คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : 14 ความจริง2 100%
เมื่อคุยกับพี่แคนเรื่องของยัยหยุดจบ ผมก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครแอบฟังผมคุยอยู่ และผมก็มั่นใจว่าผมคิดถูกเพราะผมเห็นหลังของยัยหยุดแว้บๆหน้าประตู
ผมแยกตัวจากพี่แคนทันที และแอบตามดูเธอเงียบๆเพื่อจะดูต่อว่าเธอจะทำยังไง
อยากแอบดูนักใช่มั้ย? เดี๋ยวจะโดนลงโทษแน่!
แต่ว่ายัยหยุดก็ยังเป็นยัยหยุด ถึงแม้จะรู้คำมากขึ้นหน่อยก็เถอะ แต่ก็ซุ่มซ่ามอยู่ดี เกือบชนแจกันใบโข่งแตกแล้วมั้ยล่ะ(ส่ายหน้าหัวเราะขำๆ)
แต่แจกันใบนั้น...ผม...
ผมเก็บของสำคัญไม่ใช่หรือไง! O[]O
ทั้งเอกสารหลักฐานรูปถ่ายทั้งหมดของยัยหยุด แล้วก็....
เนื้อเพลงที่ผมแต่ง
ผมเห็นเธอล้วงเอากระดาษจากในโอ่ง(แจกัน)อย่างทุลักทุเล ก่อนจะทำหน้าเครียดคิ้วขมวดตอนที่ดูเอกสารทั้งหมด
ซวยแล้วไงล่ะไอ้แกง!
และจากนั้นเธอก็ทำหน้าตาผิดหวัง
นี้เธอคงรู้แล้วใช่มั้ยว่าผม แอบหาหลักฐานเกี่ยวกับตัวเธอไว้อ่ะ เธอคงกำลังจะโกรธผมใช่มั้ย?
ผมวิตกคิดมากแต่ก็ยังคงดูเธอต่อ เธอหยิบกระดาษอีกแผ่นด้วยสีหน้าประหลาดใจปนกับขยะแขยง..
เอ่อ...ได้ข่าวว่ามันเป็นของผม เอ่อ..จริงๆคงไม่ต้องทำหน้าตาอย่างนั้นก็ได้มั้ง
แต่ไอ้กระดาษที่สกปรกโสโครกแผ่นนั้น(เฮ้ยๆ เยอะไปๆ:พี่แกง) มันคือเนื้อเพลงที่ผมแต่งกะเซอไพรส์ยัยหยุดนี้
ไม่ได้ๆ ให้เห็นไม่ได้
ผมหันซ้ายหันขวาอย่างวิตก ก่อนจะนึกวิธีออก ลองตะโกนเรียกยัยหยุดดูล่ะกัน
“ยัยหยุด!! อยู่ไหนน่ะ ยัยหยุด!!”
ได้ผล! เมื่อผมตะโกนออกไป ยัยหยุดก็ตกใจถึงขั้นเซไปชนผนัง
เฮ้ย! ยัยหยุดตกใจขนาดไปเซชนผนังเลยหรอ
และผมก็เห็นเธอพยายาม ผมคิดว่าพยายามน่ะ เก็บเอกสารให้เข้าที่โดยการใช้พลัง จนกระทั่งเธอทรุดตัวลงพื้นนั้นแหละ ผมถึงกับตกใจหนักยิ่งกว่าเก่า
“เฮ้ย! ยัยหยุด! เธอเป็นอะไร!”
ผมถลาไปหายัยหยุดอย่างเร่งรีบในทันที ปราดเข้าไปประคองเธอที่ไม่ได้สติ
เป็นอะไรของเธอว่ะ ผมแค่กะจะเกรียนนิดหน่อยให้สุขใจแค่นั้นเองน่ะ
คราวหลังผมไม่ทำแบบนี้แล้ว ถ้ารู้ว่าทำแล้วจะเป็นอย่างนี้
ผมอุ้มยัยหยุดไว้กับตัวก่อนจะรีบเดินไปหาโซฟาให้เร็วที่สุด แต่ระหว่างที่ผมกำลังอุ้มเธอพาไปนั่งบนโซฟา
ผมรู้สึกว่าตัวเองจะร้อนใจมาก อย่างที่ผมไม่เคยเป็นมาก่อน
ขนาดว่าผมขี่จักรยานล้มเลือดออกผมยังไม่เคยร้อนใจขนาดนี้เลย(?)
