คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ถ้าทำไม่ได้ ก็ลาออกไปซะ!
08
เรียวสุเกะถลาไปเกาะข้างเตียงพี่ชายทันทีเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้ามา ไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไดจัง...เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นรึยัง”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่โลหิตจางนิดหน่อย พักคืนนึงพรุ่งนี้ก็หายแล้ว” ไดกิยิ้มกว้าง “แล้วนี่ยามะจังแสดงเสร็จแล้วเหรอ?”
“อื้อ.... ขอโทษนะไดจังที่ไม่ได้ดูแล” เรียวสุเกะดึงมือบอบบางของพี่ชายมากุมไว้แน่น
“พูดอะไรอย่างนั้น ฉันสิต้องขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูไลฟ์เปิดตัวของนาย... เสียดายจริงๆเลยนะเนี่ย”
“ไดจังไม่ได้บาดเจ็บใช่มั้ย ยังมึนๆหัวอยู่รึเปล่า” พอโล่งใจไปเปราะหนึ่งว่าไม่ได้อาการร้ายแรง เรียวสุเกะก็เริ่มต้นสำรวจร่างกายคนเป็นพี่แบบโอเวอร์เหมือนเคย
“ยามะจัง
” ไดกิคว้าเข้าที่ข้อมือน้องชายที่กำลังใช้หลังมือตรวจวัดไข้แล้วจ้องหน้านิ่ง
“ฮะ”
“นี่ถามจริงๆว่า นายหนีงานมากลางคันรึเปล่า”
“เปล่านะ ผมร้องเพลงบนเวทีจนจบ” ตอบคำถามพี่ชายหน้าซื่อตาใส ... เขาไม่ได้โกหกสักกะติ๊ดดดด
“แล้ว...” ไดกิแกล้งลากเสียงยาว หรี่ตาจ้องอย่างจับผิด
“แต่ว่าไม่ได้อยู่สัมภาษณ์ต่อเท่านั้นเองอ่า” เรียวสุเกะยิ้มแหยๆ ยอมคายความจริงออกมาจนได้
....กับไดจังแล้วเขาไม่เคยเก็บความลับอยู่ทุกทีสิน่า.....
“ยามะจัง....เราอย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นแบบนี้สิ” ไดกิทำหน้ายุ่ง ตั้งท่าจะเทศนาน้องชายตัวดี
“ไดจังโกรธเหรอ ก็ผมเป็นห่วงพี่นี่นา.... อีกอย่างทาคาคิคุงก็อนุญาตแล้วด้วย”
“ทาคาคิคุงน่ะหรือ” อดจะแปลกใจไม่ได้ ...หัวหน้าวงที่น้องชายเขาบ่นว่าดุโหดอย่างนั้นอย่างนี้เนี่ยนะ
“จริงๆนะ ไม่เชื่อถามชิเงะซังดูก็ได้” บุคคลที่ถูกพาดพิงชื่อถึงได้มีโอกาสแสดงให้เห็นการมีตัวตนอยู่ในห้องด้วย ชิเงะพยักหน้ารับเป็นแบคกราวน์อยู่เบื้องหลัง ไดกิจึงยอมเออๆออๆไปกับน้องชายโดยไม่ขัดอะไรออกมาอีก
.
.
“เคย์.... แกมาทำอะไรอยู่ที่นี่วะ”
“เอ้า ก็เราตกลงกันว่าจะจัดปาร์ตี้ให้ยามะจังกันที่บ้านไม่ใช่เหรอ” เคย์ตอบแบบมึนๆ ไม่เข้าใจว่าฮิคารุจะถามเขาทำไม
“มันก็ใช่ แต่ฉันหมายถึงว่า ถ้านายจะมาใจลอยอยู่แบบนี้ ทำไมไม่ตามยามะจังไปโรงพยาบาลด้วยวะ”
“ใช่ ผมก็คิดว่าหลังเสร็จงาน อิโนะจังจะต้องรีบแจ้นไปเสนอหน้าอยู่ข้างเตียงไดจังแล้วนะเนี่ย” ลูกคู่อย่างยูโตะก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีผิดหวัง....
“อะไร! ทำไมฉันต้องไปด้วย” เคย์พูดเสียงแข็ง ปฏิเสธหน้าตาย
“เป็นห่วงเขาไม่ใช่เหรอ”
“ก็เห็นตอนเป็นลมต่อหน้า มันก็ต้องห่วงเป็นธรรมดานั่นแหละ”
“จริงเหรอ” คู่หูฮิคารุยูโตะประสานเสียงพร้อมเพรียงกันได้อย่างน่าหมันไส้สุดๆ
“เออ เลิกล้อได้แล้ว!”
