ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    IT WILL RAIN [HAEEUN]

    ลำดับตอนที่ #3 : เรื่องบังเอิญ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 57


     


    13/12/2014
    เรื่องบังเอิญ








     

            นับตั้งแต่วันที่ได้เจอกันโดยบังเอิญช่วงปลายเดือนธันวาคม ล่วงเลยมาจนถึงต้นเดือนมกราคม ทงเฮก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปเจอฮยอกแจอย่างที่พูดไว้สักหน 

     

            งานเข้ามามากมายเหมือนกับทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสจนถึงปีใหม่ ทงเฮจะได้งานทั้งการสอนดนตรีเด็กๆ ขึ้นงานโชว์เคสของโรงเรียน ร้องเพลงตามร้านอาหารอื่นนอกเหนือจากร้านของเรียวอุคหรือไปร้องตามเฮ้าส์ปาร์ตี้ของคนมีเงินซึ่งโจคยูฮยอนผู้กว้างขวางได้เป็นคนช่วยเหลือในการโฆษณาทงเฮให้มีคนรู้จัก 

     

            และนอกเหนือจากเวลางานทงเฮก็ขลุกอยู่กับคยูฮยอนที่ต้องทำเพลง และมีเรียวอุคแวะเวียนมาหาอยู่บ่อยครั้ง ใช้ชีวิตเพลินๆ ไปจนลืมนึกถึงคำพูดพระเอกของตัวเองที่เคยพูดไว้กับอีกคน

     

            “โห พี่ แล้วเพิ่งจะมานึกถึงเนี่ยนะ55555555” หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้คยูฮยอนฟังระหว่างที่กำลังรอขึ้นร้องเพลงที่ร้านเรียวอุคตอนสองทุ่ม เจ้าน้องตัวแสบก็หัวเราะลั่น

     

            “อะไรตลกวะ”

     

            “ตลกมึงอ่ะ555555” ยังขำไม่หยุดแม้ทงเฮจะมองตาขวาง “คือมันก็ผ่านมาสองสามอาทิตย์แล้วปะวะ ถ้ามึงลืมมึงคิดว่าเขาจะจำได้หรอ”

     

            “เออ … ก็ไม่รู้เหมือนกันวะ” ทงเฮเกาหัวแกรกๆ “แต่ถึงกูจะลืม กูก็ยังอยากเจอเขานะเว้ย”

     

            “พี่ก็ไปหาดิ ไปด้อมๆมองๆแถวบ้าน แถวมหาลัยเขาอ่ะ ทำตัวเป็นสตอกเกอร์โรคจิต”

     

            “แล้วมันมีทางไหนที่จะดูไม่โรคจิตวะ”

     

            “เอาตรงๆ ก็ไม่มีแล้ว” ตอบแบบไม่ต้องคิด “คือ เขาถามพี่ใช่ป่ะว่าจะได้เจอกันอีกไหม แล้วพี่ก็เสือกเก๊กหล่อตอบไปว่า ไว้เจอกันนะ..”

     

            “เห้ย กูไม่ได้เก๊ก กู..”

     

            “จะบอกว่ามึงไม่ได้เก๊ก แต่มึงหล่ออยู่แล้ว?”

     

            “ไอ้เหี้ยฟังกูก่อนสิวะ” ทงเฮชักจะโมโห ใบหน้าเครียดจริงจังจนคยูฮยอนยอมสงบปากสงบคำ “กูไม่ได้แกล้งพูดไปงั้นจริงๆ นะเว้ย คือกูอยากเจอเขาจริงๆ มันแบบ..”

     

            “แบบ?”

     

            “คือมันฟังดูโง่นะ แต่ตอนที่เจอกัน กูรู้สึกดีมากๆ อ่ะ” ทงเฮพูดไปตามที่รู้สึก “มันแบบ เฮ้ย.. ตั้งเจ็ดปีผ่านมาแล้ว ได้เจอกันอีกแม่งโคตรบังเอิญ”

     

            พอพูดถึงแล้วความทรงจำเก่าๆ ก็กลับมา เพราะการที่ได้เจอฮยอกแจในวันนั้นเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ทำให้ทงเฮมีเพื่อนรักที่ชื่อเบิร์ธเดย์อยู่ด้วยมาตลอดจนถึงวันนี้ และเบิร์ธเดย์นี่แหล่ะที่ทำให้ทงเฮไม่เคยลืมเรื่องราวทุกอย่างที่สถานีรถไฟในตอนนั้น ทงเฮชอบบอกเบิร์ธเดย์ตลอดว่าจริงๆ แล้วเจ้าของเบิร์ธเดย์เป็นเด็กตัวเล็กๆ ขาวๆ ที่ทงเฮไม่รู้จักชื่อ เคยพูดเล่นๆ ด้วยซ้ำว่าถ้าได้รู้ชื่อเด็กคนนั้นเมื่อไหร่จะมาบอกนะ โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันนึงทงเฮจะได้พูดแบบนั้นจริงๆ 

     

            ทุกอย่างมันเป็นเรื่องบังเอิญจนน่าประหลาดใจ

     

            “แล้วมึงคิดว่ามันจะมีเรื่องบังเอิญแบบนั้นเกิดขึ้นอีกหรอ”

     

            ทว่าสิ่งที่คยูฮยอนถามทำให้ทงเฮทำได้แค่เงียบ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องบังเอิญแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้อีกจริงๆ ไหม 

     

            เปอร์เซนต์ความเป็นไปได้มันดูน้อย แต่ลึกๆ แล้ว ทงเฮก็หวัง

     

