ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ].... You are beautiful ....[Hey!Say!JUMP version]

    ลำดับตอนที่ #9 : ความลับ

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 54


                                                                                                 
     

    09

     

     

    ยูริกำลังรอช่างทำผมเซทผมให้อยู่ในห้องแต่งตัว บนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์ของวันนี้เตรียมไว้สำหรับอ่านแก้เบื่อระหว่างรอ .....ข่าวบันเทิงกรอบใหญ่ของวันนี้ก็ไม่พ้นการเปิดตัวสมาชิกใหม่ของ A.N.JUMP นั่นเอง

                    A.N.JUMP นี่เขาเจ๋งกันจริงๆนะครับเนี่ย... เมื่อวานน้องผมไปหาหมอที่โรงพยาบาล บอกว่าเจอเมมเบอร์ใหม่ที่เพิ่งเข้าวงไม่นานนี้ที่โรงพยาบาลด้วยล่ะ ชื่อ..เอ ชื่ออะไรน้า”

                    “ยามาดะ เรียวสุเกะ”

    “อ้า..ใช่ๆ ยามาดะคุงนี่แหละ บอกว่ามองยังไงก็ใช่.... แต่จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อ A.N.JUMP มีไลฟ์เปิดตัววันนั้นนี่นา ผมว่าน้องผมต้องโม้แน่ๆเลย จิเน็นซังว่ามั้ยครับ”

     

                    “กุนตะ..น้องนายเจอนายนั่นกี่โมง”

                    “เอ...ราวๆ 3 ทุ่มได้มั้งครับ” ยูริครุ่นคิด... เวลานั้นเป็นตอนที่เขากลับมาที่ห้องพัก แล้ว A.N.JUMP มีสัมภาษณ์.....ยูริพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ที่วางบนโต๊ะมาดู สมาชิกคนเดียวที่ไม่อยู่ตอนสัมภาษณ์คือ ยามาดะ เรียวสุเกะ .....ทั้งๆที่ควรจะเป็นคนที่อยู่ให้สัมภาษณ์มากที่สุดแท้ๆ

     

    ...ยูริยิ้มหวานออกมาอย่างสมใจเมื่อไขข้อสงสัยได้ลุล่วง

     

                    “นายเองสินะ ....ยามาดะ เรียวสุเกะ” ยูริยิ้มเมื่อคิดอะไรดีๆออก

     

    …………………

    ……………

    ……….

     

     

                    “พี่ชายนายอยู่ที่ไหนแล้วเนี่ย สายป่านนี้แล้ว”  ยูยะบ่นกระปอดกระแปดออกมาเมื่อเขาจับผลัดจับผลูมานั่งรอพี่ชายกับเรียวสุเกะ ....จริงๆก็ตั้งใจแค่มาส่งที่สถานีให้เสร็จๆไป แต่สถานีที่ว่านั่นดันอยู่กลางใจเมืองที่คนเดินกันพลุกพล่าน ไหนจะเจ้าตัวยุ่งที่หาได้สำเหนียกถึงชื่อเสียงตัวเองที่มีมากกว่าแต่ก่อน จึงไม่คิดจะใส่อะไรอำพรางตัวเองบ้างเลย.... เขาทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้ร่างเล็กลงไปรอพี่ชายคนเดียวทั้งอย่างนั้นก็เลยให้นั่งรออยู่ในรถเขานี่แหละ

                    “ไดจังไม่รับโทรศัพท์” เรียวสุเกะบู้ปาก พยายามกดโทรศัพท์โทรหาพี่ชายรอบที่ล้านแปด

                    “แล้วนายจะทำยังไงต่อ” น้ำเสียงของยูยะดูง่วงเหงาหาวนอน และคาดว่าเขาอาจจะเผลอหลับได้ หากยังต้องรออยู่เฉยๆแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

                    “ผม.....จะรอไดจังที่นี่”  แต่ร่างเล็กก็ตอบกลับมาด้วยแววตาที่เด็ดเดี่ยวเหมือนกัน

                   

    Tulululu……Tulululu……

    ตอนนั้นเอง มีโทรศัพท์เบอร์แปลกๆโทรเข้ามาที่เครื่องยูยะพอดี....
    ร่างสูงกดรับสาย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ทำให้ยูยะหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว

    “ฉันมีธุระ เดี๋ยวฉันกลับมา... ถ้านายเจอพี่ชายแล้วโทรหาฉันด้วย” ร่างสูงพูดเสียงเครียด ...เรียวสุเกะจึงแค่พยักหน้ารับ และทำท่าจะเปิดประตูรถลงไป

    “เดี๋ยว!... ใส่นี่ไปด้วย” ร่างสูงตัดสินใจยื่นหมวกสุดรักกับแว่นตาดำสุดหวงให้อย่างจำใจ เรียวสุเกะรับไปอย่างงงๆ

    .