“งั้นเดี๋ยวฉันออกไปรับยามะจังกลับมาละกัน” เคโตะขันอาสา
“โทรบอกให้ชิเงะซังมาส่งที่บ้านก็ได้นี่” ยูยะพูดขัดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ
“ชิเงะซังต้องไปทำงานต่อ ฉันไปรับนั่นแหละ แปปเดียวเอง ไปนะ” เคโตะไม่เปิดโอกาสให้ยูยะหาข้อโต้แย้งใดๆอีก ร่างหนาคว้าเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากบ้านไป โดยมีฮิคารุและยูโตะโบกมือบ๊ายบายส่งอย่างรื่นเริง
เคโตะพาเรียวสุเกะกลับมาที่บ้านในเวลาต่อมา แม้ว่าก่อนหน้านั้นเคโตะจะต้องใช้ความพยายามในการเกลี้ยกล่อมให้ร่างเล็กกลับบ้าน เพราะเจ้าตัวยืนกรานหนักแน่นว่าจะนอนเฝ้าพี่ชายที่โรงพยาบาลให้ได้ .....แต่สุดท้าย แม้จะไม่ค่อยอยากทิ้งพี่ชายไว้คนเดียวแต่ก็โดนไดกิออกปากให้กลับไปอยู่ดี
เรียวสุเกะดูจะตื่นตาและซาบซึ้งกับงานปาร์ตี้เล็กๆที่จัดขึ้นเพื่อเขาเป็นอย่างมาก .....สมาชิกทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่ในห้องนั่งเล่นที่มีการจัดตกแต่งด้วยลูกโป่งและริบบิ้นหลายสี บนโต๊ะมีซูชิเซทและซาชิมิถาดใหญ่วางรอไว้อยู่แล้ว
“พวกเราขอแสดงความยินดีกับยามะจังที่ประสบความสำเร็จในโชว์ครั้งแรก เย้!!!” ฮิคารุถือช้อนจ่อปากไว้ต่างไมค์ลุกขึ้นพูดเป็นตัวแทนของทุกคน
“แล้วก็...ในฐานะลีดเดอร์ มีอะไรจะพูดกับยามะจังมั้ย...ยูยะคุง~” หนุ่มผมทองยื่นช้อน(ไมค์) ไปจ่อที่หน้าของยูยะ ....เจ้าตัวทำหน้าเหมือนหงุดหงิดรำคาญก่อนจะปัดช้อนนั้นแทบร่วงหลุดจากมือ ......ฮิคารุเปลี่ยนเป็นกำมือเปล่าๆแทนไมค์แล้วยื่นไปที่เดิม แถมยังฉีกยิ้มยืนยันให้ตอบคำถามของเขา
ยูยะทำหน้าเข้ม หรี่ตาใส่ฮิคารุที่ดูจะไม่สะทกสะท้านอะไรจึงตวัดสายตาอย่างรวดเร็วไปทางเรียวสุเกะ ร่างเล็กสะดุ้งตัวโยน กลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ กระพริบตาปริบๆขณะมองกลับไปที่ร่างของยูยะ ลุ้นว่าร่างสูงจะพูดอะไรออกมาทำร้ายจิตใจเขาได้แค่ไหนกัน...
“ทำดีให้ได้ตลอดแล้วกัน!!” ร่างสูงพูดเสียงห้วนๆโดยไม่ยอมมองหน้าเรียวสุเกะ ใบหน้าคมเก็กนิ่งไม่ไหวติง
หลังจากคำคอมเม้นออกจากปากลีดเดอร์ได้แล้วก็บังเกิดความเงียบไปชั่วขณะ เรียวสุเกะทำตาโตกับคำพูดที่เหนือความคาดหมาย ...ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเป่าปาก โห่ร้องแซวของเมมเบอร์ที่เหลือจนลั่นไปหมด
“ว้าว ไม่ยักรู้ว่าลีดเดอร์ของเราก็ชมคนอื่นเป็นด้วย” เคย์แดกดันออกมาคนแรก
“ฉันไม่ได้ชม!” แล้วก็ได้รับการตอบโต้เป็นเสียงเหวี่ยงๆหน้าเหวี่ยงๆของยูยะหนึ่งทีให้เจริญอาหาร
“ปล่อยมันปากแข็งไปเถอะ.... เรามากินกันดีกว่า” ฮิคารุประเดิมโดยการหยิบซูชิหน้ากุ้งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยเป็นคนแรก
“ยามะจังมานี่สิ” ยูโตะกวักมือเรียกร่างเล็กไปนั่งร่วมวง ซึ่งเรียวสุเกะก็เดินตามไปนั่งอย่างว่าง่าย
อา..... ซูชิเซท ......
