ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [Aki] .....Jyougen no tsuki ..... Part End ...[Yuma x Ryosuke feat. Keito x Yuto]
[3]
ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งรูปทรงทันสมัย ตั้งตระหง่านอยู่กลางใจเมือง สะดวกแก่การเดินทางเสียจนหลายคนกลายเป็นลูกค้าประจำไปเลยทีเดียว
“อ้าว เอ้ะๆๆ โอ้ะโอ๋ เจอเหยื่อแล้ว” เคนโตะและฟูมะที่เที่ยวเดินแซวคนนู้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อย ก็เรด้าหาตำแหน่งคู่ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงนี้จนพบ แหมๆ นั่งอยู่ซะห่างไกลกันเชียวนะ แต่ไม่เป็นไรๆ แค่เรื่องพรรค์นี้ จัดให้~!
“หลบๆเลย ที่ตรงนี้เว้นไว้เลย โฮคุโตะจะไปนั่งที่ไหนก็ไปไป๊”ว่าแล้วก็ลงพื้นที่ โดยการไล่เคนโตะที่นั่งอยู่ข้างเคโตะให้ลุกออกไป
“เฮ้ย เรื่องไรอยู่ๆมาไล่กันวะ”
“เร็ว! ให้ไว” เจอเคนโตะทำหน้าโหดเขม่นใส่เข้าหน่อย หนุ่มเรียบร้อยอย่างโฮคุโตะก็รีบลุกขึ้นอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆอีกต่อไป ... พอหมดเสี้ยนหนามขวางทางรักแล้ว คู่หูจอมป่วนก็มุ่งหน้าตรงมาที่ยูโตะทันที
“มานั่งอะไรตรงนี้ นู่นๆ เราจัดที่ไว้ให้แล้ว มาเร็วๆ” ฟังดูคล้ายจะเป็นคำเชิญชวนนะ แต่กิริยาที่เรียกได้ว่า ล็อคแขนแล้วลากไปเนี่ย จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ...
สุดท้ายก็ถูกจับโยนให้ไปนั่งติดกับเคโตะจนได้
... เสียงเป่าปากชอบอกชอบใจดังขึ้นรอบตัว เกรียวกราวซะอย่างกับเชียร์บอลคู่ชิงชนะเลิศ ...
“อ้าว คนละแก้ว ดื่มๆๆ เฮ้ย พวกเรา ดื่มต้อนรับเพื่อนสะใภ้หน่อยเว้ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
“.....” ยูโตะส่ายหัวดิก ปฏิเสธเหล้าเต็มที่ รู้ตัวเองดีว่า เจอแอลกอฮอล์มากๆแล้วจะบ้าแค่ไหน
“เคโตะ ป้อนเล้ยย” ยูโตะหันไปมองคนข้างตัว.. เมื่อไม่ได้ยินเสียงโวยวายตอบกลับอย่างที่เคยเป็น
.... ไอ้หมอนี่ ท่าจะเริ่มเมาแล้วแหง หน้าแดง ตางี้เยิ้มเชียวแถมยังหันมาทำหน้าแปลกๆใส่ แล้วก็เหมือนว่าจะเข้ามาป้อนให้ตามคำขอเสียด้วย ...
“เฮ้ย กินเองก็ได้” รีบตะครุบแก้วมาถือไว้ในมือแทบไม่ทันเชียว
... เจ้าบ้านี่ เขินบ้างเหอะ! ใครจะมาบ้านั่งยิ้มให้ผู้ชายด้วยกันเอาอกเอาใจขนาดนั้นได้ ...ขนลุกตายชัก!
“ยามะจัง เงียบเชียว ไม่สนุกเหรอ?”
“ยูมะ! นายหลุดเข้ามาได้ไงเนี่ย?” หลุดเข้ามาในที่นี้หมายถึง การฝ่าด่านยามะจังเอฟซี ที่รักษาการณ์อยู่ด้านนอก รวมทั้งเพื่อนเขาที่ ....เอ้ะ แล้วไดจังหายไปไหน? ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?
