คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ONE KISS 04
04
“นายอยู่ที่นี่น่ะเหรอ”
ยูยะเงยหน้ามองอพาตเมนต์เก่าแก่สภาพทรุดโทรมตรงหน้าแล้วทำหน้ากล้ำกลืน..... เขารู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยปลอดภัยและเหมือนจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ.... ไดกิก็อาศัยอยู่ที่นี่จริงๆน่ะหรือ?
“ไม่ต้องทำหน้าตาออกนอกหน้าแบบนั้นก็ได้....ที่นี่มันก็ไม่ได้แย่มาก อีกอย่างผมก็อยู่คนเดียว”
สีหน้าของยูยะคงไปสะกิดต่อมอะไรของคนตัวเล็กเข้านั่นแหละ ไดกิถึงได้ทำหน้าตามึนตึงไปซะเฉยๆ
“ถ้าไม่รังเกียจจะเข้าไปดื่มชาสักแก้วมั้ยล่ะครับ”
แต่ถึงอย่างนั้นไดกิก็ยังมีน้ำใจเชื้อชวนแขกเข้าบ้านอย่างมีมารยาท ...ยูยะที่เจื่อนไปตั้งแต่เมื่อครู่รีบพยักหน้าแล้วเดินตามเจ้าของห้องต้อยๆ
“นั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมชงชาให้”
ไดกิพายูยะมาหย่อนไว้กลางห้องเล็กๆแคบๆซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของไดกิ ...เฟอร์นิเจอร์ในห้องนั้นดูเหมือนจะมีเพียงโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆตั้งอยู่เพียงตัวเดียว ข้างๆกันนั้นเป็นเตียงเดี่ยวขนาดไม่ใหญ่นัก พอที่จะนอนคนเดียวได้อย่างสบายๆ .....
“ช่วงนี้นายได้ไปทำงานที่ร้านกาแฟนั้นอยู่ไหม”
“ไม่ได้ทำแล้วครับ ตอนนี้ทำที่คอมบินี่ที่เดียว”
“แล้วพรุ่งนี้นายเข้ากะดึกเหมือนเดิมรึเปล่า”
“ครับ”
“แล้วจะไปเที่ยวหาเหมือนเดิมนะ”
“....มันเป็นที่เที่ยวกันซะที่ไหนล่ะ”
.....แม้จะเป็นแค่ลมปากที่ไม่ได้จริงจังอะไร แต่ไดกิกลับจำมันได้แม่นยำราวกับเป็นคำมั่นสัญญาที่ยูยะได้ให้ไว้เลยทีเดียว.....
………………………………
…………………..
………
ทั้งที่พูดเอาไว้แบบนั้น ยูยะกลับไปที่คอมบินี่ช้ากว่าเวลาปกติที่เคยไปอยู่ทุกวันมากทีเดียว ...ถึงไม่เคยนัดแนะกันอย่างเป็นกิจจะก็เถอะ แต่ก็เหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วว่ายูยะจะต้องมาหาไดกิที่ทำงานเวลาเดิมๆอยู่ทุกคืน
แต่เนื่องจากวันนี้ โชริน้องชายสุดที่รักมาขออนุญาตไปเที่ยวค้างคืนกับเพื่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ และพอเขาซักไซ้ไล่เลียงไปเรื่อยๆน้องก็ยอมคายออกมาจนได้ว่าเพื่อนคนที่ว่าก็คือไอ้เจ้าชายตัวดีนั่นแหละ.... ก็เลยจัดอบรมกันเสียยืดยาว แถมพออบรมกันเสร็จ โชริยังทั้งซึมทั้งหงอยที่ไม่ได้ไปเที่ยวจนพี่ชายต้องกอดปลอบพลางอธิบายเหตุผลให้เข้าใจจนน้องหลับคาตักเขา ส่วนตัวเขาเองก็ผล็อยหลับไปกับน้องแบบไม่รู้ตัว ...เพิ่งสะดุ้งตื่นมาเมื่อครู่นี้ แล้วก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านมาคอมบินี่เนี่ยแหละ!
