2020 ศัลยกรรมครองเมือง - 2020 ศัลยกรรมครองเมือง นิยาย 2020 ศัลยกรรมครองเมือง : Dek-D.com - Writer

    2020 ศัลยกรรมครองเมือง

    เมื่อการศัลยกรรมเป็นที่นิยมของคนไทย ทำอย่างไรจะห้ามใจเราได้

    ผู้เข้าชมรวม

    404

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    404

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ม.ค. 55 / 19:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

     

     เรื่องสั้นเรื่องนี้ ไม่มีเจตนาที่จะอคติกับบุคคลใดๆทั้งสิ้น โปรดใช้เหตุผลและวิจารณญาณในการอ่านด้วยค่ะ 

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ทำจมูก   7500 บาท

      กรีดตาสองชั้น  6000 บาท

      ตัดกราม  8000  บาท

                ฉันชื่อ  ณิชา พึ่งจะจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 มาหมาดๆเมื่อสองวันที่แล้วนี่เอง และตอนนี้ฉันก็กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในย่าน  สยามคัท  ย่านที่ก่อตั้งมาได้ครบสิบปีพอดี  ซึ่งรวมเอาสุดยอดบรรดาหมอศัลยกรรมของเมืองไทย ไว้อย่างครบวงจร  เรียกได้ว่าตั้งแต่ปลูกผม  ยันปลูกเล็บเท้า  คุณไม่พอใจส่วนไหนของร่างกายคุณล่ะ  มาที่นี่สิจะเหมือนกับคุณได้เกิดใหม่กลายเป็นคนอีกคนที่คุณต้องการเลยล่ะ

                และฉันก็เป็นเหมือนทุกๆคนที่กำลังเดินขวักไขว่น่าตาเคร่งเครียดอยู่ ณ ย่านนี้  ฉันกำลังมองหาร้านทำจมูกดีๆซักร้าน เพื่อมาช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของสันจมูกฉัน ก็ฉันจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ไม่อยากโดนเพื่อนล้อว่าดั้งแหมบแล้วนี่นา  จะให้ทำยังไงล่ะก็ฉันมันลูกอีสานแท้ๆแต่ดั้งเดิมเลย ถึงแม้จะโตในกรุงเทพมหานครมาสิบเก้าปีเต็ม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้จมูกฉันสวยหรูดั่งคนภาคกลางเลยแม้แต่นิด

                ทำไมคนเยอะอย่างนี้นะ ฉันเดินผ่านมาตั้งเกือบยี่สิบร้านหมอแล้วคนก็แน่นเอียดนั่งต่อคิวคอหมอกันทุกร้านเลย บางร้านให้ทำบัตรคิวเพื่อความเป็นระเบียบอีกต่างหาก นี่ดูเป็นการเป็นงานกันมากเลยนะ แล้วดูสีหน้าของแต่ละคนสิ ท่าทางของพวกผู้หญิงพวกนั้นอีก ตาแข็งๆ ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับคนรอบข้างเอาซะเลย เฮ้อ! แต่ฉันก็พอจะเดาออกและก็เข้าใจความรู้สึกของคนพวกนั้นนะ คนที่อยู่ในย่านนี้ ล้วนมีปมด้อยเรื่องหน้าตา และรูปร่างกันทั้งนั้นไม่อย่างนั้นจะมาให้กันทำไม เอ...เราก็อยู่ที่นี่ด้วยนี่หว่า

                ณิชา!!” เสียงเรียกที่ฉันแสนจะคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลัง ฉันจึงหันไปมอง

                อ้าว ก้อย...มาทำอะไรเนี่ยฉันยิ้มทักทายอดีตเพื่อนร่วมห้องเรียนที่แสนจะเรียบร้อย เธอยิ้มนิดๆแสดงความอายในการตอบคำถามออกมาอย่างชัดเจน

                วันนี้ฉันได้คิวทำคางตอนบ่ายโมงจ้ะ  หืม ยัยก้อยจะทำคาง? ทำทำไม  ความจริงใบหน้าเธอสวยได้รูปดีอยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ไม่กล้าจะถามอะไรอยู่ดี

                อ๋อ

                แล้วณิล่ะ จองคิวไว้ร้านไหน

                อ๊ะ! ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ลองมาเดินดูเฉยๆ คนเยอะขนาดนี้สงสัยคิวจะยาวเป็นกิโลเมตรแหง

