ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] "ALL ABOUT US" [SUPER JUNIOR]

    ลำดับตอนที่ #2 : [KYUHYUK] JUST LIKE NOW (Christmas 2010) FEAT. SIWON & SUNGMIN

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 57




     

    JUST LIKE NOW

    KYUHYUN-HYUKJAE

    (Christmas 2010)

     

     

     






     

     

            I. 

     

     

     

            สายลมหนาวพัดผ่านพร้อมกับละอองหิมะเล็กๆ ที่โปรยปรายลงมากระทบกับยอดไม้ รถราต่างๆ และผู้คนเล็กน้อยที่สัญจรผ่านไปมา ณ ท้องถนนภายใต้ผืนฟ้ายามราตรีที่สวยงาม ปกคลุมไปด้วยผืนหิมะสีขาวสะอาดและลมหนาว.. คืนวันคริสต์มาสในกรุงโซล.. 

     

            ท่ามกลางผู้คนเพียงเล็กน้อยที่เดินฝ่าลมหนาวอยู่นั้น หนึ่งในนั้นมีร่างบางของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งสวมเพียงเสื้อไหมพรมสีเบจกับกางเกงขายาวซึ่งไม่สามารถจะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้เพียงพอ เรียวแขนบางจึงยกขึ้นกอดตัวเอง สองเท้าเดินเหยียบย่ำเกล็ดหิมะที่โปรยปรายตกลงมาปกคลุมยังพื้นถนนให้กลายเป็นสีขาวโพลนอย่างรุนแรงราวกับขุ่นเคืองใจอะไรมาสักอย่าง 

     

            อีกทั้งอาการบูดบึ้งบนใบหน้าหวานซึ่งล้อมรอบด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ฮยอกแจเดินฟึดฟัดอยู่ภายใต้ลมหนาวได้ไม่นานก็ตัดสินใจผลักประตูร้านกาแฟชื่อดังเข้าไป หมายจะหาเครื่องดื่มอุ่นๆ หอมๆ มาดื่มให้หายหนาวและเลิกคิดถึงเรื่องคนงี่เง่าคนนั้นที่ทำเขาอารมณ์บูดในวันดีๆ แบบนี้ 

     

            “สวัสดีค่ะ จะรับอะไรดีคะ” พนักงานสาวประจำร้านเอ่ยขึ้นเมื่อเขาได้ไปยืนอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์ มือบางควานหาเงินในกระเป๋ากางเกงก็พบว่ามีอยู่ไม่มากนักทว่าก็น่าจะพอสำหรับเมนูโปรดของเขาซึ่งมีเฉพาะในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น 

     

            “ท็อฟฟี่นัทลาเต้ร้อนครับ” เสียงหวานเอ่ยสั่งออกไปพร้อมกับไอเย็นเบาบางๆ ที่พ่นออกมาจากปาก 

     

            ฮยอกแจส่งเงินให้กับพนักงาน เมื่อได้รับใบเสร็จมาเรียบร้อยแล้วก็มายืนรออยู่ที่เคาท์เตอร์อีกฝั่ง ไม่กี่อึดใจแก้วมัคใบโตสีขาวสกรีนลายโลโก้ประจำร้านซึ่งกาแฟหอมกรุ่นถูกบรรจุอยู่ภายในก็ถูกยกออกมา ฮยอกแจประคองแก้วนั้นอย่างระมัดระวังพลางสอดสายตามองหาที่นั่ง น่าเสียดายที่ไม่มีโต๊ะว่าง ฮยอกแจจึงจำต้องนั่งที่สตูลบาร์ซึ่งว่างอยู่เพียงที่เดียวในร้าน 

     

            เมื่อได้ที่นั่งก็ยกแก้วมัคขึ้นจิบกาแฟอุ่นๆ เข้าปาก ก่อนจะส่งสายตามองไปทั่วร้านอีกครั้ง อาจเป็นเพราะว่าอากาศหนาวมากเกินไป ผู้คนถึงได้เข้ามาเพิ่มความอบอุ่นด้วยเครื่องดื่มร้อนๆ และบรรยากาศน่านั่งกันแน่นเอียดเต็มร้าน 

     

            และเก้าสิบห้าเปอร์เซนต์ในร้าน ไม่มีใครที่มาคนเดียวเลย 

     

            แล้วอีกห้าเปอร์เซนต์คือใคร? ก็เขาไง! 

     

            “เฮอะ สงสัยคราวหน้าถ้าอาจารย์ให้ทำรีเสิร์ชฉันจะเลือกทำหัวข้อสำรวจความงี่เง่าของคู่รักในเกาหลีแล้วก็สรุปได้ทันทีเลยว่าแฟนที่งี่เง่าที่สุดในเกาหลีคือไอ้บ้านั่นคนเดียว” 

     

            ฮยอกแจบ่นงึมงำๆ ด้วยสีหน้าเคียดแค้นแต่ก็เรียกสายตาของบุคคลซึ่งนั่งอยู่บริเวณใกล้เคียงให้หันมามองได้ หลังจากบ่นเสร็จและยกกาแฟขึ้นดื่มอีกหนึ่งอึก ฮยอกแจก็เพิ่งจะสังเกตเห็นสายตาที่มองมายังเขา ร่างบางหันหน้าไปมาเลิ่กลั่กก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับทุกคนแล้วหลังจากนั้นบุคคลเหล่านั้นก็หันไปจู๋จี๋กับคนรักของตนต่อ 

     

            ยกเว้น.. คนที่นั่งอยู่ขวามือของฮยอกแจ.. 

     

            “ดูเหมือนว่าคุณจะมีเรื่องไม่สบายใจนะครับ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆ พอให้ฮยอกแจได้ยิน ใบหน้าหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของน้ำเสียงนั้นและส่งสายตาคำถามออกไปแทนคำพูดว่า ‘คุณกำลังพูดกับผมงั้นหรือ?’ 

     

            “ใช่ครับ ผมพูดกับคุณนั่นแหล่ะ” ชายหนุ่มตอบ รอยยิ้มละลายใจพร้อมลักยิ้มที่แก้มปรากฏขึ้นสู่สายตาของฮยอกแจ “คุณมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ?” 

     

            “ไม่ต้องยุ่งน่า..” ตอบอย่างไม่รักษามารยาทพลางถอนหายใจก่อนจะตวัดสายตามองตรงไปยังแก้วมัคตรงหน้า ทว่าชายหนุ่มแปลกหน้าก็มิได้ขุ่นเคืองใดๆ กับท่าทีของฮยอกแจ มิหนำซ้ำยังยกยิ้มขึ้นมาเสียอีก 

     

            “คุณไม่ต้องปฏิเสธหรอก ที่ผมพูดน่ะหวังดีกับคุณนะ” ชายหนุ่มพูดต่อ ฮยอกแจค่อยๆ หันมามองด้วยแววตาที่ไม่ค่อยดีนัก “มีเรื่องไม่สบายใจในวันดีๆ แบบนี้ ผมรู้ว่าคุณอยากจะหาที่ระบายลงสักที่” 

     

            “แล้วคุณยุ่งอะไร” ใบหน้าขุ่นเคืองตวัดสายตามองชายหนุ่มน้อยๆ 

     

            “คุณระบายอะไรที่อึดอัดใจกับผมได้นะ” 

     

            “เรื่องอะไร ผมไม่รู้จักคุณเสียหน่อย” 

     

            “ก็ระบายให้กับคนไม่รู้จักฟังเนี่ยแหล่ะ ผมรู้มาแล้วผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ผมก็ไม่ได้รู้จักคุณ” คำพูดของชายหนุ่มเริ่มลดความขุ่นเคืองบนใบหน้าของฮยอกแจลงได้เพราะร่างบางเริ่มคล้อยตามเหมือนเห็นด้วย ตาใสแป๋วจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มแปลกหน้า “ผมก็แค่ไม่ชอบเห็นใครไม่สบายใจ วันนี้วันดีนะครับ” 

     

            “............” 

     

            “คุณอยากเก็บเรื่องไม่สบายใจไว้โดยไม่คิดหาทางออกหรือไง?” 

     

            ร่างบางมองใบหน้าหล่อเหลาของผู้พูดต่อเล็กน้อยก่อนจะหันหลับมามองแก้วมัคใบโตดังเดิม สองมือบางประคองแก้วอุ่นๆ ขึ้นยกจรดริมฝีปากอิ่ม ดื่มเข้าไปอึกใหญ่พอสมควรแล้วจึงค่อยหันมามองใบหน้าของคนข้างๆ ซึ่งมองมาที่เขาอยู่ราวกับว่ารอคำตอบ 

     

            “ก็ได้ แต่ขอดื่มให้หมดก่อนนะ” ฮยอกแจตอบด้วยสีหน้าจริงจังเรียกรอยยิ้มปรากฏขึ้นพร้อมลักยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง ดวงตาคมของชายหนุ่มทอดมองคนตรงหน้าซึ่งกำลังดื่มกาแฟด้วยสายตาอ่อนโยน 

     

            “โอเคหมดแล้ว” มือบางวางแก้วลงกับโต๊ะ และเช็ดปากด้วยกระดาษทิชชู่ ใบหน้าหวานหันมามองชายหนุ่มก่อนจะเงียบลงราวกับเตรียมคำพูดที่จะเริ่มระบายกับชายหนุ่มแปลกหน้า 

     

            “......” เขาได้แต่นิ่งเงียบรอฟังการระบายความไม่สบายใจของร่างบาง 

     

            ดวงตาคมสังเกตใบหน้าของคนที่นิ่งเงียบอยู่ จากใบหน้าเรียบเฉย.. คิ้วเรียวค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากอิ่มสีหวานเม้มเข้าหากันช้าๆ ก่อนที่จะเปิดออกมาพร้อมถ้อยคำระบายความอึดอัดใจ 

     

            “ไอ้งี่เง่านั่นมันโคตรงี่เง่าที่สุดในโลกเลย!” 

