คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Snow Again
08/12/2014
Snow Again
“เบิร์ธเดย์!”
เสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลังรั้งให้เท้าทั้งสองข้างของทงเฮหยุดเดินและยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับว่าชื่อเบิร์ธเดย์นั้นเป็นชื่อของเขาเอง
ใจเต้นรัวขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว... ทงเฮค่อยๆ หันกลับไปมองในขณะที่เสียงฝีเท้าเล็กๆ ของเจ้าของชื่อนั้นวิ่งไปตามเสียงเรียก
เด็กหนุ่มตัวผอมบางลดตัวลงนั่งคุกเข่าเมื่อเจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์วิ่งกระโจนเข้าใส่จนถ้วยกาแฟร้อนในมือขาวนั้นหล่นลงพื้น กาแฟนมร้อนๆ สีอ่อนไหลนองลงบนพื้นถนนที่ประปรายด้วยหิมะจางๆ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ แววตาที่เป็นประกายกับรอยยิ้มแต้มอยู่เต็มใบหน้า ทั้งสองมือลูบขนสีทองของเจ้าตัวใหญ่ที่กำลังออดอ้อนทำตัวเหมือนเป็นลูกหมาตัวเล็กๆ
ทงเฮยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้เดินเข้าไป หัวใจยังเต้นแรง
และในวินาทีต่อมาที่ดวงตาแวววาวคู่นั้นมองมาที่เขา ความทรงจำบางอย่างที่ผ่านมานานจนเกือบจะถูกลืมไปแล้วก็วนกลับเข้ามาอีกครั้ง
หิมะ.. สถานีรถไฟ... กีต้าร์… เพลงวันเกิด
เบิร์ธเดย์..
เสียงหัวเราะเบาๆ จากคนผมบลอนด์ที่นั่งอยู่เมื่อเจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวโตเลียกาแฟนมที่หกลงพื้นกินอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนร่างบางจะค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับปิ๊กกีต้าร์สีดำในมือ ใบหน้าก้มมองพื้นสลับกับมองคนตรงหน้า
ใจเต้นแรงไปหมด ไม่รู้ว่าทำไม
ปิ๊กกีต้าร์ในมือที่สั่นน้อยๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหนาวหรืออะไรถูกยื่นให้คนตรงหน้า
“ของคุณ..”
“อ้อ.. ขอบคุณนะ”
ทงเฮตอบเสียงเบาก่อนจะรับมาถือไว้ ปลายนิ้วสากลูบปิ๊กกีต้าร์บางๆ ของตัวเองโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งสองยืนนิ่งกันอยู่อย่างนั้น ฮยอกแจขยับปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมาซึ่งทงเฮก็ทำหน้าลุ้นตามไปด้วย
จนสุดท้ายทงเฮก็หลุดยิ้มออกมา ทำให้คนตัวขาวเผลอยิ้มตาม มือบางยกขึ้นเกาศีรษะอย่างขัดเขิน
มีอะไรอยากจะพูดมากมาย แต่พูดไม่ออกเลยสักคำ
ทั้งดีใจ ทั้งตกใจ ทั้งกลัว ทั้งไม่มั่นใจ
ดวงตาเรียวยังแอบมองสำรวจผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่กำลังมองไปที่เจ้าสุนัขตัวโตที่อยู่ไม่ไกลจากฮยอกแจ ใบหน้าหล่อแต่มีรอยยิ้มที่น่ารัก ผมสีเข้มยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง พยายามนึกถึงคนๆ นั้นที่เจอกันเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว...แต่จะทำยังไงก็นึกหน้าไม่ออก
หรือบางทีพี่ชายคนนั้นอาจจะเอาเบิร์ธเดย์มาให้คนอื่นเลี้ยง
ฮยอกแจคิดได้ดังนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ อีกอย่าง..บนโลกนี้ก็มีคนเล่นกีต้าร์ตั้งเยอะแยะ
มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นแหล่ะ...
ซ่อนความผิดหวังไว้ในใจ ฮยอกแจส่งยิ้มบางๆ ให้เมื่อคนตรงหน้าสบตากับเขาพอดี ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนของตัวเอง กำลังจะอ้าปากพูดร่ำลาตามมารยาทแต่ว่าก็ช้าเกินไป
“ทำผมสีแปลกจัง”
“……………….”