.
.
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ....
ที่ใดมีงานเลี้ยงฉันใด ที่นั่นย่อมต้องมีงานล้างฉันนั้น
“ทำไมฉันต้องเป่ายิ้งฉุบแพ้ด้วย~” เสียงยูโตะร้องโอดครวญดังมาจากห้องครัว โดยที่ข้างๆกันนั้นมีจานชาม แก้วน้ำใช้แล้วต่างๆวางกองเป็นภูเขา รอการล้างทำความสะอาด
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดสภาพแบบนี้ก็เพราะว่า ก่อนหน้านี้ทุกคนตกลงกันว่าใครเป่ายิ้งฉุบแพ้จะเป็นคนล้างจานทั้งหมด และที่เจ้าหนูไฮเปอร์อย่างยูโตะมายืนงอแงอยู่หน้าซิงค์ล้างจานก็คงไม่ต้องถาม ว่าผลออกมาเป็นเช่นไร
“บ่นอะไร ทุกคนก็ทำงานเหมือนกันนั่นแหละ” ยูยะที่เดินเอาจานมากองเพิ่ม แล้วก็เดินจากไปไม่ใยดี
“แต่ของฉันมันงานหนักที่สุดเลยนะ” ยูโตะเบะปาก ส่งเสียงออดอ้อนน่าเห็นใจ
“งั้นก็ถือว่าเจ๊าๆไป เพราะนายกินเยอะที่สุดเลยนะวันนี้” ฮิคารุตะโกนออกมาจากห้องนั่งเล่นขณะกำลังเช็ดโต๊ะอยู่
“อะไรกัน... เคโตะกินเยอะกว่าผมอีก” รายนี้ก็ไม่ยอมแพ้ โก่งคอตะโกนคุยจากในครัวไม่กลัวเสียงแหบเสียงแห้ง โวยวายคร่ำครวญได้ตลอดเวลา
“เดี๋ยวผมไปช่วยล้างกะ...” เรียวสุเกะทำท่าจะเสนอตัวไปช่วยงานล้างในห้องครัว แต่โดนเคโตะเบรกไว้ก่อน
“ยามะจังไม่ต้องไปหรอก วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” รอยยิ้มอบอุ่นใจดีแบบพี่ชายที่แสนดีถูกส่งมาอีกแล้ว
“แต่ว่า...ยูโตะคุง..” ตั้งใจจะค้าน เมื่อได้ยินเสียงเรียกร้องความสนใจของยูโตะอีกครั้ง
“นายไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันไปช่วยยูโตะเอง” เคโตะจับไหล่ร่างเล็กไว้แน่นแล้วดันไปทางห้องของเขาและยูยะ ส่วนร่างหนาพูดจบก็เดินตรงเข้าห้องครัวไป ....และถ้าได้ยินไม่ผิด เขาได้ยินน้ำเสียงดีใจร้องต้อนรับอย่างออกนอกหน้าของยูโตะลอยมากับสายลม
“ไอ้เคย์มันหายไปไหนของมันว้า....ที่ห้องก็ไม่อยู่” ฮิคารุเดินเกาหัวออกมาจากชั้นสองอย่างงงๆ
“ออกไปข้างนอกแล้วมั้ง” ยูยะเดินสวนขึ้นบันไดไปพอดี ตั้งใจจะไปสูดอากาศที่ระเบียง
“ห่ะ ดึกดื่นป่านนี้เนี่ยนะ ไม่มั้ง... อยู่แถวนี้รึเปล่า...ไอ้เคย์!” ฮิคารุทำหน้าไม่เชื่อ แล้วก็มองหาเพื่อนตามซอกหลืบต่างๆในบ้านต่อไป
“หึ...กุญแจรถเจ้านั่นไม่อยู่ คิดว่ามันจะไปไหนได้ล่ะ” ยูยะกระตุกยิ้มมุมปากทิ้งท้ายอยู่ตรงหัวบันได ให้ฮิคารุได้ฉุกคิดตาม
“อย่าบอกนะว่าเจ้านั่นไปโรงพยาบาล!!”
.
.
จริงอยู่ที่ตามโรงพยาบาลต่างๆจะจำกัดเวลาเยี่ยมให้อยู่ในช่วงเวลา เพื่อให้คนไข้ได้มีเวลาพักผ่อน และในยามวิกาลแบบนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขอเข้าเยี่ยมคนไข้.... แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับจอมโกหกหน้าตายอย่างอิโนโอะ เคย์ ..... เพราะแค่เขาอ้างสิทธิ์การเป็นคนดังที่ทำให้ไม่สามารถมาในเวลาปกติได้ บวกกับคำพูดคำจาหวานหูปนอ้อนนิดหน่อย เขาก็ได้เลขห้องของไดกิมาอยู่ในมือแล้ว
ครืดดดดดดดด
ภายในห้องนั้นปิดไฟมืดไปแล้ว มีเพียงแสงสว่างจากภายนอกที่ลอดเข้ามาเท่านั้นที่ทำให้เคย์มองเห็นร่างที่หลับใหลอยู่บนเตียง .....