            บทสนทนาไม่ได้ดำเนินไปต่อเมื่อวงที่เล่นเสร็จช่วงหัวค่ำเดินลงจากเวที ทงเฮกับคยูฮยอนเอ่ยทักทายพูดคุยกันเล็กน้อยตามมารยาทก่อนที่จะเตรียมขึ้นต่อไป ทงเฮนั่งลงที่เก้าอี้ตัวประจำ เสียบสายกีต้าร์โปร่งไฟฟ้าของตัวเอง เปิดแอมป์ มองหน้าคยูฮยอนที่เตรียมร้องเป็นการนัดแนะก่อนที่จะเริ่มเล่นเพลงซาวด์เชค 

     

            มือทั้งสองข้างต่างทำหน้าที่ในการจับคอร์ดและตีจังหวะเพลงอย่างคล่องแคล่ว ทงเฮกวาดสายตาไปรอบๆ ร้านอย่างที่ทำเป็นประจำ ดูแขกในร้านที่มากันเป็นโต๊ะทั้งกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ 

     

            คยูฮยอนเข้าท่อนร้องตามจังหวะเพลงที่คุ้นเคย เสียงเพราะๆ นุ่มๆ ดึงความสนใจจากคนเกือบทั้งร้านให้หันมามองบนเวที รวมไปถึงคนๆ หนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะที่ไม่ไกลจากเวทีนัก 

     

            คนที่นั่งอยู่กลางกลุ่มเพื่อนในโต๊ะตัวยาว เรือนผมย้อมสีบลอนด์สว่างโดดเด่นท่ามกลางแสงไฟสีส้มนวลๆ ในร้าน

     

            คนที่ในตอนแรกนั้นนั่งหันหลังให้เวทีอยู่ แต่พอหันมามองพอดีกับที่ทงเฮมองไป ก็ทำให้ทงเฮอยากจะหันไปบอกคยูฮยอนที่กำลังหลับตาร้องเพลงอยู่อย่างดื่มด่ำจริงๆ

     

     

            อยากจะบอก.. ว่าเรื่องบังเอิญมันเกิดขึ้นอีกแล้ว

     

     

     

     

            :

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            “ฮยอกแจๆ ฝากรับจานจากพี่เขาหน่อย” แรงสะกิดเบาๆ จากเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้ฮยอกแจที่หันหลังไปมองเวทีอยู่ต้องหันขวับกลับมา รับจานอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟทางฮยอกแจและส่งต่อให้เพื่อนๆ นำไปวางไว้ตรงกลางโต๊ะ

     

            วันนี้เป็นวันที่ 4 มกราคม วันเกิดครบรอบ 20 ปีของฮยอกแจ หลังจากเลือกร้านกับเพื่อนๆ อยู่นานเพื่อนคนหนึ่งก็แนะนำร้านอาหารร้านนี้ให้ฮยอกแจรู้จัก เพราะอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก บรรยากาศดี อาหารอร่อย และเพลงเพราะมาก

     

            หลังจากที่เข้ามาแล้วก็พบว่าจริงอย่างที่เพื่อนว่ามา บรรยากาศดี ร้านตกแต่งสไตล์ยุโรปโทนสีน้ำตาลอบอุ่น อาหารอร่อย และเพลงก็เพราะจริงๆ โดยเฉพาะวงอะคูสติกที่เพิ่งขึ้นมา ดนตรีฟังสบาย เสียงนักร้องเพราะมากจนฮยอกแจต้องหันไปมองบนเวที

     

            และเมื่อครู่นี้... ถ้ามองไม่ผิด … ฮยอกแจเตรียมจะหันกลับไปมองเพื่อความแน่ใจอีกรอบทว่ากลับโดนขัดอีกรอบด้วยเสียงของเพื่อนๆ ทั้งโต๊ะ

     

     

            “สวัสดีคร้าบบบพี่ซีวอน”

     

     

            โดยที่คราวนี้ฮยอกแจหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้างให้กับคนที่เพิ่งมาใหม่และลืมสนิทที่จะหันกลับไปมองบนเวทีอีกรอบ

     

     

     

     

     

            :

     

     

     

     

     

     

            ปกติแล้วทงเฮจะเป็นคนที่มีสีหน้าอินไปกับอารมณ์เพลงเวลาเล่นดนตรีและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาร้อง แต่วันนี้คยูฮยอนสังเกตุว่าทงเฮดูแปลกไป เพราะตอนนี้พวกเขากำลังเล่นเพลงเศร้ากัน คยูฮยอนรู้ตัวเองว่ากำลังร้องจนหน้าบิดเบี้ยวด้วยน้ำเสียงบาดลึกเต็มไปด้วยความรู้สึกแต่พอหันไปมองคนข้างตัว... มันกลับนั่งดีดกีต้าร์ไป ยิ้มไป

     

            “พี่ทงเฮมึงเป็นไรวะ” พอถึงช่วงพักสั้นๆ ลงมาดื่มน้ำข้างเวทีหลังจากร้องติดต่อกันมาหนึ่งชั่วโมง คยูฮยอนก็มีโอกาสได้ถามทงเฮซึ่งตอนนี้ก็ยังคงยิ้มอยู่

     

            “เรื่องบังเอิญมันมาอีกแล้วมึง” ทงเฮที่รอจะพูดมานานก็มีโอกาสได้พูดเช่นกัน ต่อให้คยูฮยอนไม่ได้สังเกตุไม่ได้ถามทงเฮก็จะบอกอยู่แล้ว 

     