    .

    .

                    ยูยะเดินเข้ามาในสวนสาธารณะตามคำขู่ของจิเน็น ยูริ ... คนที่โทรมาหาเขาเมื่อครู่ แล้วบอกว่าตนมีรูปที่นักข่าวถ่ายได้ในวันนั้นอยู่ในมือ

                    “ฉันรู้ความจริงเรื่องคนที่หนีไปกับนายวันนั้นแล้ว” ยูรินั่งไขว่ห้างเชิดคออยู่บนม้านั่งด้วยความรู้สึกที่เป็นต่อ ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเป็นเชิงเย้ยหยัน

                    “ไหนล่ะรูป”

                    “ใครกันน้า หน้าตาดูคุ้นๆเหมือนว่าเคยเจอกันมาก่อน”

                    “ไม่ต้องพล่ามมาก รูปน่ะ มีก็เอามา” ยูยะไม่มีอารมณ์จะมาต่อปากต่อคำด้วย ร่างสูงหน้าบูดสนิทแบมือไปทางยูริเป็นเชิงว่า ให้เอารูปมาให้เขา

                    “ฉันไม่มีหรอก” ยูยะสะบัดหน้ามองร่างบางอย่างฉุนเฉียวทันที “แต่คนที่มีรูปน่ะคือพวกนักข่าวต่างหาก”

                    ยูริเหยียดยิ้มอีกครั้ง ใบหน้าหวานใสน่ารักเหมือนตุ๊กตาเงยเริ่ดขึ้นจ้องตาคมดุของร่างสูงอย่างไม่เกรงกลัวแล้วพูดว่า “นายนี่หลอกง่ายกว่าที่คิดนะ”

                    ยูยะหลับตาลงอย่างช้าๆเพื่อสกัดกลั้นอารมณ์ไม่ให้เผลอทำร้ายร่างกายผู้ชายตัวเล็กบอบบางตรงหน้า

    ..... จะได้ใจเกินไปแล้ว จิเน็น ยูริ !……

    ยูยะเหลือบตามองเท้าเล็กที่กำลังกระดิกดิ๊กๆยั่วโมโหตนอยู่ .... ร่างสูงยิ้มร้าย คว้ารองเท้าไนกี้แอร์ฟอร์ทข้างหนึ่งของยูริยัดลงถังขยะใกล้ๆ.... เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคนอย่างจิเน็น ยูริไม่มีทางเก็บรองเท้าในถังขยะนั่นมาใส่เป็นครั้งที่สองอีกแน่นอน

                    “ทำอะไรของนายน่ะ!!” ยูริหวีดเสียงลั่น

                    “.........” ร่างสูงยิ้มมุมปากเป็นคำตอบแล้วหันหลังเดินจากไปอย่างไม่แยแส

     

                    “อย่าเพิ่งไปสิ” ยูริลุกขึ้นมากระเผลกตามไปได้นิดหนึ่ง ....เห็นว่าร่างสูงไม่คิดใยดี ก็เลยตัดสินใจถอดข้างที่เหลือออกแล้วเดินเท้าเปล่า ตั้งใจจะไปเรียกแท็กซี่กลับบ้านด้วยความโมโห หงุดหงิด ขัดใจ!