                ใช่เลยล่ะณิ เราจองไว้สามเดือนแน่ะกว่าจะได้มาพบหมอ วันนี้ไม่รู้จะได้ทำเลยหรือเปล่าคงต้องออกแบบให้ถูกใจซะก่อน อืม...งั้นเราไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวโดนแซงคิวขึ้นมาล่ะแย่แน่ๆ ยังไงณิก็ลองถามร้านแถวนี้ดูนะ อาจจะยังมีคิวไม่เยอะเท่าไร เธอจะได้สวยขึ้นบ้างไง แล้วเจอกันจ้ะ พูดจบก้อยก็เดินหายไปกับกระแสชน   ว่าแต่...สามเดือนเนี่ยนะ จะสวยทั้งทีต้องรอต่อคิวง้อหมอถึงสามเดือนเลยหรือไง

                ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจขับรถกลับบ้านโดยที่ไม่มีอะไรคืบหน้า   และทันทีที่จอดรถพี่สาวคนเดียวของฉันก็โผล่พรวดออกมา เล่นเอาฉันสะดุ้งแทบหงายหลังกับสภาพใบหน้ามัมมี่ของผู้พี่

                แม่เจ้า! หน้าพีไปทำอะไรมาณัฐชาฉันแทบจะพูดไม่เป็นภาษาเพราะภาพพี่สาวตรงหน้า

                จุ๊ๆ ฉันไปเหลากรามมา กำลังพักฟื้นเสียงอู้อี้จนฉันแทบจับใจความไม่ได้ แต่พอเข้าใจความหมาย นี่พี่สาวฉันก็เป็นไปอีกคนหรอเนี่ย ไม่เห็นจะมาปรึกษากันก่อนเลย

                ให้ตายณัฐ แต่..แต่ฉันว่าหน้าพี่เพอร์เฟ็กต์จะตายนะ

                เฮอะ แกจะไปรู้อะไรพี่ณัฐทำเสียงรำคาญใส่ ก่อนจะเดินออกนอกบ้านไปในสภาพนั้น ใช่...ฉันไม่รู้ว่าพี่จะทำไปเพื่ออะไร พี่ฉันสวยอยู่แล้วจริงๆนะ เจ็บตัวเปล่าๆ เสียดายเงินอีกด้วย

                ตกเย็นของวันนั้นฉันเลยต้องไปตลาด ปกติฉันไม่ค่อยได้ไปหรอกแต่พอดีวันนี้แม่ดันต้องดูแลพี่ณัฐ ที่บ่นแทบจะทุกชั่วโมงว่า ปวดแผล ภาระก็เลยตกเป็นของฉันแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้  ระหว่างทางบนถนนฉันเห็นโปสเตอร์ของร้านศัลยกรรมแปะอยู่แทบจะทุกเสาไฟฟ้า บางเสาแปะจนแทบจะไม่เหลือพื้นที่ที่เรียกว่าเสาไฟ แทนที่จะเป็นใบปลิวเงินกู้ดอกเบี้ยแพงเหมือนแต่ก่อน   อีกทั้งโปรโมชั่นลดแลก แจก แถมไม่อั้น เล่นเอาฉันอดคิดอะไรบางอย่างออกมาไม่ได้...การทำศัลยกรรมมีลด แลก แจก แถมด้วยหรือไง ลดราคาอันนี้พอเข้าใจใครก็อยากได้ของถูกกันทั้งนั้น แลกล่ะ...แลกอะไร เอาเนื้อจริงไปแลกซิลิโคนหรือไง ช่างคิดออกมาได้จริงๆถ้าเป็นอย่างนั้น แจกอีก  จะแจกรูปก่อนและหลังศัลยกรรมงั้นหรอ แต่ฉันเดาว่าคนทำศัลยกรรมเขาคงไม่อยากได้รูปตอนสวยกับไม่สวยไปแปะอยู่คู่กันหรอก มันคงเป็นอดีตที่รันทดจนไม่อยากจะให้ใครมาล้วงลับเลยมากกว่า แล้วคงไม่คิดจะแถมชิ้นส่วนจากการตัดต่อร่างกายให้กลับไปทำเป็นโมบายนอนมองเล่นในห้องนอนหรอกนะ สยองขวัญชอบกล