            “อย่าบอกนะว่ามึงเจอเขา เช้ดดดดดดด พี่ทงเฮ” คยูฮยอนถึงกับร้องเสียงดังอย่างตื่นเต้นเมื่อทงเฮยกคิ้วให้แทนคำตอบ ก่อนจะรีบโผล่หน้าออกไป กวาดสายตาไปทั่วร้าน 

     

            “ไหนวะไหนๆ”

     

            “นู่นอ่ะตรงโต๊ะใหญ่ใกล้ๆเวทีอ่ะมึง คนหัวทองๆ” 

     

            สีผมฮยอกแจโดดเด่นพอที่จะทำให้คยูฮยอนเห็นได้ง่ายๆ ทว่าคยูฮยอนมองแล้วก็ขมวดคิ้ว

     

            “อยากเห็นหน้าว่ะ อ้าว มึง เขามีผัวแล้ว” คยูฮยอนพูดขึ้นเมื่อเห็นผู้ชายคนข้างๆ ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีบลอนด์นั้นอย่างเอ็นดู

     

            “รุ่นพี่เขาเว้ย” ทงเฮรีบตอบ

     

            “จริงอ่ะ พี่รู้ได้ไง”

     

            “ก็วันนั้นที่กูเจอเขา ผู้ชายคนนี้มาหาที่บ้านอ่ะ ชื่อวอนๆไรสักอย่าง”

     

            “มาหาที่บ้านนี่ไม่ใช่แค่พี่แล้วมั้ง”

     

            คยูฮยอนพูดตามที่คิดแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทงเฮขมวดคิ้วมองที่ฮยอกแจแล้วก็คิดตามที่คยูฮยอนบอก รู้สึกตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย

     

            “พี่ ต่อไปร้องเพลงฝรั่งกัน เอา James Blunt สักเพลง” คยูฮยอนพูดขึ้นหลังจากที่นั่งเล่นโทรศัพท์อย่างเงียบๆ มาสักพัก 

     

            “ได้ๆ You’re beautiful มั้ย เพลงหากินมึง”

     

            “จัดไป”

     

            ทงเฮวางแก้วเหล้าลงกับโต๊ะ หันไปมองตรงที่ฮยอกแจนั่งอีกครั้งก็เห็นฮยอกแจยืนขึ้นทักทายคนที่มาใหม่พร้อมกับส่งกล่องของขวัญขนาดใหญ่ให้ร่างบาง

     

            “คยูฮยอน” ทงเฮเรียกชื่อคนข้างๆ ทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากโต๊ะของฮยอกแจ

     

            “ว่า”

     

            “วันนี้วันที่เท่าไหร่วะ”

     

            “4 มกราคม ครบรอบปีที่เจ็ดแห่งการหนีออกจากบ้านของน้องทงเฮไงครับบบ เมื่อเช้าก็ฉลองให้ละทำเป็นลืม” คยูฮยอนตอบอย่างกวนตีนไปตามประสา แต่การฉลองที่ว่าเป็นสิ่งที่มีทุกปีจริงๆ ตั้งแต่ที่ทงเฮได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คยูฮยอนฟังแถมโชว์ตั๋วรถไฟวันที่หนีออกมาให้ดู แรกๆ ก็ดราม่ากันอยู่ แต่จู่ๆ คยูฮยอนที่ชอบเล่นสนุกไปทั่วก็เริ่มทำการฉลองครบวันที่ 4 มกราคมแบบแปลกๆ ให้ทงเฮหายเศร้า อย่างเช่นปีนี้ที่มีการฉลองด้วยการเปิดแชมเปญหนึ่งขวดตอนเช้าอย่างบ้าบอคอแตกสิ้นดี

     

            

            คยูฮยอนนั่งฮัมเพลงต่อไปแบบไม่สนใจอะไรหลังจากตอบทงเฮ .. วันนี้วันที่ 4 มกราคม ไม่เหลืออะไรให้สงสัยอีกต่อไป... ยิ่งเมื่อเห็นเพื่อนสองคนของฮยอกแจลุกออกมาจากโต๊ะ เดินไปหาพนักงานที่อยู่ข้างๆ เวที เปิดกล่องเค้กที่ฝากไว้ และกำลังเตรียมปักเทียนกัน

     

            “เฮ้ยๆ พี่ รอด้วย”

     

            คยูฮยอนรีบเดินขึ้นเวทีตามทงเฮที่เดินตัดหน้าขึ้นไปก่อนอย่างไม่บอกไม่กล่าว ทงเฮเปิดแอมป์ หยิบกีต้าร์ที่ตั้งไว้ขึ้นมาวางประจำที่ สายตายังคงมองไปที่โต๊ะของฮยอกแจ

     

            เห็นคนตัวสูงหน้าตาหล่อเหลาที่คุ้นตาเพราะเคยเจอมาแล้วกำลังลุกขึ้นพร้อมกับเดินตรงมาที่เวที ทงเฮหันไปมองที่เพื่อนฮยอกแจท่ีกำลังเตรียมเค้กอยู่ กำลังเริ่มจุดเทียนกัน ผู้ชายตัวสูงคนนี้ก็กำลังจะเดินมาถึงเวที ส่งสายตาเตรียมกวักมือเรียกทงเฮที่กำลังนั่งอยู่

     

     

            ถึงทงเฮจะไม่จบแม้กระทั่งม.6  แต่ก็ไม่ได้โง่เกินกว่าจะเข้าใจว่านี่คือการเซอร์ไพรส์วันเกิด

     

     

     

            ทงเฮเลื่อนไมโครโฟนบนขาตั้งให้ตรงกับปาก มือจับคอร์ดกีต้าร์ 

     

     

            เขาไม่คิดอะไรแล้วทั้งนั้น นอกจาก

     

     

     

            เพื่อนๆ น้องฮยอกแจ

            พี่ขอโทษนะครับ

     

     

     

            “Happy birthday to you.. Happy birthday to you…”

     

     

            เสียงกีต้าร์และเสียงร้องที่ดังขึ้นมาให้คนหลายคนตกใจกันอย่างถ้วนหน้า....

