คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Before Christmas
18
หลังจากที่ยูริเดินกระฟัดกระเฟียดไม่สบอารมณ์ออกไปจากบ้าน โดยไม่สนใจว่าจะชนเข้ากับยูโตะที่ดันไปยืนทะเล่อทะล่าเกะกะร่างบางเข้า.... ยูยะก็เดินตามออกไปเพราะว่ามีนัดกับพีซังที่บริษัท ในครัวจึงเหลือเพียงเคย์และไดกิสองคนเท่านั้น
“นี่.... โกรธหรือเปล่า” ไดกิกระตุกชายเสื้อชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า ....คนที่เข้ามาเพื่อปกป้องเขาจากใดๆทั้งปวงโดยไม่สนใจสิ่งใด
“เปล่านี่ ฉันจะโกรธไดจังทำไมล่ะ” เคย์หันกลับมายิ้มอ่อนโยนให้อย่างที่เคย ...แต่สิ่งที่แปลกไปจากปกติก็คือสายตาที่อ่อนล้าแต่พยายามปกปิดเก็บซ่อนมันเอาไว้
“ให้จริง.... ถ้าโกรธก็จะได้ง้อ ถ้าไม่โกรธก็แล้วไป”
“จะง้อจริงอะ”
“ฉันให้เวลาสามวินาทีในการตัดสินใจว่าโกรธหรือไม่โกรธ... หนึ่ง..สองงงง”
“อย่างนี้สมควรน้อยใจดีมั้ยเนี่ย ....ถ้าไดจังไม่เต็มใจจะทำก็ไม่ต้องสนใจฉันก็ได้ มันไม่ได้สำคัญอะไร”
“ก็เพราะว่าสำคัญไงล่ะถึงได้สนใจ”
เคย์จ้องหน้าไดกิอย่างอึ้งๆ ดวงตากลมมองจ้องที่ใบหน้าหล่ออย่างเอาจริงเอาจัง เหมือนพยายามสื่อว่าเขารู้สึกแบบนั้นและจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
“งั้น..ขอติดไว้ก่อนได้ป่าว”
“นายคิดอกุศลอยู่ใช่มั้ยเนี่ย”
“เฮ้ย เปล่านะ”
“งั้นอยากได้อะไรก็บอกมา ภายในวันนี้ด้วย...ถ้าช้ากว่านี้ถือว่าหมดอายุ” ร่างบางยื่นคำขาด
“ห้ะ..มีหมดอายุด้วย ผมเป็นคนนะไม่ใช่ขนมปัง จะง้อกันต้องมีวันหมดอายุด้วย”
การเล่นลิ้นเริ่มไม่เข้าท่าสำหรับชายหนุ่มเสียแล้วเมื่อไดกิเริ่มหน้างอจวนเจียนจะกลายเป็นคนงอนเสียเอง แล้วท้ายสุดเคย์ก็ต้องเป็นฝ่ายง้อ... อย่างงี้ไม่คุ้มครับ ไม่คุ้ม
“งั้น.... ขอเคย์นอนด้วยคืนนึงสิ” ร่างโปร่งโน้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหู ...เรียกสีแดงๆบนใบหน้าหวานได้เป็นอย่างดี...
“แค่นอนเท่านั้นนะ”
“อื้อ สาบานด้วยเกียรติ์ลูกผู้ชายเลย”
.
.
.
จะมีสักกี่เหตุผลกันที่ทำให้ประธานบริษัทหนุ่มผู้เป็นศัตรูกับยามเช้าอย่างยามะพี จะลุกขึ้นมากระตือรือร้นตั้งแต่เช้าอย่างวันนี้ หนำซ้ำยังหาญกล้าที่จะโทรเรียกยูยะให้เข้ามาหาแบบเร่งด่วนด้วยเนี่ยสิ
“คริสมาสต์!!!!”ยูยะแทบจะตะโกนวลีสั้นๆคำนี้ให้ลั่นบริษัทนัก
.... คิดได้ยังไง เรียกเค้าบึ่งรถเข้าบริษัทแต่เช้าด้วยเหตุที่ว่า ต้องการคนช่วยวางแผนปาร์ตี้วันคริสต์มาสที่จัดกันแบบส่วนตัวและไม่เป็นทางการแบบที่ทำเป็นประจำทุกๆปีเนี่ยนะ ....