“ตัวเล็ก... เมื่อตอนนั้นยังตัวแค่นี้อยู่เลย”
“เอ้ะ หรือเท่านี้ ไม่รู้แฮะ แต่พี่ก็ไม่ได้สูงขึ้นเลยแหล่ะเอาจริง ฮ่าๆๆ”
มือหนายกขึ้นมาอยู่ระดับไหล่ตัวเอง ขึ้นๆ ลงๆ อยู่สองสามครั้งก่อนจะหัวเราะออกมา …. ฮยอกแจมองคนที่กำลังพูดอยู่อย่างไม่วางตา รู้สึกเหมือนสมองอื้ออึง นิ่งค้างไปกับสิ่งที่ได้รับรู้ รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของคนตรงหน้าและคำพูดเหล่านั้นทำให้ฮยอกใจเต้นแรงกว่าเดิม ยิ่งเมื่อดวงตาคู่นั้นมองมาที่เขา …
“นี่”
ฮยอกแจใจแกว่งมากกว่าเดิม.. ไม่ได้พูดอะไรแต่ใช้สายตามองแทนอย่างสงสัยกว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร
ทั้งๆ ที่อากาศหนาวเย็นมากมาย แต่มือเรียวทั้งสองข้างที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อนั้นโค้ทกำแน่นจนเหงื่อซึม
ใบหน้าที่ดูลุ้นกับคำพูดต่อไปของทงเฮ ทำให้เขาต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง ใบหน้าขาวๆ ตาเรียวๆ ที่มีแววตาสดใสหน้ามอง ปากแดงๆ .. น่าเอ็นดู
“พี่ชื่อทงเฮนะ”
“……………….”
“ชื่อไรอ่ะบอกหน่อย”
“……………….”
“ปล่อยให้สงสัยมาเจ็ดปีแล้วนะ”
กับสิ่งที่ได้ยิน.. ฮยอกแจเหมือนรู้สึกว่าตัวเองเอ๋อไปชั่วขณะที่ทำไม่ได้แม้กระทั่งตอบชื่อตัวเองออกไป ทำได้แค่มองรอยยิ้มกับสายตาของคนตรงหน้าที่มองมาที่เขาอย่างรอคำตอบ
“หรือจะให้เรียกว่าตัวเล็กเหมือนเดิมดี??”
“ฮ..ฮยอกแจ.. ผมชื่อฮยอกแจ”
เสียงเบาๆ หลุดรอดออกมาจากปากอิ่ม ฮยอกแจเหลือบตามอง ‘ทงเฮ’ ก่อนจะแกล้งมองไปทางอื่น
ทงเฮยังคงส่งยิ้มให้ ‘ฮยอกแจ’ เหมือนเดิม ในใจเต้นรัวปนกันไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย... บางทีโลกก็กลมจนน่าตกใจ
ไฟตามทางค่อยๆ สว่างขึ้นพร้อมกับท้องฟ้าที่มืดลง..
ลมหนาวเดือนธันวาพัดผ่าน ทั้งหนาวและเย็น
“คิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วซะอีก..”
แต่ในใจกลับอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃
“ขอบใจนะ”
ฮยอกแจยิ้มให้แทนคำตอบรับหลังจากที่ถ้วยชาเอิร์ลเกรย์ที่เพิ่งชงมาร้อนๆ ถูกส่งให้คนที่นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ร่างบางในเสื้อไหมพรมตัวหนาสีน้ำเงินเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้งก่อนจะออกมาพร้อมกับนมใส่ชามพลาสติกใหญ่ๆ วางให้เจ้าเบิร์ธเดย์ที่พอถูกถอดเชือกจูงที่คอออกก็รีบส่ายหางวิ่งเข้ามากินอย่างรวดเร็ว
ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะลาทงเฮและกลับเข้าบ้านไปทำรายงานต่อ แต่ฮยอกแจกลับเอ่ยชวนคนตรงหน้าให้เข้ามาพักก่อนเพราะฟ้าเริ่มมืดและอากาศก็เย็นลงมาก ร่างบางหย่อนตัวลงนั่งกับโซฟาพร้อมกับแก้วชาร้อนในมือที่ชงมาดื่มทดแทนกาแฟที่อุตส่าห์เดินออกไปซื้อแต่ได้ดื่มไปเพียงนิดเดียว
“ย้ายมาอยู่ที่นี่หรอ” ทงเฮถามหลังจากที่ใช้สายตาสำรวจไปรอบบ้านๆ ที่เงียบและสะอาดไม่ได้มีข้าวของอะไรมากมายนัก ฮยอกแจพยักหน้าตอบคำถามนั้นก่อนจะยกแก้วชาขึ้นมาจิบ
“ฮะ ผมเรียนอยู่ที่มหา’ลัยโซล”
“อ่อออ อยู่ปีอะไรแล้ว”
“ปีสามฮะ”
“เรียนไรอ่ะ”
“Biomedical sciences”
“มันคืออะไรเหรอ”
“เป็นพื้นฐานวิทย์ของคนที่จะเรียนหมอต่อฮะ”
“โห…หมอ… เก่งๆ”
“แล้ว.. พี่เป็นไงบ้าง” ฮยอกแจค่อยๆ ถามออกไปหลังจากที่ทงเฮชวนคุยมาได้สักพัก จริงๆ ไม่ใช่ว่าฮยอกแจไม่อยากพูด ตรงกันข้าม..อยากจะคุยด้วยมากๆ แต่ติดตรงที่ว่าฮยอกแจชวนคนคุยด้วยไม่เก่งเลย แถมยังรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ ก็เลยเกร็งๆ จนพูดอะไรไม่ออกด้วย
“ก็… โอเค” ทงเฮวางแก้วชาลงกับโต๊ะในขณะที่ฮยอกแจยังมองเขาพูดอย่างตั้งใจ
“ก็อยู่โซลตั้งแต่ตอนนั้น... ตอนที่เจอเราที่สถานีรถไฟ”
“………….”
