ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] Super Senior [Takaki Yuya x Arioka Daiki]

    ลำดับตอนที่ #3 : Part 2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 62
      0
      30 มิ.ย. 57






    02
     

     

    นายทำเองเลยเหรอ ไดกิเดินตามกลิ่นหอมๆเข้ามาในครัว

    อาหารแช่แข็งน่ะ...ฉันแค่เอามาทอดยูยะยกจานของกินที่เตรียมไว้มาวางบนโต๊ะกินข้าว ไดกิมองตามจานเกี๊ยวแล้วลอบกลืนน้ำลาย

    ....อ่า น้ำย่อยเขาทำงานเต็มที่แล้ว!....

     

    ไม่ยักรู้ว่านายทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย

    แต่ก่อนก็ไม่ทำหรอก แต่พอมาอยู่คนเดียวแล้วต้องหัดทำไว้บ้าง

     

    ....แม้หูจะยังฟังยูยะอธิบายอยู่ แต่ปฏิกิริยาของร่างกายที่ซื่อตรงกับหัวใจอย่างเหลือเชื่อทำให้ไดกิคว้าส้อมมาจิ้มเกี๊ยวเข้าปากคำใหญ่อย่างรวดเร็ว.....

     

    เฮ้ย! ร้อนนะ...ดูเหมือนจะเตือนช้าไปเสียแล้วล่ะ....

    อ๊า.... ปากไดกิอ้าค้างมีเกี๊ยวร้อนๆคาอยู่และส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาในสภาพไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่

    รีบคายออกมาก่อน เดี๋ยวลิ้นพองกันพอดี เดือดร้อนยูยะต้องรีบคว้าทิชชู่ส่งให้แบบแตกตื่น

     

    ทำไมไม่บอกก่อนล่ะว่ามันร้อน!” 

    ใครจะคิดว่านายจะตะกละตะกรามกินขนาดนี้ ไหนอ้าปากสิ....ยูยะไม่ได้สั่งแต่ปาก แต่มือใหญ่ๆของมันตามมาจับคางเขาตั้งใจจะง้างปากไดกิแล้วโน้มหน้าเข้ามาช่วยดูแลอย่างเป็นห่วงเต็มที่

    ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่เด็กซะหน่อยไดกิเบือนหน้าหนีแรงมือยูยะเมื่อรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดเกินไปจนใจคอไม่ค่อยดี

    ....ว่าแล้วไดกิก็แถไปโชว์ความเป็นผู้ใหญ่โดยการใช้ส้อมคันเดิมจิ้มเกี๊ยวมาเป่าลมคลายร้อนก่อนส่งเข้าปากคำใหม่ เคี้ยวตุ้ยจนแก้มขาวๆโย้ไปข้าง....

    อื้อ อร่อยพอมีของกินในปากแล้วไดกิก็อารมณ์เบิกบานพอที่จะชมฝีมือพ่อครัวที่อุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำให้เขากินกลางดึกให้เป็นรางวัล

     

    ฝ่ายยูยะเห็นเด็กตาโตแก้มป่องกินอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุขก็อดจะยิ้มเอ็นดูไม่ได้....เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงทำให้รู้สึกว่าอยากจะอ่อนโยน อยากจะปรนนิบัติดูแลให้อีกฝ่ายอยู่ดีกินดี

     ....อยากให้ใบหน้าน่ารักนี้มีแต่รอยยิ้มสดใสได้ทุกวัน

     

    เอานมอุ่นๆไหม? เดี๋ยวอุ่นให้

    นี่ทาคาคิ...คนตัวเล็กพูดขึ้นมาทั้งที่ของกินยังเต็มปาก

     ....เขาเคยโดนใครต่อใครเตือนหลายครั้งแล้วว่าให้เคี้ยวให้หมดก่อนพูด ...แต่ก็นะ มันเหมือนจะเป็นนิสัยไม่ดีติดตัวที่แก้ยังไงก็ไม่หายไปเสียแล้วล่ะ

    หืมยูยะตอบรับมายิ้มๆ นัยน์ตาคมที่จ้องมองมาเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูเป็นล้นพ้น

     

    คิดว่าฉันอายุเท่าไหร่กันฮะ!”