“อื้อ ใช่สิ คริสต์มาสต์อีฟ... เสาร์นี้ก็จะถึงแล้วน้า นายคิดว่าปีนี้เราจะจัดงานกันที่ไหนดีล่ะ ที่บริษัท ที่บ้าน หรือว่าร้านอาหารที่ไหนสักที่ดี”
“ตกลงที่โทรเรียกผมมาแต่เช้าเพราะเรื่องนี้เหรอ” ยูยะหน้าตึงไปในทันที ไม่คิดจะปกปิดอารมณ์ขุ่นมัวใดๆบนใบหน้าต่อหน้าท่านประธานบริษัทอย่างที่ควรจะเป็นทั้งสิ้น
“ใช่จ้ะ” ยิ่งเห็นยามะพีที่มีสีหน้ารื่นเริงแรกแย้มชื่นบานแล้วก็พาลอยากจะตะโกนใส่หน้าให้หายหงุดหงิดสักที..... แต่เขาก็เป็นสุภาพชนพอที่จะไม่ทำอย่างที่ใจคิด
“ผมกลับล่ะ...” ยูยะลุกพรวดจากโซฟาแบบที่ว่า ต่อให้มีแรงช้างแรงม้ามาฉุดก็คงเอาไม่อยู่แล้ว
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งอารมณ์เสียน่า ฉันจะคุยเรื่องคอนเสิร์ตใหญ่ที่จะถึงด้วยต่างหาก” แต่ยามะพีคนดีศรีประธานร้อยเล่ห์กลก็ฉลาดพอที่จะหาเหตุผลสำรองมาทัดทานเอาไว้ได้ชะงัดนัก เพราะยูยะสงบลงและยอมนั่งลงตามเดิมแล้ว
“ว่ายังไงครับ” พอนั่งลงได้ก็ถามหาธุระที่ว่าทันที
“อุวะ...ใจร้อนจริง รีบไปไหนหรือว่าไง”
“ถ้าไม่พูด ผมจะกลับแล้ว”
ไม่รู้ว่าใครเป็นประธานบริษัท และใครเป็นศิลปินในสังกัดแล้วงานนี้ ....ขู่ได้ขู่เอาจริงๆ
แต่หลังจากที่คุยเรื่องงานเรียบร้อย ท่านประธานก็ลากกลับเข้าเรื่องปาร์ตี้วันคริสต์มาสอีกครั้งจนได้
“ฉันว่าคริสต์มาสปีนี้ฉลองที่บ้านพวกนายนั่นล่ะนะ ง่ายดี”
“อืม พีซังว่าไงก็ตามนั้นละกัน ผมกลับแล้วนะ”
คราวนี้ยูยะไม่รอให้ยามะพีพูดอะไรขัดขึ้นมาอีก ร่างสูงลุกพรวดแล้วเผ่นแผล็วออกจากห้องอย่างรวดเร็วราวกับพายุทอร์นาโด ชนเข้ากับชิเงะที่เดินสวนเข้าห้องมาจนชิเงะต้องหมุนรอบตัวเองเข้ามาแทน
“โอ้ว หมุนได้สวยนี่ชิเงะจัง”
“ทาคาคิจะรีบไปไหนของเค้าน่ะ” ชิเงะถึงกับหน้าเหวอ รู้สึกว่าตัวเองกลายสภาพเป็นฝุ่นละอองไปแล้ว หลังจากที่ถูกชนหน้าแทบคว่ำแต่ยูยะกลับทำเหมือนมองไม่เห็นซะได้
“รีบร้อนแบบนี้ คงเพราะเป็นเรื่องหัวใจก็ได้มั้ง”
“หา....กับจิเน็นน่ะหรือครับ ผมไม่เห็นว่าสองคนนี้มีโมเม้นที่เหมือนแฟนกันตรงไหน”
“บางทีอาจจะเป็นคนที่เรานึกไม่ถึงก็ได้”
“แล้วพีซังจะไม่เดือดร้อนหน่อยหรือครับ เดี๋ยวก็ได้มีนักข่าวแห่กันเข้ามาเต็มบริษัทอีก”
“เรื่องยังไม่เกิด อย่าเพิ่งกระโตกกระตากไปดีกว่า... อีกอย่างใกล้จะคริสมาสต์แล้ว ช่วงนี้ฉันโปรดสัตว์น่ะ” ชิเงะได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดแปลกๆของประธาน ...เอาเถอะ ขนาดท่านประธานยังไม่เครียดเลยนี่นะ
.
.
.
“นายเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน”
ยูยะจิกตามองหน้าเคย์ที่เดินกอดหมอนลอยหน้าลอยตาเข้ามาในห้องของเขาในช่วงหัวค่ำของวันนั้นเอง
“ฉันมาหาไดจังต่างหาก” ร่างสูงสอดส่องสายตาไปรอบๆห้อง แต่ก็ไม่พบคนที่คนต้องการ
“เหรอ....แต่เสียใจด้วย ตอนนี้สองพี่น้องนั่นดูดาวกันอยู่ที่ระเบียงนู่น”
“ไม่เป็นไร ฉันรอที่นี่ก็ได้” ร่างโปร่งดูไม่เดือดร้อนเลยสักนิด ผิดกับเจ้าของห้องที่โวยวายเสียงดัง
“แกจะมารอทำไม มีธุระอะไรก็ไปหาซะเซ่!”