เงารางๆภายในร้านคอมบินี่ที่ได้เห็นในระยะ100 เมตร สำหรับคนสายตาสั้นอย่างเขาแล้ว ...เห็นควรอย่างยิ่งว่าจะต้องรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะคาดเดาได้ถึงเหตุการณ์ไม่ปกติในร้าน
อย่างเช่นอันธพาลที่กำลังวาดลีลาทำลายข้าวของแถมกำลังข่มขู่คุกคามคนในร้าน ....ส่วนไดกิผู้กล้าหาญของเขากำลังใช้ไม้ถูพื้นต่างอาวุธในการจัดการกับพวกนั้นอยู่ ..และก็ดูเหมือนจะทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าหมายใหม่ของเจ้าพวกนั้นไปโดยปริยายเสียแล้ว
....นั่นเองที่ทำให้ยูยะฟิวซ์ขาด....
....และบ้าบิ่นพอที่จะเดินอาดๆฝ่าเข้ามากลางวงล้อมอย่างไม่กลัวเกรง......
.....อย่างที่พวกน้องๆเคยพูดอยู่เสมอล่ะ ว่าพี่ยูยะมักจะกลายร่างเป็นแยงกี้ไปซะทุกครั้งที่เห็นคนสำคัญตกอยู่ในอันตราย.....
“แกเป็นใครวะ อย่าเสือก...ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
.... ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันนัก แววตาคมดุแข็งกร้าวขึ้นในทันที ....โดยเฉพาะยิ่งเวลามองไปที่คนตัวเล็กที่ทำเป็นใจกล้าทั้งที่กำลังหวาดกลัวอยู่นั้น เหมือนสารอะไรสักอย่างในร่างกายมันหลั่งไหลอย่างพลุ่งพล่าน
“พวกแกนั่นแหละ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ออกไปซะ!!”
เสียงกร้าวตะเบ็งขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว ...ทั้งๆที่ตัวเองบุกเดี่ยวมาแบบไร้อาวุธแท้ๆ
“ยูยะ~!!!”
ไดกิเรียกชื่อออกมาอย่างตกใจที่เห็นยูยะทำเท่ห์เข้ามาช่วย
“ช่ะ เจอพลเมืองดีซะแล้วโว้ย เฮ้ย พวกเราลุย!”
.
.
“โอ้ยๆๆ”
ยูยะนั่งอยู่บนโซฟาหลังร้านโดยมีไดกิกำลังใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผลให้อยู่
“ผมขอโทษที่ทำให้ยูยะต้องมาเจ็บตัวเพราะผมแบบนี้”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก นายปลอดภัยก็ดีแล้ว.. โอ้ยๆ เบาๆสิ” ยูยะทำหน้าเหยเกร้องโวยวายออกมาเหมือนเด็กๆ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สู้ได้เท่ห์มากแท้ๆ
“ยูยะ....ขอบคุณนะที่มาช่วย”
..... ไดกิพูดไปก็ยิ้มเขินไป ถ้าให้พูดถึงความประทับใจน่ะ บอกเลยว่าเกินร้อย.....
“ไม่เป็นไร ...กลางคืนมันอันตราย นี่เพิ่งโดนก่อกวนเป็นครั้งแรกรึเปล่า”
“ก็...ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกฮะ”
“ห้ะ!! ตั้งนานแล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะ”
“เอ่อ... บอกยูยะ?” ไดกิก็ไม่อยากจะแกล้งแบ้วไม่เข้าใจหรอกนะ แต่เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองไปคนเดียว ...ว่าถ้าบอกแล้ว ยูยะจะตามมาปกป้องเขาทุกครั้งนะหรือ?
“ทำงานกะกลางคืนอันตรายจะตาย ฉันสงสัยตั้งแต่ที่เจ้าของร้านเค้ายอมให้หน้าหวานๆอย่างนายทำงานกลางคืนแล้ว... นี่ ย้ายไปทำงานตอนกลางวันดีกว่ามั้ย” ยูยะลองเสนอความคิดด้วยความหวังดี แต่ไดกิกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
“เอ่อ...”
……จะให้บอกได้ยังไงว่าที่ยอมทำงานกะกลางคืนทุกวันนี้ก็เพื่อใครกันล่ะ! ……
……คนบ้าอะไรกันล่ะที่ชอบมาซื้อของยามวิกาลแบบนี้น่ะ!!! ไม่ใช่ความผิดไดกิเสียหน่อย.........