     

            เสียงที่พูดออกมาไม่ได้เบานักเพราะมันดังไปตามโทสะในใจของฮยอกแจ พูดจบแล้วใบหน้าโกรธขึ้งก็แปรเปลี่ยนไปเป็นบูดเบี้ยวราวกับจะร้องไห้ ผู้คนในร้านหลายคนเริ่มหันมามองทางพวกเขาทั้งคู่ ชายหนุ่มคาดเดาได้ว่าอีกไม่นานอะไรในใจของร่างบางตรงหน้าก็ถูกเปล่งออกมาทางคำพูดอีก และแน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความต้องการอยากที่จะเป็นจุดเด่นในร้านเงียบๆ 

     

            “เฮ้ย ไปไหน” เอ่ยท้วงขึ้นมาเบาๆ แต่คำตอบก็มิใช่คำพูดเมื่อไม่กี่วินาทีต่อมาสภาพแวดล้อมและลมหนาวพร้อมละอองหิมะก็ทำให้ฮยอกแจได้รับรู้ว่าเขาถูกลากออกมานอกร้าน 

     

            “พาออกมาทำไม หนาวนะ!” ตั้งสติได้ก็แหวใส่ชายหนุ่มแปลกหน้าตามนิสัยชอบโวยวายของตนทันที 

     

            “แล้วคุณจะนั่งตะโกนอยู่ในร้านให้คนเขามองเหรอ” พยักเพยิดไปทางร้านที่เพิ่งออกมาน้อยๆ ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำอะไรกับน้ำเสียงที่ดูเหมือนดุอยู่กลายๆ ร่างบางได้แต่ทำหน้างอใส่ 

     

            “อ่ะ ถ้าคุณหนาวก็สวมเสื้อโค้ตผมก่อนก็ได้” 

     

            มือหนายื่นเสื้อโค้ตตัวใหญ่ซึ่งถือออกมาจากร้านให้กับร่างบาง ฮยอกแจรับมันมาไว้ในมือ พิจารณามองดูประมาณห้าวินาทีก่อนจะส่ายศีรษะไปมาและส่งคืนผู้เป็นเจ้าของ 

     

            “ไม่เอาอ่ะ ตัวใหญ่” 

     

            “ใส่เถอะ ผมรู้คุณหนาว” 

     

            “แล้วคุณไม่หนาวหรือไง” 

     

            “ผมมีผ้าพันคอ แล้วอีกอย่างผมก็ตัวใหญ่กว่าคุณ แค่นี้ผมไม่เป็นไรหรอกครับ” 

     

            ชายหนุ่มบอกร่างบางด้วยน้ำเสียงทุ้มชวนฟัง ฮยอกแจเอียงคอมองเสื้อโค้ตในมือเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจสวมเข้าไป ผลปรากฏว่าเสื้อที่ออกแบบมาให้คลุมเพียงถึงสะโพกกลับยาวเฟื้อยลงมาจนห่างกับหัวเข่าเพียงไม่ถึงคืบเมื่อได้ถูกสวมใส่โดยฮยอกแจ 

     

            มือบางขยับเสื้อโค้ตไปมา 

     

            “อืม ก็ดี ถึกดีนะ คุณน่ะ” 

     

            ก่อนจะยกมือขึ้นตีแขนแกร่งของร่างสูงสองสามที 

     

            “ครับ ตอนนี้คุณหายหนาวแล้วใช่ไหม” เขาเอ่ยถาม 

     

            “ก็โอเคขึ้นมากแล้ว เอาล่ะ ตอนนี้ให้ผมพูดได้หรือยัง” 

     

            “ผมว่าเราไปนั่งกันตรงนั้นก่อนดีกว่า” 

     

            มือหนาชี้ไปที่ม้านั่งริมฟุตบาธซึ่งตรงเกาะกลางถนนขนาดใหญ่ในซอยเล็กซึ่งมีถนนเพียงฟากละสองเลนได้ปลูกต้นไม้และพุ่มไม้ต่างๆ ไว้ราวกับเป็นสวนเล็กๆ และที่ลานตรงกลางก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เด็กๆ ตัวน้อยกำลังเล่นปาหิมะกันสนุกสนานโดยที่มีผู้ปกครองยืนดูแลอยู่ด้วยไม่ห่าง 

     

            ฮยอกแจพยักหน้ารับ ทั้งคู่เดินไปนั่งที่ม้านั่งนั้นด้วยกัน ก่อนฮยอกแจจะตั้งสติประมาณสามวิ และเริ่มระบายความอึดอัดใจต่อทันที 

     

            “ไอ้บ้านั่น มันโง่มากเลย มันงี่เง่าๆๆๆๆ!” 

     

            ระบายออกมาด้วยสีหน้าเคียดแค้นละขุ่นเคืองแต่คนที่นั่งมองอยู่ข้างๆ กลับรู้สึกว่าดูน่ารักเสียมากกว่า 

     

            “ทำไม!? จะอยากฟังอะไรนักหนาคำพูดแบบนั้น ที่ฉันรู้สึกอยู่ทุกวันนี้มันไม่พอหรือไง!! อยากฟังแต่คำพูดหวานๆ ก็ไปหาคนอื่นโน่น หล่อนักไม่ใช่หรือไง? คนจีบเยอะนักนี่ ไปหามันเลยสิ ทิ้งฉันเลย ไอ้งี่เง่า! ไอ้โง่! ไอ้เอ๋อ! ไอ้หน้าแมว!! ไอ้..ไอ้..ไอ้บ้าโจ คยูฮยอน!!!” 

     

            ฮยอกแจหลับหูหลับตาตะโกนออกมาด้วยความคับแค้นใจ เด็กๆ ที่วิ่งเล่นปาหิมะอย่างสนุกสนานค่อยๆ หยุดเล่นและหันมามองฮยอกแจเป็นตาเดียวกัน ก่อนที่เด็กๆ เหล่านั้นจะอ้อนวอนขอผู้ปกครองพากลับบ้าน ซึ่งผู้ใหญ่ก็เห็นด้วยแต่โดยดีและพาเด็กน้อยไปนอนหลับฝันดีรอซานต้าคลอสที่บ้าน 

     

            “.. อยาก.. อยากแต่จะฟังคำบอกรัก.. ทำไมล่ะ .. ฉันแค่ไม่อยากให้มันเป็นคำพูดพร่ำเพ้อ.. ฉัน.. ฉันไม่ชอบให้เอาคำที่มีความหมายมาพูดทุกๆ วัน.. แค่การกระทำของฉันก็บอกมันได้แล้วว่าฉันห่วงคนบ้าๆ อย่างมันแค่ไหน..แค่การกระทำฉันก็บอกมันไปหมดทุกวันแล้วว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาฉันรู้สึกกับมันยังไง..” 

     

            “......” 

     

            “โอ๊ยย แล้วฉันจะร้องไห้ทำไมเนี่ย ฮึก..” 

     

            มือเรียวบางยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาแรงๆ ฟันคมขบกัดเม้มริมฝีปากไว้แน่นราวกับพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ทว่าก็ไม่สามารถทำได้เมื่อมือหนาที่อบอุ่นค่อยๆ ลูบแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาราวกับต้องการจะปลอบประโลม 

     

            “อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ คุณยิ่งฝืนไว้ มันยิ่งเจ็บนะ” 

     

            “ผมรู้หรอกน่า!” แหวใส่เสียงดังตามนิสัย ปาดน้ำตาด้วยมือทั้งสองออกแรงๆ 

     

            “อืม.. ถ้าให้ผมเดา..” จู่ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ต่างเงียบไปนาน “คนงี่เง่าที่คุณว่าคือแฟนคุณใช่มั้ย?” 

     

            “ก็ใช่น่ะสิ ผมมานั่งดราม่าในวันคริสต์มาสแบบนี้เพราะทะเลาะกับยามหน้าอพาร์ทเม้นท์มั้ง!” 

     

            แทนที่ชายหนุ่มจะโกรธเคืองกับคำพูดที่ไม่น่าผูกมิตรด้วยของร่างบางกลับกลายเป็นว่าเขารู้สึกชอบกับการแสดงออกที่ตรงไปตรงมาของคนตัวเล็ก 

     

            “แล้วตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้างแล้ว?” เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ยิ้มให้กับคำพูดก่อนหน้าของร่างบาง 

     

            “ก็.. รู้สึกดี ดี.. อืม ดีขึ้น ได้พูดออกมาแล้วก็หายอึดอัดใจดิ่” พูดตามที่ตนรู้สึก ฮยอกแจสูดจมูกอยู่ครู่หนึ่งก่อนมือเรียวจะยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจนหมด 

     

            ฮยอกแจหันหน้ามามองชายหนุ่มร่างสูง “นี่ ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณอ่ะ ชื่อไรหรอ” 

     

            “หืม? ทำไมอยากรู้จักผมล่ะ” 

     

            “อยากมีเพื่อน ไม่ได้เหรอ นายดูเป็นคนดีอ่ะ” พูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนแปลงไปให้ดูเป็นกันเองมากขึ้น “ฉัน อี ฮยอกแจนะ” 

     

            “ผมชเว ซีวอนครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับฮยอกแจ” 

     

            ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาเจ้าของชื่อซีวอนเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ร่างบาง ฮยอกแจตอบกลับรอยยิ้มนั้นด้วยรอยยิ้มสดใสแม้นัยน์ตากับปลายจมูกจะยังแดงอยู่น้อย ร่างบางลุกขึ้นยืนและลากมือซีวอนให้มาหยุดอยู่ที่ลานหิมะเล็กๆ ซึ่งเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ถูกจับจองด้วยเด็กตัวน้อยหลายคน 

     

            ฮยอกแจนั่งยองๆ ลงกับพื้นและใช้กิ่งไม้ขีดเล่นไปมาบนพื้นหิมะ โดยที่ซีวอนนั้นถูกดึงให้นั่งอยู่ข้างๆ กัน 

     

            “ซีวอน.. นายว่าฉันควรทำยังไงดี” เอ่ยถามขึ้นโดยที่ยังไม่ละสายตาออกจากพื้นหิมะตรงหน้า “ฉันไม่ได้อยากทะเลาะกับคยูเลย แต่หมอนั่นทำฉันอารมณ์เสีย” 

     

            “ยังไงล่ะ?” 