“โชคดีที่ได้เจอเพื่อน เลยไปอาศัยอยู่กับมัน ทำเพลงเล่นๆ ด้วยกัน”
“………….”
“แล้วพี่ก็หางานทำ อดๆ อยากๆ อยู่สักพักใหญ่ๆ แต่ตอนนี้ก็พอมีพอกินแล้ว” ทงเฮยิ้มหลังจากพยายามย่อชีวิตภายในเจ็ดปีที่ผ่านมาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายให้ฮยอกแจที่มองอยู่อย่างอยากรู้ได้เข้าใจง่ายๆ
“เล่นเปียโนด้วยหรอ?” ถามหลังจากไปสะดุดตาเข้ากับเปียโนที่อยู่ไปไม่ไกล เป็นธรรมดาของคนเล่นดนตรีที่จะสนใจเป็นพิเศษเวลาเห็นเครื่องดนตรีต่างๆ
“เคยเรียนตอนเด็กมากๆแล้วฮะ แต่ช่วงนี้ก็ไม่ได้เล่นแล้ว” ฮยอกแจตอบ “คุณพ่อยกมาจากบ้านที่นู่นให้เพราะกลัวผมเหงาเฉยๆ”
“อยู่คนเดียวหรอ?”
“ฮะ” ฮยอกแจตอบ ก่อนความเงียบจะเข้าปกคลุม เบิร์ธเดย์เลียนมจนเกลี้ยงหมดชามแล้วก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฮยอกแจ หย่อนตัวลงนั่งพร้อมกับยกขาหน้าข้างนึงให้ฮยอกแจ
“หืม? ว่าไง.. เบิร์ธเดย์” ฮยอกแจยื่นมือไปรับ เบิร์ธเดย์แตะอยู่สองสามรอบแล้วก็เปลี่ยนสลับข้าง ฮยอกแจมองอย่างสงสัยก่อนที่เสียงหัวเราะเบาๆ จากทงเฮจะทำให้ร่างบางเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างตั้งคำถาม
“มันกำลังขอของกิน คงหิวแล้วล่ะมั้ง นี่ก็เย็นละ”
“อ่อ..” พยักหน้ารับก่อนจะหันกลับมาพูดกับเบิร์ธเดย์ “แต่ไม่มีอะไรให้กินแล้วนะเบิร์ธเดย์ ขอโทษนะ”
มือบางยกขึ้นลูบหัวเบิร์ธเดย์ที่ค่อยๆ นอนลงกับพื้นอย่างเอ็นดู ฮยอกแจจึงก้มตัวลงไปลูบขนนิ่มๆ ของมันต่อ
“นี่” ทงเฮเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ฮยอกแจยังคงลูบขนเจ้าเบิร์ธเดย์อยู่แต่ก็เงยหน้าขึ้นมามองทงเฮ
“เบิร์ธเดย์หิว แล้วฮยอกแจหิวเปล่า”
“ฮะ?”
“เย็นแล้ว... ไปกินข้าวกันมั้ย?”
ทั้งๆ ที่ก็เป็นแค่คำพูดธรรมดาแต่นั่นกลับทำให้ทั้งคนพูดและคนฟังใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
Rrrr- Rrrr,..