“เอางี้...นายไปทำงานกับฉันดีกว่า” ....และแล้วยูยะก็นึกอะไรดีๆออก
“งานอะไรครับ”
“ผู้ช่วยนักเขียน...สนใจมั้ย”
....คงยิ่งกว่าคำว่าสนใจเสียอีก ในเมื่อไดกิกระเถิบตัวเข้าประชิดจนแทบจะเกยตักยูยะได้อยู่รอมร่อ...
“แล้ว... ต้องทำอะไรบ้างฮะ” ไดกิถามอย่างกระตือรือร้น
“เป็นแฟนฉัน”
“เอ้ะ! เอ่อ หมายความว่ายังไงเหรอฮะ” ...ไดกิรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นไปในนาทีไหนนาทีหนึ่งได้เลย...
“เอ่อ ไงดีล่ะ คือช่วยทำเหมือนว่าเราเป็นแฟนกันน่ะ...นายก็รู้ปัญหาของฉันไม่ใช่เหรอ ช่วยหน่อยเถอะนะ”
.....คุณๆคิดว่าไดกิจะฟังประโยคพวกนี้ด้วยความรู้สึกแบบไหนกัน....
รอยยิ้มยังค้างอยู่ที่ริมฝีปาก แต่ในใจนั้นอยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน
....แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น....
“ได้ฮะ.. ผมจะช่วยยูยะเอง”
.
.
หลังจากที่ไดกิตกปากรับคำไปแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม สองวันถัดมายูยะก็เมล์มาบอกให้เขาแต่งตัวรอ โดยบอกแค่ว่าจะมารับไปเที่ยว ....แม้จะไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักแต่ไดกิก็วิ่งวนไปรอบห้อง รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจที่เขาไม่มีชุดดีๆใส่ไปเที่ยวสักเท่าไหร่ ... สุดท้ายก็เลือกเสื้อมีฮู้ดสีสดใสกับกางเกงขาสั้นและหมวกแก๊ปอีกสักใบ ร่างเล็กยืนหมุนๆอยู่หน้ากระจกบานเล็กอยู่นานสองนานจนได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้องนั่นแหละ ถึงได้รีบวิ่งไปเปิด
.......ร่างสูงใหญ่ของยูยะมาพร้อมกับเสื้อผ้าโทนสีดำ เท่ห์อย่างเคย ♥........ว่าแต่ทำไมถึงได้มองไดกิหัวจรดเท้าแล้วก็อมยิ้มแบบนั้นกันล่ะ.....
“ยิ้มอะไรน่ะ” ไดกิอดสงสัยไม่ได้จนต้องถามออกไป
“ก็...นายดูน่ารักดี” ยูยะเองก็ยิ้มเขินๆ รู้สึกกระดากปากยังไงชอบกล แต่ก็อยากจะพูด
“บะ..บ้า..... ไม่ต้องแกล้งพูดขนาดนั้นก็ได้ แค่เป็นแฟน...หลอกๆเองไม่ใช่เหรอ”
......คำว่าแฟนหลอกๆนั้นเป็นคีย์เวิร์ดที่ไดกิต้องท่องจำให้ขึ้นใจ....จะได้ไม่หลงลืมตัว คิดว่าเขาเป็นของตัวเองจริงๆ......
“เปล่านี่..ฉันแค่พูดไปตามที่รู้สึก ....วันนี้นายดูน่ารักดีไง”
......ถึงจะแอบดีใจ แต่ในใจไดกิก็อดค่อนขอดไม่ได้ว่า แล้ววันอื่นๆล่ะ? เขาดูแย่มากเลยงั้นหรือ.....