ร่างสูงพยักพเยิดให้หันไปมอง ไดกิที่กำลังขึ้นเสียงโวยวายอยู่กับใครสักคนในโทรศัพท์ท่าทางแฟนจะโทรมาตามล่ะมั้ง ... เฮ้อ รักกันดีจังเลยน้า
“อึดอัดใช่มั้ยล่ะ?”
“อืม อยากออกไปเดินเล่นข้างนอก”
“มันมืดแล้วนะ อันตรายออก”
“งั้นนายก็ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
ไม่ทันที่ร่างสูงจะตอบรับ หรือได้พูดอะไร ไดกิก็เดินกลับเข้ามาพร้อมสีหน้ายุ่งๆ
“ยามะจังกลับเหอะ ฉันอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้แล้ว”
“ยูยะคุงของนายอยู่ไหนแล้วล่ะ?”
“หน้าร้านเนี่ยแหละ ไปเร็ว เดี๋ยวแวะไปส่งนายก่อน”
“ไม่ต้องหรอก เรายังไม่อยากกลับบ้าน”
“แล้วจะไปอยู่ที่ไหน? อย่าบอกนะว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ”
“เปล่า เราจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆเนี่ยแหละ”
“กับใคร?”
“นี่ไง ยูมะ”
“อ้าว นายเข้ามานั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
แกล้งพูดให้มันเหมือนล้อเล่นหน่อยก็ไม่ได้นะ อะไรกันทำหน้าใสซื่อแบบนั้น คนทั้งคนนั่งหัวโด่อยู่ตั้งนาน จะใจร้ายมองไม่เห็นกันบ้างเลยหรือครับ!
“ไว้ใจได้มั้ยเนี่ย?” ไดกิหรี่ตามองยูมะอย่างจับผิด ลอบประเมินฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตา แบบไม่มีการปิดบัง ช่างเป็นคนเปิดเผยเสียจริง
“อืม ก็ได้ แต่ห้ามกลับบ้านเกินเที่ยงคืนนะ เดี๋ยวจะโทรไปเช็ค”
“คร้าบบแม่”อดจะล้อเลียนไม่ได้ เมื่อเห็นอาการเป็นห่วงแบบโอเวอร์แอคชั่นของเพื่อนสนิท
.... เค้าไม่ใช่เด็ก 4 ขวบนะจะบอกให้!
“เดี๋ยวปั้ดเหนี่ยวเลย ก็ยามะจังน่าเป็นห่วงน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ”
“รู้แล้วๆ ล้อเล่นนิดเดียวเอง น้า~” ก็เล่นเกิดมาน่ารักซะขนาดนี้นี่นะยามะจัง ถ้าเกิดโดนใครฉุดไป ไดกิจะไปหาเพื่อนหน้าตาดีมีราศีแบบนี้ได้จากไหนอีก
.... ณ สถานที่เดิม ร้านคาราโอเกะกลางใจเมือง ที่บัดนี้ได้เปลี่ยนสภาพไปโดยสิ้นเชิง
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาเหล้ามาอีก เอิ้กก”
เหมือนว่า ตอนนี้ทุกคนเมาเละเทะกันไปหมดแล้ว นอนกันเรี่ยราดเกลื่อนกลาดไปหมด โดยเฉพาะเจ้าของงานวันเกิด ที่ดูเหมือนจะเมาแอ๋ไปเป็นคนแรก
เคโตะมองสภาพโดยรอบแล้วได้แต่ส่ายหัวอย่างอเนจอนาถใจ
.. ยังกะเพิ่งผ่านศึกสงครามมาอย่างงั้นแหละ นอนตายกันเกลื่อนพื้นเชียว มีบ้างที่ยังมีแรงลุกขึ้นมาเต้นโยกเยกๆ เซไปเซมา โดยเฉพาะไอ้คู่หูจอมอึด ที่ยืนร้องเพลงบ้าๆอยู่หน้าจอ
.... เค้าเองก็กินไปเยอะเหมือนกัน มึนหัวหน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีสติเหมือนเจ้าพวกนั้น ...