แต่ยังไม่ทันที่ฮยอกแจจะได้ตอบอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์ในครัวก็ดังขึ้น ฮยอกแจรีบลุกไปรับอย่างรวดเร็ว
ห้องครัวไม่ได้อยู่ไกล ฮยอกแจไม่ได้พูดเสียงดัง ทงเฮไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่เขาก็ได้ยิน
“ฮะ… โอเคฮะ พี่ซีวอนมาได้เลย ไว้เจอกันนะฮะ”
“ไม่เป็นไร” สีหน้าของฮยอกแจกับบทสนทนาเมื่อครู่ทำให้ทงเฮส่งยิ้มให้อย่างเข้าใจเมื่อฮยอกแจเดินกลับมาที่โซหา ทงเฮก้มมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน เจ้าเบิร์ธเดย์ที่นอนอยู่ตรงหน้าฮยอกแจก็ลุกขึ้นตามเหมือนกัน
“งั้น.. พี่.. ไปก่อนนะ”
ฮยอกแจพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นเดินนำไปที่ประตู มือเรียวสั่นเล็กน้อยในขณะที่เอื้อมไปแตะลูกบิดเพื่อจะเปิดออก
รู้สึกโหวงๆ ในใจ …ไม่รู้ทำไม แต่ยังไม่อยากให้ทงเฮกลับเลย
ไม่ได้เจอกันมาตั้งเจ็ดปี เพิ่งจะได้รู้จักกัน ฮยอกแจยังอยากคุยกับทงเฮมากกว่านี้
ประตูไม้บ้านใหญ่ถูกแง้มเปิดออก ลมหนาวพัดเข้ามา
“พี่ทงเฮ” ฮยอกแจปิดประตูลงและหันกลับไปอย่างรวดเร็วจนเกือบชนกับทงเฮที่กำลังจะเดินออก ใบหน้าขาวร้อนผ่าว ทงเฮก้าวถอยหลังออกเพื่อรักษาระยะห่างเอาไว้
“ว่าไง?”
“เราจะได้เจอกันอีกมั้ย...”
ติ๊งต่อง..
คำถามของฮยอกแจไม่ได้รับคำตอบเมื่อจู่ๆ เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ฮยอกแจจึงจำต้องเปิดประตู แล้วใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏสู่สายตา
“ฮยอกแจ..?” แขกผู้มาเยือนเป็นผู้ชายตัวสูง ผมสีดำเสยขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาชัดเจน สายตาคู่นั้นเลื่อนจากคนที่อยู่ตรงหน้าไปเป็นคนหน้าไม่คุ้นที่ยืนอยู่ข้างหลัง ฮยอกแจหันมองทั้งสองคนไปมาก่อนจะตัดสินใจเรียกซีวอนเข้ามาในบ้านก่อนแล้วปิดประตูกันไม่ให้ลมหนาวเข้าบ้าน
“พี่ซีวอน นี่พี่ทงเฮ เพื่อนรุ่นพี่ฮยอกแจเองฮะ พอดีไม่ได้เจอกันนานก็เลยเข้ามาคุยกัน” ฮยอกแจรีบแนะนำให้ซีวอนรู้จักหลังจากที่ร่างสูงได้เข้ามาพร้อมกับวางถุงข้าวของที่หิ้วมาเต็มสองมือลงกับโต๊ะกินข้าว “พี่ทงเฮ นี่พี่ซีวอนฮะ”
“ส่วนนี่เบิร์ธเดย์ครับ เพื่อนผม” ทงเฮพูดยิ้มๆ ก่อนจะชี้ไปที่เจ้าตัวโตที่อยู่ๆ ก็เข้าไปตีสนิทกับซีวอน ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มกว้างพลางลูบหัวเจ้าเบิร์ธเดย์เบาๆ
ทั้งทงเฮและซีวอนพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่ทงเฮจะขอตัวออกมาพร้อมกับเบิร์ธเดย์ ฮยอกแจเดินนำออกมาเปิดประตูให้ทงเฮเหมือนกับเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่คราวนี้ฮยอกแจกลับไม่กล้าถามคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ ร่างบางแค่เปิดประตูและเปิดทางให้ทั้งทงเฮและเบิร์ธเดย์เดินออกไปเท่านั้น
ทงเฮมองใบหน้าขาวใส ผมที่ย้อมสีบลอนด์สว่างปลิวเล็กน้อยไปตามแรงลมอ่อนๆ จากประตูที่เปิดอยู่ ทงเฮยิ้มให้บางๆ ซึ่งฮยอกแจก็ยิ้มกลับ