     

    “ก็เดินด้วยกันทีไร เอะอะๆ ก็จับมือ เดินไปเดินมาก็เดี๋ยวโอบเดี๋ยวกอด โอ๊ย หงุดหงิด สองปีแล้วนะ ยังไม่เลิกเลยฉันด่าจนไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว ” บ่นฟึดฟัดและใช้กิ่งไม้ขุดพื้นหิมะจนกระจุยกระจาย 

     

            “จับมือ? โอบ? แฟนกันทำแบบนั้นก็ไม่ผิดนะ” ซีวอนเอ่ยออกไปตามที่คิด มันผิดตรงไหนล่ะ เพื่อนกันบางคนยังเดินจับมือกันเลย 

     

            “ก็ฉันไม่ชอบนี่นา! เดินเองไม่เป็นหรือไงเล่า มาจับมงจับมือ” 

     

            “แล้วเวลาแฟนคุณเขาจับมือคุณ คุณรู้สึกอบอุ่นไหม?” 

     

            คำถามที่ซีวอนถามกลับทำเอามือที่กำลังขีดเขียนหิมะหยุดนิ่ง ฮยอกแจวางกิ่งไม้นั้นลง ก่อนฝ่ามือบางจะยกขึ้นถูกัน ฮยอกแจจรดสองฝ่ามือเข้ากับริมฝีปากและพ่นลมอุ่นๆ ใส่ 

     

            “มันก็อุ่นกว่าต้องอยู่คนเดียวแบบนี้..” 

     

            รอยยิ้มบางคลี่ขึ้นบนริมฝีปากหยักของซีวอน เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงส่วนฮยอกแจก็ลุกขึ้นยืนตาม 

     

            “คุณฟังผมนะ..” เกริ่นขึ้นมาเสียงทุ้ม ฮยอกแจสบตาเข้ากับดวงตาคมและพยักหน้า “การที่เขาอยากจับมือคุณทุกครั้งที่เดินด้วยกัน การที่เขาอยากโอบกอดคุณ หรือจะอะไรที่มากกว่านั้น .. ระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาที่คุณเอาแต่คอยปฏิเสธเขาแต่เขาก็ยังดื้อดึงจะทำต่อไป.. ฮยอกแจ ผมบอกอะไรให้...” 

     

            “............” 

     

            “ถ้าเขาไม่รักคุณเขาไม่ทำหรอก” 

     

            คำพูดสั้นๆ ของซีวอนนั้นตรงใจฮยอกแจเสียจนร่างบางต้องหลบสายตา ริมฝีปากไม่อาจขยับเพื่อโต้เถียงใดๆ ได้ 

     

            “คุณก็รู้สองปีมันนานนะ แล้วการที่เขายังยืนอยู่ข้างๆ คุณ ก็เพราะรักและรักทั้งนั้น” 

     

            “.............” 

     

            “ผมรู้ดีว่าบอกอะไรคุณมากไม่ได้ ผมไม่รู้จักแฟนของคุณ หรือแม้แต่คุณผมก็เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงหนึ่งวัน แต่จากที่คุณเล่ามา มันเป็นเรื่องอะไรที่เดาได้ไม่ยากเลย” 

     

            “.............” 

     

            “ฮยอกแจครับ ความรักน่ะถ้าคุณรู้สึกว่ามากไปมันไม่ดี คุณก็ต้องรู้สึกได้ว่าน้อยไปมันก็ไม่ดีเหมือนกัน” 

     

            น้ำตาจะไหลอีกแล้ว.. 

     

            ใบหน้าหวานก้มงุดพร้อมกับน้ำใสๆ ที่เอ่อคลอขึ้นมาใบเบ้าตา ก่อนน้ำใสqเหล่านั้นจะค่อยๆ หยดลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ ฮยอกแจปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าออก ริมฝีปากอิ่มสบถคำก่นด่าตัวเองที่ดันมาเสียน้ำตาอีกจนได้เบาๆ 

     

            “ไม่เอาน่า ไม่ร้องไห้สิ” มือหนายกขึ้นประคองใบหน้าหวาน ปลายนิ้วโป้งค่อยๆ ปาดไล้คราบน้ำตาออกจากแก้มเนียน “นี่ก็ดึกแล้วนะ คุณรีบกลับดีกว่าไหม เดี๋ยวแฟนคุณเขาจะเป็นห่วงนะ” 

     

            “อืม กลับ” พยักหน้าขึ้นลงทั้งๆ ที่น้ำตายังเปื้อนเปรอะเต็มแก้ม ฮยอกแจในตอนนี้ดูว่าง่ายและไม่เถียงคำแม้แต่นิด 

     

            “ให้ผมไปส่งหรือเปล่า” ซีวอนเอ่ยถามขึ้น 

     

            “ไม่เป็นไรหรอก อพาร์ทเม้นท์ใกล้ๆ นี่เอง” ฝ่ามือเย็นเฉียบค่อยปลดเสื้อโค้ตออกจากตัวและส่งคืนให้ซีวอน “ฉันกลับก่อนนะซีวอน ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ” 

     

            “ครับ” 

     

            “บ๊ายบายนะ อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน ก่อนไปฉันขอเบอร์ซีวอนหน่อย” ฮยอกแจที่กำลังโบกมือลาและจะเดินออกไปกลับมายืนอยู่ตรงหน้าซีวอน มือบางที่เริ่มแข็งเพราะอากาศหนาวๆ ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงออกมายื่นให้ซีวอน 

     

            ร่างสูงรับมาและกดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไป ก่อนจะส่งคืนให้ร่างบาง 

     

            “ขอบคุณซีวอนมากนะ เราเป็นเพื่อนกันละนะ โอเคปะ ฉันไปก่อนล่ะ ไว้เดี๋ยวโทรหานะ” 

     

            “ครับ เดินกลับดีๆ นะ” 

     

            ซีวอนพูดไล่หลังฮยอกแจที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปห่างมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นร่างบางหันหน้ามาทางเขา ยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นการบอกลาสำหรับวันนี้ ก่อนที่ฮยอกแจจะหันหลังให้ และเดินกลับไป 

     

            ดวงตาคมทอดมองแผ่นหลังเล็กที่ค่อยๆ ห่างออกไปมากขึ้น... 

     

            เขาไม่ใช่เพื่อนที่แสนดีอะไรแบบที่ฮยอกแจคิดหรอกนะ.. 

     

            ซีวอนยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ ก่อนจะสวมเสื้อโค้ตซึ่งเมื่อครู่ได้ให้ฮยอกแจหยิบยืมไป พลันหัวสมองก็คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ 

     

            เฮ้อ.. วันนี้โกหกฮยอกแจไปเต็มๆ เลยนะชเว ซีวอน.. 

     

            ทำเป็นไม่รู้จัก ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ซีวอนนั้นพักอยู่อพาร์ทเมนท์ตรงข้ามกับคนตัวเล็ก แอบมองอยู่ทุกวันที่ร่างบางออกไปมหา’ลัยพร้อมกับโจ คยูฮยอนที่เป็นคนรัก ปีสองปีแล้วมั้งที่ซีวอนได้แต่มองอยู่แบบนี้ ถึงจะรู้ชื่อของคนตัวเล็กเพราะน้องสาวของเขาเรียนมหา’ลัยเดียวกับฮยอกแจ ทว่าวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกัน 

     

            ได้คุยกัน... แบบบังเอิญ 

            ในหัวข้อที่ซีวอนต้องพูดไปยิ้มไป 

     

            ทั้งๆ ที่ใจมันก็เจ็บ.. 

     

            แต่ยังไงก็เอาเถอะ.. วันนี้เป็นวันดี.. เขาไม่ควรเศร้า อย่างน้อยเขาได้มีโอกาสดีๆ ได้คุยกับฮยอกแจเป็นครั้งแรก 

     

            แม้จะเป็นได้แค่เพื่อน.. ซีวอนก็ขอแค่นี้ ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านั้น 

     

            เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ พระเจ้าอาจจะวางกำหนดให้เขาไว้แล้ว 

            

            เป็นได้แค่เพื่อน.. ก็ยังดี 

            แค่ได้อยู่กับฮยอกแจวันนี้.. ก็พอ 

     

     

            : 

     

     

            สุขสันต์วันคริสต์มาสนะครับ ฮยอกแจ.. 

     

     

     

     

            II.

     

     

            ติ๊งต่องๆ 

     

            ออดหน้าห้องอพาร์ทเม้นท์หรูใจกลางโซลถูกกดเพื่อเรียกให้เจ้าของห้องพักได้ออกมาต้อนรับผู้มาเยือน มือหนาภายใต้ถุงมือหนังสีเข้มที่สวมใส่อยู่สอดกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ตสีอ่อนตัวยาว รออยู่เพียงไม่กี่อึดใจบานประตูก็ได้เปิดออกมาต้อนรับเขา 

     

            “คยูฮยอน เข้ามาสิ” 

     

            : 

     

            ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งซึ่งปลดเสื้อโค้ตตัวนอกและถุงมือวางไว้แล้วกำลังนั่งทอดอารมณ์หมองหม่นพลางถอนหายใจเป็นระยะอยู่บนโซฟาสีขาวครีมในห้องพักแห่งนี้ ในมือหนามีถ้วยกาแฟอุ่นๆ ซึ่งถูกชงมาเสิร์ฟให้กับเขาโดยเจ้าของห้องหนุ่มหน้าหวาน 

     

            “ขอโทษที่วันนี้มารบกวนนะซองมิน..” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยขึ้นเสียงเบากับเจ้าของห้องผู้เป็นเพื่อนของตนแล้วจึงค่อยยกกาแฟขึ้นจิบนิดๆ .. กาแฟฝีมือซองมินรสชาติดีมาก.. แต่เขากลับรู้สึกชื่นชอบกาแฟที่บางครั้งก็มีรสจืดจาง หรือบางคราก็ขมปี๋ไปตามอารมณ์ของอีกคนที่อยู่ในใจของเขาตลอดเวลามากกว่า.. 