“เสียใจ แกไล่ฉันก็ไม่ไปหรอก เพราะคืนนี้ฉันจะนอนที่นี่กับไดจัง คริคริ” แล้วคนพูดมันก็ยิ้มเปรมปรีย์มีความสุขเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง
“อ๋อ งี้นี่เอง ห้องตัวเองกว้างขวางไม่นอน ชอบมาเบียดเบียนชาวบ้าน....แล้วทำไมไม่ให้ไดจังของนายไปนอนที่ห้องซะเลยล่ะ”
“แหม่ะ..รายนั้นยอมซะที่ไหน” ฝ่ายนี้ก็ทำเป็นไม่สนใจแม้ว่าอีกฝ่ายจะว่ากระทบให้เจ็บแสบก็ตาม
“เออๆๆเรื่องของแก เดี๋ยวฉันไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า ไม่อยากเห็นหน้าแกว่ะเคย์” ยูยะค่อนข้างเพลียที่จะต่อปากกับเพื่อนคนนี้จึงเป็นฝ่ายลุกหนีออกมาจากห้องแทน
....ทั้งๆที่ห้องนั่นก็ห้องของเขาแท้ๆ ทำไมมันหาความสงบเอาไม่ได้ซะเลยนะ ....
“ใจร้ายยยยย”
เคย์ลากเสียงยานคางล้อเลียน แต่ร่างสูงหาได้สนใจไม่ ปิดประตูใส่ด้วยความหมั่นไส้เสียด้วยซ้ำ
.
.
ในที่สุดยูยะก็ลากสังขารมาหยุดที่ระเบียงจนได้ แม้จะรู้ว่ามีใครอยู่ก่อนแล้วก็ตาม..... ก็ในเวลาแบบนี้น่ะ การมองท้องฟ้าจากระเบียงนี่มันเป็นอะไรที่เค้าชอบมาตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ใหม่ๆแล้ว
“อ้าว อยู่คนเดียวเหรอ” แต่แปลกใจนิดหน่อยที่เห็นว่ามีไดกินั่งแกว่งขาอยู่คนเดียวแล้วไม่เห็นเงาของเจ้าตัวเล็กจอมวุ่นวายเลยอดไม่ได้ที่จะทักออกไป
“เรียวจังไปเข้าห้องน้ำน่ะ ..นั่งด้วยกันมั้ยครับ” ไดกิหันมามองแล้วก็ยิ้มตอบพร้อมกับเชิญชวนอย่างมีน้ำใจ ซึ่งยูยะก็ไม่รีรอที่จะนั่งตามคำเชิญ.... จริงๆต่อให้ไม่ต้องเชิญเขาก็มีสิทธิในทุกๆที่ในบ้านหลังนี้อยู่แล้ว
.....แต่เอาเถอะ เห็นแก่ข้าวอร่อยๆสามมื้อที่ไดกิทำให้กินทุกวัน รวมถึงการดูแลเล็กๆน้อยๆอย่างพวกของกินจุกจิกซึ่งช่วยเขาได้มาก.... เอ้ะ ยังไม่ได้บอกสินะ ว่าตอนนี้น้ำหนักเขาลดลงไปสองโลแล้วด้วยความพากเพียร -_-“
“เจ้าเคย์มันเข้าไปก่อกวนในห้องน่ะ ฉันเลยหนีออกมา...นายไปจัดการมันทีสิ” จู่ๆก็โพล่งออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย ...ไดกิก็เลยกระอักกระอ่วนที่จะตอบรับจนตอบออกมาแทบไม่เป็นภาษา แก้มขาวๆที่โดนลมหนาวจากอากาศจนมันแดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงเข้าไปกันใหญ่
ยูยะรู้สึกเอ็นดู ไดกิให้ความรู้สึกเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ยิ่งร่างบางห่อตัวอยู่ในผ้าห่มผืนนุ่มยิ่งแล้ว ...ร่างสูงจึงยื่นมือออกไปลูบผมนุ่มนั้นเบาๆ
“ฉันไม่ได้จะว่าอะไรหรอก แค่หมันไส้ไอ้เคย์มันเท่านั้นแหละ”
“...ทาคาคิคุงชอบดูดาวเหมือนกันเหรอครับ” ไดกิพยายามพาร่างสูงออกนอกเรื่องที่มันสามารถพาดพิงถึงเค้าให้ได้อายอีกรอบ
“ก็ไม่เชิง... แต่นายสองพี่น้องนี่เป็นโอตาคุเรื่องดาวเหมือนกันเลยนะ เจ้านั่นก็เคยบอกว่าไปหลงรักดาวดวงนึงเข้า ..แปลกดี”
“เรียวจังบอกเรื่องนั้นกับทาคาคิคุงด้วยเหรอ” จู่ร่างบางก็หันมาทำสีหน้าจริงจังในแบบพี่ชายขึ้นมา
“อืม ทำไมล่ะ หรือมันเป็นความลับ”
“คือว่า จริงๆแล้วดาวที่เรียวจังพูดถึง ผมคิดว่าเค้าหมายถึงคุณน่ะ”
“ห้ะ! ฉันน่ะนะ”
“ดึกแล้วผมไปนอนล่ะ อ้อ ทาคาคิคุง...ตุ๊กตาหมียังไม่แห้งดี..... คืนนี้ก็อย่ากอดน้องผมแรงนักนะครับ”
แล้วพี่ชายที่มีดีดรีความแสบแก่นแก้วไม่แพ้น้องชายก็เผ่นพลิ้วหอบผ้าห่มปลิวเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว
เหลือทิ้งไว้ก็แต่...... ผู้ชายคนนึง ที่ยังนั่งอึ้ง ตะลึงค้าง
และหัวใจไม่รักดีที่อยู่ๆก็เต้นแรงผิดจังหวะ
“เราเนี่ยนะ ดาวเกินเอื้อมที่พูดถึง”
.
