ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    IT WILL RAIN [HAEEUN]

    ลำดับตอนที่ #1 : It started with snow // EDIT

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 57


     

     

     

     


    22/11/2012
    It started with snow

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ถ้วยกระดาษบรรจุลาเต้ร้อนๆ ถูกยกประคับประคองด้วยสองมือเรียวที่สวมทับด้วยถุงมือหนากั้นลมหนาว รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีเข้มก้าวไปตามทางฟุตบาธที่ปกคลุมด้วยพื้นหิมะอย่างระมัดระวัง อากาศในช่วงปลายเดือนธันวาคมแบบนี้แถมยังเป็นเวลาหกโมงเย็นถ้าไม่ติดว่าคืนนี้จะต้องทำรายงานและกาแฟที่ห้องหมดอีฮยอกแจไม่มีทางออกมาข้างนอกเป็นอันขาด

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “โฮ่งๆๆๆ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             เสียงเห่าของสุนัขตัวหนึ่งจากทางด้านหลังทำให้คนรักสัตว์อย่างอีฮยอกแจต้องหันไปมอง รอยยิ้มปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่าตัวต้นเสียงคือสุนัขพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลทองดูมอมแมมเล็กน้อยทว่าก็ยังน่ารักในสายตาของฮยอกแจ หางใหญ่เป็นพู่สะบัดไปมาพร้อมกับตรงปรี่เข้าหาเขาราวกับสนิทสนม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ปลอกคอและสายจูงที่ห้อยติดอยู่ที่คอบ่งบอกได้ว่าสุนัขตัวนี้มีเจ้าของและจากการคาดเดาเจ้าสุนัขตัวนี้จะต้องแอบหนีเจ้าของออกมาวิ่งเล่นแน่ๆ คิดได้ดังนั้นก็หยิบสายจูงขึ้นพาเจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์มาคอยอยู่ที่ม้านั่งริมฟุตบาธ แถวนี้มีบ้านพักอาศัยมากมาย ยังไงเจ้าของสุนัขตัวนี้ก็ต้องเดินผ่านมาตามรอยเท้าเล็กๆ ที่แต้มอยู่บนพื้นถนนซึ่งถูกปกคลุมด้วยหิมะอยู่แล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ให้อยู่ตรงนี้คอยสักครู่คงจะดีกว่าปล่อยให้วิ่งต่อไปแล้วเจ้าของต้องตามหาให้วุ่นวาย ฮยอกแจวางแก้วกาแฟไว้ตรงพื้นที่ว่างด้านข้างม้านั่ง ก่อนจะหันมาหยอกเล่นกับสุนัขตัวใหญ่ที่ตอนนี้เกาะสองขาหน้าไว้บนตักฮยอกแจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             หนีออกมาวิ่งเล่น ซนจริงๆเลยนะ

     

             มือบางแปะลงบนตัวสุนัขขนหนานุ่มแล้วลูบไปมา

     

     

     

     

     

             อากาศหนาวๆ.. หิมะตก... แล้วก็สุนัขพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ จู่ๆ ก็ทำให้ฮยอกแจคิดไปถึงเรื่องเมื่อหลายปีมาแล้ว

     

     

     

             ฮยอกแจเป็นคนความจำดีและสิ่งที่จะจำได้ไปจนตายคือความทรงจำ... แม้จะผ่านมานานแล้วแค่ไหนก็ตาม ภาพในอดีตนั้นก็เลือนรางไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้หายไปไหน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               

     

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “ป้าฮะ คุณแม่กับคุณพ่อจะกลับมากี่โมงหรอฮะ”

     

     

     

             เด็กชายตัวเล็กผิวขาวจัดเอ่ยถามคุณป้าแม่บ้านที่อยู่นั่งใกล้ๆ เงยหน้ามองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่ฝาผนังสีครีมบ่งบอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว ใบหน้าเล็กหันกลับมามองเค้กก้อนโตปาดครีมสีขาวแต่งหน้าด้วยตัวอักษร สุขสันต์วันเกิดอีฮยอกแจ วันที่ 4 มกราคม บนโต๊ะ เทียนสิบสามเล่มถูกปักไว้แต่ยังไม่ได้รับการจุดเพื่อฉลองวันเกิดเสียที