เคย์สืบเท้าเข้าไปใกล้เตียงยิ่งขึ้น ....ใบหน้าหวาน เปลือกตาบางที่หลับพริ้ม ขนตายาวงอน จมูกโด่งน่าหมันเขี้ยว แก้มใส และริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ.... ทุกอย่างนั่น เขาเห็นได้ชัดเจนแม้อยู่ในความมืด
.....แม้กระทั่งตอนนอนก็ยัง.........น่ารักจังเลยน้า
..
เคย์สะบัดหัวไล่ความคิดเลยเถิดที่ผุดขึ้นมา แล้วหันไปวางกุหลาบขาวช่อใหญ่ที่ถือติดมาเยี่ยมบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะถือโอกาสเบียดตัวนั่งลงที่ขอบเตียง จ้องมองร่างบางที่หลับสนิทจนกว่าจะพอใจ
“ท่าทางก็ดูแข็งแรงดีนี่นา... ไม่คิดว่าจะป่วยง่ายขนาดนี้” มือเรียวสวยลูบเบาๆที่กลุ่มผมของไดกิ
“ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายอีกแล้ว”
.
.
“อ้ะ ทาคาคิคุง” เรียวสุเกะเดินออกมาที่ระเบียงเช่นกัน แต่พอเห็นว่ายูยะกำลังใช้แขนต่างหมอนนอนเอกเขนกอยู่บนม้านั่ง จึงคิดที่จะหันหลังกลับเพราะไม่อยากเขาไปรบกวนเวลาพักผ่อนของร่างสูง
“จะไปไหน!...อยากนั่งก็มานั่งสิ” ยูยะผุดลุกขึ้นนั่ง แถมยังตบที่ว่างข้างตัวเป็นเชิงเรียกอีกต่างหาก
“คือ ผมรบกวนรึเปล่าครับ” ถามย้ำอย่างเกรงใจ แต่ว่าได้คำตอบจากร่างสูงเป็นการส่ายหน้าเบาๆ เรียวสุเกะจึงกลั้นใจที่หย่อนก้นลงข้างๆคนที่เคยตราหน้าเขาว่าเป็นตัวนำพาความโชคร้าย ตัวอันตราย ตัวยุ่ง และอีกมากมายที่สรรหามาว่าให้เขารู้สึกแย่....
“ทาคาคิคุงมาดูดาวเหมือนกันหรือครับ”
“เปล่า ฉันไม่ค่อยถูกกับที่มืดเท่าไหร่ แค่มาสูดอากาศน่ะ”
“เหมือนผมกับพี่เลย เวลาที่กินเข้าไปมากๆจนแน่นท้อง จะต้องมาพึ่งพุงแข่งกันไปด้วยดูดาวไปด้วยทุกทีเลย...”
“ฉันไม่ทำอะไรน่าเกลียดอย่างนั้นน่า”
“พูดถึงแล้วผมก็เป็นห่วงไดจัง อยู่คนเดียวแบบนั้นจะเป็นอะไรอีกมั้ยนะ”
“หมอมี พยาบาลมี จะกลัวอะไร”
“ก็ตอนนี้ผมเหลือพี่ชายแค่คนเดียวแล้ว ผมไม่ยอมเสียพี่ชายไปง่ายๆหรอก”
“.....................”