    ก็ตัวเล็กแค่นี้ เห็นแล้วมันอยากบำรุงให้เยอะๆน่ะสิ

    อ๋อ เพราะแบบนี้ใช่มั้ย ฉันอ้วนเพราะนายเลย ทาคาคิ!!!”

                    .....ถึงว่าสิ ไดกิเคยติดใจสงสัยอยู่นานแล้วว่าทำไมทาคาคิถึงได้ชวนเขาไปกินนู่นกินนี่อยู่ตลอด......

     

    ไม่อ้วนซะหน่อย

    อ้วนสิ ฉันอ้วน

    .....ไดกิรู้ตัวเองดีว่าพักนี้เจริญอาหารมากแค่ไหน..... กางเกงที่เคยใส่แล้วหลวม ตอนนี้กลับแน่นพอดี บางตัวที่เคยใส่พอดี ตอนนี้ก็ยัดไม่เข้า

     ....ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยประสบปัญหาแบบนี้เลยนะ!!!

     

    งั้นไม่ต้องกินนี่แล้ว เดี๋ยวอุ่นนมให้กินแล้วไปนอนยูยะลากจานเกี๊ยวแกล้งทำท่าว่าจะเอาไปเก็บ

    ม่ายยยย ฉันจะกิน ไดกิคว้าจานมากอดกับตัวอย่างหวงแหน แถมจิกสายตาใส่ยูยะประมาณว่า ...อย่ามายุ่งกับของของข้าเชียว....

    งั้นก็กินเยอะๆ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแปบนึงยูยะเดินมาขยี้ผมสีอ่อนทรงพุดเดิลของไดกิเบาๆสองสามทีแล้วยิ้มให้บางๆก่อนจะเดินออกจากครัวเข้าห้องนอนไป

     

    .....ทิ้งระเบิดไว้ให้คนบางคนยืนหน้าร้อนเห่อ ใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ หวั่นไหวไปกับสัมผัสเบาๆที่ทำให้ความอุ่นซ่านไหลไปทั่วร่างกาย.....

     

    .....ให้ตาย ....โดนทำเสน่ห์ใส่เสียแล้วสิไดกิ

                   

    .

    .

                   

    พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน อันเป็นกลไกปกติของร่างกายมนุษย์ ....ไดกิจัดการฟาดเกี๊ยวซ่าทั้งจานหมดจนราบคาบไม่ให้เสียน้ำใจคนทำให้แม่แต่น้อยและจัดการล้างจานเก็บให้ด้วยจิตสำนึกที่ดี ก่อนจะมานอนพึ่งพุงอยู่บนโซฟาในโซนรับแขกที่เขาไม่กล้าแตะมันในคราแรก

     ....เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ทำตัวตามสบายไร้กังวลได้ขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งจะมาเป็นครั้งแรกแท้ๆ.....

     

    อาริโอกะคุง...ลุกไปนอนในห้องเถอะ เสียงนุ่มทุ้มที่เรียกอยู่ใกล้ๆหูนั้นทำให้ไดกิสะดุ้งลุกขึ้นมาพรวดพราดจนชนเข้ากับยูยะที่ก้มตัวลงมาพอดี ....เจ็บตัวกันทั้งคู่....

     

    คางแหลมชะมัด ทาคาคิ!”

    ….ไม่ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ขอให้ได้โวยวายไว้ก่อน แม่สอนไว้....

    หัวโนรึเปล่า?” มันไม่พูดเปล่า แต่พิสูจน์หลักฐานด้วยการเปิดผมหน้าไดกิเพื่อหาร่องรอยความบอบช้ำอย่างใกล้ชิดทีเดียว

     

    มีรอยช้ำนิดนึงล่ะ ผิวอาริโอกะคุงบางมากเลยนะ

    ไดกิรู้สึกได้ถึงสัมผัสของปลายนิ้วที่ลูบไปมาอยู่ที่หน้าผากเขา

    ...มันก็เพลินๆดีแหละ ว่าแต่ จะสำรวจใกล้ไปมั้ยนะ?.....

     

    จุ๊บ~

     

    ทายาหน่อยนะ เดี๋ยวก็หาย ยูยะยิ้มบางๆให้แล้วทำท่าจะผละออกไปอีกครั้ง

    เมื่อกี้ทำอะไร?” ไดกิคว้าเอาท่อนแขนของยูยะไว้ได้ ....ถามทันที

     

    ......สัมผัสเมื่อกี้ไม่ใช่นิ้วแน่ๆ........