.
.
ยูยะกอดอกนั่งนิ่งแผ่รังสีทะมึนอยู่บนเตียง หลังจากที่นั่งทอดอารมณ์ครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่กวนหัวใจอยู่ในระยะนี้ที่ระเบียงมาสักพัก และเขาก็มีความคิดที่อยากจะพิสูจน์ความจริงข้อที่ยังคาใจอยู่
“เรียวสุเกะ!!”
“ฮะ!!” เรียวสุเกะที่เพิ่งเปิดประตูเข้าห้องมาก็มีอันตกใจหน้าตาเหรอหรา
“มานี่ซิ” ร่างสูงสั่งเสียงเรียบๆ ร่างเล็กก็ยอมเดินมาแต่โดยดี แม้จะมีสีหน้าหวาดกลัวอยู่บ้างก็ตาม
“คุซาป๊งของฉัน” ร่างสูงแบมือขอ ถามทั้งๆที่ตัวเองก็รู้คำตอบอยู่ในอก ....ในเมื่อไดกิเพิ่งบอกเขาว่ามันยังไม่แห้ง...
.....ก็แค่อยากแกล้ง อยากรู้ว่าเจ้าตัวเล็กจะแก้ตัวแบบไหนออกมา.....
“คือ...คุซาป๊งยัง....ยัง....ยังอาบน้ำไม่เสร็จเลย แหะๆ” ร่างเล็กหัวเราะแห้งๆ
“แล้วคืนนี้ฉันจะนอนได้ยังไง” ร่างสูงแกล้งกดเสียงต่ำให้เรียวสุเกะใจเสียเล่นๆว่าเขากำลังไม่พอใจ
“งั้น..ผมให้ยืมเจ้านี่ก็ได้” ร่างเล็กถลาไปคว้าเจ้าแพนด้าเนโกะที่อยู่บนหัวเตียงมายื่นถวายให้ พร้อมกับยิ้มใส่เสียจนตาปิด
..... นี่เขาถึงกับลงทุนให้ยืมของสุดรักสุดหวงเลยนะ!.....