“จริงๆแล้ว ผมก็ไม่ได้คิดอยากจะมาเป็นนักร้องหรอก... ที่ผมตัดสินใจเข้ามาออดิชั่นก็เพราะว่าเป็นความฝันของไดจัง ....พี่ชายฝันว่าอยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแอ ป่วยง่าย ต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆก็เลยทำตามความฝันไม่ได้... ผมก็เลยอยากสานฝันแทนไดจัง” เรียวสุเกะเล่าความหลังไปด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ขณะที่ตามองไปที่ดวงดาวบนท้องฟ้า
“ถ้าไม่ได้อยากเป็นนักร้องก็ลาออกไปซะ ฉันไม่ต้องการคนเหลาะแหละไม่จริงจัง!!” แต่คำพูดของเขาคงจะไปสะกิดต่อมหงุดหงิดของยูยะเข้า ร่างสูงถึงได้โมโหแบบนี้
“จริงอยู่ที่ผมเข้าวงมาเพราะเป็นความฝันของพี่ มันเป็นแรงผลักดันให้ผมมาอยู่ตรงนี้ได้”
“ชีวิตเป็นของนาย ทำไมถึงไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำละ”
“ผมอยากทำให้ไดจังมีความสุข ถึงผมจะทำตามความฝันแทนพี่ชายก็จริง แต่เสียงนี้เป็นเสียงของผม การที่ทาคาคิคุงจะยอมรับเสียงของผมและยอมให้เข้าวงมามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ข้อนี้ผมรู้ดี”
“แล้วยังไง”
“ที่ผมอยากบอกก็คือ ผมรู้สึกดีใจมากๆที่ครั้งนึงได้เป็นส่วนหนึ่งของวง A.N.JUMP ผมรู้สึกว่าโชคดีมากๆเลย ขอบคุณที่ยอมให้ผมอยู่ในวงนะฮะ” เรียวสุเกะยิ้มหวาน หน่วยตาเรียวสวยหยีโค้งเป็นประกาย .... ยูยะรีบเบือนหน้าหนีแสร้งทำเป็นว่ากำลังดูดาวทันที ไม่รู้ทำไม... เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงผิดปกติจนไม่อาจมองใบหน้าหวานตรงๆได้อย่างที่เคย
ทางด้านเรียวสุเกะเองก็แอบมองใบหน้าหล่อคมที่แสดงออกถึงความสับสนวุ่นวายใจแล้วก็ลอบยิ้มเขินอยู่คนเดียว
ห่างออกไปไม่ไกลนัก ......ปรากฏร่างของเคโตะยืนนิ่งอยู่ตรงกรอบประตู ในมือถือแก้วน้ำมะนาวที่ตั้งใจจะเอามาให้เรียวสุเกะกินเพื่อรักษาสุขภาพคอ ......สายตาคมทอดมองไปที่ทั้งคู่ด้วยความเศร้าสร้อย
“ช้าไปอีกแล้วสินะ....”
..
.
วันต่อมา
ที่บริษัท
“ยูยะกับจิเน็น ยูริน่ะหรือ....หะๆ เป็นไปไม่ได้หรอกคุณนักข่าว สองคนนี้เคยเจอกันซะที่ไหน” ยามะพีหัวเราะลั่นออกมา ...เมื่อครู่อยู่ๆนักข่าวตาปรือคนนี้ก็มาขอเข้าพบแล้วบอกว่าอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับยูยะ ศิลปินเบอร์หนึ่งในสังกัดของเขากับจิเน็น ยูริ นักแสดงตัวเล็กหน้าตาน่ารักที่ถูกขนานนามว่าเป็นแฟรี่ตัวน้อยในวงการบันเทิง
เมื่อข้อกล่าวหานี้มีคู่กรณีเป็นทาคาคิ ยูยะ.... ยามะพีเชื่อขาดใจเลยว่าคนอย่างยูยะไม่มีทางไปสุงสิงกับคนอื่นก่อนอย่างแน่นอน ยิ่งเป็นคนในวงการด้วยแล้ว เจ้านั่นจะยิ่งหลีกหนีซะมากกว่า
... แล้วนี่อะไร ข่าวของยูยะกับชี่จังเนี่ยนะ ... ยามะพีขอฟันธงด้วยความเชื่อส่วนตัวเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้~
“แต่ผมมีรูปพิสูจน์นะครับ” นักข่าวโคะเองก็ยังคงยึดมั่นใจความเชื่อของตัวเองเหมือนกัน
“ไหนล่ะรูป” ยามะพีหรี่ตาอย่างไม่ไว้ใจ
โคยาม่าวางรูปถ่ายที่ถ่ายได้ในวันนั้นบนโต๊ะให้ยามะพีดู ยามะพีหยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด ....เมื่อเห็นว่ารูปนั้นเป็นเพียงรูปที่ถ่ายได้จากด้านหลังที่ไม่เห็นหน้าอย่างชัดเจนก็เปิดยิ้มกว้างออกมา
“เสียใจด้วยนะครับ ไม่มีรูปไหนที่ยืนยันได้เลยว่าเป็นรูปของยูยะจริงๆ นอกจากคนที่อาจจะใส่เสื้อผ้าคล้ายกันเท่านั้น”
“ยามาชิตะซังคิดว่าไม่ใช่รูปของทาคาคิคุงหรือครับ”
“ครับ.... เพราะฉะนั้นก็หมดธุระของคุณแล้วล่ะ เชิญกลับได้ครับ ผมมีประชุมต่อ” ยามะพีลุกขึ้นไล่ เอ้ย เชิญแขกออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มหวาน
.