เมื่อถึงโซฟา ผมค่อยๆวางยัยหยุดให้นอนลงบนโซฟาอย่างทะนุถนอมที่สุด และค่อยจัดท่านอนที่ผมคิดว่ามันสบายที่สุด ก่อนจะนั่งลงบนพื้นข้างๆโซฟาอย่างหมดแรง
เพิ่งรู้ว่าตัวหนักเหมือนกันนะเนี้ย =o=(ปาดเหงื่อ)
ผมนั่งเฝ้าเธอเรื่อยๆอย่างร้อนใจ ไปพร้อมกับเวลาที่เดินต่อไปไม่เคยหยุด ผมเหลือบมองนาฬิกาข้างผนัง
10.46 น.
ผมยังคงนั่งเฝ้าเธอต่อไป จนกระทั่งผมเผลอหลับไป
1 HR. LATER 11.46 น.
ผมตื่นขึ้นมา เหลือบมองคนที่ยังนอนอยู่บนโซฟาที่ยังไม่ตื่นจากการหลับไม่ได้สติ
และผมก็เผลอหลับอีกครั้ง
1 HR. LATER 12.58 น.
“ไอ้แกง!/ไอ้คุณน้องแกงครับ!”
เสียงที่ดังขึ้นข้างหูบวกกับการเขย่าตัวผม ทำให้ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ยัยหยุดตื่นแล้วหรอ J
“ตื่นแล้วหรอ...พี่แคน พี่โดม”
ผมลากเสียงยาวอย่างผิดหวังเล็กน้อยที่เป็นพี่แคนกับพี่โดมปลุกผมให้ตื่น เพราะผมหวังไว้นึกว่าจะเป็นคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟามากกว่า
“ตื่นอะไร ฉันเพิ่งกลับบ้าน แกนั่นแหละที่เพิ่งตื่น”
“แล้วไอ้คุณน้องแกงส้มมานอนอะไรตรงนี้ครับ โซฟามีก็ไม่นอน ที่ที่ไอ้คุณน้องแกงนอนมันเป็นที่ของชิกเก้นนะครับ”
พี่โดมพูดขึ้นสมทบก่อนจะขยับแว่นเล็กน้อยแล้วก็ก้มลงเล่นกับเจ้าแมวขนดำลูกรักของตัวเอง
“ผมติสต์พี่ อย่าสนใจผมเลย”
ผมพูดเนือยๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนอยู่บนโซฟาอีกครั้ง
2ชั่วโมงแล้วน่ะ
“ไอ้แกง ไปกินข้าวกัน พี่โดมเอาเมนูที่เพิ่งคิดได้ใหม่มาให้กินด้วย”
พี่แคนตบบ่าผม ก่อนจะบีบไหล่ผมเบาๆ เหมือนจะให้ผมทำตามที่แคนบอก
แต่ผมก็ยังไม่ละสายตาจากคนที่นอนอยู่บนโซฟาอยู่ดี
“ไปกินข้าวกันเถอะ ไอ้คุณน้องแกง เมนูใหม่ พี่ตั้งชื่อว่า ‘ผัดเป็นห่วง’ อร่อยนะครับ”
พี่โดมพูดแล้วทำหน้าตื่นเต้น
ผมแอบสะดุดกับชื่อของเมนูใหม่ ที่พี่โดมภูมิใจนำเสนอ ก่อนจะละสายตาหันไปมองพี่โดมและพี่แคน
“เดี๋ยวผมตามไป”
.
.
.
.
.