“ไม่...เอา” รายนี้ก็เชิดใส่ได้อีก
“ง่ะ..” เรียวสุเกะทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงใกล้ๆกับยูยะ พยายามใช้หัวนึกมุกใหม่ๆมาใช้ขัดดอก เลยไม่ทันสังเกตว่าตัวเองมีเงามืดทาบทับอยู่ด้านหลังจนกระทั่ง ร่างเล็กถูกรวบตัวไปกอดแทนตุ๊กตาเหมือนเมื่อคืนวานเรียบร้อย
“อ้ะ ทาคาคิ..คุง” เรียวสุเกะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“ใช้นายแทนก็ได้ อุ่นๆนิ่มๆดี” จบคำพูดปุ๊ปก็ฝังใบหน้าหล่อคมเข้าคลอเคลียที่ซอกคอหอมทันที .....ไม่เห็นใจกันบ้างเลย ว่าคนที่เป็นตัวแทนตุ๊กตาอย่างเรียวสุเกะน่ะ ทั้งสั่น ทั้งเขิน ....ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายน่ะมันเต้นแรงแค่ไหน
“จะบอกว่าผมอ้วนหรือครับ” ไม่รู้ว่าร่างสูงจะมาไม้ไหนอีก แต่เรียวสุเกะอยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้เสียเหลือเกิน
“เปล่านี่....แบบนี้น่ะดีแล้ว ฉันชอบ” ว่าแล้วก็กระชับกอดร่างเล็กให้แน่นขึ้นประกอบคำพูด จนเรียวสุเกะแทบจะละลายตายคาอกยูยะเสียเดี๋ยวนี้
......เอ่อ ถ้างั้นก็ลาขาดไปเลยนะคุซาป๊ง พรุ่งนี้ฉันจะเอานายไปซ่อน คอยดู >////////<
“ฉันรู้เรื่องดาวที่นายเคยบอกฉันแล้วนะ”
“ดาว!?... เอ้ะ ทาคาคิคุงรู้แล้วเหรอ!!” พอพูดถึงเรื่องนี้ปุ๊บ เรียวสุเกะที่เคลิ้มๆไปเมื่อครู่ก็ดูเหมือนจะมีสติขึ้นมาทันที
“ว่าไง มีอะไรจะสารภาพมั้ยล่ะ”
“ก็ไหนว่ารู้แล้ว”
“รู้มาจากคนอื่นกับฟังจากปาก นายคิดว่าอันไหนมันน่าเชื่อกว่ากันละ”
เรียวสุเกะถูกคนมากเล่ห์ต้อนให้พูดความในใจที่เขาเก็บไว้มาตลอด
“จริงๆแล้วผม...ชอบทาคาคิคุงครับ”
ร่างสูงกำลังแย้มยิ้มเบ่งบานเหมือนดอกทานตะวันที่แข่งกันชูคออาบไล้แสงอาทิตย์
“ให้ผมเป็นแฟนคลับทาคาคิคุงอีกคนนะ รับรองว่าผมจะไม่ก่อเรื่องวุ่นวายเลย”
เสมือนได้ยินเสียงรถเหยียบเบรกดังเอี๊ยด แล้วก็มีอะไรกลิ้งไหลลงมาชนกันดังตุ้บๆๆ .....ทานตะวันเบ่งบานเมื่อกี้คอหักเหมือนจู่ๆท้องฟ้าสว่างไสวก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดครื้มในชั่วพริบตาแล้วพายุฝนเทกระหน่ำลงมา
ยูยะหุบยิ้มฉับเหมือนโดนสับสวิตซ์ ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาน้อยๆแลดูน่าขนลุก ....เรียวสุเกะได้แต่กระพริบตาปริบๆ เกรงว่าจะทำเรื่องให้ร่างสูงไม่พอใจอีกแล้ว
“แฟนคลับสินะ...”
“เอ่อ...ถ้าทาคาคิคุงไม่ชอบ ผม...”
“ได้.... ฉันอนุญาตให้นายเป็นแฟนคลับฉันได้ แต่มีข้อแม้อยู่อย่างนึงที่นายต้องสัญญากับฉันก่อน”
“อะไรครับ” ร่างเล็กในอ้อมกอดอุ่นช้อนตาขึ้นมองตาแป๋ว ปล่อยรังสีโมเอ้แบบไม่รู้ตัวใส่ยูยะจนร่างสูงสะดุดลมหายใจตัวเอง
...... รึไอ้ตัวเล็กจะรู้ด้วยว่าเขาแพ้ดวงตาใสแป๋วๆแบบนี้นะ.......
“นายต้องเป็นแฟนคลับฉันคนเดียว ห้ามเปลี่ยนใจไปหาคนอื่นด้วย”
ข้อแม้แปลกๆที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างแฟนคลับกับนักร้องตามปกติ แต่เรียวสุเกะก็พยักหน้าตกลงโดยไม่ติดใจสงสัยใดๆ ....ใบหน้าหวานลอยเคลิ้มเหมือนต้องมนต์ไปตั้งแต่ถูกรวบตัวเข้ามากอดแนบอกกว้างแล้ว
“แล้วก็ได้สิทธิพิเศษในการเป็นตัวแทนคุซาป๊งของฉันในคืนนี้ด้วย โอเคมั้ย”
“...ฮะ”
เรียวสุเกะหลับตาพริ้มด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขอยู่บนอกของยูยะจนกระทั่งหลับไป
.........................................................
......................................
...................