“อือ”
... อ้อใช่สิ ตอนนี้ยูโตะนั่งอยู่ข้างๆด้วยนี่นา ท่าทางจะเมาไม่รู้เรื่องจริงๆ เพราะจากที่ซบๆพิงๆเค้าอยู่ก็กลายเป็นว่าเอนไหลลงมานอนตักเต็มตัวเลย ... ก็แน่ล่ะ โดนเจ้าพวกเพื่อนๆเค้าแกล้ง บังคับให้กินทั้งเหล้าทั้งไวน์ ไหนจะค็อกเทลสีสวยๆอีกเต็มไปหมด
... แต่จะว่าไป ตอนอยู่นิ่งๆ หลับตาพริ้ม สิ้นฤทธิ์แบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ...
ด้วยความเผลอตัวเผลอใจ หรืออะไรซักอย่างที่ดึงดูดให้จมูกเคโตะ จิ้มไปกับแก้มนิ่มเสียแล้วและเป็นปกติของมนุษย์ ที่เมื่อได้คืบก็จะเอาศอก ถึงจะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกชอบลักหลับก็ยอมก็ในเมื่อร่างตรงหน้า ขาวใส บริสุทธิ์ผุดผ่องซะขนาดเนี้ย~
.
.
สวนสาธารณะยามค่ำคืน นอกจากความมืดและความเงียบสงบแล้ว ก็จะมีเพียงเสียงดังกรอบแกรบเป็นระยะ ยามที่เท้าทั้ง 2 คู่ได้เหยียบลงบนพื้นดินที่บัดนี้ถูกปกคลุมด้วยสีแดงของใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นลงมาตามฤดูกาล
"ใบไม้ร่วงกับกลางคืนนี่มันก็ดูเข้ากันดีนะ" จู่ๆร่างเล็กก็หยุดเดิน แล้วก็พูดขึ้นมาลอยๆ
"ทำไมล่ะ"
"ก็มันลึกลับเงียบสงบ แล้วก็ ดูเหงาๆล่ะมั้ง" ยูมะเองได้สังเกตเห็นชัดๆก็ตอนนี้ล่ะว่า คนตัวเล็กที่ร่าเริง ยิ้มแย้มปั่นหัวเขาได้ทั้งวันน่ะ แท้จริงแล้วเหงาขนาดไหน
"ยามะจังเหงาใช่ไหมล่ะ?"
"อือ คงจะเป็นอย่างนั้น"
"แล้วเพื่อนคนที่อยู่ด้วยกันบ่อยๆล่ะ"
"ไดจังน่ะหรอ เค้ามีแฟนแล้ว” ยิ่งพูดถึง ก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความห่อเหี่ยวในน้ำเสียงเข้าไปกันใหญ่
"อย่างนี้นี่เอง แล้วยามะจังไม่คิดมีแฟนมั่งเหรอ?"
"มีสิ เคยมี แล้วก็เลิกกันไปแล้ว"
"ใช่คนที่เจอวันที่ไปเที่ยวกันวันนั้นหรือเปล่า?" น้ำเสียงติดไม่แน่ใจนิดๆ แต่ดูจากรูปการแล้ว หลังจากที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่เป็นนานก็พอดูออก
...ทั้งคำพูดคำจา ท่าทาง มันไม่เหมือนเพื่อนธรรมดาเลยสักนิด...