     

    อยากรู้เหรอ?”

    อยากสิ....ไม่งั้นจะถามเหรอ?”

     

    คราวนี้ยูยะยิ้ม รวบผมหน้าไดกิมัดขึ้นเป็นจุกน้ำพุแล้วโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากเขาเต็มๆเน้นๆ ...มันชัดเจนซะจนไดกิถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่นั่งหน้าร้อนฉ่าแก้มแดงเหมือนมีใครเอาของร้อนมาแนบหน้า

     

    อยู่นิ่งๆล่ะ จะหายามาทาให้

     

    ....ไดกิก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยอมนั่งนิ่งๆตามที่มันสั่งด้วย แต่เขาก็ทำไปแล้ว....

    .....จนกระทั่งยูยะกลับมาเปิดหลอดยาเนื้อเย็นคลึงที่รอยช้ำนั่นแหละ....

     

    ทีนี้ก็ไปนอนในห้องได้แล้ว

    นอนด้วยกันเหรอ?”

    …..นี่เป็นเรื่องที่ไดกิเพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้เมื่อกี้นี้เอง ว่าคอนโดนี้เขาเห็นว่ามีห้องนอนอยู่ห้องเดียว.....

     

    แล้วนายคิดว่าฉันจะนอนที่ไหนเสียงทุ้มถามอย่างใจเย็น

    ก็โซฟา.... เยอะแยะ

     

    พูดไปก็ละลายใจแก่ตัวเอง เพราะว่ากันตามจริงแล้วเขาก็คือคนอาศัยดีๆนั่นแหละ ....ตอนแรกไดกิก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่หรอก เขานอนที่ไหนก็ได้เพราะยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน

     

    .....จนเมื่อถูกมันทำอะไรแปลกๆใส่เมื้อกี้นี่ล่ะเลยทำให้เริ่มระแวง.....

     

    โทษที นี่ห้องฉัน ทำไมฉันจะต้องไปลำบากแบบนั้นด้วย และนาย...ก็ไม่ใช่ผู้หญิง...ถูกมั้ย?” เสียงทุ้มตอบมาอย่างนิ่มนวลแต่หน้าตายียวนกวนประสาทเป็นที่สุด โดยเฉพาะไอ้ยิ้มร้ายๆมุมปากนั่นล่ะตัวดี! หมันไส้นัก

    สุดท้ายไดกิก็ยอมจำนนด้วยเหตุผลทุกประการ เลยต้องเดินตามมันเข้าห้องนอนไปแบบเงียบๆ

     

     

    ไดกิยังใจเต้นกับเรื่องเมื่อครู่ไม่หาย ตากลมจ้องทุกอิริยาบถของยูยะที่นั่งบนเตียงหลังเดียวกัน กระทั่งทิ้งตัวลงนอนห่มผ้า และยังมีแก่ใจยื่นมามือช่วยเขาห่มผ้าให้จนถึงคอ

    “หลับฝันดีนะ” กล่าวอวยพรพร้อมกับลูบหัวกลมๆของไดกิ เหมือนส่งเด็กน้อยเข้านอนยังไงอย่างนั้น

     

    …….จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกันมา ยูยะก็เป็นสุภาพบุรุษแสนดี ตามใจเขาแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ไม่เคยปริปากบ่น ยูยะยิ้ม บ้างก็หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะทำตามบัญชาของเขาทุกอย่าง ไม่มีสักครั้งที่ยูยะจะมีท่าทีคุกคามหรือลวนลามเขาเลยทั้งที่อยู่กันแค่สองคนในห้องหับมิดชิด……..

     

    …….แต่กับจูบนั้นหมายความว่ายังไงกัน ไม่เห็นเข้าใจเลย……..

     

    .....................................

    ...........................

    ...............

                   

                    …..อาริโอกะ ไดกิของทุกคนยังอยู่รอดปลอดภัยมาได้ถึงยามเช้าของวันรุ่งขึ้นครับ…..