    แต่ระหว่างที่เดินกระฟัดกระเฟียดไปที่ถนนนั้นเอง บังเอิญมีคนตะโกนขึ้นมาว่า “ชี่จังนี่นา”

    จากนั้นก็โดนรุมเข้ามาขอถ่ายรูปโดยที่ยูริไม่พร้อม เขาไม่มีอารมณ์จะมาปั้นหน้ายิ้มหวานเป็นนางฟ้า นางสวรรค์อะไรทั้งนั้นแหละยามนี้  ไหนจะมือไม้ยุบยับที่เข้ามาสัมผัสแตะนั่นแตะนี่ ลวนลามโจ่งแจ้งกันกลางวันแสกๆอีกละ

                    “อย่านะ หยุดเถอะฮะ..” ยูริทำหน้าอยากจะร้องไห้ รึไม่ก็วีนแตกให้รู้แล้วรู้รอดไปกับสถานการณ์ในตอนนี้

    ทว่า....

     

                    พรึ่บ

                    เสื้อโค๊ทของใครสักคนถูกเอามาใช้คลุมหัวยูริเพื่อปิดบังหน้าตา มือใหญ่แข็งแรงที่โอบไปที่ไหล่เล็กแล้วพาเดินหลบออกมาจากการโดนรุม ยูริชะงักแล้วเงยหน้ามองเจ้าของโค๊ทด้วยความอึ้งและคาดไม่ถึง ....ใบหน้าเคร่งขรึมติดจะเรียบเฉยภายใต้แว่นกันแดดสีชายี่ห้อดัง เสียงทุ้มที่เอ่ยร้องห้ามไม่ให้ถ่ายรูป ดุดันทว่าแฝงความอ่อนโยนไว้ข้างใน

    ....... อยู่ดีๆก็มองว่าเท่ห์จนหัวใจแทบจะระเบิด รู้สึกเหมือนตกหลุมรักร่างสูงไปแล้ว..........

    .

    .

                    ยูยะจำใจต้องพายูริมานั่งรอที่รถของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ....สภาพร่างบางที่เสื้อผ้ายับเยินจากแรงดึงแรงทึ้งของผู้ชายตัวโตๆหลายคน  แขนขาวเนียนก็มีทั้งรอยช้ำ รอยข่วนเต็มไปหมด ด้วยเพราะความอ่อนบางของผิวยูริ ที่จับนิดต้องหน่อยก็เกิดรอยแดงขึ้นได้ง่ายๆ .... ไหนจะเท้าเปล่าเปลือยเพราะโดนเขาแกล้งโยนรองเท้ายูริทิ้งไปแล้วอีก .... ร่างสูงก็ไม่ใจร้ายพอที่จะทิ้งคนตัวเล็กๆให้อยู่ในสภาพแบบนั้นคนเดียวเสียด้วย

                    “รีบโทรเรียกผู้จัดการของนายมารับซะ” ร่างสูงสั่งเสียงเฉียบ

                    “รู้แล้วน่า..ใครล่ะที่ทำให้ให้ฉันเป็นแบบนี้” ยูริบ่นกระปอดกระแปด พลางหยิบมือถือของตนขึ้นมา แล้วก็พบว่าหน้าจอกำลังกระพริบเตือนแบตเตอรี่ต่ำ จากนั้นไม่ถึงครึ่งนาทีโทรศัพท์เครื่องนั้นก็ปิดตัวเองไปเรียบร้อย

                    นาย.... โทรศัพท์ฉันแบตหมด ขอยืมหน่อย แม้จะเป็นการขอความช่วยเหลือ แต่ร่างบางก็ยังเชิดคอพูดอย่างถือตัวไม่เปลี่ยนแปลง

                    ยูยะทำหน้าไม่พอใจอย่างโจ่งแจ้ง ทำท่าคิดหนักแต่สุดท้ายก็ยอมยื่นสมาร์ทโฟนคู่ใจให้อย่างเสียมิได้  ยูริรับมาแล้วก็กดเบอร์หาผู้จัดการส่วนตัวให้มารับ

    รถนายมีน้ำมั้ย ฉันเจ็บคอ

    เรื่องเยอะอะไรจะขนาดนี้เนี่ย ยูยะแสดงออกทางหน้าตาอย่างไม่ปิดบังเลยว่าไม่ปลื้มอย่างที่สุด แล้วเปิดประตูลงจากรถไปเปิดท้ายรถ

     