"อื้ม ใช่แต่ก็ไม่แปลกนี่ .... ความรัก มันก็เหมือนพระจันทร์ พอถูกเติมเต็มก็จะถึงคราวแหว่งเว้า" ร่างเล็กทอดกายนอนพิงพนักม้านั่งมองท้องฟ้าอย่างผ่อนคลาย เสียงสบายๆที่ถ่ายทอดออกมาให้เหมือนไม่รู้สึกอะไร
... แต่จากดวงตาและสีหน้าที่ซ่อนความรู้สึกไว้ไม่มิดก็ฉายชัดว่า ยังคงหลงเหลือความเศร้า ที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจเสมอมา ...
"แต่ถึงจะแหว่งเว้ายังไง สุดท้ายพระจันทร์ก็จะถูกเติมเต็มจนสวยงามเหมือนเดิมไม่ใช่หรือ มันไม่ได้จบสิ้นลงแค่ครั้งเดียวเสียหน่อย"
"....."เรียวสุเกะชะงักเล็กน้อย ค่อยๆลุกขึ้นมาจ้องหน้าร่างสูงด้วยความไม่เข้าใจ
... หมายความว่ายังไงกัน? ...
"เริ่มต้นใหม่ได้ไหม? ให้ฉันได้เป็นคนเติมเต็มในส่วนนั้นให้นายเองนะ จะได้ไม่ต้องเหงาอีกแล้วไง" ร้องขอด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าอ้อนวอนชวนให้หวั่นไหวได้ง่ายๆ
เรียวสุเกะมีท่าทางลังเลเล็กน้อย จ้องมองลึกลงไปในดวงตาที่มีแต่ภาพของเค้าสะท้อนอยู่ในนั้น
....เชื่อได้ไหมนะ? แววตาแบบนี้เชื่อใจได้ไหม?....
“ยามะจัง”เรียกอีกครั้ง ด้วยความหวังและกำลังใจที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง
.... ยังไงก็ขอมีความหวังไว้ก่อนล่ะน่า...
“อืม ก็ได้ เริ่มใหม่ก็ได้”
“จริงเหรอครับ?”
... แต่ก็ไม่คิดว่าความหวังจะเป็นจริงเร็วขนาดนี้นี่นา ....
“หวังว่าจะไม่ทำให้เรารู้สึกคิดผิดนะ”
“แน่นอน สบายใจได้เลย ไม่มีวันนั้นอยู่แล้ว” สองคนส่งยิ้มให้กันอย่างเขินๆ
... ก็นั่งอยู่ด้วยกันมาตั้งนานไม่รู้สึกอะไร แต่พอมาเปลี่ยนสถานะแบบนี้แล้วมันก็เริ่มรู้สึกแปลกๆแฮะ ....
ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงไปแล้ว ซักวันหนึ่งมันก็คงกลายเป็นปุ๋ย ส่วนต้นไม้ก็จะค่อยผลิดอกออกผลชูช่อขึ้นมาสวยงามใหม่ทุกครั้ง... ในชีวิตเรานั้น ความรักไม่ได้จำกัดว่าต้องเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
.... โอกาสน่ะ หาได้ไม่ยากหรอกอยู่ที่ว่าพร้อมที่จะผลิบานขึ้นมาใหม่อีกครั้งหรือไม่ ...
Tululu
. Tululu
.
เสียงเรียกโทรศัพท์แผดขึ้นมาดังลั่น เรียวสุเกะสะดุ้งสุดตัว รีบคว้ามารับแทบไม่ทัน เมื่อเห็นเบอร์ขึ้นโชว์ที่หน้าจอ ... กิริยาที่ยกดูนาฬิกาข้อมือ พร้อมกับใบหน้าซีดเผือด ทำเอายูมะถึงกับมองหน้าอย่างตื่นๆ
“สวัสดีไดจัง”
//ไม่ต้องมาเสียงอ่อนเสียงหวาน.. อยู่ไหนแล้ว!//
“คือ ยังอยู่ที่สวนอยู่เลยอะ อ๊า ไดจังอย่าเพิ่งโกรธนะอ้ะ!” ร้องอย่างตกใจที่อยู่ๆโทรศัพท์ก็โดนแย่งไป
“สวัสดีครับ ผมนากายามะนะ ตอนนี้อยู่กับยามะจังไม่ต้องห่วงหรอก กำลังจะไปส่งที่บ้าน รับรองส่งถึงบ้านปลอดภัยไว้ใจได้เลย”
เรียวสุเกะก็เลยได้แต่นั่งมองร่างสูงขานรับคำจากไดกิอีกหลายประโยคใหญ่ๆ ตาปริบๆ หน้าเสียไปนิดๆ เมื่อคิดว่าเพื่อนจะโกรธที่ไม่ยอมเชื่อฟังกัน
..... แหม อากาศเย็นๆสบายๆแบบนี้มันก็เพลินจนลืมดูเวลาอ่ะสิ ...
