่เฝ้าไป  มันก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น  แถมพรุ่งนี้2คนนี้ก็มีพรีเซ็นงานที่คณะด้วยนิกลับไปพักผ่อนเถอะ  เดี๋ยวคืนนี้ฉันอยู่เฝ้า
    ซองมินเอง ยังไงเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะมาแก้ไขอะไรตอนนี้ให้มันดีทันใจคงทำไม่ได้หรอกนะ” อีกครั้งที่คำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ของคิมคิบอมมันแทงใจจำของคยูฮยอนและซีวอน


     

                ทงเฮที่ยืนรีรออยู่ด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่รู้ว่าทำไมคืนนี้ถึงไม่อยากจากคิบอมไปไหนเลย  คล้าย ๆ กับมีอะไรมาหน่วง ๆ ในใจว่าเหมือนเขาจะไม่ได้เจอกับร่างสูงนี้อีกแล้ว

     

                “คิบอม” ทงเฮพูดเสียงอ่อน

     

                “รีบไปเถอะเดี๋ยวสองคนนั้นจะรอนาน  ฝากดูด้วยละ  กลับถึงห้องแล้วรีบอาบน้ำแล้วนอนเลยรู้ไหม  คืนนี้ไม่เล่นเกมจนดึกนะ” คิบอมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ที่น้อยคนนักจะได้ยินก่อนจะยกมือหนาลืมผมสีส้มของเพื่อนตัวเองที่มองมาด้วยสายตาหงอย ๆ

     

                “คิบอม”

     

                “เป็นอะไรไปหึ” เอ่ยถามเพื่อนตัวเล็กที่โผเข้ามากอด  จนคิบอมต้องยกแขนกอดตอบ

     

                “ไม่รู้เหมือนกัน  แค่อยากกอดคิบอม” ขี้อ้อน...ทงเฮเป็นแบบนี้เสมอเวลาอยู่เพื่อนสนิท

     

                “รีบกลับเถอะ  แล้วเจอกันพรุ่งนี้” คิบอมผละออกมาก่อนพร้อมกับจูงมือทงเฮมาส่งที่ประตูห้อง

     

                “แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ทงเฮเอ่ยบอกคิบอมก่อนจะเปิดประตูห้องออกไป 

     

                ร่างสูงยืนมองบานประตูห้องพักผู้ป่วยอยู่ชั่วครู่   ก่อนจะหันกลับเดินเข้ามายังเข้าห้องพักผู้ป่วยด้านในที่ซองมินกำลังนอนอยู่  คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคนป่วยที่ควรจะหลับด้วยฤทธิ์ยากับกำลังนอนมองเพดานอยู่เงียบ ๆ  

     

                “แก้มป่อง” สรรพนามที่เคยเรียกขานกันในวัยเด็กกลับมาอีกครั้ง 

     

                “อืม  ว่าไงแก้มกลม” คิบอมเรียกกลับคืนบ้างก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย

     

                “ถ้าเราขอทวงสัญญาจากแก้มป่องตอนนี้จะได้ไหม” เสียงเครือของซองมินมันบาดหัวใจคนฟังอย่าง

    คิบอมจนต้องยกมือหนาไปกุมมือบางเอาไว้เพื่อถ่ายทอดความเจ็บปวด

     

                “ได้สิ  แก้มกลมอยากได้อะไร  ตามสัญญาฉันให้ได้ทุกอย่างถ้าสามารถให้ได้”

     

                “ฮึก...ขอร้องละ  พาเราไปจากที่นี่ได้ไหม  เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” สิ้นคำขอของผู้ป่วยถึงกับทำให้คิบอมรู้สึกหนาวสะท้าน

     

                “แต่ว่าอาการของแก้มกลม”

     

                “เราไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะคิมคิบอม  เราถามคุณหมอแล้วถึงจะไปจากที่นี้ช้าหรือเร็วเราก็กลับมาเดิน...ไม่สิแม้กระทั่งลุกขึ้นยืน   เราก็คงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว”

     

                “ซองมิน” คิบอมอุทานด้วยความตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าเพื่อนสนิทจะรู้อาการตนเองเกือบละเอียด

    เขาก็เกือบจะลืมไปว่าคุณพ่อซองมินเป็นแพทย์

     

                “ขอร้องละ  ฉันยังไม่พร้อมจะเจอหน้าใครจริง ๆ ตอนนี้” ซองมินพูดเจือสะอื้นก่อนที่น้ำตาเม็ดโต ๆ จะไหลออกมาจาก
    ดวงตากลมสวยที่ตอนนี้มันแดงไปหมด


     

                ใช่แล้ว  ตอนนี้อีซองมินยังไม่พร้อมที่จะเจอใครและยังไม่พร้อมที่เผชิญหน้าความจริง...