     

     

     

            ทั้งรุ่นพี่ของฮยอกแจที่ยืนอยู่หน้าเวที เพื่อนที่เตรียมเค้กกันอยู่ เพื่อนๆ ที่โต๊ะ คยูฮยอนเองก็หันหน้าเหวอๆ อ้าปากหวอมามองทงเฮอย่างงุนงง สายตาของคนอื่นๆ ในร้านก็เช่นกัน

     

            และ… คนสำคัญของวันนี้

            

            

            ได้ยินเสียงพนักงานที่เพื่อนของฮยอกแจส่งมาบอกให้ทงเฮหยุดร้องเพลงก่อนเพราะยังเตรียมเค้กไม่เสร็จ คยูฮยอนเองก็เรียกทงเฮอยู่หลายครั้ง ความวุ่นวายเกิดขึ้นรอบตัว แต่สายตาทงเฮกลับมองไปที่คนๆ เดียว

     

            

            “Happy birthday to Lee Hyukjae..”

     

     

            ภาพเมื่อเจ็ดปีที่แล้วซ้อนทับเข้ามา ต่างกันแค่ในวันนี้ทงเฮเล่นเก่งขึ้น ร้องเพลงเพราะขึ้น

     

     

            และในวันนี้ ฮยอกแจกำลังส่งยิ้มให้เขา

     

     

            “Happy birthday to you”





     

     

    - 40 % -
    [16/12/2014]
     

     

     

     

     

     

     

     

     












     

            “Happy birthday to you~ Happy birthday to you~ Happy birtttthhhhday… Happy birttthhhdayyy~~~ Happy birthday to you~~ มีความสุขมากๆ นะคร้าบบบบบ”

     

     

     

            และหลังจากเพลงวันเกิดที่เป็นเซอร์ไพรส์สำหรับทุกคนได้จบลง คยูฮยอนก็รับหน้าที่ร้องเพลงวันเกิดที่เป็นเซอร์ไพรส์จริงๆ ให้กับฮยอกแจตามรีเควสอย่างถูกที่ถูกเวลา

     

            เพื่อนๆ ที่โต๊ะฮยอกแจยกเค้กมาให้ฮยอกแจเป่าได้สำเร็จและกำลังตัดแบ่งเค้กกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ทงเฮกลับมาทำหน้าที่เดิม เล่นกีต้าร์ให้คยูฮยอนร้องและช่วยคอรัสให้เป็นบางช่วง ซึ่งทงเฮก็นั่งเล่นไปยิ้มไปอย่างมีความสุขจนคยูฮยอนรำคาญและเลิกที่จะสนใจ 

     

            “พี่ๆ เจ้าของวันเกิดโต๊ะนั้นฝากมาให้” พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาหาคยูฮยอนที่กำลังร้องเพลงอยู่พร้อมกับจานเค้กสองชิ้นใหญ่ๆ คยูฮยอนพยักหน้าขอบคุณทั้งที่ยังร้องเพลงอยู่ ก่อนจะรับจานเค้กมาถือไว้

     

            “ขอบคุณสำหรับเค้กนะครับ” 

     

            ทงเฮพูดออกไมค์แทรกขึ้นมาทั้งๆ ที่คยูฮยอนยังร้องเพลงอยู่จนคยูฮยอนหันมาด่าทงเฮทางสายตา แต่ทงเฮก็ไม่สนใจ 

     

     

            สิ่งเดียวที่สามารถดึงความสนใจของทงเฮได้ในตอนนี้มีแค่เจ้าของวันเกิดที่หันมายิ้มให้เขาเท่านั้น

     

     

     

     

            ::

     

     

     

     

     

     




     

     

            “ขอบคุณนะฮะ” 

     

     

            รถคันหรูสีดำที่จอดเทียบที่หน้าบ้าน ซีวอนยิ้มให้กับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่กำลังปลดเข็มขัดนิรภัย เขาเอี้ยวตัวไปด้านหลังรถเพื่อช่วยหยิบถุงของขวัญต่างๆ ให้กับฮยอกแจ

     

            “เข้าบ้านดีๆ นะ”

     

            “ฮะ” กำลังจะเปิดประตูรถออกไป แต่ก็ชะงักไว้ก่อน “พี่ซีวอนฮะ”

     

            “หืม ว่าไง”

     

            “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะฮะ”

     

            ซีวอนไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มให้และยกมือขึ้นมาขยี้ผมฮยอกแจเบาๆ ฮยอกแจยิ้มให้ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ จนกระทั่งเข้าบ้านไปแล้วรถสีดำของซีวอนถึงได้ออกตัวไป 

     

            ฮยอกแจเปิดไฟบ้าน ถุงของขวัญมากมายในมือทำให้ยิ้มออกมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่เท่ากับบรรยากาศของการฉลองวันเกิดวันนี้ที่ร้าน นอกจากเพื่อนๆ ที่น่ารัก พี่ซีวอน แล้วก็ยังมี... เพลงวันเกิดที่ฮยอกแจไม่คิดเลยว่าจะได้ฟังอีกครั้ง