     

     

     

             “เดี๋ยวท่านก็กลับมาแล้วค่ะ คุณหนู” ป้าแม่บ้านตอบไปเพียงเพื่อให้คุณหนูตัวน้อยสบายใจเท่านั้นเพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณท่านทั้งสองที่มักจะติดงานยุ่งอยู่เสมอจะกลับถึงบ้านเมื่อไหร่

     

     

     

     

     

             “ฮะ..”

     

     

     

     

     

             วันนี้เป็นวันเกิดของฮยอกแจ เค้กบนโต๊ะมาจากฝีมือของคุณป้ารวมไปถึงหมวกทรงแหลมสีสันสดใสที่ฮยอกแจอ้อนให้คุณป้าออกไปซื้อด้วยกันมาสี่ใบ ให้คุณพ่อคุณแม่ ฮยอกแจ และคุณป้าใส่สำหรับงานเลี้ยงในวันนี้

     

     

     

     

             ฮยอกแจยังไม่ได้บอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าจะเป่าเค้กหลังมื้อเย็นเพราะพอตื่นเช้ามาท่านทั้งสองก็ไปทำงานเสียแล้ว อีกทั้งฮยอกแจก็ไม่ได้โทรไปหาด้วยเพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลาทำงาน

     

     

     

     

     

             แต่รอแล้วรอเล่า...ดวงตากลมมองเวลาที่เดินหน้าไปเรื่อยๆ  สามทุ่มครึ่ง.. สี่ทุ่ม... สี่ทุ่มครึ่ง... คุณป้าแม่บ้านผล็อยหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยล้าโดยนั่งอยู่บนพื้นและเท้าแขนไว้ตรงที่นั่งโซฟา

     

      

     

             ฮยอกแจรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน... แต่มันก็เป็นอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ความสำคัญของลูกชายคนนี้เป็นรองจากงานเสมอ น้ำตาเอ่อคลอที่เบ้าตาก่อนจะร่วงหล่นลงมา

     

     

     

             ฝีเท้าเล็กแตะลงบนพื้นบ้าน ร่างเล็กเดินขึ้นไปบนห้องหยิบกระเป๋าเป้ออกมาใส่เสื้อผ้าลงไปสามสี่ชุดตามด้วยเงินเก็บในกระปุกหมู สวมถุงมือไหมพรมสีขาว ใส่เสื้อโค้ทพันผ้าพันคอจนเรียบร้อย สะพายกระเป๋าและเดินลงมาสวมรองเท้าที่หน้าประตูบ้าน หยาดน้ำตายังคงไหลเป็นทางไม่ขาดสาย

     

     

     

             ความคิดเดียวในหัวตอนนี้คือไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ไม่รักฮยอกแจแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ประตูบ้านถูกเปิดออกอย่างเบามือ ลมหนาวปะทะเข้ามาทันทีจนรู้สึกแสบผิว ใจสั่นด้วยความหวาดกลัวแต่ถึงกระนั้นขาทั้งสองก็ยังก้าวเดินต่อไป จุดหมายเดียวที่นึกถึงคือสถานีรถไฟใกล้ๆ บ้าน ฮยอกแจเคยไปรับคุณแม่อยู่เดินนิดเดียวก็ถึง

     

               

     

             แต่... ฮยอกแจก็เคยไปรับคุณแม่เท่านั้น ไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วอย่างไร จึงทำได้แค่ยืนมองตารางรถไฟแล้วเดินไปหาที่นั่งว่างเท่านั้นแต่ก็แทบไม่มี ผู้คนเต็มสถานีไปหมด ครอบครัวที่มีความสุขยิ้มแย้มหัวเราะเพราะจะได้ไปเที่ยวด้วยกันทำให้ฮยอกแจต้องเบ้หน้าหนี น้ำตาพลันจะไหลออกมาจากดวงตาแดงก่ำอีกรอบ