“ไว้เจอกันนะ”
ทิ้งคำพูดสุดท้ายเป็นการตอบคำถามที่ค้างอยู่เมื่อครู่อย่างอ้อมๆ ก่อนที่จะเดินจากไป ฮยอกแจปิดประตูลงด้วยความรู้สึกมากมายที่ปนกันไปหมด... เหมือนตั้งแต่ตอนที่เริ่มพูดคุยกัน ความรู้สึกที่ฮยอกแจบรรยายไม่ได้ว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
“ฮยอกแจ มาทานข้าวเร็ว”
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเรียกให้ฮยอกแจออกจากภวังค์ความคิดแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะกินข้าว อาหารมากมายที่ซื้อมาจากร้านอาหารชื่อดัง ทุกเมนูมีสารอาหารครบถ้วน ไม่มีของทอดของมันหรือรสจัดเกินไป เป็นอย่างที่ซีวอนทำเป็นประจำ ทั้งหมดถูกจัดไว้พร้อมรับประทาน ฮยอกแจนั่งลงตรงข้ามกับซีวอนพร้อมกับเลื่อนชามข้าวเข้าหาตัวเอง
“กินเยอะๆ นะจะได้มีแรงอ่านหนังสือ” ซีวอนพูดพร้อมรอยยิ้มแต่ฮยอกแจกลับหน้ามุ่ยทันทีที่ได้ยินคำว่าอ่านหนังสือ แต่ยังไม่ทันทีที่จะได้อิดออดอะไรก็โดนดุเสียก่อน “ไม่ต้องงอแงเลย กินเข้าไปเยอะๆ พี่จะติวยาวนะคืนนี้”
“พี่ซีวอนอย่าดุสิ ก็วิชานี้มันยากอ่ะ” ฮยอกแจงอแงยิ่งกว่าเดิม แค่นึกถึงวิชาที่พี่ซีวอนจะมาติวก็เครียดแล้ว
“ยากเราก็ต้องอ่านเยอะๆ ไงถูกมั้ย” ซีวอนถามพร้อมกับตัก ผัดเต้าหู้ให้ฮยอกแจ ฮยอกแจทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เคี้ยวไปอมยิ้มไป แล้วก็ยกน้ำขึ้นดื่ม
“เฮ้อออ อากาศหนาวๆ แบบนี้ ถ้ากินอิ่มแล้วต้องง่วงมากแน่ๆเลยย~” แกล้งบิดขี้เกียจ ลูบพุงตัวเองไปมา ซีวอนได้ยินแล้วก็ส่ายศีรษะทั้งๆ ที่ยิ้มกว้างอยู่ มือหนาเอื้อมมาขยี้ผมสีบลอนด์สว่างๆ เบาอย่างเอ็นดู
หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยทั้งเจ้าบ้านและแขกก็ช่วยกันล้างจานเก็บโต๊ะจนสะอาด เคลียร์พื้นที่สำหรับหนังสือเรียนและชีทมากมาย ซีวอนเป็นติวเตอร์ให้กับฮยอกแจอย่างที่ทำเป็นประจำตั้งแต่ตอนฮยอกแจอยู่ปีหนึ่ง แต่นอกเหนือจากการเป็นพี่รหัส ซีวอนดูแลฮยอกแจอย่างดีในทุกๆ เรื่องนอกจากเรื่องเรียน คอยขับรถมาส่งที่บ้านเวลาที่ต้องเลิกดึก คอยแวะเวียนมาหา ซื้อข้าวมาให้กิน มาอยู่ด้วยตลอด
ดูแลดีมากๆ … มากจนฮยอกแจอดไม่ได้ที่จะ... จะว่าหวั่นไหวก็ไม่เชิง แต่สิ่งที่รุ่นพี่คนนี้ทำให้อย่างสม่ำเสมอมันก็พิเศษมากแล้วฮยอกแจก็มีความสุขกับมันมาก เพื่อนๆพี่ๆที่คณะก็แซวกันตลอดแต่ฮยอกแจก็ทำได้แค่ยิ้มเขินๆ ไม่พูดไม่ตอบอะไร
เพราะซีวอนเองก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์นี้ แต่ฮยอกแจก็ไม่คิดจะไปเร่งรัดอะไร แค่ซีวอนยังสม่ำเสมอเหมือนกับวันแรกที่เจอกันและเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ฮยอกแจก็โอเคกับมันแล้ว
☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃
รถแท็กซี่จอดตรงหน้าบ้านชั้นเดียวทรงสี่เหลี่ยมสไตล์ลอฟท์ที่โดดเด่นกว่าบ้านหลังอื่นๆ ในละแวกนั้น ทงเฮหยิบแบงค์วอนไม่กี่ใบที่เหลืออยู่ออกมาให้พอค่าแท็กซี่ซึ่งก็เกือบหมดกระเป๋าของเขาพอดี ก่อนจะเดินลงมาจากรถพร้อมกับเบิร์ธเดย์