     

            “รบกวนอะไรกันล่ะคยูฮยอน” ซองมินเอ่ยขึ้นมาตามที่รู้สึกจริงๆ ไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรเลยสำหรับคยูฮยอนไม่ว่าจะเวลาไหน เขารู้สึกดีใจลึกๆ ด้วยซ้ำที่ในวันดีๆ แบบนี้เขาได้เจอคยูฮยอน 

     

            แม้จะเดาได้ว่าที่คยูฮยอนมาหาเขาพร้อมอาการเซ็งโลกแบบนี้ หนีไม่พ้นเวลาที่มีปัญหากับฮยอกแจแน่นอน 

     

            “มีปัญหาอะไรกับฮยอกแจมาอีกล่ะ” เอ่ยขึ้นเบาๆ คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองซองมินก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา เพื่อนเขาคนนี้รู้ใจเขาเสมอ อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาที่ดีมากอีกด้วย 

     

            “ก็เรื่องเดิมๆ น่ะ.. ” ตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ มือหนาวางถ้วยกาแฟลงกับโต๊ะตรงกลาง “มันมากซะจน.. ฉันคิดว่าเขาคงไม่ได้รักฉันเลย..” 

     

            “คิดอะไรบ้าๆ น่ะคยูฮยอน” ซองมินตำหนิ ทำไมนะทำไมบางทีเขาก็รู้สึกเหมือนว่าเขารู้จักฮยอกแจดีกว่าที่คยูฮยอนรู้จักด้วยซ้ำ 

     

            ซองมินรู้ดี ฮยอกแจไม่ชอบให้คยูฮยอนจับมือ ไม่ชอบบอกรักบ่อยๆ.. ก็เพราะเขิน 

     

            แล้วเวลาเขินฮยอกแจก็ทำอะไรไม่ถูกนอกจากโวยวายใส่ แล้วคยูฮยอนก็ชอบคิดแทนฮยอกแจเสียเหลือเกินว่าร่างบางไม่รักอย่างโน้นเบื่อเขาอย่างนี้ ตอนนี้ซองมินยังงงๆ เลยว่าสองคนนี้คบกันมาถึงสองปีได้อย่างไร 

     

            คยูฮยอนมาปรึกษาปัญหาอะไรพวกนี้กับเขาค่อนข้างบ่อยครั้ง และทุกคำพูดที่ซองมินพูดออกไป ถึงแม้ว่าเขาจะรักคยูฮยอนมากกว่าเพื่อน.. แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ซองมินจะเสนอตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องของทั้งสองมากกว่าการเป็นที่ปรึกษาให้คยูฮยอน 

     

            เพราะซองมินรู้ดี.. คยูฮยอนไม่ได้รักเขา 

     

            หากพูดออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจะทำให้ความเป็นเพื่อนที่มีมาตลอดสี่ปีระหว่างเขากับคยูฮยอนนั้นแย่ลง 

     

            “วันนี้ขนาดแค่ฉันอยากจับมือฮยอกแจอยากกอดฮยอกแจเพราะอากาศมันหนาวมากเท่านั้น เขากลับผลักฉันออก ฉันแค่อยากได้ยินเสียงหวานๆ บอกรักฉันสักคำในวันดีๆ แบบนี้ แต่สิ่งที่ฮยอกแจทำมามันคือการโวยวายใส่ฉันแล้วก็วิ่งหนีออกมาจากห้อง..ฮยอกแจคงรำคาญคนงี่เง่าแบบฉันมาก..” 

     

            “เขาบอกแล้วเหรอว่ารำคาญนาย” ร่างอวบเอ่ยถาม เขาสาบานได้เลยร้อยเปอร์เซนต์ว่าคยูฮยอนต้องส่ายหน้าตอบกลับมา 

     

            แล้วก็เป็นไปดังคาด.. คยูฮยอนคิดไปเองทั้งหมด.. คิดแทนฮยอกแจอีกแล้ว 

     

            “นายก็เป็นแบบนี้ทุกทีคยูฮยอน นายคิดแทนฮยอกแจตลอด นายทำเหมือนลืมว่าอะไรที่ทำให้นายชอบฮยอกแจ” 

     

            “..................” 

     

            “ก็เพราะว่าความน่ารักที่ไม่เหมือนใครของฮยอกแจไง นายบอกฉันว่าฮยอกแจไม่ใช่คนที่ชอบอะไรโรแมนติกเหมือนที่นายเป็น แต่ฮยอกแจก็เป็นคนเดียวที่ทำให้นายรู้สึกอบอุ่น รู้สึกรักและอยากปกป้องดูแล” 

     

            “นายเป็นคนพูดเองนะคยูฮยอน..” 

     

            ซองมินเอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ออกมาจนหมด คยูฮยอนได้แต่ถอนหายใจเพราะทั้งหมดที่ซองมินพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง 

     

            แต่บางครั้ง เขาก็อยากได้ยินได้ฟังคำพูดหวานๆ อยากกอดฮยอกแจบ่อยๆ อยากจับมือเวลาเดินด้วยกันในหน้าหนาวแบบนี้ 

     

            เขาไม่อยากให้ใจรู้สึกอบอุ่นเพียงอย่างเดียว.. 

     

            “ฉัน.. ฉันคงงี่เง่าแบบที่ฮยอกแจบอกจริงๆ” เอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาก่อนจะหลับตาลง ซองมินนั่งมองคยูฮยอนอยู่ครู่หนึ่งก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าหวานหันซ้ายขวามองหาของที่ตนต้องการก่อนจะพบว่ามันถูกวางอยู่ในชั้นหนังสือของเขา 

     

            ’Top 50 Cake Recipes’ 

     

            “คยูฮยอน ฮยอกแจชอบกินเค้กใช่ไหม?” ถามขึ้นขณะยืนเปิดดูหนังสือเล่มใหญ่ ซองมินไล่สายตามองลงมาเรื่อยๆ ในหน้าสารบัญของตำราทำขนมเค้กที่เขาโปรดปราน 

     

            จะว่าไปแล้วซองมินก็ชอบทำขนมทุกชนิดไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เปิดร้านเค้กหรอก 

     

            “อืม ฮยอกแจชอบเค้กสตรอเบอร์รี่ครีมสด แต่ต้องไม่หวานมาก แล้วก็ต้องกินกับนมอุ่นๆ จะได้ไม่ติดคอเกินไป” คยูฮยอนพูดตอบ เขาลุกขึ้นจากโซฟาเดินมาหาซองมินที่ชั้นหนังสือ 

     

            “อ่า.. ในตู้เย็นฉันมีสตรอเบอร์รี่พอดีเลย ทำเค้กให้ฮยอกแจดีไหมคยูฮยอน?” เสนอขึ้นและส่งสายตามองคู่สนทนาตรงหน้า เมื่อเห็นว่าคยูฮยอนพยักหน้าตอบตกลงซองมินก็ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเปิดไปที่หน้าหนังสือซึ่งเขียนสูตรการทำเค้กสตรอเบอร์รี่ครีมสดซึ่งฮยอกแจโปรดปราน 

     

            “เดี๋ยวก่อนซองมิน” คยูฮยอนเอ่ยท้วงขณะเดินตามซองมินเข้าไปในครัว ร่างอวบหันมามองพร้อมส่งสายตาสงสัยแทนคำตอบออกไป “ฉันมารบกวนนายหรือเปล่า” 

     

            “รบกวนบ้าบออะไร ฉันเหงาจะตายนะ เพิ่งแขวนป้ายหยุดร้านยาวจนถึงปีใหม่นู้น ไม่มีอะไรทำเลยวันๆ” ซองมินพูดถึงร้านเค้กของเขา “มาๆ มาทำเค้กกัน เดี๋ยวฉันสอนนายให้ ของที่อยู่ในตู้เย็นฉันเยอะมากนะ เยอะจนไม่รู้จะเอามาทำอะไรแล้ว” 

     

            “ขอบใจนายมากนะซองมิน” 

     

            “เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เอง” 

     

            ทั้งคู่ยิ้มให้แก่กันก่อนซองมินจะเดินนำเข้าไปจนถึงในครัว มืออวบวางหนังสือเล่มใหญ่ไว้ที่เคาท์เตอร์และเดินไปที่ตู้เย็น หยิบสตรอเบอร์รี่กล่องขนาดกลาง เนย ไข่ น้ำตาล กลิ่นวานิลลา ออกมาวางกองไว้ที่เคาท์เตอร์ตรงข้างๆ หนังสือสูตร เมื่อวางเสร็จก็เดินไปหยิบแป้งกับผงฟูออกมาจากตู้เก็บของแห้ง พอเตรียมวัตถุดิบได้ที่แล้วก็หันไปเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ 

     

            “อ๊ะ สวมไว้ด้วย เสื้อจะได้ไม่เปื้อน” ซองมินยื่นผ้ากันเปื้อนสีอ่อนให้กับนักเรียนของเขาในวันนี้ คยูฮยอนรับมาสวมก่อนจะได้รับคำบัญชาการจากผู้เชี่ยวชาญการทำขนม 

     

            “ตวงแป้งออกมา 1 ถ้วยแล้วก็ร่อนลงในชามแก้วใบนี้นะ” มืออวบเลื่อนชามแก้วและถ้วยตวงมาให้ 

     

            “อื้ม” 

     