“อยากไปไหนมั้ย” ยูยะถามขึ้นมาลอยๆ...กะจะตามใจคนตัวเล็กเต็มที่วันนี้
“ถ้าให้แต่งตัวขนาดนี้แล้วบอกว่าจะนั่งเล่นอยู่ที่ห้องนี่ผมเคืองจริงๆนะ” แต่ไดกิกลับขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งขึ้นมาซะงั้น
“ฉันหมายถึงไดจังอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าต่างหาก” ยูยะคิดไม่ถึงเลยนะว่าประโยคคำถามง่ายๆจะมีคนเข้าใจผิดไปได้ขนาดนั้น
“อ๋อ...ก็นายไม่บอกให้ชัดๆนี่ ...ถ้างั้นก็แล้วแต่ยูยะเถอะ”
....หรือถ้าให้พูดอย่างที่ใจคิดก็คงจะต้องบอกว่า ที่ไหนก็ได้แค่มียูยะก็พอแล้ว ♥....
“อื้ม..ฉันอยากลองไปที่ๆนึงน่ะ วันนี้ไปกันนะ^^”
“อื้อ~”
.
.
“คาราโอเกะ!!”
ไดกิยืนอ่านป้ายหน้าร้านอย่างช็อคๆ เมื่อยูยะพามาหยุดตรงหน้าร้านแล้วบอกว่า....ที่นี่ล่ะ!
“อื้อ อยากลองมาตั้งนานแล้ว..ป่ะ” ว่าแล้วยูยะก็ฉุดเอาแขนของไดกิเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว
...ตลอดทางที่พนักงานพาเข้าไปจนถึงห้อง ยูยะดูจะตื่นตาตื่นใจหันซ้ายหันขวามองนั่นมองนี่ ตื่นเต้นเป็นพิเศษเหมือนเด็กๆเวลาเจอของเล่นใหม่ ...ส่วนตัวไดกินั้นก็เคยมากับเพื่อนอยู่บ้าง แต่ก็แค่ไม่กี่ครั้ง...ก็มันออกจะเป็นกิจกรรมที่ผลาญเงินอยู่ไม่น้อยเชียว เพราะฉะนั้นนานทีปีหนล่ะถึงจะเจอไดกิตามสถานที่บันเทิงเริงรมย์แบบนี้น่ะ
“เอ...เดทในที่แบบนี้ เค้าทำอะไรกันมั่งนะ? ไดจัง..มานั่งใกล้ๆฉันสิ เรามาเดทกันนะ” ยูยะตบที่ว่างข้างตัว เชื้อเชิญด้วยรอยยิ้มหวานๆ ...ไดกิก็เลยลุกเดินไปใกล้ๆอย่างว่าง่าย
“อ้ะ!” ไดกิยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งบนเบาะที่หมายตาไว้ก็ถูกรวบตัวมานั่งบนตักยูยะแทนเสียแล้ว
“แบบนี้ดีกว่า” มัดมือชกกันง่ายๆแล้วยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาพูด แถมยังกอดเอวเขาแน่นซะอีก
......ถึงไดกิจะปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีอยู่ไม่น้อยก็เถอะ..... ก็จำใจจะต้องดิ้นจนหลุดออกจากอ้อมกอดนั้นมาประจันหน้าคุยกันให้รู้เรื่องรู้ราว ก่อนที่เขาจะเผลอตัวเผลอใจไปแบบคราวที่แล้ว....
“ผมในตอนนี้...อยู่ในฐานะอะไรกันแน่น่ะยูยะ ....ผม..ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณกำลังทำ…สักเท่าไหร่”
...ในแววตาของไดกิกำลังสับสนวุ่นวายไปหมด...เขาไม่รู้ว่าควรจะวางตัวเองไว้ที่ตำแหน่งไหน ฐานะอะไร....
ยูยะจึงจับบ่าเล็กไว้ทั้งสองข้าง สบตากลมโตแล้วพูดอย่างช้าๆ
“ฟังนะ..นายไม่ต้องคิดมากเรื่องจริงหรือหลอกๆอะไรนั่นทั้งนั้น จำไว้แค่ว่า ตอนนี้เราเป็นของกันและกันแค่นั้นพอ...ฉันจะทำหน้าที่แฟนให้ดีที่สุด .....ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะไม่บังคับให้ไดจังทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแน่นอน”
.......ยูยะพูดว่า ‘ตอนนี้’ ก็คงหมายถึงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นสินะ.......
.......ก็ได้.... ในเมื่อเขาเป็นคนยอมรับสิ่งนี้เองตั้งแต่แรก ...เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าจะยาวนานได้แค่ไหนนั้น เขาก็ใช้มันให้คุ้มค่ากับคนที่ ‘แอบชอบ’ มานานก็แล้วกัน.....