     

            ตั้งแต่ที่สถานีรถไฟเมื่อหลายปีก่อนนั้น... ทำไมจะจำไม่ได้ เพลงวันเกิดที่ทำให้เด็กชายอีฮยอกแจร้องไห้ในวันนั้น

     

            

            ฮยอกแจขึ้นมาเก็บของบนห้องนอนก่อนจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขจนหยุดคิดเรื่องวันนี้ไม่ได้ 

     

            ปกติแล้วซีวอนแทบจะไม่เคยไปไหนมาไหนพร้อมกับกลุ่มเพื่อนฮยอกแจเลย แต่เพื่อนๆ ฮยอกแจก็รู้จักซีวอนเป็นอย่างดี วันนี้เพื่อนๆ ก็แซวกันใหญ่จนฮยอกแจแทบจะเก็บอาการเขินไม่ได้ พี่ซีวอนเองก็ได้แต่นั่งยิ้มๆ ไม่พูดไม่ตอบอะไร

     

            อาบน้ำเสร็จแล้วฮยอกแจตั้งใจจะมานั่งตอบข้อความอวยพรในโทรศัพท์จากเพื่อนๆ แต่แล้วสายที่โทรเข้ามาก็ทำให้ฮยอกแจเปลี่ยนแผน

     

            “สวัสดีฮะคุณแม่ ขอบคุณฮะ.. คิดถึงมากเลย”

     

            ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่โซลก็เป็นเวลาปีกว่าๆ แล้ว ถึงจะไม่ได้ฉลองวันเกิดกับที่บ้าน แต่คุณพ่อคุณแม่ที่ตอนนี้ย้ายไปทำงานชั่วคราวอยู่ที่ฮ่องกงก็โทรมาหาฮยอกแจตลอดให้หายเหงา 

     

            หากย้อนไปเมื่อตอนที่ฮยอกแจย้ายมาอยู่โซลคนเดียวแรกๆ ฮยอกแจงอแงอยากจะกลับบ้านทุกอาทิตย์ แต่พอเวลาผ่านมาทุกอย่างก็ดีขึ้น มีทั้งเพื่อนที่ดีและพี่รหัสที่ดีอย่างพี่ซีวอนที่คอยเทคแคร์ฮยอกแจตลอด

     

            “โอเคฮะ ฝันดีนะฮะ รักคุณแม่คุณพ่อน้าา”

     

            ฮยอกแจวางสายจากพ่อกับแม่ได้ไม่ถึงห้าวินาทีโทรศัพท์ก็สั่นอีกรอบ คราวนี้เป็นสายเรียกเข้าจากซีวอน ฮยอกแจยิ้มให้กับโทรศัพท์ก่อนจะกดรับ

     

            “พี่ซีวอนว่าไงฮะ”

     

            /ฮยอกแจจะนอนยัง/

     

            “ยังฮะ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ พี่ซีวอนขับรถอยู่หรอ”

     

            /ใช่ แต่ใกล้ถึงแล้วล่ะ/ เสียงในสายเงียบไปครู่หนึ่ง /ฮยอกแจ พี่มีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย/

     

            ฮยอกแจรู้สึกได้ว่าตัวเองใจเต้นขึ้นมากับสิ่งที่ซีวอนพูด แต่… น้ำเสียงที่ดูจริงจังนั้นทำให้ฮยอกแจรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่..

     

     

            ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกตื่นเต้นไปกับคำว่า ‘เรื่องสำคัญ’ อยู่ดี

     

     

     

     

            “ฮะ?”

     

     

     

     

     

            

     

            /ฮยอกแจตั้งใจฟังนะ คือว่า.../

     

            

     

     

     

            ::

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            “เอออ กูก็งงเลยไง คุยกันอยู่ว่าต่อไปเพลงฝรั่งนะพี่ สัส เพลงฝรั่งจริง แฮปปี้เบิร์ทเดย์ทู้ยู5555555555”

     

            “5555555555555555555”

     

            เสียงหัวเราะดังประสานกันจนคนที่ถูกรุมได้แต่นั่งส่ายหัวไปมาแต่หน้าก็ยังยิ้มแป้นอยู่ หลังจากที่ร้องเพลงเสร็จตอนสี่ทุ่ม เรียวอุคก็มาเล่นด้วยที่บ้านและคยูฮยอนก็ไม่รอช้าที่จะเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆให้กับคนที่พลาดไปได้รับรู้ 

     

            “กูน่าจะไป เสียดายจริงๆ” เรียวอุคบ่น “ติดทำเพลงเนี่ย แม่ง ยังไม่เสร็จเลย เออ พี่ทงเฮช่วยฟังหน่อยดิ่”

     

            “ได้ๆ วันนี้เอามาปะ”

     

            “เอามาๆ เดี๋ยวไปเปิดคอมแปป” 

     

            เรียวอุคเดินไปเปิดคอมที่โต๊ะทำงานของคยูฮยอนและทงเฮอย่างคุ้นเคยเหมือนกับเป็นบ้านตัวเอง ทงเฮนั่งลูบหัวเบิร์ธเดย์ที่นอนเล่นอยู่บนโซฟาข้างๆ เขา พ่นควันบุหรี่ก่อนจะขยี้ปลายลงกับที่เขี่ยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหน้าโซฟา ในขณะที่คยูฮยอนลุกไปหาของกินที่ห้องครัว

     