หลังจากที่ผมบอกพี่โดมและพี่แคนแล้วผมก็อุ้มยัยหยุด ก่อนจะพาไปนอนในห้อง ขืนให้นอนข้างล่าง คงโดนพี่ๆผมนั่งทับแน่
เมื่อจัดแจงวางเธอนอนลงบนเตียงแล้ว ผมก็คิดได้ว่า
ผมคงต้องปล่อยเธอไปแล้วล่ะ รั้งไว้กับตัวไปมันก็ไม่ดี ซักวันเธอก็ต้องรู้ และมันคงดีกว่าต้องจากกันด้วยดี
ผมตัดสินใจแล้วว่า ผม..
ผมจะบอกเธอ เมื่อเธอตื่น
ผมหันไปมองเธออีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
12 HR. LATER 00.59 น.
“ทำไมยังไม่ตื่นนะ หลับนานเกินไปแล้ว”
ผมพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดเพียงผู้เดียวท่ามกลางบรรยากาศดึกสงัด
อีกไม่กี่นาทีนี้ก็ใกล้จะเข้าวันใหม่แล้ว
“ทำไงดี หรือว่าเธอจะอ่อนแออย่างที่รู้จริงๆ”
ผมคิดทบทวนตามความฝันครั้งก่อนของตัวเอง
“แต่มันก็เป็นแค่ฝัน...”
ผมแย้งกับตัวเอง มันเป็นแค่ความฝัน มันอาจจะไม่จริงก็ได้
“โว้ย! แค่เธอสลบแล้วทำไมฉันต้องวุ่นวายขนาดนี้ว่ะ!”
ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างสับสน
“เธอสลบแล้วทำไมฉันถึงเป็นห่วงมากขนาดนี้”
“...”
ผมเงียบ ก่อนจะหันไปมองคนที่ทำให้ผมไม่ปกติทั้งวัน
แต่เธอกำลังยิ้มอยู่งั้นหรอ...ฝันดีอยู่สินะ
แต่ผมก็ยังคงพูดต่อ เมื่อนึกถึงสาเหตุของอาการของผมวันนี้
“ฉันรู้แล้ว..ว่าทำไม ฉันถึงเป็นอย่างนี้ และยังเฮิร์ตหนักถึงขั้นแต่งเพลงให้คนๆหนึ่ง ฉันรู้มานานแล้วด้วยซ้ำ...”ผมเม้มปากไว้อย่างครุ่นคิด แต่สายตาก็ยังมองเธอไม่ละ
สีหน้าของเธอยังยิ้มอยู่และดูเหมือนกำลังฟัง
“ว่า..ฉันชอบเธอว่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า..”
และเมื่อผมพูดจบ เธอก็ยิ้มออกมากว้างขึ้นอีกสีหน้าแดงก่ำ
แปลว่าเธอตื่นแล้วหรือเปล่า ผมเขินนะ ถ้าเธอตื่นแล้วจริงๆ ทำไมเธอถึงยังหลับตาอยู่ล่ะ
หรือว่า...กำลังฟังผมพูดพล่ามอยู่
คงไม่หรอกมั้ง
แต่ถ้าใช่จริงๆ...
ผมก็คงต้องทำตัวปกติเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ปกตินักก็เถอะ...
ผมลุกขึ้นไปดับไฟหัวเตียงก่อนจะล้มตัวนอนลงบนพื้นข้างล่าง
ราตรีสวัสดิ์น่ะ...
.
.
.
.
เช้าวันใหม่ 08.00 น.
“นายแกงข้น ตื่นได้แล้ว ฉันมีของมาอวด”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างๆหู
อืม...เพิ่งจะได้นอนตอนตี1เองน่ะ ขอหลับหน่อย
ผมพลิกตัวหนีเสียงที่ตามมา
“นายแกง! จะตื่นไม่ตื่น!”