“งั้นตอนนี้ยูยะเป็นของผมสินะ”
“อื้ม ยูยะของไดจังไง”
ยูยะของไดจัง ....ทั้งท่วงทำนองเสียงทุ้มนุ่มลื่นหู สีหน้าคนพูดที่ออกจะเก้อเขินนิดหน่อย พอรวมๆกันแล้วมันช่างเป็นคำที่ฟังแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจนไดกิต้องเผลอหลุดยิ้มหวานออกมา .....
ยูยะเห็นอีกฝ่ายอารมณ์ดีแล้วก็เลยฉุดแขนไดกิให้ตามลงมานั่งที่นั่งตรงกลางระหว่างขาของเจ้าตัว โดยที่มือใหญ่คว้าเอาเครื่องคาราโอเกะเล็กๆมาตั้งตรงหน้าร่างเล็กเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเสีย
“ร้องเพลงกัน! .....ว่าแต่ไอ้เครื่องนี้มันใช้ยังไงน่ะ”
“ยูยะไม่เคยมาคาราโอเกะเลยเหรอ?”
“...ก็ไม่เคยน่ะสิ”
ไดกิขำพรืดออกมาเพราะหน้าตาซื่อๆของยูยะที่ดูไม่รู้จริงๆว่ามันใช้งานยังไง... เขาไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีคนอายุรุ่นราวคราวนี้ที่ไม่เคยมาคาราโอเกะหลงเหลืออยู่ในโตเกียวอีก ....แต่ยูยะน่ะพองแก้มงอนไปเรียบร้อย
“มาๆ เดี๋ยวผมสอนใช้เองน่า อย่างอนสิ”
“สอนสิ” คนตัวสูงเขาว่าอย่างนั้นแล้วก็วางคางเกยกับไหล่บางของไดกิแถมยังเอาหน้ามาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆแก้มป่องๆเพื่อจะได้ดูวิธีใช้เครื่องได้อย่างถนัดถนี่ .....แต่สำหรับคนสอนอย่างไดกิแล้วนั้น ทั้งลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดต้นคอขาว ทั้งความใกล้ชิดที่รู้สึกได้ถึงแรงเต้นของหัวใจของคนที่แนบชิดอยู่กับแผ่นหลังเขา...
.....ทั้งที่มันก็เต้นแรงไม่ต่างจากเขาเลยแท้ๆ แต่ทำไมยูยะถึงเก็บอาการได้ดีกว่าเขากันนะ....
“โธ่เอ้ย แค่นี้เอง...เรื่องหมูๆ แล้วนี่อะไร เมนูอาหารเหรอ ว้าว~ น่ากินจัง.. ไดจังหิวมั้ย สั่งอาหารกัน ^O^”
...........ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นไดกิจะพาเด็กโข่งมาทัศนศึกษามากกว่าเดทซะละมั้ง ...........
.......................................
.....................
...........
หลังจากผ่านไปแล้วสองชั่วโมงเขาทั้งคู่ก็เดินออกมาจากคาราโอเกะบ็อกซ์ โดยที่ไดกิเดินนำออกมาด้วยหน้าตาบูดๆ....ยูยะเห็นดังนั้นพอจ่ายบิลเสร็จก็วิ่งตามเข้ามาถามไถ่
“เบื่อเหรอ ไดจัง.....”
“ก็ไม่เชิงน่ะ”
“อะไรคือไม่เชิง”
“ก็มันไม่เห็นจะเหมือนเดทตรงไหนเลยนี่” ......แล้วมันก็แย่ตรงที่เค้าเผลอสนุกไปด้วยเนี่ยสิ......
“อ่า...ขอโทษนะที่บังคับมาที่นี่ ....งั้น ไดจังอยากไปไหนล่ะ” ยูยะพยายามง้อคนแก้มป่องด้วยการตามใจ... ไดกิทำหน้าคิดนิดนึงแล้วก็โพล่งออกมาให้ยูยะตกใจว่า
“ดูหนังมั้ย?”