    ความจริงที่ว่าคยูฮยอนรักซีวอน  และซีวอนรักคยูฮยอน  หรือแม้กระทั่งความใฝ่ฝันของตัวเองที่ทุ่มเทมาหลายปีกับการเด็กฝึก
    ที่จะได้เดบิวต์เป็นศิลปินในเดือนหน้านั้น  มันกลายเป็นความฝันที่หลุดลอยไปที่ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะทำได้อีกแล้ว


     

                “งั้นแก้มกลม  อยากจะไปไหน” มือหนาเอื้อมมือมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าใส

     

                “ที่ไหนก็ได้  ที่ไม่ใช่เกาหลี”

     

                “งั้นไปหาออมม่ากับอาป๋าฉันกัน” คิบอมบอกก่อนจะลุกขึ้นมาโทรศัพท์ติดต่อไปหาคนสนิทของบิดาเพื่อจัดการทุกอย่างให้รวดเร็วที่สุด

     

                “ขอบใจนะแก้มป่อง”

     

                “นอนเถอะเดี๋ยวตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” คิบอมยิ้มให้เพื่อนสนิทที่ตอนนี้ตาเริ่มปรือเพราะฤทธิ์ยาที่เขาเพิ่งให้คุณพยาบาลเข้ามาฉีดให้อีกรอบ

     

     

                “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย  พวกนายทำ....แบบนี้ได้ยังไง ซองมินเป็นเพื่อนสนิทของพวกเรา  ถ้าบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความรัก  แล้วต้องเจอแบบนี้  ฉันไม่ขอมีความรักกับใครทั้งนั้น”

     

                คำพูดธรรมดาของอีทงเฮ  แต่มันเหมือนใบมีดที่พร้อมกรีดหัวใจของคนฟังอย่างคิบอม  เพราะว่าไม่ว่าแสดงออกแค่ไหน...ทงเฮก็ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้เลย   เพราะงั้นเขาเลยเลือกที่จะทำตามสัญญาของซองมินเพื่อนรัก   ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนประถมที่กลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยโดยไม่คิดจะโต้แย้งใด ๆ  หวังให้เวลาที่จากกันไปจะช่วยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น  รวมถึงความรู้สึกที่เขาคิดเกินคำว่าเพื่อนกับร่างเล็กให้หายไปกับกาลเวลา!!!


     

                แล้วนั้นคือวันสุดท้ายที่พวกเขาทั้งหกคนได้เจอกัน  ก่อนที่คิมคิบอมและอีซองมินจะหายตัวไปแบบ

    ไร้ร่องรอยจนเสมือนไม่เคยมีตัวตนใด ๆ ทั้งสิ้น  


     

                หนึ่งในสองคนที่จากด้วยความบอบช้ำของหัวใจและร่างกายที่บาดเจ็บแสนสาหัส


     

                แต่สี่คนที่เหลืออยู่นั้นก็ไม่ต่างกัน   สามคนที่ต่างรู้ดีถึงความผิดของตนเองที่ก่อไว้จนต้องทำให้เพื่อนรักเจ็บปางตาย 
    ส่วนอีกคนที่มีแค่ความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทิ้งกันไปโดยไม่แม้แต่จะล่ำลามีเพียงคำถามที่อยากจะถามคนจากไป...



     

                ทำไมคิมคิบอมถึงจากไปพร้อมอีซองมินโดยที่ไม่ยอมบอกอะไรกับอีทงเฮเลยสักคำ!!! 



     

                แต่อย่างว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยใจดำกับคนที่มีดวงชะตาต้องกัน  เหลือเพียงโชคชะตาที่หมุนผ่านเวลาจะพาพวกเขาทั้งหกกลับมาเจอกันอีกครั้ง

     

     

    +++++++++++++++++++++++tbc++++++++++++++++++++

    **แซม ย่อมาจาก  ซอนแซงนิม ที่แปลว่า อาจารย์ นะคะ
    เจอกันตอนหน้าค้าาาาาาาาาาาาาาาา

    ปล. ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป  แน่นอนว่าเรื่องนี้วอนคยู  ><
           แต่เราค่อย ๆ นำเสนอความสัมพันธ์เกี่ยวกับตัวละครว่า  กว่าคยูจะไปเป็น อาจารย์หมอ(ปากหมาจอมวางแผน)
    กับหล่อเทพซีวอน(ดร.หนุ่ม อาจารย์คณะวิศวะ)ในเลิฟแมทของเอ็กโซ  ได้มันต้องผ่านอะไรไปบ้าง 
    รวมถึงคู่ฮยอกมิน...และคิเฮ
          ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่าน+เม้น+fav ค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×