ปกติทงเฮขี่มอเตอร์ไซค์ นั่งรถเมล์ ไม่ก็เดิน แทบไม่ได้ใช้บริการแท็กซี่เพราะว่ามันแพง แต่วันนี้ดันบังเอิญต้องไปในเส้นทางที่ต่างจากทุกๆ วันแถมไปไกลโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวเพราะเจ้าสุนัขจอมซนของเขา
ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว อากาศก็หนาว แต่ว่าก็ต้องขอบคุณเบิร์ธเดย์... ที่ทำให้วันนี้ทงเฮได้ยิ้มกว้างยิ่งกว่าวันไหน
การได้บังเอิญเจอคนที่เราไม่ได้คิดว่าจะเจอกันแล้วแต่ก็ยังนึกถึงมาตลอดนี่มันดีจริงๆ
“ใจเย็นๆ” ทงเฮพูดกับเบิร์ธเดย์ที่กำลังตะกุยประตูที่พักอย่างรุนแรงอีกทั้งเอาเอาหัวตัวเองโขกใส่จนส่งเสียงดัง ไฟหน้าบ้านที่ปิดมืดบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่ทำให้ทงเฮต้องควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกง แต่ยังไม่ทันที่จะได้หยิบออกมาใช้ ประตูบ้านก็เปิดออกเสียก่อน
“อ้าว มึงอยู่หรอ ไมไม่เปิดไฟหน้าบ้านวะ” ทงเฮยิงคำถามแทนคำทักทายให้กับเพื่อนร่วมชายคาที่ชื่อโจคยูฮยอน ที่กำลังยืนหน้าแดงจมูกแดงปากน้ำตาคลอ ไม่พูดอะไรสักคำในขณะที่เปิดทางให้ทงเฮกับเบิร์ธเดย์เดินเข้าไป
กลิ่นรามยอนหอมตลบอบอวลไปทั่วบ้านทำให้ทงเฮเข้าใจสภาพของคยูฮยอนและทำให้เขาท้องร้องด้วยความหิว แต่ก่อนที่จะได้ให้อาหารตัวเอง ทงเฮเดินเข้าไปลูบหัวเบิร์ธเดย์ที่กำลังนั่งรออยู่หน้าชามข้าวพร้อมสะบัดหางไปมา จัดการตักอาหารเม็ดใส่ชามจนเต็มก่อนจะเดินไปที่ครัวที่คยูฮยอนกำลังนั่งซดรามยอนอยู่อย่างเอร็ดอร่อย
“ไอ้ห่า ตะกละ เหลือห่อเดียวเองหรอวะ” ทงเฮเหลือบมองชามที่ใหญ่แข่งกับกะละมังของคยูฮยอนพร้อมกับรามยอนรสเผ็ดห่อเดียวที่เหลืออยู่ในมือทั้งที่เมื่อเช้ายังมีอยู่สี่ห่อ คยูฮยอนที่กำลังทั้งอร่อยและเผ็ดอยู่ยังไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้นแต่ส่งสายตาแทนคำด่าว่าทงเฮช่างกวนอารมณ์คนกินอยู่จริงๆ ก่อนจะกลับไปซดน้ำซุปต่อ
ทงเฮต้มรามยอนจนเสร็จ เทใส่ถ้วยออกมานั่งกินแล้วแต่คยูฮยอนก็ยังกินไม่หมด ทงเฮนั่งกินรามยอนอย่างหิวโหย ไม่นานก็หมดพร้อมกันกับคยูฮยอนแต่ทงเฮยังไม่อิ่มจนต้องเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วจึงได้ดาร์คชอคโกแลตบาร์หนึ่งชิ้นใหญ่ๆมานั่งกัดกินต่อที่โซฟาหน้าทีวี
“เชี่ย..กว่าจะหายเผ็ด เฮ้อ..” ประโยคแรกหลังจากที่เงียบมานานตั้งแต่ทงเฮกลับเข้าบ้าน คยูฮยอนวางแก้วน้ำลงที่อ่างล้างจานก่อนจะเดินมานั่งตรงข้ามกับทงเฮ
“เอาป่ะ”
ทงเฮยื่นชอคโกแลตในมือให้แต่คยูฮยอนส่ายหน้าพร้อมกับลูบพุงตัวเองที่ป่องออกมาก่อนจะลุกจากโซฟาแล้วเดินไปที่ที่ทำงานที่มีคอมเครื่องใหญ่วางตั้งอยู่พร้อมกับเครื่องเสียง ลำโพง เปียโนไฟฟ้า สายแอมป์ สายไฟพันกันให้มั่ว แต่กีต้าร์ทั้งโปร่งและไฟฟ้ารวมกันได้ห้าตัววางตั้งไว้บนขาตั้งอย่างเป็นระเบียบ คยูฮยอนหมุนเก้าอี้ตัวเองไปเปิดเปียโนไฟฟ้าเล่นระหว่างที่รอคอมให้เปิดเสร็จ