     

               

     

             ร่างเล็กเดินออกมาที่ด้านหน้าสถานีรถไฟ ในเมื่อไม่มีที่นั่งด้านในจึงทรุดตัวลงนั่งพิงกำแพงบริเวณนั้นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลเคล้าเสียงสะอึกสะอื้นอีกรอบ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “โฮ่งๆๆๆ”           

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             เสียงเล็กๆ ของสุนัขที่ฮยอกแจยังไม่เห็นตัวดังขึ้นทำให้ใบหน้าขาวส่ายมองไปมาเพราะต้องการจะหาต้นเสียงแล้วก็เห็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ พันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์วิ่งผ่านมา ฮยอกแจมองดูอย่างสนใจน้ำตาแห้งเหือดไปราวกับเด็กเจอของเล่น ฝ่ามือเล็กตบแปะๆ เรียกให้่สุนัขตัวนั้นวิ่งเข้ามาหา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “หวัดดี ทำไมไม่กลับบ้าน” เอ่ยถามลูกสุนัขที่วิ่งมาเกาะขาและได้รับคำตอบเป็นเสียงเห่าที่ฮยอกแจตีความหมายไปเองอย่างเพ้อเจ้อว่านั่นคือคำถามที่ถามกลับมา.. แล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ทำไมฮยอกแจไม่กลับบ้านน่ะเหรอ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ที่บ้านไม่มีใครรัก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             คุณพ่อคุณแม่... ไม่รักฮยอกแจ ฮึก....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             เสียงสะอื้นที่เพิ่งหายเพียงครู่เดียวกลับมาอีกครั้งและคราวนี้เหมือนจะหยุดมันไม่ได้ ร่างเล็กนั่งกอดเข่าและซบใบหน้าตัวเองลง ร้องไห้จนเหนื่อย... อากาศหนาวๆ แบบนี้ฮยอกแจคิดถึงเตียงนอนนุ่มๆ กับผ้านวมผืนหนาที่บ้านแต่เพราะเดินออกมาแล้วฮยอกแจก็จะไม่หันหลังกลับ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ในเมื่อยังไงคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่รักฮยอกแจแล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่ต่างกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             และถ้ายิ่งอยู่ให้ไกลได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ..................................

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ว่ามีคนเดินผ่านไปและนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลกับฮยอกแจพอหันไปมองก็สะดุ้งน้อยๆ ภาพที่ฮยอกแจเห็นคือผู้ชายคนหนึ่งที่แบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่และกระเป๋ากีต้าร์ ในมือคีบก้านบุหรี่ที่มีควันขาวลอยอวลออกมาจากปลาย ฮยอกแจย่นจมูกด้วยความไม่ชอบใจ กลิ่นนั้นนั่นเองที่ทำให้ฮยอกแจจำต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อผู้ชายคนนี้เดินผ่าน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ทนอยู่ต่อไปไม่ไหวเพราะอึดอัดเหลือเกินจึงตัดสินใจลุกขึ้นก้าวเดินกลับเข้าไปในสถานีรถไฟโดยไม่ทันได้สังเกตว่าลูกสุนัขตัวที่วิ่งมาเมื่อกี๊ยังไม่ได้ไปไหนและพอฮยอกแจลุกขึ้นเดินก็วิ่งดุ๊กๆ ตามไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “น้อง อย่าเพิ่งไปดิ่”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “……………………………."