.
ไดกิตื่นขึ้นมาในตอนสาย วันนี้เขาจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วจึงตั้งใจจะเก็บของเตรียมพร้อมให้เรียบร้อย แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นดอกกุหลาบช่อใหญ่วางอยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียง
..... ถ้าจำไม่ผิด ตอนที่เรียวจังกับชิเงะซังมาก็ไม่ได้มีดอกไม้มาด้วยนี่นา....
........ แล้วนี่มันของใครกัน..........
มือเล็กเอื้อมคว้ามันมาไว้ในอ้อมแขน สูดดมกลิ่นหอมของกุหลาบอย่างอารมณ์ดี แล้วจึงพลิกหาการ์ดที่น่าจะมีแนบมาด้วย
//////ขอโทษที่ทำให้ป่วยอีกแล้ว .....หายเร็วๆนะครับ จาก K ////////////
ร่างบางอมยิ้มกับการ์ดเล็กๆนั้นอย่างห้ามไม่อยู่ ..... แอบเอามาให้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
แล้วไอ้ตัวอักษรเคเนี่ย ตั้งใจจะเขียนให้เป็นตัวย่อดูเป็นปริศนาหรือว่าตั้งใจบอกชื่อเสียงเรียงนามมาเลยกันแน่ .... แต่ไม่ว่าจะเป็นเคในแบบไหน ไดกิก็นึกหน้าของเจ้าของดอกไม้ช่อนี้ออกอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นแหละ
ครืดดดดดดด
เสียงประตูห้องถูกเปิดออก เรียกความสนใจของไดกิให้หันไปมอง
“อ่า ตื่นอยู่พอดีเลย” ร่างสูงในเชิ้ตสีขาวสะอาดตาก้าวเข้ามาในห้องของไดกิ ดูจากร่างสูงที่เดินตรงมาหาเขาอย่างตั้งใจ ดูยังไงก็ไม่ใช่คนเข้าห้องผิดอย่างแน่นอน
“ครับ?” ไดกิมองหน้าชายแปลกหน้าอย่างงงๆ
“ผมอาซากะ โคได เป็นสต๊าฟที่งานเมื่อวานน่ะ ที่พาคุณมาที่นี่”
“อ๋อ ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ลำบากอะไร... เอ่อ ผมไม่รู้จะเอาอะไรมาฝากก็เลยให้ร้านเขาจัดช่อดอกไม้มาให้ แต่ว่า...” สายตาของร่างสูงมองไปที่ช่อดอกไม้ช่อใหญ่สวยงามอลังการในอ้อมแขนของไดกิสลับกับช่อดอกไม้เล็กๆที่ตัวเองเอามาให้แล้วเกิดการเปรียบเทียบเล็กๆขึ้นมาในใจ
“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมต้องขอบคุณเสียอีกที่สร้างความลำบากให้ แถมยังมาเยี่ยมผมแบบนี้อีก ขอบคุณมากนะครับ” ไดกิรับดอกไม้อีกช่อมาถือไว้ พูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยคร่างสูงก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ แต่ก่อนที่จะเดินพ้นจากห้องไป
“เอ่อ จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าผมจะขอเมลล์...”
“ได้สิครับ เอาไว้ผมจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทีหลังนะ”
.
.
“ยูยะ..นายกำลังคบกับจิเน็น ยูริเหรอ”
จู่ๆยามะพีก็โพล่งคำถามแปลกๆขึ้นมา เมื่อเห็นว่ายูยะนั่งอยู่ในห้องประชุมอยู่คนเดียว
“เปล่านี่” ร่างสูงตอบไปอย่างสั้นๆ
“กับฉันน่ะไม่ต้องปิดบังก็ได้...บอกมาตรงๆน่า พวกนายคบกันเหรอ” ยามะพีจ้องตาพยายามเค้นเอาความจริง
“ไม่ได้คบ” ยูยะทำหน้าตาเหยเกใส่ ....กับไอ้ตัวเล็กจอมลวงโลกนั่น แค่คิดยังเป็นไปไม่ได้เลย!
“งั้นก็กำลังเดทกัน”
“ไม่มีเดทอะไรทั้งนั้นแหละ” ยูยะตอบปัดอย่างรำคาญ ...ยามะพีเห็นร่างสูงยังเหมือนเดิมก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“ว้า...งั้นนักข่าวนั่นก็ไม่มีมูลจริงๆนั่นแหละ นายก็ระวังๆละกัน จะคบกับใครก็อย่าให้เป็นข่าวล่ะ”
“.......”
ยูยะสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่พีซังพูดว่านักข่าว.... งั้นแสดงว่าวันนั้นเขาโดนถ่ายรูปจนได้จริงๆน่ะสิ
“เข้าใจมั้ย” ยามะพีถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าร่างสูงเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรอยู่คนเดียว
“ครับ” สิ้นเสียงตอบรับของยูยะ ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง.... ชิเงะก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเรียวสุเกะ ร่างเล็กเบิกตามองยูยะที่นั่งอยู่ก่อนแล้วอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร
“อ่า ยามะจัง มาพร้อมกันแล้วก็ดี ฉันจะได้ประกาศข่าวดีทีเดียว” ยามะพีแย้มยิ้มเบิกบานอารมณ์ดี รอจนเรียวสุเกะเข้ามานั่งบนโซฟาอีกฝั่งหนึ่งเรียบร้อย
“ออกโซโล่เดบิวต์ให้ยามะจังกันเถอะ!!” แล้วก็พูดเรื่องงานยักษ์ใหญ่ออกมาด้วยน้ำเสียงธรรมดาเหมือนแค่ชวนไปกินข้าวเย็นอย่างไรอย่างนั้น
“พูดเป็นเล่นอีกแล้วพีซัง” ยูยะเอ่ยออกมาแทนเรียวสุเกะที่นั่งอึ้งไปแล้ว
“ฉันพูดจริงตะหาก ตอนนี้สื่อกำลังพูดถึงยามะจัง พร้อมขุดคุ้ยประวัตินายกันให้ควักเลยทีเดียว นี่นายไม่เห็นมันเป็นโอกาสอันดีงามหรอกเหรอ ถ้าออกงานของนายตอนนี้ รับรองว่ามันจะต้องดังเปรี้ยงปร้าง”
“แล้วเพลงล่ะ” ยูยะถาม เมื่อเห็นว่าเรียวสุเกะจะยังไม่มีสติไปอีกพักใหญ่
“แน่นอนว่าต้องเป็นเพลงที่นายแต่งอยู่แล้ว แล้วมันก็จะเป็นหนึ่งในเพลงในอัลบั้มต่อไปของ A.N.JUMP ด้วย....ชิเงะ” ยามะพีเรียกชิเงะที่เป็นผู้จัดการวงมาทำงานต่อทันที
“นี่เป็นเดโมเพลง แล้วก็เนื้อร้องนะ ลองเอากลับไปฟังดู” ชิเงะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับเรียวสุเกะ
“แต่ว่าผมยัง...” เรียวสุเกะมองซองตราบริษัทในมือด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ .....งานที่แล้วเป็นงานที่ทำร่วมกันทั้งวง เขาคิดว่าคงพอทำได้อยู่ แต่นี่มัน...งานโซโล่ของเขาคนเดียว ไม่มีใครมาเป็นโล่บังให้เขาอีกแล้ว เรียวสุเกะคิดว่าเขายังไม่พร้อมสำหรับโปรเจคใหญ่ขนาดนี้
“นายควรจะพร้อมตั้งแต่เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้วต่างหาก... แล้วอีกอย่างนะ ช่วงนี้สื่อกำลังจับตามองนายอยู่ ทำอะไรก็ระวังตัวด้วยล่ะ อย่าให้เป็นข่าวเด็ดขาดเชียวนะ” ยามะพีย้ำเรื่องข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ... ทำให้เรียวสุเกะต้องพยักหน้าตอบรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ครับ”
“จำไว้นะยามะจัง....อนาคตของ A.N.JUMP อยู่ในมือของนายแล้วนะ ทำตัวดีๆล่ะ” ขู่ทิ้งท้ายทั้งๆที่ยิ้ม แล้วก็เดินออกจากห้องไปอย่างรื่นเริงตามปกติ “ชิเงะ...มาช่วยดูเอกสารให้ฉันด้วย”
ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง คราวนี้เหลือเพียงแต่ยูยะและเรียวสุเกะเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้
“ไม่อยากร้องเพลงของฉันอย่างนั้นเหรอ”
ร่างสูงเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน ...เขารู้สึกไม่ชอบใจกับหน้าตาที่ไม่เต็มใจรับงานแบบนั้น.. ใช่ว่าทุกคนจะได้มีโอกาสดีๆแบบนี้ แต่หมอนี่กลับทำเหมือนไม่อยากร้องเพลงที่เขาแต่ง
..... เห็นแล้วมันก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้.......
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“หรือกลัว ถ้ากลัวที่จะร้องเพลงบนเวทีก็ลาออกไปร้องคาราโอเกะอยู่บ้านได้เลย”
“ผม...”