“พี่ทงเฮ มึงมาช่วยฟังเพลงให้หน่อยดิ่ว่าโอเคป่าว”
ทงเฮกัดชอคโกแลตเข้าปากอีกคำก่อนจะลุกเดินไปหาคยูฮยอน หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้มีล้อเหมือนกับของคยูฮยอนแล้วก็ชะโงกดูกระดาษโน๊ตเพลง ทงเฮลุกไปหยิบกีต้าร์โปร่งที่วางอยู่ จูนเสียงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่นไปตามคอร์ดเพลงบนกระดาษคลอไปกับเสียงเปียโนที่คยูฮยอนเล่น
โจคยูฮยอน คือเพื่อนรุ่นน้องที่เด็กกว่าทงเฮเกือบห้าปีแต่ไม่ค่อยจะทำตัวสมอายุเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงคยูฮยอนก็ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายมากๆ ของทงเฮ ตั้งแต่วันที่ทงเฮนั่งรถไฟมาถึงโซล นอนอยู่ที่สถานีจนเช้าแล้วถึงเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว แล้วจู่ๆ ก็มีเด็กนักเรียนม.ต้นในชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนเอกชนคนหนึ่งวิ่งเข้าขอยืมกีต้าร์ที่ทงเฮสะพายมาไปสอบเพราะของตัวเองพัง
ทงเฮก็งงๆ แต่สุดท้ายก็มารู้ว่าคยูฮยอนกำลังไปสอบเพื่อจะเข้าเรียนที่โรงเรียนดนตรีชื่อดังในโซล คยูฮยอนเป็นลูกคุณหนูที่บ้านฐานะร่ำรวยมากแต่ชอบใช้ชีวิตลุยๆ พอคุยไปคุยมาคยูฮยอนก็บอกว่ารู้สึกถูกชะตากับทงเฮ พอรู้ว่าทงเฮไม่มีที่ไปก็เลยชวนมาอยู่ด้วยกันทั้งที่ทงเฮก็ยังแอบงงว่าคยูฮยอนกล้าไว้ใจตัวเองได้ยังไง
“กูว่าตรงนี้มันน่าจะเป็นคอร์ด G นะ ลองดูๆ เออ ชอคโกแลตนี่อร่อยดีว่ะ ของฝากจากพ่อแม่มึงปะ” คยูฮยอนพยักหน้าตอบรับทั้งเรื่องแก้เพลงและเรื่องชอคโกแลตก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มเล่นด้วยกันใหม่อย่างตั้งใจ
พ่อแม่ของคยูฮยอนเป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีที่สุดเท่าที่ทงเฮเคยรู้จัก ทั้งคู่ทำงานอยู่ต่างประเทศนานๆ ทีจะกลับเกาหลี บ้านนี้ที่ทงเฮอยู่กับคยูฮยอนก็มาจากความเมตตาของผู้ใหญ่ทั้งสองที่ตัดสินใจสร้างให้ตามความต้องการของคยูฮยอนหลังจากที่คยูฮยอนสอบเข้าโรงเรียนดนตรีได้ตอนชั้นม.ปลาย พร้อมเงินมากมายที่ให้คยูฮยอนเอามาใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์และเครื่องดนตรีดีๆได้อย่างจุใจ
บ้านชั้นเดียวทรงสี่เหลี่ยมที่ชั้นบนเป็นดาดฟ้า แรกเริ่มเดิมทีก็เหมือนกับบ้านทั่วๆไป แต่พอคยูฮยอนโตขึ้นพร้อมกับอารมณ์ศิลปินที่มากขึ้น ผนังต่างๆก็ค่อยๆ ถูกทุบแล้วภายในก็ถูกจัดเป็นสัดส่วนโดยที่มีประตูกั้นห้องเดียวคือห้องน้ำ เตียงเดี่ยวสองเตียงก็ตั้งอยู่ที่มุมบ้านอย่างนั้น ทั้งบ้านเป็นผนังปูนเปลือยตกแต่งสไตล์ลอฟท์ที่ทงเฮเองก็ชอบแต่ถึงจะเป็นแบบอื่นที่ไม่ชอบก็อยู่ได้หมดเพราะทุกวันนี้ก็ดีมากแล้วที่ยังมีที่ซุกหัวนอนแบบสบายๆ
“เออ พี่” คยูฮยอนถามในขณะที่ทงเฮกำลังช่วยแก้เพลงเพิ่มเติม “พรุ่งนี้ไปร้องที่ร้านอีอุคกี่โมงวะ”
“หกโมงๆ จะมาด้วยหรอ?”