เสียงเดิมพูดดังขึ้น จนผมต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะรีบชะโงกหัวขึ้นไปมองคนที่นอนบนเตียงอยู่ด้วยความเป็นห่วง ทั้งๆที่ดวงตายังเปิดเพียงน้อยนิด ผมแทบจะตาสว่างหายง่วงทันทีเมื่อ คนที่อยู่บนเตียงหายไป
หาย...หายไปไหน..
ผมรู้สึกถึงรังสีของความโกรธแผ่ซ่านมาจากข้างหลัง แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมากนักนอกจากจะต้องหายัยหยุด
ผมรีบหันหน้ากลับไปอีกทางอย่างเร่งรีบ ก่อนจะชะงักลงเมื่อเห็นหน้าของยัยหยุดในระยะประชิด
คิดว่าเธอก็คงตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะเธอเองก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ
ใบหน้าของเธอและผมใกล้กันมากจนกระทั่งจมูกชนกัน
เธอรีบผละออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าแดงจัด และผมเองก็คิดว่าสภาพของตัวเองคงไม่ต่างกัน
“...”
“...”
ผมและเธอต่างเงียบกันไปทั้งคู่ ก่อนที่ผมจะทำลายบรรยากาศนี้ออกไปก่อนด้วยการเริ่มคุย
“เอ่อ...คือ..เมื่อกี้..ขอโทษน่ะ..”
“มะ ไม่เป็นไร..”
เธอก้มหน้าพูด จากนั้นทั้งเธอและผมก็เงียบไป
“คือว่า/คือว่า...”
ผมเห็นเธอยิ่งก้มหน้างุดเข้าไปอีกเมื่อพูดพร้อมกัน บรรยากาศตอนนี้มันแปลกๆไปน่ะ
ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากพูดอีกครั้งและดูเหมือนเธอก็กำลังจะพูดอยู่เหมือนกัน ผมจึงเลือกที่จะเงียบ
“คือ...ฉัน..เอ่อ..จะบอกนายว่า...นายพูดก่อนเถอะค่ะ”
ผมพยักหน้า ก่อนจะพยายามทำใจสงบๆอีกครั้ง เพื่อที่จะได้คุยธุระกันสักที
“คือ..ฉันมีเรื่องจะบอก..”
ผมพูดแล้วหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆตัวมากอดให้อุ่นใจ ยัยหยุดเงยหน้ามามองผมอย่างสงสัย แต่มันก็ยังแดงเรื่ออยู่
“อะไรหรอค่ะ?”
“...อืม...”
ผมเม้มปากอย่างชั่งใจว่าถ้าบอกเธอไปโต้งๆ เธอจะโกรธหรือเปล่า
“นายแกงส้ม”
เธอเรียกชื่อของผม ผมเงยหน้าอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ที่เธอเรียกชื่อผมถูกสักที
โอเค ผมจะบอกล่ะ อย่างน้อย มิตรภาพดีๆที่เคยมีจะได้ไม่หายไปเพราะแค่เรื่องขี้ปะติ๋วอย่างนี้
“ยัยหยุด...เธอยัง..อยากรู้เรื่องของตัวเองหรือเปล่า”
เธอเงยหน้ามองผมอย่างครุ่นคิด นี้ผมคงไปสะกิดแผลสินะเธอคงจะรู้ตั้งแต่ตอนที่ดูในแจกันใบโอ่งแล้ว
งั้นผมก็ของสารภาพผิดแล้วกัน
“...ฉันรู้แล้วล่ะ..ว่าเธอเป็นใคร...แล้ว...วันนี้ฉันจะพาเธอไป...ส่งกลับบ้านของเธอ”
“ส่งกลับบ้าน?”
“ใช่ ขอโทษนะ...ที่ฉันส่งเธอกลับบ้านช้าไปหน่อย ที่จริงฉันก็รู้ตั้งนานแล้วล่ะ ว่าเธอเป็นใคร...”
“...”
เธอเงียบและจ้องหน้าของผมนิ่ง เบะปากเหมือนเธอใกล้จะร้องไห้ออกมา
ผมอยากพูดให้เธอเข้าใจน่ะ แต่ผมไม่กล้า
“แค่นี้..เอง..หรอค่ะ?”