“มันอยู่ที่ว่านายอยากจะร้องเพลงของฉันมั้ย ถ้าร้อง....ก็อยู่ แต่ถ้าไม่....ก็ออกไปซะ” ยูยะพูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคำตอบหรือคำแก้ตัวของร่างเล็กเลยสักนิดเดียว
...........................
...............
.........
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วๆ” ฮิคารุวิ่งหน้าตาตื่นมาที่ห้องนั่งเล่น
“เกิดอะไรขึ้น” ยูยะที่นอนดูทีวีอยู่จึงพลอยตกใจไปด้วยอีกคน
“ยามะจังทิ้งโน้ตนี่ไว้ แล้วก็หายไปไหนไม่รู้” หนุ่มผมทองยื่นโน้ตในมือให้ยูยะอ่าน
‘ผมจะกลับจิบะ ...ยามาดะ’
ยูยะตาลุก นึกย้อนไปถึงบทสนทนาล่าสุดที่เพิ่งได้คุยกัน.... สุดท้ายนายก็เลือกที่จะไปสินะ
“นึกจะไปก็ไป ไม่คิดจะบอกกล่าวกันสักคำงั้นเหรอ” ร่างสูงขยำโน้ตในมือจนยับยู่ยี่ แล้วคว้าเสื้อโค๊ทหยิบกุญแจรถบึ่งออกไปทันที
“ยูยะมันรีบไปไหนน่ะ” เคโตะเพิ่งชงชาเสร็จออกมาก็เห็นแค่หลังไวๆของยูยะที่วิ่งออกจากบ้านไปเท่านั้น
“ไปตามหายามะจัง” ฮิคารุตอบพาซื่อ
“แล้วยามะจังไปไหน” เคโตะขมวดคิ้ว แล้วก็ซักถามกับฮิคารุเป็นการใหญ่
.
.
.
“นายอยู่ที่ไหน!” น้ำเสียงเหวี่ยงตะคอกโพล่งถามขึ้นมาทันทีที่เรียวสุเกะกดสายรับ
“เอ้ะ..ผมเหรอ ผมอยู่ตรงสถานีxxx ทาคาคิคุงมีอะไรหรือ”
“นายรออยู่ตรงนั้นนะ ห้ามขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว!”
“เห...”
“เดี๋ยวฉันจะไปหา” ยูยะกดวางสาย โดยที่เรียวสุเกะยังไม่ทันได้บอกต่อเลยว่า เขานัดกับไดจังไว้ที่สถานี
ยูยะใช้เวลาไม่นานในการมาถึง และเดินลงมาจากรถด้วยหน้าตาถมึงทึงเหมือนโกรธใครมาสักสิบชาติตรงเข้ามาหาเขาที่ยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์หน้าสถานี
“นาย..กล้าดียังไงถึงได้ไปโดยทิ้งโน้ตไว้แค่นั้น ตั้งใจจะปัดความรับผิดชอบให้ฉันเป็นคนอธิบายเหตุผลของนายกับพีซังหรือไง”
“พีซัง?”
“ใช่ พีซังน่ะสิ... ขึ้นรถมาเดี๋ยวนี้เลย”
“ทาคาคิคุงจะไปส่งผมเหรอ”
“ห้ะ!!”
“วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อกับแม่ ...ผมนัดไดจังไว้ที่สถานีxxx ทาคาคิคุงไปส่งผมที่สถานีก็พอครับ”
“หมายความว่าที่นายบอกจะไปจิบะคือ...”
“ครับ กลับไปเยี่ยมหลุมศพพ่อกับแม่ผมน่ะ” เรียวสุเกะบอกด้วยสีหน้าธรรมดา ต่างจากยูยะที่แทบจะเหาะกลับไปบีบคอฮิคารุอยู่แล้วถ้าทำได้
..........................
..............
........
To be con
มีคนถามถึงพีซัง...แหม หายไปแค่ตอนสองตอนเอง ป๊อปซะยิ่งกว่าพระเอกอีกแน่ะ555+
.... ตอนนี้พีซังออกมาแล้วนะ หลายช็อตเลยทีเดียว คงหายคิดถึงกันแล้วเนอะ
เกสที่บอกไว้ รอกันสักนิดนึง เดี๋ยวมันก็มานะจ้ะ ส่วนจะเป็นคนที่คิดไว้รึเปล่านี่ก็ต้องรอดูกันต่อไป^^
ปล. เจอกันหลังสอบนะทุกโค๊นนน หลังสอบคงมาต่อได้บ่อยกว่านี้ ....
วันนี้ประเพิ่งจะสอบตัวแรก ระยะทางยังอีกยาวไกลนัก Y^Y ขอคอมเม้นเป็นกำลังใจหน่อยสิ (แบมือ)
ความคิดเห็น