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             มีเพียงคนๆ เดียวที่อยู่ในละแวกนี้เลยไม่ต้องคิดให้มากมายว่าใครเรียกใคร ฮยอกแจหันไปมองผู้ชายคนนั้นก่อนจะหันกลับไปอย่างไม่สนใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “เฮ้ย บอกว่าอย่าเพิ่งไป”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “ไม่ คุณแม่ไม่ให้คุยกับคนไม่ดี”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “คนไม่ดี?”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “สูบบุหรี่ คนไม่ดี”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ดวงตาคู่สีน้ำตาลมองบุหรี่ในมือตัวเอง กระตุกยิ้มขึ้นก่อนจะขยี้ปลายลงกับพื้น เบนสายตากลับไปยังเด็กชายตัวเล็กสวมเสื้อผ้าดูดีแบบลูกคนมีเงินและมีลูกสุนัขหน้าตาน่ารักวิ่งตามต้อยๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “พี่มีอะไร”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “ช่วยไรพี่หน่อยดิ่”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “หือ?”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “มานี่หน่อย”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             อีทงเฮกวักมือเรียก เด็กน้อยผิวขาวยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินมาหาท่าทางดูไม่ไว้ใจทงเฮเท่าไหร่ ดวงตากลมจ้องมองอย่างสงสัยในขณะที่ทงเฮกำลังถอดกีต้าร์ออกมาจากกระเป๋าผ้าสีดำ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ได้เจอเด็กนี่ก็ดีเหมือนกัน มีเรื่องอึดอัดใจอยากหาคนรับฟัง ครั้นจะให้ไปพูดระบายกับคนขายตั๋วรถไฟหรือพนักงานร้านมินิมาร์ทก็คงจะดูไม่เหมาะสม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “ใครๆ ก็บอกว่าพี่ฝันลมๆ แล้งๆ นักร้องไม่ได้เป็นง่ายๆ”

     

               

     

             “……………………………."

     

     

     

     

     

             “พี่เล่นดนตรีไม่ได้เรื่อง ร้องเพลงห่วยแตก”

     

     

     

     

     

             “แล้วพี่มาบอกผมทำไม”

     

     

     

     

     

             ฮยอกแจถามกลับด้วยความสงสัยพี่ผู้ชายคนนี้แปลกประหลาดจริงๆ อยู่ๆ ก็มาพูดอะไรไม่รู้แล้วทำท่าเหมือนจะเล่นกีต้าร์อีก ถอดถุงมือออกทั้งที่อากาศหนาวหิมะโปรยแบบนี้ เจอลมหนาวได้ไม่เท่าไหร่ก็ซีดเหลืองแล้ว

     

     

     

      

     

             “ช่วยฟังเพลงที่พี่เล่นหน่อยได้ไหม?”

     

     

     

             “…………………………….”

     

     

     

               “ฟังให้หน่อยดิ่..”

     

     

     

             “ก็ได้”

     

     

     

     

     

             ทงเฮยิ้มเมื่อเด็กชายตัวเล็กพยักหน้าแล้วนั่งลงตรงหน้าเขาเช่นเดียวกับลูกสุนัขที่ตะกุยขึ้นไปนั่งบนตักเล็กๆ อาจเป็นเพราะพื้นนั้นเย็นเกินกว่าจะแนบตัวลงไป นิ้วมือทั้งสองข้างทำงานตามหน้าที่ดีดเริ่มเป็นทำนองเพลงที่ใครๆ ก็บอกว่าติงต๊อง เล่นเป็นแค่เพลงแบบนี้จะไปเป็นนักร้องได้ยังไง แถมยังร้องเพลงเพี้ยนอีก

     

     

     

     

     

             ทว่าวันนี้อีทงเฮมีคนดูเป็นเด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งที่กำลังมองเขาอย่างจดจ่อ

     

     

     

     

     

     

     

             ความมั่นใจที่มากกว่าเดิมมาจากไหนไม่รู้ ... และโน๊ตที่ทงเฮเล่นก็ค่อยๆ เรียบเรียงเป็นท่วงทำนอง เพลงที่ไม่ว่าใครก็รู้จักทั้งนั้น

     

     

     

     

     

     

     

             “Happy birthday to you ... Happy birthday to you …"

     

     

     

     

     

     

     

             เพลงสั้นๆ ที่เด็กอนุบาลยังร้องได้ เพลงที่มีความยาวเพียงไม่ถึงครึ่งนาที บางทีก็อาจจะจริงอย่างที่คนอื่นว่า เล่นได้แค่เพลงแบบนี้ไม่มีทางจะเป็นนักร้องได้ อีทงเฮคนนี้ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย..

     

     

     

     

     

     

     

             “Happy birthday .. Happy Birthday..”