“เออ อยากไปอ่ะ ไม่ได้ไปตั้งนานละ”
“ได้ๆ มึงเลิกเรียนแล้วก็ไปเจอที่ร้านเลยละกัน”
ร้านอีอุคที่พูดถึงกันอยู่เป็นร้านอาหารกึ่งผับบรรยากาศดีของครอบครัวคิมเรียวอุค เพื่อนสนิทคยูฮยอนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนดนตรีจนสอบเข้าที่เดียวกันและเรียนเอกร้องมาด้วยกันจนถึงปัจจุบันที่อยู่ปีสองแล้ว
ทงเฮสนิทกับเรียวอุคไม่แพ้คยูฮยอนเพราะว่ารู้จักกันมาพร้อมกันและทงเฮก็เริ่มต้นจากการเป็นครูสอนดนตรีให้เรียวอุคก่อนที่จะได้ทำงานเป็นนักร้องที่ร้านนั้นและทำมาตลอดเป็นเวลาสี่ปีแล้วและถึงจะมีรับงานเพิ่มบ้างแต่งานที่ร้านนี้ก็เป็นเหมือนงานประจำ
เรียวอุคเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ชอบเฮฮา ดูบ้าๆ บอๆ แต่ร้องเพลงเพราะและมีเอกลักษณ์ ทงเฮชอบเสียงของคยูฮยอนกับเรียวอุคจึงชวนกันร้องเพลง ทำเพลงเล่นด้วยกันตลอด บ่อยครั้งที่ไปร้องด้วยกันที่ร้านทั้งสามคนแต่คยูฮยอนจะไม่เอาเงินค่าจ้างเพราะรวยแล้วและแค่ไปร้องเอาสนุกเฉยๆ ทงเฮสนิทกับเด็กทั้งสองคนเหมือนพี่น้องที่โตมาด้วยกัน
“อีอ้วนหลับแล้วหรอ” คยูฮยอนถามหลังจากที่ลองเล่นเพลงพร้อมกับทงเฮจบไปเป็นรอบที่สาม
“นอนละ สงสัยเหนื่อย วันนี้แม่งวิ่งเล่นไปซะไกล ถัดไปเป็นสิบซอย” สิ่งที่พูดเหมือนจะเป็นไปในแง่ลบแต่น้ำเสียงของทงเฮกลับทำให้คยูฮยอนต้องละสายตาจากกระดาษบนโต๊ะขึ้นมามองหน้าคนที่กำลังยิ้มอยู่ “กูวิ่งตามไปจนต้องนั่งแท็กซี่กลับเงินเกือบไม่พอ”
“เออ เงินเกือบไม่พอละมึงยิ้มเนอะ เออๆ ดี” คยูฮยอนพูดจบก็ส่ายหน้าก่อนจะหันไปสนใจกระดาษโน๊ตเพลงในมือต่อ
ทงเฮลูบหน้าตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ ซึ่งคยูฮยอนก็เหลือบสายตามามองอย่างสงสัยและหวาดกลัว ก่อนร่างหนาจะลุกขึ้นไปเก็บกีต้าร์ เดินออกจากบริเวณที่ทำงานไปยังลิ้นชักเก็บเสื้อผ้าที่ปลายเตียงเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำเข้านอน
ด้วยความเคยชิน ทงเฮมองไปที่รูปที่หัวเตียงเหมือนกับที่มองทุกวัน รูปครอบครัวเพียงรูปเดียวที่ทงเฮเอามาจากบ้านและคยูฮยอนเอาไปใส่กรอบให้อย่างสวยงาม
ตลอดเวลาเจ็ดปีที่ออกมาอยู่ที่นี่ ทงเฮได้ใช้เวลาทั้งหมดฝึกฝนการเล่นดนตรีจนเขาพัฒนาได้เยอะมาก เงินที่มีใช้แบบพอมีพอกินไม่ได้ทำให้ทงเฮเดือดร้อนอะไร ทงเฮเองก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ด้วยที่ได้มีชีวิตที่ดีแบบนี้
และสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ทำให้ทงเฮอยากกลับบ้าน... แต่เขาก็ไม่เคยรวบรวมความกล้าได้พอ
แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจและพยายามไล่ความคิดที่เข้ามากวนใจออกไป เดินเข้าไปอาบน้ำจนเสร็จก็ออกมาเดินไปนอนที่เตียง คยูฮยอนเปลี่ยนโหมดจากการทำเพลงเป็นนั่งเล่นเกมอย่างเมามัน ทงเฮปิดไฟหัวเตียงทั้งบ้านเหลือแค่ไฟจากโต๊ะคยูฮยอน แต่ทงเฮก็ยังเห็นเบิร์ธเดย์ที่นอนหลับอยู่บนฟูกอยู่ไม่ไกล
“ขอบคุณนะ”
พูดเบาๆ พร้อมกับยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนเย็นที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกที่ค่อนข้างมากมายในวันนี้มันเป็นความดีใจและความตื่นเต้นที่ทงเฮไม่ได้สัมผัสมานาน
‘เราจะได้เจอกันอีกมั้ย...’
‘ไว้เจอกันนะ’
ก็ไม่ได้อยากจะนึกถึงอะไรมากมาย แต่ทงเฮก็ไม่อยากเป็นคนที่ไม่รักษาคำพูดเหมือนกัน
.. to be continued ..
สามปีแล้ว งิงิ
ความคิดเห็น