    Tulululu Tulululu

    โทรศัพท์ของยูยะส่งเสียงขึ้นมาขณะยังอยู่ในมือยูริ ร่างบางก้มมองชื่อคนโทรเข้า เห็นว่าเป็นชื่อของ ยามาดะ เรียวสุเกะ ก็เกิดหงุดหงิดขัดใจขึ้นมา .....ยูริเหลือบมองร่างสูงที่กำลังก้มหาของอยู่หลังรถ ใบหน้าน่ารักวาดยิ้มร้ายแล้วใช้นิ้วเรียวงามจิ้มกดรับสายขึ้นมาโดยพลการ

    ทาคาคิคุง ช่วยพาผมไปหาไดจังหน่อยได้ไหม ไม่ทันที่จะได้พูดทักทาย ปลายสายก็โพล่งธุระขึ้นมาไม่รอช้า

    ฉันไม่ใช่ทาคาคิ ยูริเหยียดยิ้ม

    อ้ะ ผมคงโทรผิด ขอโทษนะครับ

    นายโทรไม่ผิดหรอก ฉันจิเน็น ยูริ...จะบอกนายให้รู้ไว้นะว่า ยูยะอยู่กับฉัน แล้วคงไม่ว่างรับนายไปไหนทั้งนั้นตอนนี้ ไม่ต้องโทรมากวนพวกฉันอีกแล้วนะ หวังว่าคงเข้าใจยูริกดตัดสายไปโดยไม่รอฟังคำตอบรับจากเรียวสุเกะแม้แต่น้อย

     

    เอ้า....แล้วก็หุบปากเงียบไปซะ ไม่ต้องเรียกร้องอะไรอีก ยูยะกลับเข้ามาในรถอีกครั้งพร้อมกับโยนขวดน้ำใส่ยูริแบบส่งๆหวิดจะโดนหน้าร่างบางอยู่รอมร่อ

    โอ้ย! ส่งให้มันดีๆหน่อยได้มั้ย ถ้ามันโดนหน้าฉันขึ้นมาจะทำยังไง ยูยะยักไหล่ไม่สนใจ เอ่ยปากทวงของในมือยูริคืน

    แล้วนั่นใช้เสร็จแล้วก็คืนมา ฉันมีธุระ ร่างสูงแบมือไปตรงหน้ายูริ แต่ยูริทำเมินและยังไม่ยอมคืนให้ง่ายๆ

    ฉันจะเช็คอะไรนิดหน่อย

    ไม่มีใครเคยสอนมารยาทให้นายหรือไงหา!!” ร่างสูงพูดแบบไม่ไว้หน้า แต่ยูริก็ทำเป็นเฉย เปิดเช็คอินเตอร์เน็ตจากมือถือของยูยะ แล้วก็เห็นว่ารูปที่ถูกถ่ายตอนที่ยูยะเข้ามาช่วยเขาไว้ถูกเอาลงนำลงเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตเต็มไปหมดแล้ว รวมทั้งเกิดความโกลาหลขึ้นในเว็บบอร์ดกลุ่มแฟนคลับด้วยข่าวลือที่ว่ายูยะกำลังคบหาดูใจอยู่กับเขา

                    “ข่าวลือเรื่องเราแพร่ไปทั่วแล้ว”

                    “แล้วไง... ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องจริง” ยูยะเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างปลงตก.... วันนี้มันวันอะไรของเขานะ ถึงต้องมาติดแหงกอยู่ในรถแบบไม่ได้ตั้งใจทั้งวี่ทั้งวัน

                    “แต่แบบนี้ฉันเสียหายนี่นา ไม่แฟร์เลย แฟนคลับนายตั้งเท่าไหร่ ป่านนี้แช่งชักหักกระดูกฉันไม่เหลือชิ้นดีแล้วมั้ง”

                    “แล้วคิดว่าฉันจะไม่โดนหรือไง แม่แฟร์รี่น้อยของประชาชน!

    ยูริเงียบไปอึดใจ ก่อนจะหันมายื่นข้อเสนอให้ร่างสูงหันกลับมาที่ตน

                    “นี่... แล้วทำไมเราไม่ทำให้มันเป็นเรื่องจริงไปเลยล่ะ ...ฉันโอเคนะถ้าเป็นนาย ว่าไงล่ะ” ภายใต้ใบหน้าหวานที่แสร้งทำสีหน้าเหมือนกับว่าไม่ได้เต็มใจนั้น ...ใครเล่าจะรู้ว่ายูริกำลังซ่อนความตื่นเต้นและหวาดหวั่นกับคำตอบของร่างสูงมากแค่ไหน

                    “ว่ายังไงเหรอ.... ถามมาได้” ยูยะแค่นยิ้ม “ทำไมฉันจะต้องไปคบกับคนจอมปลอมสองหน้าอย่างนายด้วยห๊า!!!