     

     

     

     

     

     

     

             “……………………………."

     

     

     

     

     

               

     

             “Happy birthday to you …"

     

               

     

      

     

             “……………………………."

     

     

     

     

     

     

     

     

             “……………………………."

     

     

     

     

     

     

     

     

             “…………………………….”

     

     

     

     

     

     

     

             “เฮ้ย.. น้อง….."

     

               

     

     

     

     

     

     

     



             “ฮึก…”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “พี่ร้องเพลงแย่จนถึงกับต้องร้องไห้เลยหรอ ?”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               

     

             ทงเฮมองดูเด็กชายตัวเล็กที่ยกมือขึ้นปิดหน้าก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาเสียงดัง ถึงใครต่อใครจะตำหนิเพลงที่ทงเฮเล่นก็จริงแต่ไม่มีใครเคยร้องไห้หลังจากฟังเพลงของทงเฮจบ มือหนายกขึ้นเกาหัว ไม่รู้จะทำยังไง จนสุดท้ายก็ตัดสินใจเก็บกีต้าร์ลงกระเป๋า นั่งลงตรงหน้าเด็กชายที่ยังร้องไห้ไม่หยุดกับลูกสุนัขที่ร้องหงิงๆ อยู่บนหน้าตักเล็กๆ นั่น

     

     

     

     

     

     

     

      ยกมือขึ้นเกาศีรษะจนผมยุ่งไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “ไม่เอาน่า ไม่ร้องไห้ ป่ะ ลุกเร็ว ไปหาขนมอร่อยๆ กินกัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃ ☃

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ฮยอกแจกัดขนมปังในมือ ก้มหน้าก้มตาไม่เงยขึ้นมองคนตรงหน้าหลังจากถูกลากมานั่งที่หน้ามินิมาร์ทในสถานีรถไฟแล้วโดนพี่ผู้ชายคนนี้ซักถามถึงเหตุผลที่ว่าทำไมฮยอกแจถึงร้องไห้ ฮยอกแจก็เล่าให้ฟังหมดทุกอย่างสุดท้ายเลยน้ำตาแตกอีกรอบแล้วก็ได้ขนมปังราคาไม่กี่พันวอนในมือออกมานั่งกัดกิน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ‘พี่ร้องเพลง... ฮึก... วันเกิด..... ที่ผมอยากได้ยิน’

     

     

     

     

     

     

     

             ‘…………………………..'

     

     

     

     

     

             ‘…………………………..'

     

     

     

     

     

     

     

             ‘เอ่อ งั้นขนมปังนี่ถือเป็นขนมแทนเค้กวันเกิดแล้วกัน พี่ไม่ค่อยมีเงิน’

     

     

     

      

     

             ‘………………………….'

     

     

     

     

     

     

     

             ‘สุขสันต์วันเกิดนะตัวเล็ก’

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               

     

             “ลูกหมาตัวนี้ชื่ออะไรหรอ” ทงเฮเอ่ยถามขณะที่กำลังหยอกเล่นโดยการใช้นิ้วเกาขนนิ่มๆ ไปมา

     

     

     

             “ยังไม่มีชื่อ ผมเจอมันที่หน้าสถานีรถไฟแล้วมันก็วิ่งตามผม”

     

     

     

             “ดูท่าทางมันชอบเรานะ อยากเลี้ยงไหม”

     

     

             “อยาก... แต่…” ร่างเล็กอึกๆ อักๆ ตอบออกมาเสียงอ้อมแอ้ม “คุณพ่อไม่ชอบหมา”

     

     

     

             “แต่พี่ชอบนะ แล้วไหงพูดถึงคุณพ่ออีก ไหนว่าจะไม่กลับบ้านแล้วไง ก็เลี้ยงได้นี่”

     

     

     

             “………………………….."