            คยูฮยอนรับคำและทำตามคำสั่งที่ได้รับมา เขาค่อยๆ ร่อนแป้งอย่างเบามือ แม้การทำขนมจะไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบมันทว่าหากได้ทำให้คนที่รัก.. เพียงแค่คยูฮยอนนึกถึงใบหน้าหวานที่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดียามได้เห็นขนมสุดโปรดวางอยู่ตรงหน้า ต่อให้มันจะยากเย็นสักแค่ไหน เขาก็เต็มใจที่จะทำพร้อมกับใส่ความรักลงไปด้วย 

     

            “คยูฮยอน พอร่อนแป้งเสร็จแล้วก็ร่อนผงฟูตามลงไปเลยนะ ใส่ตามสูตรในหนังสือเลย เดี๋ยวฉันจะเตรียมพวกส่วนที่เป็นของเหลวไว้รอ” ร่างอวบบอกขณะกำลังจะปั่นส่วนผสมซึ่งเป็นของเหลวด้วยเครื่องผสม ใจจริงแล้วก็อยากจะให้คยูฮยอนทำให้ฮยอกแจหมดเลยทุกขั้นตอนทว่าการผสมน้ำตาลกับไข่ให้รวมจนเป็นเนื้อเดียวกันก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากไปสำหรับคนที่แทบไม่มีพื้นฐานด้านการทำอาหารแบบคยูฮยอน 

     

            “โอเค” ตอบรับพลางร่อนแป้งไปเรื่อยๆ ไม่นานนักทั้งแป้งและผงฟูก็ได้รับการร่อนจนเนียนละเอียด ซองมินซึ่งกำลังปั่นน้ำตาลให้ละลายเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกับไข่ มองดูคยูฮยอนอยู่เป็นพักๆ เมื่อคยูฮยอนจัดการกับแป้งเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มบอกสิ่งที่คยูฮยอนต้องทำต่อไป 

     

            “เสร็จแล้วนายก็พักไว้นะ ตอนนี้ไปหยิบเขียงสีขาวกับมีดออกมา” ร่างสูงเดินไปหยิบสิ่งที่ของที่ซองมินบอกออกมาวางไว้ที่เคาท์เตอร์ “แล้วก็เทสตรอเบอร์รี่ออกมาใส่ชามพลาสติกสีชมพูตรงนั้น นั่นแหล่ะ ล้างให้สะอาดแล้วเอามาตัดจุกสีเขียวออก จากนั้นก็ผ่าครึ่งตามแนวยาว” 

     

            “มันทำยังไงหรอ ไอ้ผ่าครึ่งแนวยาวอะไรเนี่ย” คยูฮยอนเงยหน้าถามหลังจากล้างสตรอเบอร์รี่และตัดจุกสีเขียวออกตามที่ซองมินบอกแล้ว 

     

            “ทำแบบนี้” มืออวบเลื่อนไปกดหยุดการปั่นส่วนผสมก่อนจะเดินเข้ามาสาธิตการหั่นสตรอเบอร์รี่ให้คยูฮยอนดู เมื่อคยูฮยอนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้ว ซองมินจึงหันไปจัดการกับส่วนของแหลวทั้งหมดต่อ 

     

            เพียงไม่นานนักสตรอเบอร์รี่ผลสีแดงสดก็ถูกหั่นไว้เรียบร้อย แม้จะดูบูดๆ เบี้ยวๆ ไปบ้างแต่คยูฮยอนก็ภูมิใจมากที่ได้ทำให้ฮยอกแจ 

     

            “เอาล่ะ ได้แป้งแล้ว” เอ่ยขึ้นหลังจากผสมแป้งที่ร่อนไว้ลงกับน้ำตาลและไข่ ซองมินค่อยๆ คนให้เข้ากันจากนั้นจึงนำเนยละลายมาเทลงไป เติมกลิ่นวานิลลาอีกนิด ผสมกันอีกรอบแป้งเค้กก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ 

     

            เนื้อแป้งเค้กเหลวๆ สีอ่อนถูกเทลงพิมพ์กลมขนาดกลางก่อนถูกนำไปอบไว้ในอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสเมื่อซองมินตรวจดูทุกอย่างว่าเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยิบวิปปิ้งครีมกล่องใหญ่ออกมาจากตู้เย็น 

     

            “อีกยี่สิบนาทีเค้กจะสุก ตอนนี้เรามาทำครีมกันก่อนนะ นายหยิบขวดน้ำตาลกับเกลือมาให้ฉันหน่อยสิคยูฮยอน” ซองมินพูดพลางเทวิปปิ้งครีมลงไปในเครื่องตีอีกเครื่อง คยูฮยอนส่งกระปุกน้ำตาลกับเหลือมาให้ตามที่ซองมินเอ่ยขอ 

     

            “ทำไมทำขนมหวาน แต่ต้องใส่เกลือด้วยล่ะ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ซองมินหัวเราะน้อยๆ กับคำถามนั้น มันเหมือนกับคำถามของเขาที่ถามอาจารย์ในคลาสแรกของการเรียนทำขนมเลย 

     

            “ก็จะได้มีรสชาติกลมกล่อมไง” แล้วซองมินก็ตอบเหมือนที่อาจารย์ได้เคยตอบเขามา 

     

            คยูฮยอนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะยืนดูซองมินตีให้ครีมสดตั้งยอดขึ้น เมื่อได้ที่แล้วซองมินก็นำชามสแตนเลสซึ่งบรรจุครีมอยู่และชามสตรอเบอร์รี่เข้าตู้เย็น ทั้งคู่นั่งรอขนมเค้กสุกที่โซฟาพลางเปิดทีวีดูได้เพียงไม่นาน ขนมที่อบไว้ก็สุกเรียบร้อย 

     

            “แล้วเราต้องทำอะไรต่อหรอ” คยูฮยอนเอ่ยถาม 

     

            “ก็เดี๋ยวฉันจะหั่นเค้กออกเป็นสามชั้น ต่อจากนั้นฉันก็จะให้นายทำเต็มที่เลย รอแป๊บนะ” เงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมรอยยิ้ม ซองมินค่อยๆ เคาะขนมเค้กที่อบสุกแล้วออกมาจากแม่พิมพ์ ขนมก้อนกลมๆ สีเหลืองนวลส่งกลิ่นหอมถูกวางไว้อยู่บนถาด ก่อนจะถูกตัดออกเป็นสามชั้นและวางแยกออกมา 

     

            ซองมินเดินไปหยิบชามครีมสดและสตรอเบอร์รี่ออกมาจากตู้เย็น 

     

            “เอาล่ะ ตอนนี้ก็เหลือแค่ปาดครีมและใส่สตอร์เบอร์รี่นะ นายใช้ไม้พายค่อยๆ ปาดครีมลงขนมเค้กชั้นแรก จากนั้นก็วางสตอร์เบอร์รี่ให้ทั่ว เอาเค้กอีกชั้นมาทับแล้วก็ทำแบบเดิมต่อ” อธิบายพลางใช้มือประกอบ “แล้วพอถึงชั้นบนสุดแล้ว ทีนี้ก็ปาดครีมให้ทั่วชิ้นเลย ตรงขอบด้วยนะ สุดท้ายนายก็แต่งสตรอเบอร์รี่ไว้ด้านบนให้หมดเลย นายทำไปเลยนะเดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำก่อน” 

     

            “อ่า โอเคๆ ขอบคุณมากนะซองมิน” คยูฮยอนรับคำ 

     

            ซองมินส่งยิ้มให้แทนคำตอบก่อนจะเดินเข้าห้องนอน ทันทีที่ประตูไม้เนื้อดีได้ถูกปิดลง วินาทีนั้นซองมินก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาต่อไปได้.. 

     

            ไม่เคยชินสักที ... กับเหตุการณ์แบบนี้ 

     

            : 

     

            ทางด้านคยูฮยอนที่ฟังคำอธิบายรวดเดียวจบก็เริ่มจะลงมือตกแต่งหน้าเค้ก ร่างสูงเลื่อนเก้าอี้ในห้องกินข้าวมาวางไว้ตรงโต๊ะทำอาหารและเริ่มหยิบไม้พายขึ้นมา ตักครีมขึ้นและปาดไปให้ทั่ว 

     

            “อืม ก็ไม่ยากอะไรมากมายนี่หว่า แค่ปาดๆ ไปเหมือนทาสีบ้าน” 

     

            หลังจากปาดครีมสดลงไปเสียหนาเตอะคยูฮยอนก็เรียงผลสตรอเบอร์รี่ผ่าครึ่งลงไปจนแน่นเอียด เพราะเกรงว่าฮยอกแจจะเลี่ยนเนื่องจากในชั้นนี้เขาปาดครีมลงไปเสียเยอะ

     

            ผ่านไปนานหลายนาที ซองมินที่ว่าจะเข้าไปอาบน้ำยังไม่ออกมาจากห้อง ทว่าคยูฮยอนกลับลืมซองมินไปเสียแล้วเพราะในหัวของเขาตอนนี้มีเพียงฮยอกแจ และ ณ เวลานี้เค้กสตรอเบอร์รี่ครีมสดหน้าตาค่อนข้างประหลาดก็ได้เสร็จสมบูรณ์แล้วโดยที่ก้อนขนมเต้มไปด้วยครีมที่ปาดได้ไม่เรียบเลยแม้แต่นิด แถมหน้าเค้กก็ยังมีสตรอเบอร์รี่วางไว้เพียงสามซีกเท่านั้น 

     

            สงสัยว่าสตรอเบอร์รี่มีไม่พอเพราะว่าใส่ตอนวางเรียงข้างในเยอะเกินไปแน่ๆ 

     

            เชยชมฝีมือตัวเองได้ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าซองมินบอกเขาว่าจะเข้าไปอาบน้ำนานแล้วแต่ไม่ออกมาสักที คยูฮยอนล้างมือให้สะอาดและเดินไปเคาะประตูห้องนอนเพื่อเรียกหา 

     