    ไม่มีเหตุการณ์น่ากลัวประเภท ผีผ้าห่ม เกิดขึ้นอย่างที่นึกระแวง ….เมื่อคืนหลังจากยูยะจับเขานอนห่มผ้าให้ถึงคอแล้วก็ลูบหัวเขาเหมือนเวลากล่อมเด็กเข้านอน อ่า…. จะมีที่ทำให้รู้สึกวูบวาบหน่อยก็ตรงที่มันจูบหน้าผากแล้วบอกราตรีสวัสดิ์นี่แหละ ….จากนั้นต่างคนต่างหลับไปจนถึงเช้า 

     

    ยูยะขับรถไปส่งไดกิที่บ้านในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อแวะเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า เพราะตอนที่ติวอยู่เมื่อวานได้ตกลงปลงใจกันแล้วว่าไดกิจะไปค้างที่ห้องยูยะหนึ่งอาทิตย์เพื่อติวสอบ แล้วก็จะได้ทำรายงานต่อด้วย

                    นางอาริโอกะประหลาดใจในทีแรกที่เห็นลูกชายตัวเองแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงมาจากชั้นสอง พร้อมกับบอกกล่าวห้วนๆว่า จะไปค้างบ้านเพื่อนสักอาทิตย์หนึ่ง ...ซึ่งไม่ได้สร้างความเข้าใจให้ผู้เป็นมารดาแม้แต่น้อย... ร่างใหญ่ของยูยะที่ยืนรอรับอยู่จึงรีบปราดมาอธิบายเหตุผลให้คุณแม่ทราบอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจนคุณแม่ถึงกับออกปากว่าให้ช่วยดูแลลูกชายนางแทนด้วย

     

    ยูยะให้เหตุผลว่า ไหนๆก็ต้องทำงานด้วยกัน ติวด้วยกันแล้ว ห้องยูยะเองก็สะดวกสบายครบครัน แถมยังใกล้มหาลัย เดินทางได้สะดวกกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปๆมาๆ

     

    เช้าๆก็มีสารถีรูปหล่อขับรถมาส่งไปเรียนถึงหน้าคณะ…..

    กลางวันมารับไปกินข้าวเที่ยงตามร้านอาหารอร่อยๆรอบมหาลัย…..           

    เย็นๆก็ยังมารับกลับบ้าน ทำอาหารให้กิน ติวหนังสือ หาของว่างให้กิน แล้วก็ส่งเขาเข้านอน

     

    จะบอกว่าทาคาคิ ยูยะเป็นคนที่มีเวลาว่างเหลือเฟือมากก็ว่าได้ล่ะมั้ง

     

    ตลอดอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกันในห้อง ไดกิรู้สึกสะดวกสบายเสียยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาว ทั้งของกินของใช้จัดมาให้ไม่ได้ขาด (กรณีนี้เน้นที่ของกิน) ยูยะเติมเต็มกระเพาะน้อยๆของเขาอย่างอิ่มหนำทั้งเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ได้อย่างเลิศเลอเพอร์เฟคจนไดกิชักเคยตัวและติดเป็นนิสัยรักสบาย เพราะมีคนมาประเคนความสะดวกสบายให้ทุกอย่าง อย่างกับเป็นราชาเลยล่ะ!

     

     

    ไดจังกับรุ่นพี่เป็นแฟนกันแล้วเหรอ?”

    เรียวสุเกะตัดสินใจถามขึ้นมาในวันหนึ่ง หลังจากที่ช่วงนี้เขาเห็นไดกิเดินลงมาจากรถคันเดิมที่เทียวรับเทียวส่งเช้าเย็นไม่ได้ขาด

    เฮ้ย ใครว่าแบบนั้น ไม่ได้เป็นเว่ย!!!” ไดกิก็ตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำแบบไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลยว่า ....เขากับยูยะไม่ได้เป็นแฟนกัน....

     

    แต่นายก็หอบข้าวหอบของไปอยู่กินกับเขาเป็นอาทิตย์อะนะ

    ก็แค่ช่วยติวหนังสือให้ อ้ะ! แล้วก็ทำรายงานด้วยกันไง

    แต่มันก็น่าสงสัยอยู่ดี ..รุ่นพี่ปล่อยให้ไดจังอยู่รอดปลอดภัยดีมาได้ยังไงน่ะเรียวสุเกะท้าวคางทำหน้าครุ่นคิด …..ไดจังก็ออกจะหน้าตาน่ารัก ตาโต แก้มป่อง ตัวเล็กๆขาวๆท่าทางนุ่มนิ่มไปทั้งตัวแบบนี้ ออกจะเป็นที่หมายปองของใครต่อใครเยอะแยะ แม้แต่เขาเองที่เป็นเพื่อนสนิทก็ยังมีความคิดที่อยากจะจับไดกิมาฟัดสักทีเวลาหมันเขี้ยวมากๆ

    …..แล้วกับรุ่นพี่ที่คลุกคลีอยู่ด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกันทุกวัน จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเชียวหรือ?