     ฉันก็แค่เสนอทางออก นายจะไม่รับก็เรื่องของนาย ฉันก็ไม่ได้อยากคบกับคนปากจัดอย่างนายหรอก!” ยูริตีฝีปากสู้ไม่มียอม.... แม้ว่าในใจร่างบางจะแอบเสียความมั่นใจไปแล้วเล็กๆเมื่อถูกยูยะปฏิเสธไม่เหลือเยื่อใยขนาดนั้น

     

    จังหวะนั้นเอง รถของกุนตะก็ขับเข้ามาในบริเวณลานจอดรถพอดี ชายหนุ่มกำลังเลิ่กลั่กมองหายูริอยู่และตัดสินใจว่าจะโทรตามดีหรือไม่

    “นั่นรถผู้จัดการนาย...ลงไปซะ” ร่างสูงพูดไล่อย่างเย็นชา หนำซ้ำยังปัดมือไล่อย่างรังเกียจอีกต่างหาก ....ยูริกัดปากตัวเองอย่างเจ็บใจ แต่ยอมคืนมือถือให้ร่างสูงและลงจากรถมาแต่โดยดี ....สองเท้าเล็กๆก้าวฉับๆไปที่รถกุนตะอย่างไม่สบอารมณ์

    “อ้ะ จิเน็นซัง ผมกำลังมองหาอยู่พอดีเลย”

    “กุนตะ........”

    “ครับ”

    “ไอ้บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆ กล้าปฏิเสธฉันเหรอ” ร่างบางระบายอารมณ์ใส่ผู้จัดการหนุ่มที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จนพอใจแล้วก็กระแทกตัวนั่งในรถ เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองติดเอาเสื้อโค๊ทของยูยะมาด้วย ....ยูริยิ้มร้ายขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคิดอะไรดีๆได้อีกครั้ง

    “คิดว่าคนอย่างฉันจะทำอะไรได้บ้างล่ะ ทาคาคิ ยูยะ”

    “เอ่อ.. จิเน็นซัง จะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ”

    “บริษัทของ A.N.JUMP” ยูริยิ้มร้าย แม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวอย่างกุนตะยังอดที่จะหวาดกลัวไม่ได้

     

    “รออะไรอยู่ ออกรถสิ!!

    .

    .

    .

    ยูยะขับรถกลับไปรับเรียวสุเกะอีกครั้ง เมื่อครู่ร่างสูงโทรไปหาแล้วเจ้าตัวบอกว่ายังติดต่อพี่ชายไม่ได้ และอยากจะไปหาพี่ชายที่บ้านเพื่อความแน่ใจว่าไม่เป็นอะไรอย่างที่นึกกลัวหรือไม่

    แต่ระหว่างทางนั้นเอง ยูยะถูกยามะพีเรียกตัวเข้าบริษัทด่วน ยูยะเองก็เห็นว่ามันเป็นทางผ่านและเขาคิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน ถึงได้ยืนกรานว่าจะไปส่งให้ถึงบ้านเอง..... เรียวสุเกะก็เลยต้องติดรถมาที่บริษัทด้วย

                   

    อีกด้านหนึ่ง ....จิเน็นมาปรากฏตัวที่บริษัทอย่างเอิกเกริก ร่างบางเดินเข้ามาทางประตูหน้า ฝ่าฝูงสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวอยู่ที่บริษัทให้ได้ตามถ่ายรูปกันให้ควั่ก เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ต้องคอยกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายของนักข่าวที่พยายามจะแฝงตัวเข้าไปข้างในตึก

     

                    “พีซัง มีแขกมาขอพบทาคาคิซังครับ” เลขาหน้าห้องทำงานยามะพีส่งเสียงมาจากอินเตอร์คอม

                    “ใคร”

                    “จิเน็น ยูริครับ”

                    “ยามะพี..ช๊อค! ให้มันได้อย่างนี้สิยูยะ นายรีบออกไปคุยแล้วกลับมาอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังเลย Now!!!!