            “หิวว่ะ ไม่มีไรกินเลย” หลังจากเปิดดูทั้งตู้เย็นและตู้ขนมก็บ่นออกมาเสียงดัง มีแต่ขนมของเบิร์ธเดย์วางอยู่ในนั้น “พี่ทงเฮออกไปซื้อให้น้องหน่อย”

     

            “จะกินไรอ่ะ” ทงเฮถาม เริ่มรู้สึกหิวนิดๆ เหมือนกันหลังจากที่คยูฮยอนพูดขึ้นมา เพราะนอกจากเค้กวันเกิดของฮยอกแจแล้วทั้งเขาทั้งคยูฮยอนก็ไม่ได้กินอะไรอีกเลย

     

            “มาม่า ซาลาเปา ขนมปัง อะไรก็ได้ ซื้อมาเยอะๆเลย นมช็อคโกแลตด้วย” คยูฮยอนเดินมาหาที่โต๊ะทำงาน พร้อมกับหยิบกระเป๋าเงินตัวเองมาด้วย หยิบแบงค์หมื่นวอนออกมาหนึ่งใบ “อ่ะ ช่วยออก”

     

            “ได้ๆ” ทงเฮรับมา ถึงคยูฮยอนจะรวยมากแต่ก็เป็นคนขี้งก ที่จริงทงเฮก็เกรงใจคยูฮยอนด้วย ค่าใช้จ่ายอะไรๆ ในบ้านจึงช่วยกันออก หารกันคนละครึ่ง “เรียวอุค เดี๋ยวพี่กลับมาดูเพลงให้นะ เอาไรปะ”

     

            “ไม่เป็นไรพี่ ไม่ค่อยหิวอะ” 

     

            “อย่ามา กระแดะอีกแล้ว บอกไม่หิวๆ พอซื้อมาก็แย่งกูตลอด” คยูฮยอนแทรกขึ้นมาเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี 

     

     

            “ฝากดูเบิร์ธเดย์ด้วยนะมึง” ทงเฮพูดแทรกในขณะที่คยูฮยอนกับเรียวอุคยังคงเถียงกันไปมาแบบเด็กๆอยู่ ก่อนจะเดินไปหยิบหมวกกันน็อค กุญแจรถและกระเป๋าเงิน สวมเสื้อโค้ทตัวหนาพร้อมผ้าพันคอ เดินออกจากบ้านปล่อยให้ทั้งสองคนเถียงกันอยู่อย่างนั้น

     

            

     

     

            ไม่กี่นาทีก็มาถึงมินิมาร์ทใกล้บ้านที่เปิด 24 ชั่วโมงที่ปกติในเวลาเกือบห้าทุ่มอีกทั้งเป็นช่วงหน้าหนาวจะไม่ค่อยมีคนแล้ว แต่คืนนี้ ที่โต๊ะเก้าอี้ด้านหน้ามีคนสวมเสื้อฮู้ดตัวหนานั่งฟุบอยู่ ทงเฮจอดรถจักรยานยนต์ของตัวเอง ก่อนจะมองผ่านไปอย่างไม่สนใจอะไรมากมายนัก และเข้าไปเลือกซื้อของในร้าน

     

            ออกมาพร้อมกับถุงของมากมาย แต่คนที่นั่งฟุบอยู่กับโต๊ะก็ยังนั่งอยู่อย่างนั้น 

     

            ทงเฮสงสัยไม่น้อยแต่ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรอยู่ดี เขาเดินกลับมาที่รถก่อนจะไขกุญแจเปิดเบาะที่นั่งขึ้นเพื่อเก็บถุงของ 

     

            ลมหนาวพัดผ่านมาก่อนที่จะได้สวมหมวกกันน็อคทำให้ใบหน้ารู้สึกแสบตึง และลมเมื่อครู่นั้น ก็ได้พัดให้ฮู้ดของเสื้อโค้ทของคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะปลิวออกจนเห็นเส้นผมสีบลอนด์สว่างจ้า

     

            ทงเฮรู้สึกเอะใจ เครื่องยนต์ที่เพิ่งติดถูกดับลง เขาก้าวลงมายืนและเดินเข้าไปหาคนที่ยังคงนั่งฟุบอยู่อย่างนั้น

     

            เดินเข้าไปไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ก็ใกล้พอที่จะเห็นว่าเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนที่คนนี้ๆสวมอยู่ดูคุ้นตา 

     

     

            และใกล้.... พอที่จะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ 

     

     

     



     

     

     

            

            “ฮยอกแจ..?”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            ::

     

     

            

     

            

     

     

     

            โชคดีที่ระยะทางจากบ้านคยูฮยอนไม่ไกลจากมินิมาร์ทมากนัก ไม่อย่างนั้น ทงเฮคิดว่าเขาอาจจะขยับหน้าไม่ได้เพราะลมหนาวที่ตีเข้าหน้าตลอดทางที่ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน

     

            ทงเฮจอดรถลงที่หน้าบ้านก่อนจะดับเครื่อง คนที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังก้าวลงพร้อมกับพยายามจะถอดหมวกกันน็อคออกทว่าก็ไม่สำเร็จ จนคนขับที่เพิ่งเอาถุงของทั้งหมดออกมาถือเสร็จต้องได้ยื่นมือเข้ามาช่วย

     

            “ขอบคุณฮะ..” เสียงหวานตอบออกมาเบาๆ หลังจากที่หมวกกันน็อคมาอยู่ในมือทงเฮ เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดแต่ทั้งดวงตาและปลายจมูกแดงก่ำ

     