24 ธันวาคม
ในที่สุดก็ถึงคืนที่ทุกคนต่างรอคอย พีซังที่ตื่นเต้นกว่าใคร โฟนอินมาออกคำสั่งให้เมมเบอร์ช่วยกันตกแต่งต้นคริสต์มาสตามเทศกาล และเตรียมพร้อมสำหรับปาร์ตี้ตั้งแต่ตะวันยังไม่ทันพ้นขอบฟ้าดี
ยูโตะดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับการแต่งต้นสนมากพอที่จะใช้สายรุ้งพันรอบตัวเองเป็นที่สนุกสนานไปอยู่คนเดียว .... ฮิคารุที่รักงานปาร์ตี้อยู่เป็นทุนเดิมก็ลงทุนลงแรงครีเอทกันอย่างสุดตัวทีเดียว
“ฉันอยากได้ไฟประดับแบบที่มันไหลๆเหมือนฝนตกด้วยอ่ะ”
“อืม ก็ดีนะ ...งั้นเดี๋ยวฉันออกไปซื้อให้แล้วกัน จะเอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย” เคโตะถามขึ้นมา
“ไก่งวงๆ”
“พีซังเป็นคนจัดการเรื่องอาหารไม่ใช่หรอ”
“อ่อ ใช่... งั้นซื้อเกมมาด้วย เกมพวกทวิสเตอร์น่ะ จะได้มีอะไรเล่นตอนกลางคืน” ฮิคารุวางแพลนกิจกรรมและพูดคุยกับเคโตะถึงรายการของที่จะให้ซื้อเพิ่มอย่างจริงจัง
....ถ้าจะให้พูดล่ะก็ หากยามะพีเป็นคนที่กระตือรือร้นกับงานปาร์ตี้เป็นเบอร์หนึ่งล่ะก็ ฮิคารุก็เป็นเบอร์สองรองจากพีซังนี่แหละ......
“....ทวิสเตอร์เหรอ”
แต่ขณะเดียวกัน ในความคิดของยูโตะก็กำลังจินตนาการไปถึงตอนที่กำลังเล่นเกมใกล้ชิดแบบถึงเนื้อถึงตัวกับยามะจังจนได้กลิ่นสบู่หอมๆที่ติดตัวร่างเล็กอย่างมีความสุข
“ยูโตะ...เฮ้ย คิดอะไรลามกอยู่เนี่ย เลือดกำเดาไหลแล้ว” ฮิคารุตบไหล่เรียกสติยูโตะที่ยืนแหงนหน้าทำตาลอยเพ้อๆ ยูโตะได้ยินแบบนั้นก็ตกใจรีบใช้หลังมือปาดเลือดกำเดาออกจนแดงไปทั้งจมูก
เคย์เดินยิ้มหน้าบานออกมาจากห้องชั้นบน ตรงเข้ามาบอกกับทุกคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่น ในขณะที่มือขวากุมข้อมือบางของไดกิที่เอาแต่ก้มหน้างุดๆเอาไว้ด้วย
“ฉันจะไปซื้อเค้กให้นะ”
วันนี้เคย์หน้าตามีความสุข ผุดผ่องกว่าทุกที มือที่กอบกุมกันไว้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลบซ่อนจากสายตาพวกช่างล้อช่างแซวแต่อย่างใด
“สองคนนี้นี่อะไรกัน แค่ไปซื้อเค้กแค่นี้มันมีความจำเป็นต้องไปกันสองคนด้วยเหรอ”
“อื้อ ก็ข้างนอกอากาศหนาว ไดจังเค้าป่วยง่าย ฉันก็ต้องไปช่วยให้ความอบอุ่นสิ ...ไปนะ”
พูดจบเคย์ก็ไม่รอให้ใครมีโอกาสล้อเลียนใดๆทั้งสิ้น รีบลากไดกิออกไปทันที โดยที่มีเสียงโห่แซวของยูโตะและฮิคารุไล่หลัง
“ทำเป็นมีข้ออ้าง ที่แท้ก็จะออกไปเดทกันอะเด้~”
“ออกนอกหน้าไปแล้ว หมันไส้โว้ยยยยยย”
ยูโตะมองภาพของเคย์กับไดกิจูงมือกันออกไป แล้วก็หวนย้อนกลับมานึกถึงตัวเอง ... เมื่อไหร่เขาจะมีวันที่สามารถทำแบบนั้นกับยามะจังได้มั่งน้า...... ว่าแต่ยามะจังหายไปไหนเนี่ย
“เรียวสุเกะไปไหน” ประโยคที่มีใจความถามหายามะจังเหมือนกันเด้ะ เพียงแต่มันไม่ได้ออกมาจากปากของยูโตะ แต่มันเป็นเสียงของจอมวางมาดอย่างยูยะ .....ยูโตะหันไปมองหน้ายูยะอย่างสงสัย ...ทำไมต้องเรียกหายามะจังด้วย!