“เอ๋....จะดีเหรอ” ยูยะทำตาโตขึ้นมาทันที ....ถ้าให้พูดถึงโรงหนังแล้วล่ะก็ ความทรงจำสดใหม่ที่ตราตรึงอยู่ในหัวเค้าก็คงจะไม่พ้นเรื่องเสียวๆที่เกิดขึ้นเมื่อคราวก่อน....
“โอ้ะ ลืมไปๆ ไม่เอาแล้ว...งั้นเปลี่ยนเป็น......เกมเซนเตอร์!!”
“นั่นไม่เด็กไปหรือไง”
“เถอะน่า...ไปกัน” ไดกิตรงเข้าไปควงแขนร่างสูงแล้วลากให้เดินไปด้วยกันด้วยหน้าตาร่าเริง
.......ว่าแต่ ยูยะก็ได้แต่สงสัยว่า
........เดทที่เกมเซนเตอร์มันจะไปต่างจากเดทที่คาราโอเกะตรงไหนกันนะ........
.
.
เวลาผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว
ทั้งสองคนก็ยังขลุกอยู่ในเกมเซนเตอร์กันแบบไม่รู้เวลา.... ไอ้คนที่บ่นว่าเกมเซนเตอร์เป็นของเด็กๆน่ะมันวิ่งลากไดกิเล่นนู่นเล่นนี่ไปทั่วแบบลืมอายุ ไม่ว่าจะเกมขับรถแข่ง ที่ยูยะพาแหกโค้งตายหมู่ภายในไม่กี่นาทีแรก ...เกมกดต่อสู้ ที่ยูยะก็แพ้น็อกไดกิอย่างราบคาบให้ไอ้ตัวเล็กมันดีใจกระโดดโลดเต้น ได้ทีข่มขวัญกันเสียยกใหญ่ แม้แต่เกมชู้ตบาสลงห่วงง่ายๆยูยะก็ยังโดนลูกบาสกระแทกใส่หน้าจนมึนไปหมด ...และอีกสารพัดเกมที่ยูยะอยากรู้อยากลอง แล้วก็ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ไปเสียทุกเกม .....แต่ถึงกระนั้นยูยะก็ยังยิ้มหัวเราะสนุกไปกับไดกิได้อย่างไม่รู้เบื่อ
จนสุดท้ายที่ไดกิลากแขนยูยะมาหยุดที่หน้าตู้ปุริคุระแล้วช้อนตามองอ้อนๆ....ว่าอยากเล่น
“เอาสิ....”
พอร่างสูงยิ้มตอบอย่างใจดี ไดกิก็ยิ่งยิ้มหวานแล้วฉุดยูยะเข้าตู้ปุริคุระไปอย่างว่องไว
.....ยังไงวันนี้ทั้งวันยูยะก็พร้อมจะตามใจทุกอย่างแล้วนี่
....กะอีแค่ถ่ายปุริมันจะไปยา…..ก..........
อะไรเนี่ย!!!
ยูยะตื่นตะลึงกับสิ่งต่างๆที่ซ่อนอยู่ในตู้ถ่ายภาพที่ดูจากภายนอกเหมือนจะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ด้านในเหมือนกับจำลองสตูดิโอถ่ายภาพย่อมๆไว้เลยทีเดียว ....ขณะเดียวกันนั้นเองไดกิก็จัดการกับหน้าจอจนพร้อมถ่ายเสร็จสรรพในชั่วพริบตา
“นี่..จะถ่ายแล้วนะ ....เซย์ โนะ!” ไดกิดึงแขนยูยะให้มายืนข้างกันแล้วนับถอยหลัง ...ยูยะเห็นอย่างนั้นก็เตรียมเก็กหน้าใส่กล้องอย่างเต็มที่.......แต่ทว่า
“จุ๊บ~”
“เฮ้ย!!”
ช็อตแรกไดกิเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มทีเผลอโดยที่ยูยะตั้งตัวไม่ทันจนทำหน้าเหรอหราใส่กล้องไปจนได้ ...แล้วพอจะหันมาดุเสียหน่อย เจ้าตัวเล็กก็จับมือเขาชูพีชยิ้มหวานใส่กล้องแล้วกดชัตเตอร์ตัดโอกาสไปซะ
.....เอาเถอะ ถ้ามันจะทำให้ไดกิสนุกกับการเดทมากขึ้น เขาจะยอมๆให้ก็ได้.....