                ยิ่งมาถึงที่ตลาดฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าเหตุการณ์บ้านเมืองเรามันแปลกไปจริงๆ แม่ค้าไม่พูดถึงนางร้ายในละครน้ำเน่า แต่กลับพูดถึงการที่นักแสดงคนไหน ไปทำศัลยกรรมอะไร ที่หมอไหนมาและอยากจะไปทำบ้าง! หรือไม่ก็เอาแต่อ่านนิตยสารที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำศัลยกรรม แทนที่จะอ่านกระดาษจดหวย หรืออ่านตอนอวสารของละครที่กำลังออนแอร์ มันอะไรกันเนี่ย บอกตรงๆว่าฉันไม่เคยรู้เลยนะว่ากระแสการศัลยกรรมจะมีอิทธิพลกับแม่ค้าในตลาดได้มากถึงเพียงนี้ คิดว่าจะมีแต่พวกดารานางแบบ หรือนักศึกษาอย่างฉันเสียอีกที่สนใจ ทางที่ดีรีบๆซื้อของแล้วกลับบ้านดีกว่า

                จริงอยู่เมื่อหลายวันก่อนฉันคิดและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าฉันจะต้องไปเสริมจมูกให้ได้เพราะนั่นมันคือข้อด้วยข้อเดียวบนร่างกายที่ฉันไม่พอใจเอามากๆ แต่ ณ วินาทีนี้ ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าฉันคิดถูกหรือเปล่า หรือว่าตัวฉันเองกำลังถูกกระแสของสังคมพาไปเหมือนกับยัยก้อยเพื่อนฉัน พี่สาวฉัน หรือแม้แต่แม่ค้าในตลาดสด คือ...ฉันต้องต่อคิวยาวๆเพื่อรอให้หมอเอามีดมาเถือหนังตัวเอง และต้องทนกับแผลผ่าตัดอีกไม่รู้กี่วัน และยังสภาพมัมมี่เดินได้แบบพี่สาวฉันอีก...

                แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ได้...คือความสวยงามของเราไม่ใช่หรอ

                ผ่านมาอีกหลายวันฉันยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติดีเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่สิ่งที่ฉันพบเห็นและแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของฉันไปแล้วก็คือ  โฆษณาคลินิกศัลยกรรมหลากหลายสถานที่ ฉันไม่รู้ว่าโฆษณาเหล่านี้มันเริ่มเยอะขึ้นตั้งแต่เมื่อไร หรือว่าเมื่อก่อนฉันไม่ได้สนใจกับเรื่องพวกนี้มากเท่าตอนนี้ ไม่ว่าจะช่องไหน ช่วงไหน เวลาใด มีให้เห็นแทบไม่ขาดตา อย่างกับกำลังขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอะไรอย่างนั้น

                ฉันเห็นเหล่าดารานางแบบเรียงคิวออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการทำศัลยกรรมของตัวเองทุกวันจนเอียน เดี๋ยวนี้คนเราไม่กลัวแล้วที่จะมีใครมาถามว่า คุณไปทำจมูกที่ไหนมาหรอคะ? หรือว่า คุณไปทำอะไรกับหน้าอกคุณมาหรือเปล่า ในทางตรงกันข้าม คนเหล่านั้นแทบจะยืดอกยอมรับเลยด้วยซ้ำ ว่าพวกเขาหล่อ-สวยด้วยมีดหมอ แต่ก็ต้องยอมรับล่ะว่าพวกนั้นก็ดูดีกันมากจริงๆ และมันก็ทำให้ความอยากสวยในตัวของฉันเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง และคิดเรื่องทำจมูกขึ้นมาอีกทีจนได้

                หลายวันต่อมาฉันกลับมาเดินที่ย่าน สยามคัต อีกครั้ง  ผู้คนยังแน่นเหมือนเดิมแม้วันนี้จะเป็นวันทำงานและอยู่ในเวลาราชการแท้ๆ แต่ดูเหมือนเรื่องความสวยความงานจะแซงทุกโค้งของความสำคัญในชีวิต แม้แต่งานหลักของหลายๆคนที่ต้องทิ้งมาก็ตาม

                แต่แล้วก็มีบางอย่างเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาเจอในวันนี้

                หมอต้องรับผิดชอบ!! ดูหน้าอกฉันสิ มันไม่เท่ากันหมอเห็นไหมเสียงของผู้หญิงแผดร้องด้วยความโกรธ จนฉันต้องรีบหันไปดูเหตุการณ์เช่นเดียวกับผู้คนโดยรอบที่เริ่มตั้งวงล้อมแสดงความอยากรู้กันอย่างเปิดเผย และไม่เกรงใจผู้ถูกจับจ้องเลยแม้แต่น้อย

                หมอขอยืนยันว่าทางคลินิกได้ทำอย่างดีและไม่มีข้อบกพร่องใดๆ แต่คนไข้ปฏิบัติตัวผิดเองนะครับผู้ชายในชุดกราวนด์สีขาวแสดงเพียงสีหน้าเรียบสนิทออกมา

                นี่หมอจะไม่รับผิดชอบงั้นหรอ!”