     

     

     

      

     

             ทงเฮสังเกตเห็นว่าเด็กชายตัวเล็กตรงหน้าดูเหงาหงอยมากขึ้นไปอีกเมื่อได้พูดถึงพ่อกับแม่ ทั้งที่ดูท่าทางว่าก็เป็นลูกคนมีเงิน แล้วปัญหาสาเหตุของการหนีออกจากบ้านที่เด็กคนนี้เล่าให้ฟังก็ดูเล็กน้อยมาก

     

     

     

     

     

             “พี่อ่ะ... โดนพ่อไล่ออกมา”

     

     

     

             ดวงตากลมที่เอาแต่มองพื้นเลื่อนขึ้นมามองทงเฮด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ทงเฮเห็นดังนั้นก็เล่าเรื่องของตัวเองต่อ ปล่อยให้ลูกสุนัขตัวเล็กนั่งเลียนิ้วเลียมือเล่นๆ

     

     

     

             “พ่อบอกว่าถ้าพี่อยากเป็นนักร้องมากก็ลาออกจากโรงเรียนไปเป็นนักร้องเลย แล้วก็ไม่ต้องมาอยู่ที่บ้านถ้าคิดว่าตัวเองเก่งนัก”

     

     

     

             “………………………….."

     

     

     

             “พี่เลยจะไปโซล พี่มีเงินไม่เยอะหรอกแค่พอค่าตั๋วรถไฟกับค่ากินสองสามวัน”

     

     

     

             “……………………………."

     

     

     

             “แล้วพอพี่ไปถึงพี่ก็จะเริ่มทำงานหาเงิน”

     

     

     

     

     

             “ไปโซลหรอ ไปด้วยได้เปล่า”

     

     

     

     

     

             คำถามที่ส่งออกมาพร้อมดวงตาใสซื่อทำให้ทงเฮต้องหลุดหัวเราะ แต่คนอย่างเขาที่ชอบคิดอะไรสนุกๆ ก็พยักหน้าตอบดีอีกจะได้มีเพื่อนถึงจะเป็นเด็กตัวเล็กๆ ก็เถอะ ทงเฮถามว่ามีเงินเท่าไหร่เด็กชายตัวเล็กจึงหยิบกระปุกหมูที่หนักพอควรออกมาจากเป้ที่สะพายมา นั่งแงะกันอยู่สองคนในที่สุดก็ได้เงินออกมา ทั้งสองช่วยกันหอบเหรียญกองโตเดินไปที่ตู้ขายตั๋วโดยไม่ลืมลูกสุนัขตัวเล็กที่วิ่งตามไปติดๆ

     

     

     

     

     

     

     

             “อายุเท่าไหร่แล้วเราน่ะ” ทงเฮถามเสียงเบาในขณะกำลังรอคิว

     

     

     

             “จะสิบสามแล้ว”

     

     

     

    “หรอ.. ยังตัวเล็กๆ อยู่เลยอ่ะหลอกเค้าว่าสิบขวบละกันจะได้ตั๋วถูก”

     

     

     

     

     

             ฮยอกแจเกาะขอบเคาท์เตอร์ที่มีเพียงตาดำๆ โผล่พ้นให้มองเห็นพี่ชายคนนี้ซื้อตั๋วรถไฟ โซล.. ฮยอกแจกำลังจะไปโซล... หัวใจเต้นตึกๆ ตักๆ ทั้งหวาดกลัวและนึกสนุก เมื่อกระดาษตั๋วใบสีขาวมาอยู่ในมือทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน รถไฟจอดเทียบอยู่ที่ชานชาลาแล้วและอีกไม่นานก็จะออกเดินทางมุ่งหน้าสู่กรุงโซล มือบางยกขึ้นแนบอกหัวใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก ก้าวขาถี่ๆ ตามขายาวของคนตัวโตกว่าที่เดินแบบสบายๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “ลูกหมายังไม่มีชื่อใช่ป่ะ”

     

     

     

     

     

             ฮยอกแจพยักหน้าตอบ 

     

     

     

    “พี่คิดชื่อให้หน่อยดิ่”

     

     

     

     

     

             “อือ ขอเวลาแปปนะ”

     

     

     

     

     

             ลูกหมาตัวเล็กถูกฮยอกแจเอาเสื้อยืดออกมาพันตัวห่มกันความหนาว มือเล็กลูบขนนิ่มๆ ของมันไปมา ขณะที่สองขาก็เดินไปเรื่อยๆ และกำลังรอลุ้นว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะได้มีชื่อว่าอะไร

     

     

     

     

     

     

     

             “เบิร์ธเดย์”

     

     

     

     

     

             “หือ?”