ไดกิดูสนุกสนานกับกับการแต่งรูปอย่างมาก แถมยังพยายามทำพองตัวเองให้ใหญ่เพื่อจะบังไม่ให้ยูยะเห็นจอหรือมีส่วนร่วมในการแต่งรูป .....กว่ายูยะจะได้เห็นรูปก็ตอนที่ไดกิเอารูปสติ้กเกอร์ที่ปริ้นเสร็จเรียบร้อยมายื่นให้ตรงหน้านี่ล่ะ
“อ่ะ นี่ของยูยะ”
ยูยะรับรูปมาดูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม....
ไดกิน่ะน่ารัก ปกติก็หน้าหวานอยู่แล้ว พอแต่งรูปทำตาโตๆแบบที่สาวๆเค้านิยมกันแล้วก็ยิ่งเหมือนเด็กผู้หญิงกันเข้าไปใหญ่ ........ในขณะที่รูปเขา
เฮ้อ~ นี่เขาทำอะไรให้เด็กนั่นไม่พอใจรึเปล่า รูปเขาดูไม่ได้เลยเถอะ ...อย่างกับกระเทยแน่ะ!?
“น่ารักมั้ย” ไดกิเงยหน้าขึ้นมาถามตาแป๋ว....นัยน์ตากลมๆนั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสนุกสนาน ...นี่คงไม่แคล้วเห็นเขาเป็นของเล่นนั่นล่ะ
“อื้อ น่ารัก....ไดจังน่ะน่ารัก” .....ส่วนกระเทยพัทยาอย่างเขาคงไม่ต้องกล่าวถึง –“–
“ยูยะก็น่ารักน่า~ ดูสิ ตาโตแบ๊ว มีแก้มแดงๆตรงนี้ด้วยเห็นมั้ย ฉันตั้งใจแต่งให้แบบสุดๆเลยนะ”
“ขอบใจ.... งั้น.. ฉันก็มีของจะให้เหมือนกัน รอแปบนะ”
ยูยะเดินไปที่ตู้หนีบตุ๊กตาแล้วหยอดเหรียญ ก่อนจะวอร์มข้อไม้ข้อมือเตรียมพร้อมเต็มที่เพื่อบังคับปุ่มกดและคันโยก ...ไดกิแอบขำกับท่าทางโอเวอร์และหน้าตาเคร่งเครียดของร่างสูงทั้งที่ตัวเองยืนอยู่หน้าตู้หนีบตุ๊กตาสีหวานและมีตุ๊กตาหน้าตาน่ารักมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอยู่เต็มตู้ไปหมด .....ไม่ได้เข้ากันกับหน้าโหดๆโคตรซีเรียสของยูยะเลยสักนิด.....
…..แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตอนที่ยูยะเดินเอาตุ๊กตาที่หนีบได้มายื่นให้ตรงหน้าไดกิแบบเขินๆจนไม่กล้าสบตานั่นน่ะ…
“อ่ะ...ฉันให้”
….ไดกิถือเป็น Best Shot ของวันนี้เลยล่ะ♥......
“ขอบคุณนะ” ไดกิรับตุ๊กตาหมีริลัคคุมะตัวใหญ่มากอดไว้กับตัวแล้วก็ยิ้มหวานออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ทำไมยูยะถึงได้หนีบตุ๊กตาเก่งจัง...ทั้งที่เกมอื่นๆก็เล่นไม่ได้เรื่องแท้ๆ”
.......ยูยะเหล่มองตาใสๆนั่นเล็กน้อย...เขารู้สึกเหมือนถูกชม แต่ก็เหมือนไม่ได้ชมยังไงชอบกลก็ไม่รู้สิ.....