            ทงเฮสงสัยว่าฮยอกแจเป็นอะไรแต่ก็ไม่กล้าที่จะถาม.. ตั้งแต่ที่เห็นฮยอกแจนั่งร้องไห้คนเดียวที่มินิมาร์ทตอนดึกๆ ทั้งที่อากาศหนาวมากๆ แถมพอจะพาไปส่งที่บ้านก็บอกว่ากลับบ้านไม่ได้ไม่มีกุญแจ แล้วก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม

     

            ไม่รู้จะทำอย่างไร รู้แค่ว่าให้คนตรงหน้านั่งหนาวแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว สุดท้ายก็เลยพามาที่นี่

     

            “เข้าบ้านก่อนนะ”

     

            ทงเฮไขกุญแจเปิดประตู เดินนำฮยอกแจเข้าไป เสียงพูดคุยโวยวายของคยูฮยอนกับเรียวอุคดังให้ได้ยินเหมือนทุกครั้ง

     

            “พี่ทงเฮฮฮฮฮฮฮ ขนมมมมมมม .. ” คยูฮยอนที่กำลังวิ่งเข้ามาหยุดชะงักเมื่อเห็นคนที่เดินตามทงเฮมาด้านหลัง กำลังจะเอ่ยปากถามแต่พอเห็นเส้นผมสีบลอนด์กับใบหน้าขาวที่ดูเศร้าๆ แล้วก็อ้าปากค้าง

     

            “ห้ะ??” ทงเฮขมวดคิ้วมองคยูฮยอนที่ขยับปากพูดอะไรสักอย่างแบบไม่มีเสียงอยู่กับเขา ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างไม่สนใจหลังจากที่จับใจความไม่ได้เลยสักคำ ก้าวเท้าจะเดินเข้าไปที่โซฟาหน้าทีวี แต่พอหันไปเห็นเรียวอุคที่นั่งทำหน้างงพร้อมแววตาสอดรู้สอดเห็นอยู่ก็ขมวดคิ้วอีกรอบ

     

            “นี่ฮยอกแจ น้องที่เคยเจอตอนเด็กๆ” ทงเฮก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายว่าฮยอกแจเป็นใครคำจำกัดความจึงออกมาแปลกๆ แต่ก็พอทำให้เรียวอุคหายสงสัยได้นิดหน่อย

     

            “สวัสดีครับฮยอกแจ เราเรียวอุคนะ” เอ่ยทักทายออกไป คนที่โดนทักเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับยิ้มให้บางๆทั้งๆที่แววตายังดูเศร้า

     

            “สวัสดีครับฮยอกแจ เราคยูฮยอนนะ”

     

            “พูดตามกู มึงมันไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง”

     

            “อีนี่นอกจากจะงกเงินยังจะงกประโยคคำพูด”

     

     

            ทงเฮปล่อยให้คยูฮยอนกับเรียวอุคตีกันต่อไปอย่างไม่สนใจ เขาถอดเสื้อโค้ทกับผ้าพันคอออกพร้อมกับวางถุงขนมของคยูฮยอนไว้ที่พื้นแถวๆโต๊ะทำงาน ก่อนจะเดินนำฮยอกแจมาที่บริเวณที่พักนั่งเล่นที่มีโซฟาตัวยาวอยู่ด้านหน้าทีวี 

     

            ฮยอกแจนั่งอยู่เงียบๆ ทงเฮกดรีโมทเปิดทีวีแต่ลดเสียงให้เหลือแค่เบาๆ เพียงเพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบจนน่าอึดอัด วางถุงขนมลงบนโต๊ะก่อนจะรื้อของออกมา

     

            “รอแปปนึงนะ” ทงเฮบอกก่อนจะลุกออกไปพร้อมกับของสองสามอย่างในมือ

     

            ฮยอกแจมองตามไปก็เห็นว่าทงเฮเดินไปที่ครัว ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ บ้านสไตล์ลอฟท์ที่กว้างขวางพอตัว เห็นคยูฮยอนกับเรียวอุคกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางเครื่องดนตรีหลายชิ้น มองไปอีกทางก็เห็นเจ้าเบิร์ธเดย์นอนขดตัวอยู่อย่างสบายบนฟูกหนาๆ สีฟ้า 

     

            

            แสงไฟสีเหลืองนวลกับเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทำให้ฮยอกแจรู้สึกอบอุ่น

     

     

            อุ่น.. มากกว่าตอนที่นั่งอยู่หน้ามินิมาร์ทคนเดียว

            

            

     

            คิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง ขอบตาร้อนผ่าวทั้งที่ปลายจมูกและผิวแก้มเย็นเฉียบ แต่ยิ่งพยายามจะกลั้นน้ำตาไว้แค่ไหนก็เหมือนกับไปบังคับให้มันไหลออกมามากเท่านั้น ฮยอกแจจึงทำได้แค่กัดปากกลั้นเสียงสะอื้นและยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาตัวเอง

     

     

            เสียงทุ้มที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์.. ทุกประโยค ทุกคำพูด ดังวนไปวนมาในหัวของฮยอกแจ... แล้วก็บีบหัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            พี่ซีวอนเป็นคนดี..​พี่เขาแค่เป็นคนดีที่ใจดีกับฮยอกแจ

            

     

            ฮยอกแจได้แต่บอกตัวเองซ้ำๆ … 

     

     

            แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เจ็บน้อยลงเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            “ดื่มก่อนนะ”

     

     

            แก้วมัคทรงสูงบรรจุนมช็อคโกแลตที่อุ่นร้อนๆ ถูกยื่นให้ตรงหน้า ดึงฮยอกแจให้ออกจากความคิดของตัวเอง