                หากคุณต้องการรับการแก้ไข เชิญทำบัตรคิวครับ อีกหนึ่งเดือนหมออาจจะว่างก็ได้

                กรี๊ด!! จะให้ฉันทนแบกอกไม่เท่ากันแบบนี้หนึ่งเดือนเนี่ยนะ จะบ้าหรือไง ฉันต้องออกไปทำงานทุกวันแล้วอย่างนี้ฉันก็อายคนอื่นเขาแย่น่ะสิ

                หมอช่วยได้เท่านี้   สงสารพี่สาวคนนั้นจังเลยหน้าอกโตไม่เท่ากันคงจะรู้สึกแย่มากแน่ๆ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้เลยสินะ

                ไม่เลือกหมอดีๆก็แบบนี้แหล่ะขวับ! ผู้หญิงแว่นดำข้างๆฉันคือใคร มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร แล้วเธอกำลังพูดกับฉันอยู่หรอ

                คะ?

                หึ ก็เหมือนฉันนี่ล่ะพูดจบเธอก็ค่อยๆถอดแว่นตาสีดำออกช้าๆและ...ให้ตาย! ตาข้างขวาของเธอ มันเหมือนหนังตาของเธอปริออกมาเลย ดูน่าสยดสยองที่สุดโดยเฉพาะเห็นในระยะใกล้กันขนาดนี้

                ตาเธอ

                ใช่ ฉันทำตาสองชั้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง แต่อยู่ๆแผลก็ปริออกมาทั้งที่ฉันดูแลมันอย่างดีแท้ๆ สุดท้ายหมอบอกแค่ว่าฉันกินอาหารแสลงต่อแผลเข้าไป หึ แล้วรู้อะไรไหม ฉันต้องต่อคิวอีกสองอาทิตย์ถึงจะได้ผ่าตัดใหม่ แย่ชะมัดเอ่อ เป็นฉันคงสติแตกไปแล้ว ถ้าต้องส่องกระจกแล้วเห็นตาปริๆบนหน้าตัวเองแบบนั้น แต่เธอคนนี้ทำท่าเหมือนปลงแล้วยังไงไม่รู้

                เธอเองก็เหมือนกันนะเธอหันมามองหน้าฉัน คิดให้ดีๆก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำอะไรลงไปซักอย่าง เธออาจต้องใช้ชีวิตร่วมกับซิลิโคนไปตลอด หรือไม่ก็ต้องทนเห็นแผลผ่าตัดแค่แลกกับรูปกายภายนอกของเธอไปตลอดชีวิตเชียวนะ เธอคิดว่ามันคุ้มหรือเปล่า เพราะหลังจากที่มีดกรีดลงไปชีวิตเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิมแล้วเธอก็เดินจากไป ทิ้งให้ฉันยืนคิดทบทวนกับคำพูดพวกนั้นของเธอ

      ผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำศัลยกรรม

                ที่จริงฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าการศัลยกรรมแล้วเกิดการผิดพลาดจะมีด้วย เท่าที่ฉันเห็นพวกดารา นักร้องที่ไปทำกันมา ก็ออกมาสวยหรูดุจเจ้าหญิงกันทุกคนเลย หรือเพราะว่าทุกคนก็คิดแต่เรื่องแบบนี้นะ ถึงได้มองข้ามความปลอดภัยกันไป ที่จริงถ้าคิดกันตามหลักการแล้ว ทุกอย่างมันก็ย่อมเกิดการผิดพลาดได้เสมอ ยิ่งถ้าเราขาดความรอบคอบแล้วล่ะก็ ต้องเกิดผลร้ายๆตามมาเหมือนสาวแว่นดำคนนั้นก็ได้

                ชีวิตเธอจะไม่เหมือนเดิม  ไม่เหมือนเดิมยังไงกันล่ะ?