            “ซองมิน ฉันทำเสร็จแล้วนะ” 

     

            บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกก่อนที่ซองมินจะเดินออกมาในชุดนอน ร่างอวบเดินนำไปที่ครัวและเมื่อเห็นเค้กของคยูฮยอน ซองมินก็ไม่ได้ที่จะขำออกมา 

     

            “สตรอเบอร์รี่หายไปไหนหมดล่ะคยูฮยอน” 

     

            “ก็.. ก็พอดีฉันเผลอใส่ตอนวางเรียงเป็นชั้นๆ มากไปหน่อย” เอ่ยตอบพร้อมมือหนาที่ยกขึ้นเกาศีรษะอย่างเก้อๆ 

     

            “ฮ่าๆ น่ารักดีนะ รอแป๊บนะเดี๋ยวฉันเอากล่องมาใส่ให้” 

     

            “อืม” 

     

            ซองมินหยิบกล่องออกมาจากลิ้นชักที่มีกล่องมากมายหลายขนาดโดยเลือกกล่องขนาดกลางออกมา มืออวบค่อยๆ ประกอบกล่องขึ้นอย่างชำนาญ ในขณะที่ปากก็เริ่มขยับเพื่อพูดอะไรบางอย่างกับคยูฮยอน 

     

            “คยูฮยอน นายว่าไหม.. ความรักก็เหมือนกับขนมเค้ก” 

     

            “หืม? ขนมเค้กเหรอ?” ถามกลับอย่างสงสัยเพราะเขาไม่เคยได้ยินการเปรียบเทียบความรักกับขนมเค้กมาก่อน ส่วนมากที่เคยได้ยินก็จะเปรียบกับรสชาติกาแฟ.. อะไรแบบนี้ 

     

            “ใช่.. ขนมเค้ก” เว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “เพราะขนมเค้กน่ะ.. กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ได้มันต้องใช้เวลา..” 

     

            “.....” 

     

            “แล้วเวลากินคำแรกน่ะจะอร่อยที่สุด แต่พอเริ่มกินไปมากๆ ก็จะเริ่มรู้สึกเลี่ยน แม้ว่าขนมเค้กชิ้นนั้นจะอร่อยมากแค่ไหนก็ตาม” 

     

            “.....” 

     

            “ฉันว่าถ้านายลองคิดดูให้เป็นนายกับฮยอกแจ ฉันเดาว่าฮยอกแจคงไม่อยากให้ความรักมันเลี่ยนล่ะมั้ง” 

     

            ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนฟังเมื่อจัดการบรรจุเค้กลงกล่องเรียบร้อยแล้ว คยูฮยอนนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ซองมินนำกล่องเค้กใส่ถุงและเลื่อนส่งให้กับคยูฮยอน 

     

            “นายรีบกลับดีกว่า เดี๋ยวฮยอกแจจะรอนาน” 

     

            “อืม ขอบคุณมากๆ เลยนะซองมิน” 

     

            “ไม่เป็นไร” 

     

            “อ่า..แล้วก็ สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ” 

     

            “เช่นกัน” 

     

            บอกลากันเสร็จแล้วคยูฮยอนก็เดินออกไป ซองมินโบกมือลาคยูฮยอนจนกระทั่งประตูได้ปิดลง ร่างอวบเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เขาทิ้งตัวลงบนเตียงและนอนหงายปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลลงมาจากหางตาจนเปียกชุ่มไรผม 

     

            คืนนี้.. คยูฮยอนคงมีความสุขกับฮยอกแจ.. 

     

     

            ส่วนเขา.. ก็ต้องอยู่คนเดียวอย่างเหงาหัวใจ 

     

            ซองมินคิดและแค่นยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก็อยากช่วยคยูฮยอนเองนี่นา แล้วจะมานั่งเสียใจอะไร.. 

     

            นายมันงี่เง่าที่สุดเลยซองมิน.. 

     

            ..มืออวบเลื่อนไปหยิบหมอนหนุนสีขาวมากอดไว้ ถึงฮีทเตอร์ที่เปิดไว้จะบรรเทาอากาศหนาวได้มากเพียงใด แต่ไม่สามารถบรรเทาความหนาวเหน็บในหัวใจตอนนี้ได้เลย 

     

            เขาค่อยๆ หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนหัวใจ.. 

     

            ‘สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ’ 

     

            เช่นกัน.. 

     

     

     

     

            สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ.. คยูฮยอน 

     

     

     

     

     

            III.

     

     

            ร่างสูงกำถุงในมือแน่นจนเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากยิ้มกว้างอย่างปิดไม่มิด หัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นเพียงคิดถึงใบหน้าของคนที่น่าจะกลับห้องมาแล้ว 

     

            ฮยอกแจไม่ชอบอากาศที่หนาวมากขนาดนี้ 

     

            เขาก็ไม่ชอบเหมือนกัน เพราะอากาศหนาวๆ นี่แหล่ะที่เป็นสาเหตุของการที่เขากับฮยอกแจทะเลาะกัน 

     

            เพราะเวลาหน้าหนาวฮยอกแจจะชอบเลือกเสื้อผ้าที่ดูน่ารัก.. และน่ารักมากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อมาอยู่บนตัวฮยอกแจ เวลาออกไปเดินข้างนอกอย่างเมื่อตอนเย็นก่อนที่จะกลับมาทะเลาะกันที่ห้อง เขาหวงที่มีแต่คนมองฮยอกแจของเขา เลยอยากจะจับมือ..อยากจะโอบสักนิด แต่ฮยอกแจสะบัดออก กลับมาถึงห้องด้วยความหงุดหงิดจึงทำให้ทะเลาะกันแล้วฮยอกแจก็เดินปึงปังออกไปทั้งๆ ที่ไม่ได้สวมเสื้อโค้ต 

     

            ตอนนี้ฮยอกแจก็น่าจะกลับมาแล้ว.. 

     

            คยูฮยอนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพักของเขากับฮยอกแจ คีย์การ์ดถูกสอดเข้าในช่องเพื่อปลดล็อคประตู ทว่าเมื่อบานประตูได้เปิดออกใจคยูฮยอนนั้นว่างโหวงอย่างรู้สึกไม่ได้เมื่อทั้งห้องนั้นไม่มีแสงไฟแม้แต่นิด 

     

            เขาออกไปร่วมชั่วโมง.. แล้วฮยอกแจไปอยู่ที่ไหน อากาศหนาวๆ มืดๆ แบบนี้ ฮยอกแจอยู่ที่ไหนกัน.. 

     

            เขาเดินเข้าไปในห้องทันทีก่อนจะเปิดไฟห้องขึ้น วางถุงเค้กลงกับโซฟาและเดินไปเปิดประตูห้องนอน พลันก็ต้องตกใจอย่างหนักเมื่อได้รับแรงโถมทับเข้าหาตัว พร้อมสองแขนที่กอดเข้าที่เอวของเขาแน่น.. 

     

            “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะคยูฮยอนของฉัน” 

     

            : 

     

            “ฮ่าๆๆๆๆ เค้กอะไรเนี่ย โหหหห ฉันเชื่อเลยว่านายทำเอง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” 

     

            เสียงหัวเราะของร่างบางในชุดนอนสีส้มลายกุ๊กไก่ตัวสีเหลืองในชุดซานต้าคลอสดังลั่นออกมาทันทีที่เค้กสตรอเบอร์รี่ครีมสดปรากฏสู่สายตา ฮยอกแจหัวเราะออกมาอย่างไม่คิดรักษาน้ำใจของคนรักทำเอาคยูฮยอนหน้างอลงไปเล็กน้อย 

     

            ก็จะไม่ให้ฮยอกแจขำได้ไง เค้กอะไร มีสตรอเบอร์รี่ปะหน้าอยู่สามซีก 

     

            “ลองชิมดูก่อนสิ อร่อยนะ” คยูฮยอนเอ่ยขึ้นและส่งส้อมไปให้ฮยอกแจ คนตัวเล็กยังไม่หยุดขำแต่ก็พยักหน้าและรับส้อมมาตักเค้กคำแรกเข้าปาก 

     

            “อร่อยจริงๆ ด้วย ไปทำที่ไหนมาเนี่ย” ฮยอกแจถาม มือบางตักเค้กอีกคำเข้าปาก 

     

            “ซองมินน่ะ” เอ่ยเพียงแค่นี้ฮยอกแจก็พยักหน้ารับเพราะเข้าใจแล้ว ต่อจากนั้นฮยอกแจก็สนใจเพียงเค้กโปรดที่อยู่ตรงหน้า ตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย คำแล้วคำเล่าสลับกับดื่มนมที่คยูฮยอนเทไว้ให้ จนเค้กหมดไปครึ่งก้อนแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอิ่ม ส่วนทางด้านคยูฮยอนก็นั่งมองคนตัวเล็กกินไปยิ้มไปอย่างมีความสุข 

     

            “นี่ ทำเค้กอร่อยๆ มาให้ ขอรางวัลหน่อย” จู่ๆ เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นมาราวกับจะออดอ้อน ฮยอกแจหยุดกินและหันมามองอย่างงงๆ “ตอนนายกอดฉันนายพูดว่าไง.. ‘สุขสันต์วันคริสต์มาสนะคยูฮยอนของฉัน’ อ่า.. เป็นเจ้าของหัวใจไม่พอนะ เรามาเป็นของกันและกันจริงๆ ดีกว่ามั้ยฮยอกแจ?” 

     

            ป้าบ!! มือด้านที่ไม่ได้จับส้อมฟาดผัวะเข้าที่แขนของคยูฮยอนอย่างแรง ฮยอกแจขมวดคิ้วจ้องใบหน้าของคยูฮยอน 

     

            “ทะลึ่ง!” 