เธอถามเสียงสั่น ผมก้มหน้าลง
ยังมีอีกเรื่องที่ตั้งใจจะบอกเธอเหมือนกัน
อยากบอกเธอไปตรงๆ ว่าฉัน...ชอบเธอมาก มากจนบอกไม่ถูก
“ตอนเที่ยงฉันจะพาเธอส่งบ้านนะ”
ผมตัดใจ พูดอีกอย่างก่อนจะลุดขึ้นเดินออกไปจากห้อง
ขอโทษน่ะ ฉันยังไม่กล้าพอที่จะบอกเธอในตอนนี้ว่าฉันชอบ...ไม่สิ! รักเธอมากในตอนนี้
END แกงส้ม Part
ยัยหยุด Part
“ตอนเที่ยงฉันจะพาเธอไปส่งที่บ้านนะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้อง
ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวตามลำพัง ที่จู่ๆก็รู้ว่าจะได้กลับบ้านวันนี้ แถมรู้ตั้งนานแล้วก็ไม่บอก
เรื่องนั้นที่เพิ่งบอกฉันไม่โกรธหรอกน่ะ และดูเหมือนน้ำตาที่กลั้นไว้เมื่อกี้กำลังไหลออกมา
นายแกงเปรี้ยวหวานบ้า! ที่พูดอะไรเมื่อคืนลืมไปแล้วหรือไง
หรือว่าอยากจะส่งฉันกลับบ้านให้เร็วๆ
ทั้งๆที่วันนี้...ฉันกะจะบอกนายว่า
นาย
ส่วนแหวนนี้ นายคงไม่ต้องเอาไปแล้วมั้ง
ฉันมองแหวนที่ทำจากหญ้าและดอกไม้เล็กๆที่อยู่ในมืออย่างน้อยใจ ก่อนจะคิดโยนทิ้งทางหน้าต่าง
แต่คิดอีกที ฉันไม่ทิ้งดีกว่า ถ้าเขาไม่เอาแล้วอยากจะทิ้งก็เรื่องของเขา
ฉันมองหาของบางอย่างในห้อง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้หน้าต่าง ก้มลงเขียนบางอย่างบนโต๊ะ
12.00 น.
นายแกงหน่อไม้เดินขึ้นมาตามฉันจากข้างบน หลังจากนั้นฉันก็เดินลงบันไดลงมาพร้อมกับเขา ทุกคนในบ้านยังดูปกติดี ฉันคิดว่าเพราะไม่มีใครเห็นฉันมากกว่า คงมีแต่ฉันกับเขาที่ยังดูหม่นๆ
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย...”
นายแกงอ่อมถามขึ้นแววตาคล้ายพยายามจะยิ้ม
ฉันพยักหน้าก่อนจะยิ้มกว้างไปให้
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นยิ้มที่สดใสมากก็ตาม...
สักพัก รถยนตร์คันหนึ่งก็แล่นมาจอดหน้าบ้าน นายแกงส้มแตะข้อศอกของฉันเบาๆเชิงเตือน
ก่อนที่เขาจะเปิดประตูทางเบาะหลังของรถให้ฉันเข้าไปนั่ง และเขาก็ตามเข้ามาก่อนจะปิดประตูรถ
“ทำไมไม่มานั่งหน้ากับพี่ว่ะ ไอ้แกง”
หมวดแคนถามขึ้นขณะที่กำลังจะออกรถ
นายแกงไตปลาเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มกวนติ่งออกมา และพูดว่า
“ผมอยากไฮโซ ให้พี่เป็นคนขับรถไง ส่วนผมเป็นคุณชายกลางสุดหล่อ”
“แหม หล่อจังน่ะ พ่อชายกลาง”
หมวดแคนพูดเหน็บแค่นั้นก่อนจะออกรถไป
และทุกคนก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย
@รพ.ตำรวจXXX
ห้อง ICU
แพทย์ผู้รับผิดชอบคนไข้ นายแพทย์
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีและคนไข้ ร้อยตำรวจตรี นาย อติรุจ กิตติพัฒนะ
หมวดแคนผลักประตูห้องที่อยู่ตรงหน้านี้ ก่อนจะหันหน้าเชิงเรียกให้เข้ามา
นายแกงต้มยำเดินนำเข้าห้องนำหน้าฉันไปก่อน ฉะนั้นไม่แปลกที่ฉันจะเดินรั้งท้ายเข้ามาในห้องนี้
และภาพที่ฉันเห็นก็คือ ร่างของหญิงสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงพ่วงไปด้วยสายระโยงรยางค์เต็มไปหมด ฉันแทบจะรู้สึกสงสารผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่ติดว่า...