     

     

     

     

     

             “ชื่อ เบิร์ธเดย์ สมมติว่าเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่มาหาน้องเองในวันนี้ไง”

     

     

     

     

     

             “โอเค เบิร์ธเดย์”

     

     

     

     

     

             รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนริมฝีปากแดง มองลูกหมาตัวน้อยด้วยความเอ็นดูแต่แล้วก็ต้องรีบเดินให้เร็วขึ้นและเลิกสนใจลูกหมาก่อนเพราะพี่ชายคนนี้บอกว่าให้รีบๆ เดินเดี๋ยวรถไฟจะออกไปก่อนแล้วขึ้นไม่ทัน

     

     

     

             “ขึ้นด่วนเลย จะออกแล้วเนี่ย”

     

     

     

             “ครับพี่... มาเร็วๆ ตัวเล็ก”

     

      

     

               ทงเฮก้าวยาวๆ จนทิ้งระยะห่างไว้จากฮยอกแจพอสมควร คนที่ออกันอยู่เต็มไปหมดทั่วชานชาลาทำให้เด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่มีลูกหมาในอ้อมแขนไว้ด้วยเดินอย่างลำบากเช่นเดียวกันกับคนมองหาที่ยืนอยู่บนบันไดทางขึ้น

     

      

     

             “ถ้าไม่ขึ้นมาจะไปแล้วนะ”

     

     

     

             “พี่รอแป๊บนึง ตัวเล็ก ! อยู่ไหนเนี่ย”

     

     

     

               “พี่เอาเบิร์ธเดย์ไปก่อน ผมทำตั๋วตก”

     

     

     

             ลูกหมาถูกส่งให้ทงเฮถือขณะที่ร่างเล็กก้มลงมองหาตั๋วที่หลุดมือไป คนก็เต็มไปหมดไหนจะเสียงเครื่องรถไฟแล้วควันเหม็นๆ พวกนี้อีก ฮยอกแจมองหากระดาษที่คงมีคนเหยียบย่ำไปแล้วแต่หายังไงก็ไม่เจอ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             และแล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อร่างของตัวเองลอยวืดขึ้นจากพื้นปะทะเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่น .....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “ฮยอกแจ !  ฮยอกแจลูกแม่... ฮึก อย่าทำแบบนี้อีกนะลูก... หายไปแบบนี้แม่เป็นห่วงแทบแย่... ฮึก.. แม่ขอโทษนะจ๊ะลูกรัก .. สุขสันต์วันเกิดนะฮยอกแจของแม่”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               “น้องๆ รอไรอยู่ จะขึ้นไม่ขึ้น เสียเวลาคิวรถไฟหมด”

     

     

             พนักงานคุมรถที่รออยู่นานพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย เมื่อไอ้เด็กหนุ่มสะพายกีต้าร์นี่ยืนเกาะอยู่ตรงทางขึ้นแต่ไม่ยอมขึ้นไปเสียที ยึกกๆ อยู่นั่นจนเสียเวลา

     

     

     

            
             “น้องพี่ถามก็ตอบดิ”

     

     

     

             “เปล่าพี่ ไม่ได้รอใคร ไปเลย”

     

     

     

             ทงเฮหันหลังให้กับภาพของร่างเล็กในอ้อมกอดของผู้หญิงที่น่าจะเป็นแม่เพราะมือเล็กๆ นั้นก็กอดหญิงสาวไว้ไม่ปล่อย ดวงตาคมมองลูกสุนัขในมือตัวเองที่ครางหงุงหงิงทำตาแป๋วอย่างไม่รู้เรื่องก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อคิดไปถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมด

     

     

     

     

     

     

     

             ในคืนนี้... ที่หิมะตก

     

             ในคืนนี้... ที่เป็นวันเริ่มต้นการเดินทางตัวคนเดียว

     