                แม่คะ!! หนูบอกว่าหนูกินของแข็งๆไม่ได้ มันสะเทือนกรามหนูนะคะ อยากให้ลูกสาวกรามเบี้ยวหรอนั่นเสียงพี่สาวฉันนี่นา กำลังทะเลาะกับแม่เรื่องกับข้าวหรืออะไรซักอย่างบนโต๊ะอาหาร

                แต่อาหารพวกนี้ก็ของที่แกชอบทั้งนั้นไม่ใช่หรอ

                แต่หนูกลัวไม่สวยมากกว่านี่คะ แม่นี่ไม่เข้าใจหนูอีกแล้วนะ

       หรือว่าที่ผู้หญิงคนนั้นพูดจะหมายถึงเรื่องพวกนี้นะ ชีวิตประจำวันเราอาจจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงของตัวเราสินะ ถ้าทำจมูกใหม่ ก็คงหมดสิทธิ์ที่จะได้เล่นอะไรสนุกๆเพราะกลัวจมูกจะเบี้ยว ถ้าทำหน้าอก ก็คงจะต้องคอยระวังว่าถูกอะไรมากระทบกระแทกได้หรือเปล่า แล้วชีวิตจะมีความสุขได้ยังไง คอยระวังโน่น ระแวงนี่ตลอดเวลาอย่างนั้น บ้าชัดๆ

                ฉันเดินมาหยุดยืนอยู่หน้ากระจก และเริ่มคิดทบทวนถึงอะไรหลายๆอย่างที่ตัวฉันไปได้ยินมา และได้ไปเห็นมาด้วยตาของตัวเอง แค่เพราะฉันอยากสวย...เท่านั้นจริงๆน่ะหรอ จะมีสิทธิ์มาทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของฉันเปลี่ยนไป และไม่เป็นตัวเอง ทั้งรูปร่าง หู ตา จมูก ปาก หน้าอก ผิวหนัง เส้นผม ทุกสิ่ง ทำไมคนพวกนั้นไม่คิดกันนะ ทำไมพวกเขาไม่คิดเหมือนฉันตอนนี้  ว่ามันคือสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดไม่ใช่หรอ มันเป็นสิ่งเดียวในโลก และเป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้เรามาด้วยความรัก ไม่ใช่หรอ ทุกอย่างบนโลกไม่มีอะไรจะสมบูรณ์แบบได้หรอกนะ ตราบใดที่เรายังเป็นมนุษย์โลกธรรมดาอยู่ สิ่งที่เราควรจะทำใจยอมรับ ก็คือความจริง จะต้องไปทนเจ็บตัวทำไมกัน

                ถึงตอนนี้ฉันรู้และเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วจริงๆ และฉันจะไม่ยอมให้กระแสศัลยกรรมมาครอบงำจิตใจ จนต้องทรมานตัวเองและชีวิตฉันแน่ๆ แม้ว่าฉันอาจต้องหันไปพึ่งการใช้เครื่องสำอางมากกว่าเดิมก็ตาม...ฉันยอม ถ้าฉันอยากจะสวยกับเขาบ้างในซักวันหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่นานนี้ล่ะ ก็ฉันโตเป็นสาวจริงๆแล้วนี่

                ฉันยอมรับคนเราคิดไม่เหมือนกันจริงๆ สิทธิเสรีภาพเป็นของทุกคน คุณอาจจะคิดว่าคุณมี เงิน และพร้อมจะจ่ายได้ไม่อั้น เพื่อแลกกับความสวยงามบนร่างกาย เพื่อสายตาที่มองคุณอย่างชื่นชมในความสวยภายนอก เพื่อบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คุณทนเจ็บได้ถึงขนาดนั้น แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมพก สมองไปกับเงินในกระเป๋าของคุณด้วยล่ะ ศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องผิด ทำแล้วออกมาดีฉันก็ดีใจด้วย ฉันไม่มีอคติใดๆและฉันยอมรับว่า ณ ตอนนี้ฉันก็ยังชอบที่จะมองสิ่งสวยๆงามๆบนโลก แม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งนั้นเป็นของปลอมก็ตาม แต่สำหรับฉัน ถ้ามันต้องแลกกับทั้งชีวิตที่จะเปลี่ยนไปของฉัน แลกกับสิ่งที่พ่อแม่ให้ฉันมาด้วยความรัก แลกกับสิ่งที่เป็นตัวของฉันเอง ฉันคิดว่ามันไม่คุ้มเลยซักนิดแล้วคุณล่ะ

                คุณคิดว่ามันคุ้มแล้วใช่ไหม?

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×