ร่างที่นอนอยู่ตรงนั้นคือร่างของฉันเอง!
ฉันยืนค้างตัวแข็ง เมื่อได้เห็น ‘ตัวเอง’ ในสภาพนี้..
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...ฉันทิ้งตัวเองไว้นานมากขนาดนี้เลยหรอ ทิ้งจนดูซูบผอมลงไปเล็กน้อย ร่างกายทั้งตัวก็ซีดเซียว ราวกับขาดเลือด ไม่ได้โดนแดดมาซะนาน
ถามว่าฉันโกรธนายแกงส้มมั้ย? ฉันไม่โกรธเขาหรอก อย่างน้อย...
เขาก็ยังคงบอกให้ฉันรับรู้ แม้ว่าอาจจะนานหน่อยก็เถอะ
แปลกที่เมื่อยิ่งฉันได้เดินเข้าใกล้ร่างกายของตัวเองมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีแรงเพิ่มขึ้น เมื่อฉันเดินมาถึงขอบเตียง เอื้อมมือไปแตะร่างของตัวเอง ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังเรียกให้ฉันกลับไปหา ด้วยการดึงดูดฉันให้กลับเข้าร่าง
ฉันไม่ได้กลัวหรอกน่ะ ที่มันเป็นแบบนี้ แถมยังออกจะสบายใจมากกว่า แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองกลับเข้าร่างในทันที
ฉันหันไปมองนายแกงมัสมั่น ที่ยังยืนอยู่หน้าประตู ที่ยังไม่ได้ไปไหน เขาส่งยิ้มให้ฉันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกไปจากห้อง
ฉันยังคงมองทางประตู ก่อนจะคิดได้ว่าคงไม่มีโอกาสจะเจอเค้าอีกแล้ว
“เดี๋ยว!!”
นายแกงมะรุมชะงักเท้าหยุดกอ่นจะหันมา ฉันเองก็วิ่งปรี่เข้าไปกอดเขาอีกครั้ง ครั้งสุดท้าย สำหรับความทรงจำช่วงนี้ โดยลืมเรื่อง ที่บาดหมางกันเมื่อกี้ออกไปหมด
เขาลูบหัวฉันเบาๆก่อนจะกระซิบว่า
“อย่าลืมฉันนะ...สักวัน ฉันจะไปหาเธอ ยัยหยุด”
END ยัยหยุด Part
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk:
-ในทีสุดก็อัพครบ100แล้วนะค่ะ ต้องขอโทษจริงๆค่ะ ที่ปล่อยให้รอนาน
-อยากจะบอกว่าบทหน้าเป็นบทส่งท้ายแล้วนะค่ะ
-ก็ต้องขอบคุณที่ยังมีคนมาแวะเวียน เปิดอ่านเรื่องนี้นะค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว เอ๋อมึนฮาจะพยายามลงให้อ่านให้เร็วที่สุดนะค่ะ(บังเอิญเอ๋อมึนฮาแต่งสดเลยอ่ะค่ะ ถ้ามีคำผิดยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ จะรีบแก้ให้ค่ะ)
-สุดท้าย SF จะลงให้หลังจากบทส่งท้ายนะค่ะ
ความคิดเห็น