“เหมือนจะอยู่หน้าบ้านน่ะ เออ...แต่เมื่อกี้เคโตะก็ออกไปเหมือนกัน เจ้านั่นจะออกไปซื้อของ อาจจะชวนยามะจังไปด้วยกันแล้วล่ะมั้งป่านนี้ อิอิ” ฮิคารุบอกเล่ากึ่งๆแซวไปตามประสา เพราะในหัวของฮิคารุนั้นฟันธงไปแล้วว่าสองคนนั้นต้องมีความสัมพันธ์ฮั่นอย่างกันแน่นอน
ฝ่ายยูยะได้ยินดังนั้นก็ผลุนผลันวิ่งออกไปที่หน้าประตูแทบจะทันที แต่ก็เขาก็มาช้าเกินไป เพราะสิ่งที่เขาเห็นมีเพียงเสี้ยวหน้าของเรียวสุเกะที่นั่งบนเบาะคู่หน้าบนรถยนต์คันหรูของเคโตะที่เพิ่งจะแล่นออกไปเท่านั้นเอง
...... เขาเพิ่งพูดไปเมื่อวานว่าห้ามเปลี่ยนใจไปหาคนอื่น แต่แค่ข้ามวันก็ไปกับเจ้าเคโตะง่ายๆแบบนี้ คำพูดของเขาจะยังมีความหมายอีกมั้ยนะ ........
“จะฝากซื้ออะไรรึเปล่ายูยะ ฉันก็จะออกไปข้างนอกเหมือนกัน”
เคย์หยุดรถแล้วเปิดกระจกรถถามเพื่อนด้วยความหวังดี.... แต่สิ่งที่ได้เห็นนั้นทำให้เคย์ต้องตาโตด้วยความประหลาดใจหาสุดมิได้ ....ร้อยวันพันปีเค้าไม่เคยเห็นยูยะแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนขนาดนี้เลย
.....สีหน้าเจ็บปวด หงุดหงิด ว้าวุ่นใจ.....
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาอาจจะไม่เข้าใจว่าเพื่อนเขาเป็นอะไร แต่สำหรับตอนนี้ มองดูยูยะแล้วบอกได้คำเดียวว่า......เหมือนคนกำลังประสบปัญหารัก.....
“เราไปกันก่อนเถอะ”
ไดกิที่นั่งข้างๆส่งยิ้มสว่างไสวมาให้พร้อมกับเอื้อมมือมาแตะที่แขนร่างโปร่ง ....
“หรือว่าไดจังรู้มานานแล้ว เรื่องยูยะ” คนฉลาดมากเล่ห์อย่างเคย์ก็พอจะแปลผลจากสีหน้าไดกิออก ว่าเบื้องหลังที่ชักใยคนคู่นั้นคงไม่พ้นฝีมือของกามเทพตัวน้อยที่นั่งข้างๆเขาตอนนี้ซะล่ะมั้ง
“ก็...แค่พอระแคะระคาย” ไดกิอมยิ้มพริ้มพรายขัดกับประโยคที่พูดออกมาลิบลับ ยิ่งทำให้เคย์มั่นใจในความคิดของตัวเองมากขึ้น
“ไม่จริงอ่ะ หน้าแบบนี้ เป็นตัวการเลยน่ะสิ …ร้ายนักนะเรา” เคย์เอื้อมมือไปบีบจมูกแดงๆของไดกิด้วยความหมันเขี้ยว
“โอ้ย ไอ้บ้า....ออกรถได้แล้ว”
..........................
.................
......
“เอ๋ เคโตะคุง....จะไปไหนต่ออีกหรือครับ มันไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่”
เรียวสุเกะท้วงออกมาเมื่อเห็นว่าเคโตะใช้เส้นทางที่เขาไม่คุ้นเคย หลังจากที่ทั้งคู่ได้ไปจับจ่ายซื้อของในลิสต์ที่ฮิคารุสั่งมาในห้างสรรพสินค้าจนเต็มหลังรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว
และถึงแม้ว่าร่างเล็กพยายามจะเก็บอาการอยากกลับบ้านแค่ไหน แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาเคโตะอยู่ดี ร่างหนาจึงตัดสินใจพูดออกมา
“ฉันมีที่นึงที่อยากให้นายไปด้วยกันน่ะ”
เรียวสุเกะมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย อ้อมแอ้มพูดออกมาเสียงเบา
“พวกฮิคารุคุงกำลังรออยู่ไม่ใช่หรือครับ”
“ใช้เวลาไม่นานหรอก..” ใบหน้าหล่อส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ไม่เปลี่ยน แล้วอย่างนี้เรียวสุเกะจะใจร้ายปฏิเสธคำขอของคนที่มีแต่ความหวังดีมาให้เสมอได้อย่างไร
“....หรือนายอยากรีบกลับไปหายูยะล่ะ” ปกติแล้วเคโตะไม่ใช่คนช่างประชดประชันอย่างที่เผลอตัวพูดไปเมื่อครู่.... และเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย หากว่าเรียวสุเกะจะไม่สะดุ้งสุดตัว และแสดงสีหน้าตกใจราวกับถูกล่วงรู้ความคิดแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้