     

            “ขอบคุณฮะ..” ตอบเสียงเบาก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดหน้าอีกรอบแล้วยื่นมือไปรับแก้วอุ่นๆ นั้นมาถือไว้โดยที่ยังไม่กล้าเงยหน้ามองทงเฮ

     

     

            ทงเฮนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับฮยอกแจ ฮยอกแจกำลังยกแก้วนมช็อคโกแลตขึ้นจิบ ใบหน้าเปียกแฉะไปด้วยคราบน้ำตา ทงเฮได้แต่มองแล้วก็เก็บความสงสัยของตัวเองเอาไว้

     

     

            แต่.. นอกเหนือจากความสงสัย ความอยากรู้ว่าฮยอกแจเป็นอะไรมา ทำไมออกมานั่งข้างนอกคนเดียว ทำไมถึงร้องไห้ไม่หยุด

     

     

            ทงเฮเป็นห่วง … และอยากรู้มากกว่า ว่าใครหรืออะไร ที่ทำให้ฮยอกแจเป็นแบบนี้

     

     

            ได้แต่คิดว่าถ้าเขาไม่บังเอิญออกมาซื้อขนมตอนดึกๆ แบบนี้ ฮยอกแจจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

     

     

            “พี่ทงเฮฮะ” เสียงเบาๆ เอ่ยเรียก “ขอบคุณมากนะฮะที่..”

     

            “ไม่เป็นไร” ตอบพร้อมกับยิ้มให้บางๆ ก่อนจะมองไปที่แก้วนมช็อคโกแลตที่วางอยู่บนโต๊ะ “ถ้าดื่มไม่หมดก็ไม่เป็นไรนะ”

     

            “ฮะ”

     

            “เดี๋ยวพี่ไปช่วยเรียวอุคทำงานก่อน เราดูทีวีไปก็ได้ ถ้าง่วงก็บอกพี่”

     

            “ห้องน้ำอยู่ทางนู้นนะ ถ้าเราอยากล้างหน้าล้างตา” ทงเฮชี้ไปที่ประตูที่ขาวที่อยู่ที่ผนังใกล้กับเตียงนอน ฮยอกแจพยักหน้ารับ

     

     

            ทงเฮไม่พูดอะไรต่อ กลับไปรื้อถุงขนมดูอีกครั้งก่อนจะหยิบขนมปังในซองพลาสติกออกมาวางไว้ข้างๆ แก้วนมช็อคโกแลตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

            



     

     

     

     

            “วันนี้โตขึ้นอีกปีแล้ว ไม่ร้องไห้แล้วนะ”


            

     

     

     

     

     

     

            ทงเฮพูดจบก็ส่งยิ้มบางๆ ให้ มือหนายื่นเข้าไปลูบหัวฮยอกแจเบาๆ ก่อนจะลุกออกมา

     

     

     

            

     

     

     

            

     

     

            

            ฮยอกแจมองตามแผ่นหลังของคนที่เพิ่งเดินออกไป ก่อนจะกลับมามองที่ขนมปังที่วางอยู่บนโต๊ะ .. นึกถึงรอยยิ้มและคำพูดของทงเฮเมื่อครู่ พลันน้ำตาก็จะไหลออกมาอีกรอบ

     

     

     

     

            แต่ในครั้งนี้มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่าง

     

     

     

            ตอนนี้..ฮยอกแจกำลังรู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่ถูกปลอบ

            

     

     

            

     

     

     

     

     

            ฮยอกแจมองไปที่ทงเฮที่กำลังนั่งสวมหูฟังอยู่หน้าคอม รู้สึกอยากจะขอบคุณอะไรก็ตาม ที่ทำให้ฮยอกแจได้บังเอิญเจอทงเฮในวันนี้

     

            

     

     

            ปกติแล้ววันเกิดของฮยอกแจหนาวทุกปี มีหิมะทุกปีตั้งแต่ที่จำความได้ ฮยอกแจจึงไม่ได้ออกมาข้างนอก จะมีก็แค่วันเกิดครบรอบสิบสามขวบวันนั้นที่คิดจะหนีออกจากบ้านด้วยความน้อยใจ แล้วก็..​วันนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            ถ้าไม่นับเรื่องแย่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น...  ฮยอกแจก็ได้แต่คิดว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน ที่ในวันเกิดที่ต้องทนหนาวทั้งสองครั้ง ฮยอกแจ.. ได้รับความอบอุ่นจากคนเดิม

     

     

     

     

     

            

            

     

     

            

     

     

     

     

           .. to be continued ..

     

     

     

     

     

            

            

            

     

            ชื่อเรื่องดูเศร้า It Will Rain แต่ไม่ได้ตามเพลงนะคะ

     

            T__T เราจะไม่หายไปสามปีแล้วค่ะ 

            แต่กลับมาแต่งต่อ ไม่เหมือนกับที่เคยคิดไว้เลย

            ตอนนี้เหมือนแต่งตามอารมณ์ไปเรื่อย 

            จากที่เคยคิดไว้ว่า5ตอนจบนี่คงได้ลากยาวว เพราะเราชอบฮยอกแจหน้าหนาวเหมือนคอมเม้นคุณ haohaokyu ฮยอกแจนุ่มนิ่มเป็นพิเศษ ฮรึก

            

     

            ดีใจจังที่ยังมีคนเข้ามาอ่านอยู่ ดีใจที่มีคนชอบ


     

            ขอบคุณมากๆ นะคะ เจอกันตอนหน้า :)

            


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×