คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
เฮ้อ วันหยุดแสนสุขสบายได้ผ่านไปแล้ว วันที่ได้เก็บตัวอยู่ในห้องอย่างสงบ ไม่ต้องมีใครมารบกวน การบ้านก็ไม่มี ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าหรือนอนตั้งแต่หัวค่ำ แต่ถึงอย่างนั้นพ่อแม่ของผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรผมนักหรอก อาจเพราะเป็นลูกคนเดียวงั้นเหรอ เพราะเป็นลูกคนเดียวถึงต้องยิ่งห่วงไม่ใช่หรือไง?! อยากจะบอกว่า วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกของมัธยมปลายปีสามอันน่าสลดครับ ความสุขของผมกำลังจะหมดไป ไม่สิ หมดไปเสียแล้วกับวันเปิดเทอมแบบนี้ ที่บ่นๆมาทั้งหมด ขอให้พวกคุณคิดซะว่าทั้งหมดที่กล่าวมาถือเป็นการปลดปล่อยก็แล้วกัน ตอนนี้ผมกำลังจะก้าวสู่เส้นทางที่มีจุดมุ่งหมายที่เรียกกันว่า โรงเรียนแล้ว
ใช่ครับ โรงเรียนนั่นแหละครับ ตัวผมเองพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำหรอก ว่ารักโรงเรียน อยากมาโรงเรียนหรอก ผมน่ะชอบความเงียบสงบ ไม่ต้องการสุงสิงกับใคร แม้ไม่มีเพื่อนหรืออะไรเทือกนั้น ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งใคร ไอ้สังคมหรือกลุ่มคนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบังหน้า คิดว่าตัวเองมีเพื่อนดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ มันไม่ใช่ตัวผมเลยแม้แต่นิด
พอเดินมาถึงทางเข้าหน้าโรงเรียน ผมผงกหัวตอบรับอาจารย์ตัวสูงโย่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเพื่อทักทายพอเป็นพิธี แล้วก็เดินผ่านไป โรงเรียนนั้นเต็มไปด้วยต้นซากุระผลิออกเบ่งบานในฤดูของมัน ด้านหน้าโรงเรียนนั้นมีสนามฟุตบอลเพื่อให้นักเรียนออกกำลังกายหรือแม้แต่มานอนกลิ้งในเวลากลางวันได้ไม่ต่างกับโรงเรียนทั่วๆไป อาคารที่ผมเรียนอยู่ดูสะอาดเอี่ยมอ่อง นั่นก็เพราะเปิดภาคเรียนใหม่คงมีภารโรงปัดกวาดเช็ดถูที่นี่ไปเรียบร้อยแล้วล่ะ เมื่อรู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองอยู่หน้าประตูห้องเรียนเสียแล้ว สายตานั้นจดจ้องเช็คเลขประตูที่ติดอยู่บนป้ายหน้าห้องให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ตัวเองเข้าผิดห้อง เพื่อไม่ให้ตัวผมเองดูเด่น และเพื่อไม่ให้ชีวิตธรรมดาๆต้องพังทลายไปมากกว่านี้ แต่ว่านะพยายามคิดดูหลายครั้งแต่ก็คิดไม่ออกเสียที ผมจำอดีตที่เกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้เลยสักนิด เศษเสี้ยวของความทรงจำยังไม่มีเหลือ ผมคงเก็บตัวมากไป จนลืมสถานที่สำคัญแบบนี้ไปได้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเองนี่แหละ
เมื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเสร็จ จังหวะที่กำลังยื่นมือไปเลื่อนประตูไม้นั่นเอง เหนือคาด ประตูไม้นั้นกลับถูกเลื่อนออกก่อนที่ผมจะยกมือไปเลื่อนประตูบานนั้น หลังจากที่ประตูเปิดขึ้นแสงสว่างวาบเข้าตาผม ข้างหน้าปรากฏภาพใบหน้าเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม ดวงตาสีฟ้า ริมฝีปากชมพูอ่อนๆดูอวบอิ่ม รับเข้ากับใบหน้าเรียวใสของเธอ หลังจากเธอจ้องมองผมอยู่พักหนึ่ง ผิวขาวๆนั้นพลอยทำให้หน้าของเธอซึ่งปรากฏสีชมพูอ่อนๆทั่วทั้งใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด
น่ารักดีแฮะ
แต่เธอกลับเบือนหน้าหนีไป เธออาจจะเขินผมอยู่ ก็ เป็น ได้ … คงเป็นไปไม่ได้หรอก คนอย่างผมเนี่ยนะจะไปมีคนหลงรักกับเค้า คนทั่วไปยังไม่อยากจะมองหน้าผมด้วยซ้ำ จริงๆรอบร่างกายของผมอาจจะแผ่ออร่าแบบคนเก็บตัวแบบฮิคิโคโมริ*ออกมาก็ได้นะ หนำซ้ำวันนี้กลับกลายเป็นวันที่โชคดีในวันที่โชคร้ายไปได้ มีเหยื่อมาตกหลุมรักคนไร้สาระอย่างผมซะแล้ว ดูน่าสมเพชตัวเองอยู่หรอก ที่คนน่ารักขนาดนี้จะมาหลงรักคนเก็บตัว ไม่เคยเป็นมิตรกับใครแบบผม แต่ไม่เป็นไรหากเธอกล้าพอที่จะใช้คำพูดที่สื่อความรู้สึกของเธอออกมาให้ผมฟัง ดูมีเหตุผลมากพอ ผมจะรับรักเธอเองล่ะ มั่นใจได้เลย ถึงจะไม่มีมนุษยสัมพันธ์ขนาดไหน แต่ถ้าเจอเด็กสาวแบบนี้ ผมคงมิกล้าหักหาญน้ำใจแห่งรักที่มอบให้แก่ผมคนนี้ได้หรอก
สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน เธอวิ่งผ่านผมไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ ผมเหมือนคนงี่เง่าเปรียบเทียบได้กับมนุษย์ที่สมควรจะโดนนักเลงตั๊นหน้าจนล้มลงไปกับพื้น แล้วโดนนักเลงคนนั้นพูดออกมาว่า “สมกับเป็นนาย” เสียจริง
ผมหันหลังกลับไปมองแผ่นหลังและร่างอันบอบบาง จดจำผมสีครีมออกสีแทนของเธอเก็บเอาไว้ในส่วนหนึ่งของห้วงความทรงจำ
“ทรงผมแบบนี้เค้าเรียกกันว่า ผมหางม้าสินะ” ตอนนี้ในใจรู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกถึงตอนนั้นที่ใจของผมเต้นรัวอย่างประหลาด
*ฮิคิโคโมริ เป็นภาษาญี่ปุ่นหมายถึง พวกที่ชอบเก็บตัวไม่ออกไปไหนเลย พยายามไม่พบปะผู้คน สังคมบางกลุ่มถึงกับรังเกียจคนพวกนี้ทีเดียว
ความคิดเห็น