“คือ...” ร่างเล็กอึกอักเหมือนกับกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ... อยากพูดแก้ไขความเข้าใจ แต่ก็พูดไม่ออก หัวสมองเหมือนกับว่าตื้อตันไปกะทันหัน ... เพราะในหัวเขาก็คิดถึงยูยะอยู่จริงๆอย่างที่เคโตะบอกนั่นแหละ แม้จะกำลังคิดว่ากลับไปแล้วเขาจะโดนยูยะอาฆาตพยาบาทอะไรมั้ยนะ ที่เขาออกมากับเคโตะแบบนี้
“จริงๆฉันก็พอจะเดาอนาคตตัวเองได้อยู่แล้วล่ะ ......แต่ฉันก็ไม่อยากยอมแพ้อะไรง่ายๆเหมือนกัน”
พูดจบเคโตะก็จอดรถเข้าข้างทางและกดปุ่มไฟฉุกเฉิน ...โชคดีที่ถนนเส้นที่เขาใช้อยู่มีรถวิ่งอยู่เพียงเบาบางเท่านั้น การหักพวงมาลัยเข้าจอดอย่างกะทันหันจึงไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใครเท่าไหร่นัก .... จะมีก็แต่ผู้โดยสารคนเดียวบนรถอย่างเรียวสุเกะเท่านั้น ที่หน้าเหวอ เบิกตาโตไปแล้วด้วยความตกใจ
“ยามะจัง” ร่างหนาหันมาพูดกับเรียวสุเกะด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันอยากจะบอกนายว่า ...จริงๆแล้วที่ฉันบอกว่ามีคนที่ชอบน่ะ ฉันโกหก”
“เห....” ร่างเล็กยังตกใจจากเรื่องเมื่อกี้ยังไม่ทันหายขวัญหนีดีฝ่อ เรื่องที่ทำให้ตกใจก็ตามมาอีกระลอกในเวลาไม่ถึงห้านาที
“ขอโทษนะที่ต้องพูดโกหกออกไป แต่นายอยากรู้มั้ย ว่าฉันต้องพูดแบบนั้นไปเพราะอะไร”
“...................”
“เพราะว่าฉันชอบนาย ยามะจัง... จำได้มั้ย วันที่ฉันนัดนายไปเจอกับคนที่ชอบนั่นฉันก็ตั้งใจจะบอกรัก.... แต่แล้วนายก็ไม่มา” สีหน้าเจ็บปวดที่ร่างหนาแสดงออกมาทั้งๆที่รอยยิ้มจางๆยังไม่หายไปจากใบหน้านั้นบีบหัวใจให้เรียวสุเกะรู้สึกผิดบาปอย่างร้ายแรงที่ตัวเองทำร้ายจิตใจของคนที่มีแต่ความหวังดีมาให้เสมอ …แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
“....ผมขอโทษ” ร่างเล็กไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้จริงๆ
“ฉันไม่หวังให้นายตอบรับหรอก แต่ถ้านายมีใจให้ฉันบ้าง หรือพร้อมที่จะเปิดใจให้ฉันบ้าง ...คืนนี้ก็ไปที่นี่นะ”
เคโตะยื่นกระดาษแผ่นเล็กที่มีลายมือเขียนภาษาอังกฤษหวัดๆบอกชื่อและสถานที่ของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเรียวสุเกะจำได้ดีว่ามันเป็นชื่อเดียวกับร้านที่เขาชี้เลือกตอนที่เคโตะมาขอคำปรึกษาเรื่องร้านอาหารที่เหมาะสำหรับสารภาพรัก
“นี่มัน...” ร่างเล็กเงยหน้ามองเคโตะอีกครั้ง
“กลับบ้านกันเถอะ” ไร้คำอธิบายใดๆ ร่างหนาพูดเพียงเท่านั้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มใจดีมาให้ ก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับการขับรถอีกครั้ง
....... ก็ได้แต่หวังว่า ทุกๆอย่างที่เขาทำไปตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามันจะซึมลึกลงหัวใจของเรียวสุเกะบ้างก็พอ .........
.....................................
......................
.........
To be con
ห่างหายไปนานเลย ลืมกันรึยังค่ะทุกคน..... มาต่อแล้วน้า ตอนแรกตั้งใจว่าจะลงให้จบเลยแต่ว่าพอเขียนๆไปแล้วมันยาวเกินเลยต้องตัดออกเป็นสองพาร์ท เพราะฉะนั้นตอนหน้าเป็นตอนจบ ปิดโปรเจคอิเคเมน เย้!!!
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามอ่านฟิกค้างปีเรื่องนี้กันนะคะ รักกันจริงนะเนี่ย^^
ความคิดเห็น