     

    บ้า!! พูดไปเรื่อย เราคบกันเป็นเพื่อนไงล่ะ

    ถามจริงเหอะ ไดจังโดนแอบทำอะไรแปลกๆบ้างรึเปล่าเรียวสุเกะจ้องไปในดวงตากลมโตของไดกิพยายามเค้นความจริงอย่างไม่ย่อท้อ จนมีจังหวะหนึ่งที่ไดกิเหมือนฉุกคิดขึ้นมาได้

    ….จะว่าไปก็มีถูกจูบที่หน้าผากโดยที่เขาไม่รู้ความหมายมัน แล้วไดกิก็ไม่กล้าพอที่จะถามตรงๆด้วย ….. มันอาจไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้งหรอกมั้ง?

    ไม่มีซักหน่อย!!” สุดท้ายก็ปฏิเสธหัวใจตัวเองว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    หยุดคิดนานแบบนี้มีแหงๆ บอกมานะ ไดจัง!!”

     

    .

    .

     

    นี่...ทาคาคิมีแฟนหรือยังน่ะ?”

     

    เพราะเรียวสุเกะมาถามอะไรแปลกๆนั่นแหละ ไดกิถึงได้อยากรู้ขึ้นมา…..หลังจากที่หลุดพิรุธออกไปนิดเดียวเท่านั้นก็โดนเพื่อนเป่าหูทั้งวันว่าให้มาถามให้ชัดเจน จะได้ไม่ค้างคาใจ

    โอเค ไดกิอาจจะผิดเองที่จู่ๆก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาตอนที่พักกินของว่างระหว่างที่ติวหนังสืออยู่ตรงโต๊ะเตี้ยๆหน้าโซฟา ….ยูยะถึงได้สำลักน้ำชาที่กำลังกินอยู่จนไอค่อกแค่กๆแบบนั้น

     

    อยู่ๆทำไมถึงถามล่ะ ยูยะเบี่ยงตัวหันข้างมาหาไดกิอย่างสงสัยเต็มที่ ….ปกติก็ไม่เห็นจะเคยสนใจชีวิตส่วนตัวเขา ทำไมวันนี้มาแปลก…..

    ก็สงสัยนี่..ถ้ามันลำบากใจนักก็ไม่ต้องตอบก็ได้ แต่ทำหน้างอนไปเรียบร้อย แถมยังคว้าคุกกี้ในจานมาเคี้ยวกร้วมๆอย่างดุเดือด

    ….. อันนี้คือไม่ได้ตั้งใจจะข่มขู่กันเลยจริงจริ๊งงงง

     

    งั้นบอกของนายมาก่อนยูยะยื่นข้อเสนอ

    อ้าว เห่ย ทำไมล่ะไหงคำถามนี้มันย้อนกลับเข้าหาตัวเองได้ล่ะ

    ก็อยากรู้ ไดกิรู้สึกมุกคุ้นๆชอบกล แต่ก็ทำลืมๆมันไปเพราะความอยากรู้ที่มีมากกว่า

    ก็ได้ๆ ฉันโสด ฉันซิง ฉันไม่เคยมีแฟนมาก่อนในชีวิตโอเคนะไม่ต้องเซ้าซี้ ..ตอบของนายมาทาคาคิ!”

    นายซิงอยู่เหรอเนี่ย อุ้บ!” ยูยะปิดปากขำอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งเป็นการกระทำที่เหยียดหยามกันอย่างน่าเกลียดใช้ได้ทีเดียวในสายตาไดกิ ….