“อืม ตอนที่พ่อแม่เสียไปแล้วฉันต้องเลี้ยงน้องทั้งสองคนน่ะ ...ฉันไม่มีเงินซื้อของเล่นแพงๆให้น้องๆเล่นหรอก ก็อาศัยแต่ไอ้เกมตู้หนีบนั่นมาตลอดน่ะ”
“เอ้ะ แต่กว่าจะเก่งขนาดนี้ก็ต้องลงทุนไปเยอะไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เลย...ฉันมาแอบดูเทคนิคของคนอื่นๆจนคิดว่าเข้าใจการทำงานของมันแล้วถึงได้มาลองน่ะ”
“แล้วทำได้มั้ย”
“ได้สิ...แต่ได้ครั้งที่สองนะ เหมือนเมื่อกี้แหละ แต่ก็คุ้มใช่มั้ยล่ะ ฉันเสียเงินไปแค่สองครั้งเอง!”
“ยูยะสุดยอดอ่ะ”
“ก็นะ...นิดหน่อย ว่าแต่เราจะไปไหนต่อดี”
“ผมอยากไปบ้านยูยะ!” ไดกิประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน ....ตากลมๆนั้นหันมาจ้องหน้ายูยะอย่างมุ่งมั่น
...... ให้ตายดิ ตาแป๋วๆนั่นเล่นงานเค้าอีกแล้ว.....
“ห้ะ! บ้านฉันเนี่ยนะ”
….จริงๆก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ไปหรอกนะ ... แต่ยูยะคิดว่าไอ้เด็กนี่ต้องมีแผนอะไรแน่ๆ ก็เลยสงสัยเท่านั้นเอง.....
“ทำไม ไม่ได้เหรอ....ยูยะซ่อนสาวเอาไว้รึไงล่ะ” ไดกิแอบพองแก้มเล็กน้อย เมื่อยูยะทำหน้าเหมือนไม่อยากให้ไป
“จะไปมีได้ยังไงกันเล่า ว่าไปเรื่อย.....ไดจังนี่ก็ขี้หึงเอาเรื่องเหมือนกันนะ” ยูยะเหล่มองแล้วอมยิ้มแบบแซวๆ
“อะไรล่ะ...ผมแค่อยากไปเห็นห้องทำงานของทาคากิเซนเซย์เท่านั้นแหละ!”
“แค่ห้องทำงานเองเหรอ ....ห้องนอนฉันก็ยินดีต้อนรับนะ” เห็นไดกิเขินแล้วแก้มป่องๆมันแดงขึ้นน่ารักดีก็เลยเผลอพูดจาล่อแหลมไปด้วยความเพลินปาก
“พูดจริงเหรอ! งั้นผมไป”
.......แต่เขาลืมไปได้ยังไงนะ ว่าไอ้เด็กนี่มันแก่แดดอย่างร้ายกาจ!!!! .....
“ฉันพูดเล่น ไม่ให้เข้าหรอกน่ะ” ....ยูยะกลับมาปั้นหน้าอยู่ในโหมดพี่ชายผู้ทรงศีลอย่างเก่า เพื่อไม่ให้จิตเตลิดไปกันใหญ่......
“เอ๋....ทำไมล่ะ” แต่ไดกิกลับทำหน้าเสียดายอย่างสุดแสน
“นี่..ช่วยสงวนท่าทีไว้บ้างจะได้รึเปล่าเนี่ย”
...เพราะผู้ทรงศีลกำลังจะศีลแตกเอาง่ายๆนะ เจอเด็กตัวขาวๆ น่ารักๆ อ้อนเอาๆแบบนี้...
“ก็แค่ไปดูเองนี่นา”
“แต่คนที่ฟังเค้าไม่ได้คิดกันแค่นั้นซักหน่อย....นี่ล่ะที่มันอันตราย ห้ามไปพูดแบบนี้กับคนอื่นนะ”
“แต่พูดกับยูยะได้คนเดียวใช่มั้ยล่ะ”
“ได้! …แต่ฉันไม่รับรองความปลอดภัยให้หรอกนะ!”
To be con
I-PrA Talk: รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ว่าผู้ทรงศีลจะรักษาเวอร์จิ้นไปได้ถึงเมื่อไหร่ ฮ่าๆๆๆ
มาลงฟิกฉลองปีใหม่ด้วยคู่ที่ดองนานที่สุด ...เราเลยจัดให้ยาวเพิ่มเป็นพิเศษอีกนิดนึงเป็นการไถ่โทษน้า
ปล. สวัสดีปีใหม่ ..บุญรักษาค่ะทุกคน
ความคิดเห็น