             ในคืนนี้... ที่เป็นวันเกิดของเด็กผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่ง

     

             เด็กผู้ชายที่เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ขอให้มีความสุขมากๆ นะตัวเล็ก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                :

     

     

     

     

     

             อากาศหนาวมากหิมะก็ตกไปเต็มทั่วพื้นที่แต่เจ้าสุนัขตัวดีก็วิ่งออกมาเล่นซนนอกบ้านให้อีทงเฮต้องออกมาตามหา ชายหนุ่มวิ่งไปตามทางฟุตบาธที่ตรงมาจากที่พักของเขา เจ้าตัวดีคงไม่ได้วิ่งออกไปไหนไกลแล้วก็ออกไปตามทางเดิมที่เคยหนีออกมาเล่นทุกครั้ง

     

     

     

             “เฮ้ย..นั้นป่ะวะ”

     

     

     

             ดวงตาได้รูปหรี่มองสุนัขตัวโตที่เกาะขอบม้านั่งเล่นกับผู้ชายคนนึงที่เห็นเด่นได้จากไกลๆ เพราะเรือนผมสีบลอนด์สว่างจ้า ทงเฮก้าวขายาวๆ ไปด้วยความรวดเร็ว ยิ่งเห็นใกล้ยิ่งมั่นใจว่าใช่สุนัขของตัวเองจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

             “ออกมาเล่นซนอีกแล้วนะแกเนี่ย”

     

     

     

     

     

     

     

             ฮยอกแจหันใบหน้าไปมองตามเสียงและก็เห็นชายหนุ่มร่างหนาสวมเสื้อผ้าสีเข้มยืนมองสุนัขตัวโตที่เล่นกับเขาอยู่ ฮยอกแจยิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองดูโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่วิ่งส่ายหางกลับไปหาเจ้าของทำท่าทางเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ออกมาเล่นซน สองขาหน้าตะกุยขาของชายหนุ่มอย่างแรงจนกระเป๋าสตางค์ใบใหญ่หลุดออกมาจากกระเป๋ากางเกงให้ต้องโดนดุขณะชายหนุ่มคนนั้นโน้มตัวลงเก็บ

     

     

             “ขอบคุณนะครับที่เล่นกับหมาผม ไม่งั้นมันคงวิ่งเตลิดไปไกลกว่านี้แน่ๆ...  แกนี่ดื้อจริงๆ เลย”

     

     

     

             “ไม่เป็นไรครับ”

     

      

     

             ฮยอกแจยิ้มรับก่อนจะรู้สึกแปลบๆ ที่หัวใจเหมือนอัตราการเต้นสูงขึ้นมาในช่วงสั้นๆ มองตามทั้งคนทั้งสุนัขที่หันหลังเดินกลับไปตามทางแต่แล้วสายตาก็สังเกตเห็นของชิ้นเล็กๆ ที่ตกอยู่บนพื้นซึ่งคาดว่าน่าจะตกออกมาจากกระเป๋าสตางค์ของชายหนุ่มเมื่อครู่

     

     

     

     

     

              ปิ๊กกีต้าร์..?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ปิ๊กสีดำในมือถูกนิ้วเรียวลูบเกล็ดหิมะที่ติดอยู่ออก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

               ปิ๊กกีต้าร์... กีต้าร์... หิมะ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             แล้วก็...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             โกลเด้นรีทรีฟเวอร์

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             ฮยอกแจวิ่งตามคนที่เขามั่นใจว่าคือเจ้าของปิ๊กกีต้าร์นี้ไป ริมฝีปากกำลังจะเอ่ยเรียกผู้ชายคนนี้และบอกว่าทำของหล่นไว้ แต่เพราะใจที่เต้นรัวอยู่ตอนนี้และความสงสัยบางอย่างทำให้สิ่งที่พูดออกไปนั้นกลับกลายเป็นคำสั้นๆ แทนที่จะเป็นประโยคคำพูด

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             “เบิร์ธเดย์ !”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

             






             .. to be continued ..





     

     

     

     

     

     

     

     

              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×