     

    ไอ้คนทุเรศ อย่ามาขำคนอื่นแบบนี้นะคนตัวเล็กถึงได้แก้มพองขึ้นมาอย่างอารมณ์เสียสุดๆ

    โอเคๆ ฉันก็ยังไม่มีแฟน...หมายถึงตอนนี้น่ะนะในที่สุดยูยะก็ยอมคายออกมาสักที ไม่รู้ว่าจะหวงคำตอบไปทำไมนักหนา

    งั้นนายก็เคยมีงั้นสิ!” ไดกิทำหน้าตื่นเต้น ยื่นหน้าทำตาเป็นประกายเข้าไปเค้นคอใกล้ๆยูยะ

     

    อืม เคยมี แล้วฉันก็ถูกทิ้งน่ะ

     

    ….คนพูดน่ะพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่คนถามน่ะ รู้สึกผิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไดกิหน้าจ๋อยไปในบัดดล เพิ่งรู้สึกตัวว่าได้ถามคำถามที่ไม่ควรถามไปซะแล้วสิ…..

     

    ขอโทษ...ไดกิอุบอิบขอโทษออกมาเสียงอ่อยๆ

    ขอโทษทำไม เรื่องมันนานแล้วน่า ฉันไม่เป็นไรหรอกยูยะโบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องไปใส่ใจ เขาไม่ได้เสียใจเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว

     

    ว่าแต่ทำไมแฟนทาคาคิถึงทิ้งนายได้ลงคอนะ นายออกจะเป็นคนดี ….ใจดีมากด้วย

    ไดกิพึมพำพูดไปตามที่ตัวเองคิด ….โดยส่วนตัวแล้วเขาก็เห็นว่ายูยะน่าจะเป็นแฟนที่ดีมากคนหนึ่ง ทั้งนิสัยที่ชอบดูแลเอาใจใส่ในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ ….เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าทำไมคนอย่างยูยะถึงถูกทิ้ง

     

    ฉันเป็นอย่างนั้นเหรอ?”

    ก็ขนาดฉัน นายยังใจดีด้วยตั้งเยอะตั้งแยะไดกิก็ขี้เกียจจะนับว่าตั้งแต่ที่รู้จักกันน่ะยูยะทำอะไรให้เขาบ้าง เพราะมันเยอะมากซะจนเขายังคิดว่าตัวเองเป็นราชาอยู่บ่อยๆ

     

    แล้วไม่คิดมั่งเหรอ? ว่าฉันอาจจะทำด้วยเหตุผลอื่น ตาคมจ้องนิ่งเข้าไปในดวงตากลมโตของไดกิที่เริ่มสั่นไหวเพราะคำพูดแปลกๆของยูยะ

    มะ..ไม่คิดไดกิรีบหลุบตาลงต่ำเพราะรู้สึกกลัวอะไรบางอย่างจากสายตายูยะอย่างบอกไม่ถูก

    คิดซะสิ คิดให้เยอะๆเลย ยูยะโน้มตัวมาพูดใกล้หูไดกิ แล้วก็ส่งยิ้มบางๆให้

     

    นายหมายความว่ายังไง...ชอบฉันเหรอ?

     

    นั่นก็เป็นความคิดที่ดีนะ...แต่ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลานอนแล้ว ไปเตรียมตัวอาบน้ำนอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ

     

     

    …..ทำไม? ทาคาคิ นายอยากจะพูดอะไรกันแน่ ฉันไม่เข้าใจเลย……

    ......ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า ไม่รู้จักผู้ชายตรงหน้าเลย......

     

     

    To be con


    I-PrA Talk: มาต่อเร็วผิดปกติวิสัยจังเลยเนอะ ...แต่ก็ดีใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆๆ

    ละก็...แอบมีคนจำได้ด้วย ว่าเหมือนชีวิตจริง เพราะว่าฟิกเรื่องนี้มีความตั้งใจที่จะดึงเอานิสัยจริงๆ แล้วก็โมเม้นจริงๆของทาคาไดที่ไดจังเคยเล่าออกสื่อมายำอยู่ในเรื่องเต็มไปหมดเลยล่ะ 555+ 

    อย่างการเรียกชื่อ อาริโอกะคุง~(ด้วยเสียงนุ่มนวล) กับทาคาคิ!(ด้วยเสียงโคตรห้วน) นี่ก็ยังได้ยินมาจนถึงทุกวันนี้ และไม่รู้ว่าชาตินี้สองคนนี้จะเปลี่ยนวิธีการเรียกชื่อกันได้มั้ย 555+

    เอาเถอะ มันอาจจะเป็นการแสดงความรักในรูปแบบของทาคาไดก็ได้ล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ #มโนคือชีวิต

    ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×