     

            “อะไรเล่า เป็นแฟนกันผิดตรงไหน” ลูบแขนป้อยๆ ฮยอกแจนี่มือหนักไม่เคยลดแรงเลยจริงๆ นับวันยิ่งมีแต่เพิ่มกับเพิ่ม 

     

            “ไม่ต้องเลย ถ้าจะคิดอยากอะไรแบบนี้ก็ไปรอเอาชาติหน้าโน่น” พูดเสียงแข็งใส่แล้วหันมากินเค้กต่อ ใบหน้าที่แดงเรื่ออ่อนๆ ก้มมองแต่เค้กโดยไม่สนใจคยูฮยอน 

     

            “งั้นแค่จูบได้ไหม? ..ฮยอกแจ ฉันกับนายเรายังไม่เคยจูบกันสักครั้งเลยนะ” 

     

            เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังจนมือบางที่กำลังตักเค้กหยุดชะงัก ฮยอกแจวางส้อมลงทั้งๆ ที่เค้กยังไม่หมดก่อนจะเดินไปเทน้ำเปล่าออกมาดื่ม ร่างบางเดินตรงไปยังส่วนของห้องนอนและปิดประตูทันที 

     

            คยูฮยอนมองตามแผ่นหลังเล็ก..ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน.. 

     

            แค่จูบกัน.. มันมากไปใช่ไหม.. 

     

            เขาคบกับฮยอกแจมาสองปี..สิ่งที่มากที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งคู่คือช่วงเวลาที่เขาชิงหอมแก้มร่างบางแบบออกแนวจะบังคับกลายๆ กอดนี่ก็นานทีๆ จับมือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไปเที่ยวกันสิบครั้งได้จับมือกันสามครั้ง.. อืม ก็เป็นแบบนี้ 

     

            เขาคิดๆ ไปพลางเดินมานั่งเอนตัวที่โซฟา เปลือกตาปิดลงและนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย.. พลันก็นึกถึงสิ่งที่ซองมินพูดกับเขาก่อนเขาจะออกมา .. 

     

            ‘ความรักก็เหมือนกับขนมเค้ก’ 

     

            ‘ขนมเค้กน่ะ.. กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ได้มันต้องใช้เวลา..’ 

     

            ‘แล้วเวลากินคำแรกน่ะจะอร่อยที่สุด แต่พอเริ่มกินไปมากๆ ก็จะเริ่มรู้สึกเลี่ยน แม้ว่าขนมเค้กชิ้นนั้นจะอร่อยมากแค่ไหนก็ตาม’ 

     

            ‘ฉันว่าถ้านายลองคิดดูให้เป็นนายกับฮยอกแจ ฉันเดาว่าฮยอกแจคงไม่อยากให้ความรักมันเลี่ยนล่ะมั้ง’ 

     

            แล้วที่เขาขอ.. มันมากไปหรือไง 

     

            จะทำให้เลี่ยนจนเบื่อกันเหรอ 

                    

            เขาว่าที่เขากับฮยอกแจเป็นอยู่นี้มันจืดจางมากไปด้วยซ้ำ 

     

            “หืม?” 

     

            จู่ๆ เปลือกตาที่ปิดลงก็เปิดขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยและสัมผัสเย็นๆ ที่ริมฝีปากพร้อมลมหายใจอุ่นที่มารินรดอยู่ใกล้ๆ.. 

     

            และภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็แทบทำให้คยูฮยอนลืมหายใจ.. 

     

            ใบหน้าน่ารักของฮยอกแจซึ่งเดินมานั่งอยู่ข้างๆ โน้มเข้าหาใบหน้าของเขาจนปลายจมูกชิดกัน สัมผัสเย็นๆ ที่ปากของเขามาจากสตรอเบอร์รี่ที่ฮยอกแจกัดไว้ในปากครึ่งหนึ่ง และเอาอีกส่วนมาชนกันกับปากของเขา 

     

            คยูฮยอนนิ่ง.. จ้องมองดวงตาใสแป๋วที่มองเขม็งมาทางเขาและพยักเพยิดไปที่ริมฝีปากน้อยๆ 

     

            “อื้อๆ” แถมส่งเสียงในลำคอและพยายามดุนดันสตรอเบอร์รี่เข้ามาในปากเขาอีก คยูฮยอนได้แต่เบิกตากว้างและหายใจอย่างติดขัดอย่างทำอะไรไม่ถูก ฮยอกแจทำแบบนี้ต้องการอะไรจากเขา ทั้งๆ ที่ตอนเมื่อครู่ที่เขาขอจูบ.. ปฏิกิริยาตอบรับของฮยอกแจมันบอกเขาว่าไม่.. 

     

            แล้วนี่เขาควรจะทำอย่างไรดี ? 

     

            อยากจูบแต่เกรงว่าฮยอกแจจะโกรธ 

     

            งั้น.. 

     

            “........” 

     

            “........” 

            

            “........” 

            

            !!! 

     

            ดวงตาของคยูฮยอนเบิกกว้างกว่าเดิมเป็นสิบเท่า!!! 

     

            เมื่อเขาตัดสินใจรับสตรอเบอร์รี่ชิ้นนั้นเข้าปากมาเฉยๆ โดยที่ริมฝีปากไม่ได้เฉียดกับปากของฮยอกแจแม้แต่นิด 

     

            ทว่าเมื่อเขาเคี้ยวกลืนผลไม้ชิ้นนั้นลงไปหมดแล้ว ใบหน้าเล็กของฮยอกแจกลับเอียงเล็กน้อยเพื่อให้แนบเข้ามาจนชิดและกดริมฝีปากอิ่มลงที่ปากของเขา

     

            ทำ ไง ดี !!!! 

     

            ร่างสูงได้แต่นิ่งค้างมองคนตัวเล็กที่หลับตาลงและจูบริมฝีปากของเขา... แตะไว้เฉยๆ แบบนั้น ..ไม่ยอมปล่อยออก 

     

            เขาก็ได้แต่นั่งเฉยๆ แบบนั้น... เพราะทำอะไรไม่ถูก 

     

            TT______________________________________________TT 

     

            และในวินาทีที่สัมผัสนุ่มๆ ที่ริมฝีปากหายไป ใบหน้าของคยูฮยอนก็หันไปทางด้านขวาตามแรงเหวี่ยงจากฝ่ามือเล็กที่ตบเข้าที่แก้มด้านซ้ายของเขา! 

     

            “ไม่อยากจูบฉันใช่ไหม!? นั่งเอ๋ออยู่ได้ ไอ้โง่!!” 

     

            !!!!!!!! 

     

     

            คยูฮยอนหันหลับมามองใบหน้าหวานแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้างกับคำพูดของร่างเล็กที่กำลังมีสีหน้าบูดบึ้ง ใบหน้าแดงก่ำ แขนสองข้างยกขึ้นกอดอกอย่างไม่พอใจ 

     

            ฮยอกแจตวัดสายตามองคยูฮยอนอย่างเคืองๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนหมายจะเดินออกไปทันที ทว่าคยูฮยอนนั้นไวกว่าเพราะเขาคว้าเอวเล็กไว้ได้ทัน ร่างของฮยอกแจจึงหล่นปุมาที่ตักของคยูฮยอน 

     

            ร่างสูงสอดแขนและโอบกอดเอวบางไว้ไม่ให้คนตัวเล็กหนีไปไหน 

     

            “ปล่อย!!” ฮยอกแจดิ้นและพยายามแกะมือของคยูฮยอนออก คยูฮยอนยอมปล่อยออกเล็กน้อยแต่ก็เพื่อดันร่างเล็กให้นอนราบไปกับโซฟา ไม่ใช่เพื่อให้ฮยอกแจหนีออกไปได้ 

     

            “นี่! นายจะทำอะไรน่ะคยูฮยอน!” เสียงใสตวาดถาม มือทั้งสองข้างกำอยู่ที่ต้นแขนของคยูฮยอน พยายามขยำและใช้เล็บจิกเพื่อให้คยูฮยอนทนไม่ได้และยอมปล่อยเขาออกไป 

     

            “ก็..” เอ่ยขึ้นเบาๆ แม้จะเจ็บตรงบริเวณที่ฮยอกแจใช้เล็บจิกไว้มาก แต่เพื่อสิ่งที่เขาต้องการ คยูฮยอนก็ต้องยอมทนให้ได้ 

     

            เกิดเป็นคยูฮยอนมันก็ต้องทนกับอะไรแบบนี้ให้ได้ - - 

     

            “ก็อะไรของนาย ปล่อยนะ อื้อ..” 

     

            วินาทีที่มือบางทั้งสองข้างหมดแรงจะประทุษร้ายร่างกายของคยูฮยอนต่อไปเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ริมฝีปากของคยูฮยอนได้โน้มลงสัมผัสกับริมฝีปากอิ่มของฮยอกแจ ฮยอกแจไม่ได้ขัดขืนใดๆ เพราะความอ่อนหวานได้เข้าเกาะกุมจนไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากปล่อยให้ริมฝีปากของคยูฮยอนดูดดึงริมฝีปากตัวเองเบาๆ อย่างช้าๆ 

     

            เปลือกตาของทั้งคู่ค่อยๆ ปรือลงจนกลายเป็นปิดสนิทในที่สุด คยูฮยอนกดใบหน้าให้แนบชิดกับใบหน้าของฮยอกแจมากขึ้นเมื่อเขากำลังจะรุกล้ำริมฝีปากอิ่ม เรียวแขนของฮยอกแจค่อยๆ ยกขึ้นไปโอบรอบคอคยูฮยอนไว้ สัมผัสที่แปลกใหม่ทำเอาฮยอกแจรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งกาย ปลายลิ้นร้อนพยายามตวัดลิ้นเล็กให้ตอบสนองทว่าฮยอกแจกลับทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ไม่เคยถูกสัมผัสจนล้ำลึกแบบนี้.. 