     

                    .

    .

                    “นายคิดจะทำอะไร.....มาทำอะไรที่นี่” ยูยะส่งเสียงแข็งๆถามออกไป ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงเมื่อเดินออกมาที่ห้องรับรองแล้วเห็นว่า จิเน็น ยูริ กำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยมาดของนางพญา ...ร่างสูงมองเสื้อโค้ทของเขาที่สวมไว้ให้ตอนที่เข้าไปช่วยจากการโดนรุมยังคลุมอยู่บนไหล่บาง

                    “ฉันแค่เอาของมาคืนนาย” ยูริลุกขึ้นยืนแล้วดึงเสื้อโค้ทบนไหล่ยื่นไปให้ร่างสูง

                    “เสร็จธุระแล้วก็กลับไปสิ” ยูยะรับเสื้อมาแล้วก็ออกปากไล่อย่างเฉยชา

                    “ว้า นักข่าวเต็มไปหมดเลยน้า”

                    “มันเพราะใครกันล่ะ”

                    “อย่างนี้ถ้าฉันลงไปบอกว่าคนที่วิ่งหนีนักข่าวกับนายเป็นใครคงจะน่าสนุกพิลึก”

                    “รู้ก็ไปบอกเลยสิ” ด้วยความมั่นใจว่าจิเน็นไม่มีทางรู้ความจริง

                    “งั้นเหรอ...ได้ ฉันจะไปบอกนักข่าวว่า ยามาดะ เรียวสุเกะ หนีสัมภาษณ์ไปทำอะไรก็ไม่รู้อยู่ที่โรงพยาบาล ....ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญยังไงก็เถอะ แต่ไม่ดีเลยน้า เป็นไลฟ์แรกแท้ๆทำตัวเกเรซะแล้ว แบบนี้อนาคตไม่สดใสแล้วละมั้ง”

                    ยูยะเบิกตาโตด้วยความตกใจ... หันขวับมาจ้องหน้ายูริอย่างคาดไม่ถึง

    ..... ทำไมหมอนี่ถึงรู้ได้......

                    “เสื้อที่ใส่ปลอมตัวนั่นก็ของฉันใช่มั้ยล่ะ”

                    “................”

                    “ไง...เงียบไปเลยเหรอ หรือกำลังคิดว่าควรจะทำยังไงดี ความลับแตกซะแล้ว”

    “................”

    “ฉันยื่นข้อเสนอดีๆให้แล้วแท้ๆ นายกลับเมินเฉยไม่สนใจ ... จะกลับใจตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ”

    ยูริยิ้มยั่ว แล้วเดินออกจากห้องไปตรงระเบียงชั้นลอย นักข่าวบางส่วนเห็นยูริแล้วก็รัวถ่ายภาพไม่หยุด

     

    ยูยะครุ่นคิดตัดสินใจอยู่ชั่วครู่ก็เดินตามออกมา โดยที่อีกด้านหนึ่งเรียวสุเกะก็กำลังจะเดินเข้ามาหาพอดี

     

    “ทาคาคิคุง...” ยูยะหันไปมองหน้าเรียวสุเกะที่มองมาด้วยสายตาห่วงใยแวบนึง แล้วจึงข่มตาตัดสินใจตรงเข้าไปคว้าท้ายทอยของจิเน็นเข้ามา ......

     

    “ทาคา....คิ..คุง” เรียวสุเกะเบิกตาค้าง แทบจะพูดไม่เป็นคำ เมื่อเจอเข้ากับช็อตหัวใจสลาย ที่ยูยะดึงตัวจิเน็นเข้ามาจูบต่อหน้านักข่าวนับสิบ

     

    ............................

    ..............

    .........

     

     

    To be con

    ละครอิเคเมนจบไปแล้ว.... ฟิกประไปถึงครึ่งเรื่องรึยังเนี่ย (หัวเราะขมขื่น) ฟิกคลานเป็นเต่าเลย เพราะประมัวไปเขียนพล็อตอยู่ ตอนนี้กำลังประสบปัญหาตีบตันเบาๆ เลยชะลอการลงฟิกไประยะนึงเพื่อปูพล็อตที่แน่นอนก่อน

    ช่วงนี้น้ำท่วม รักษาตัวด้วยนะคะทุกคน^^ 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×