     

            คยูฮยอนจึงตัดสินใจถอนริมฝีปากออกมา ปลายจมูกเลื่อนไปกดที่แก้มใสเบาๆ ก่อนจะผละออกมาจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของคนที่หลับตาปี๋อยู่ใต้ร่างของเขา 

     

            “ลืมตาได้แล้วน่า..” มือหนาเลื่อนไปแตะที่เปลือกตาฮยอกแจเบาๆ 

     

            ฮยอกแจขยุกขยิกเปลือกตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดขึ้นและจ้องมองคยูฮยอน ร่างบางเม้มริมฝีปากที่บวมเจ่อของตัวเองแน่น รู้สึกทั้งตื่นเต้น ตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อมๆ กันจนทำอะไรไม่ถูก 

     

            “ดึก..ดึกแล้ว.. ปะ..ไปนอนกันเถอะ” พูดตะกุกตะกักและค่อยๆ ยันกายตัวเองให้ลุกขึ้น ฮยอกแจรีบวิ่งเข้าห้องนอนไปทันที 

     

            คยูฮยอนยิ้มกว้างก่อนจะเดินตามเข้าไป พลันก็นึกถึงริมฝีปากนุ่มๆ ที่เขาได้สัมผัส.. นึกๆ ไปแล้วก็อยากจะให้มากกว่าที่ทำไปเมื่อครู่ ทว่าเพียงเท่านี้.. คยูฮยอนก็คิดว่ามันพอแล้วสำหรับจูบแรกของพวกเขาทั้งสอง 

     

            : 

     

            คยูฮยอนเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนซึ่งเป็นชุดที่เข้าคู่กันกับฮยอกแจแต่ชุดของเขานั้นเป็นสีเขียว ดวงตาทอดมองร่างบางที่นอนเอกเขนกเล่นเกมในไอแพดด้วยสีหน้าจริงจัง ร่างสูงนึกอยากแกล้งคนรักขึ้นมาจึงหย่อนตัวลงบนเตียงนอนของพวกเขาทั้งคู่และเขยิบกายเข้าไปใกล้ๆ ก่อนนิ้วเรียวจะกดปุ่มล็อคหน้าจอข้างบน ฉับพลันหน้าจอก็ดับมืดลงทันที 

     

            “คยูฮยอน!!” ใบหน้าหวานตวัดมามองเขาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง แต่คนขี้แกล้งกลับทำลอยหน้าลอยตาจนฮยอกแจเคืองมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ร่างบางวางไอแพดลงที่โต๊ะเตี้ยๆ ข้างเตียงนอนขนาดควีนไซส์ก่อนจะหยิบหมอนข้างที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมาฟาดหัวคยูฮยอนเต็มแรง 

     

            “โอ๊ย!” ร้องเสียงหลง ก่อนจะเริ่มเปิดศึกตอบโต้กับคนรักร่างเล็กโดยการยกหมอนหนุนใบโตขึ้นมากดเข้าที่ใบหน้าของฮยอกแจ เสียงประท้วงในลำคอจากคนที่โดนหมอนปิดหน้าทำเอาคยูฮยอนหัวเราะร่า ขณะที่พยายามหลบหมอนข้างซึ่งกำลังเหวี่ยงฟาดอย่างสะเปะสะปะเนื่องจากคนที่กำลังถือนั้นมองไม่เห็นภาพตรงหน้า 

     

            คยูฮยอนแกล้งอยู่ได้ไม่นานก็เอาหมอนออกจากใบหน้าเล็กเพราะกลัวคนรักจะหายใจไม่ออก ใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธเคืองทำให้ฮยอกแจดูน่ารักน่าแกล้งมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว คยูฮยอนยิ้มพลางหลบศีรษะจากหมอนข้างที่ฮยอกแจฟาดมา เมื่อได้จังหวะก็โถมกายเข้าไปกอดเอวเล็กไว้แน่น 

     

            “คยูฮยอนนนนนนนนน ปล่อยนะ ปล่อยๆๆๆๆๆ” ร้องโวยวายเมื่อถูกโถมทับเข้ามาจนแผ่นหลังกดราบลงกับพื้นเตียง อีกทั้งใบหน้าคมที่ซุกไซร้เข้ากับแก้มของเขา ไล่เรื่อยลงมาจนถึงลำคอ ทำเอาฮยอกแจจั๊กกะจี๊ระคนเขินอายจนต้องทั้งขำทั้งต่อว่าคยูฮยอนออกมาพร้อมกัน 

     

            “ปล่อยสิคยูฮยอน ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ๊ยยยย อย่าๆๆ ลุกออกไปได้แล้ว ฮ่าๆๆ” 

     

            ร่างบางเอี้ยวตัวหลบปลายจมูกโด่งไปมาพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่คยูฮยอนก็ยังดึงดันที่จะแกล้งต่อไปเพราะกลิ่นกายของฮยอกแจนั้นถูกใจเขาเหลือเกิน พวกเขาทั้งคู่เหลือกกลิ้งไปมาบนเตียงนอนในชุดนอนลายที่แสนจะน่ารักเข้ากัน จนผ้าห่มคลุมกายทั้งคู่ไว้มิด 

     

            “โอ๊ยยย ฮ่าๆๆ พอแล้วคยูฮยอน อยู่ใต้ผ้าห่มหายใจไม่ออก” 

     

            “ไม่เอาอ่ะ ฉันยังอยากกอดนายอยู่เลย” พูดตอบพลางกดจูบเบาๆ ลงไปที่ซอกคอขาว ฮยอกแจหัวเราคิกคักออกมาอีกครั้ง หลับตาปี๋และเอียงคอหลบ ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ยิ่งทำให้คยูฮยอนไม่อยากปล่อยออกเลย 

     

            “อยากให้นายเป็นของฉันจัง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ขณะเลื่อนใบหน้าขึ้นมากดหน้าผากให้แนบชิดกับหน้าผากของฮยอกแจ 

     

            “ก็เป็นอยู่แล้วนี่ ฉันเป็นแฟนนาย ฉันเป็นของนายหัวใจฉันก็เป็นของนาย” พูดออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ เกิดมาในชีวิตนี้อีฮยอกแจเพิ่งจะเคยพูดจาหวานๆ กับคนรักเป็นครั้งแรกนี่แหล่ะ 

     

            “ไม่ใช่..” เอ่ยค้านเสียงเบา “ฉันหมายถึง..” พูดละไว้และใช้ฝ่ามือสอดเข้าไปลูบแผ่นหลังเนียนภายใต้เสื้อนอนของฮยอกแจ คยูฮยอนใจเต้นระรัวเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสฮยอกแจมากมายขนาดนี้ ส่วนฮยอกแจเองก็ใจเต้นไปไม่แพ้กัน ดวงตาใสจ้องมองใบหน้าคมที่อยู่แนบชิดกับใบหน้าของเขา ก่อนจะยกมือขึ้นผลักอกของคยูฮยอนออก ผ้าห่มที่คลุมกายทั้งคู่ไว้ก็หลุดออกเช่นกัน 

     

            ฮยอกแจลุกขึ้นนั่งและจ้องมองคนรักที่นั่งอยู่ไม่ห่าง คนตัวเล็กเขยิบเข้าไปใกล้ ใบหน้าหวานเลื่อนไปจูบเบาๆ ที่แก้มของคยูฮยอนพร้อมส่งเสียงจุ๊บออกมา จากนั้นก็เลื่อนหน้าออกมามองคยูฮยอน นิ้วเรียวบีบที่ปลายจมูกโด่งของคนรัก 

     

            “เอาไว้ปีหน้าแล้วกันนะ” 

     

            ส่งยิ้มหวานให้หนึ่งทีแล้วก็เลื่อนตัวเข้าไปซุกใต้ผ้าห่ม คยูฮยอนมองคนรักที่ทำอะไรเหมือนเด็กๆ แล้วก็ยิ้มออกมา เขาแทรกตัวลงไปใต้ผ้าห่มและกอดฮยอกแจไว้แน่น 

     

            ปีหน้า.. ก็อีกแค่ 1..2..3..4..5..6 

     

            อ่า.. อีกแค่หกวัน 

     

            *ยิ้มชั่วร้าย* 

     

            “นี่ๆ คยู” เสียงหวานเอ่ยเรียกเบาๆ ให้เขาหลุดออกจากห้วงความคิดหื่นๆ ของตัวเอง ดวงตาใสแป๋วของคนในอ้อมแขนช้อนขึ้นมองคยูฮยอนจนทำให้คยูฮยอนต้องลดรอยยิ้มชั่วร้ายของตัวเองลง - - 

     

            “หืม?” 

     

            “สุขสันต์วันคริสต์มาสนะคยูฮยอนที่รักของฉัน” 

     

            “.......” *ล่องลอย* 

     

            “นี่ ใจร้ายไปหรือเปล่า ไม่บอกฉันมั่งเลย ฉันบอกนายสองครั้งแล้วนะ” ครั้งแรกก็ตอนที่กอด.. ครั้งต่อมาก็เมื่อครู่นี้ ..อ่า.. คยูฮยอนใจร้ายจริงๆ ยังไม่บอกเขาสักครั้งเลย 

     

            “อ่า.. เอ่อ..” ยังคงอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะรู้สึกเขินกับคำพูดหวานๆ และน้ำเสียงที่หวานยิ่งกว่าของฮยอกแจ คยูฮยอนเรียกสติของตัวเองกลับมา มือหนากดใบหน้าเล็กลงกับอกของเขา กดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลเบาๆ 

     

     

     

            “สุขสันต์วันคริสต์มาส ฮยอกแจเจ้าของหัวใจของฉัน” 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            “โอ้ย เสี่ยวอีกละะ55555”

     

     

     

            คยูฮยอนขำให้กับคำด่าที่ได้ยินตลอดก่อนจะจูบหน้าผากฮยอกแจเบาๆ

     

     

     

     

            “เสี่ยวแล้วรักปะละ”

     

     

     

            “รักที่สุดดดดดด”

     

     

     

     

     

     

     

     

            MERRY CHRISTMAS

     

     

     

     

     

     

     

     

            END

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×