“ว่าไงบ้าง?” รีบรุดไปเกาะแขนทันทีที่ร่างสูงวางสาย
“หูชาไปนิดหน่อย ... เรารีบกลับกันเถอะ”
“ไดจังโกรธเราไหม?” ถามด้วยสีหน้าหงอยๆ
“ไม่หรอก ก็แค่เป็นห่วงน่ะแหละ”
“โฮ่ยโล่งอกงั้นก็กลับบ้านกัน” หันมายิ้มน่ารักใส่คนข้างๆ ก่อนจะเข้าไปคล้องแขนร่างสูงเดินกลับบ้านกันกระหนุงกระหนิง
ไอ้ตอนนี้แหละ ที่ยูมะอยากจะลอยขึ้นสวรรค์ด้วยความปลื้มใจจริงๆไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมามีโอกาสได้คลอเคลียใกล้ชิดกับยามะจังที่เป็นคนของประชาชนขนาดนี้ได้ในสักวัน
จากนี้ต่อไป จะกี่สิบยามะจังเอฟซีก็ไม่มีถอยแล้วล่ะคร้าบบบ... ก็ในเมื่อผมมีสถานะใหม่มาเย้ยเจ้าพวกนั้นแล้วนี่ ฮ่าฮ่าฮ่า รู้สึกดีชะมัด
.
.
“เมาหรือไง ไอ้บ้า บ้ามากๆเลย”
ท่ามกลางความสงบสุขของเพื่อนๆที่เมาค้างหลับเป็นตายเกลื่อนห้องนั้นเอง กำลังถูกทำลายโดยเสียงถกเถียงกันของคน 2 คน
“หายเมาแล้ว พูดจริงๆ เชื่อดิ”
“ไม่ๆๆ นายเมาแน่ๆ” เพื่อนๆต่างค่อยๆตื่นขึ้นมา พอเห็นหน้า 2 คนคู่กรณีที่ยืนเถียงกันเสียงดัง
.... เออปัญหาครอบครัวเค้าคนนอกอย่าไปยุ่ง ก็เลยพากันกลับบ้านไป ไม่มีใครสนใจจะเข้ามาห้าม หรือแสดงความช่วยเหลือไกล่เกลี่ยกันเลยซักนิด ...
“ไม่เมา! ต้องทำยังไงถึงจะเชื่อ หา!”
“อะไรเข้าสิงนายเนี่ย”
แม้แต่คู่หูคู่บ้าที่คิดจะเข้ามาแซวอย่างทุกที ยังหาช่องว่างให้ตัวเองเข้าไปแทรกไม่ได้
... สุดท้ายห้องทั้งห้องก็เหลือเพียง 2 เคโตะกับยูโตะเท่านั้นที่ตื่นเต็มตา...
“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของนาย” ทั้งที่ปกติ เคโตะจะเป็นคนขี้เล่น ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา แต่ในเวลานี้เคโตะดูน่ากลัวจริงๆ คงจะโมโหที่เค้าไม่ยอมรับฟังในสิ่งที่เขาบอกเสียที
“ก็..”
“ฉันชอบนาย! ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่สายตาของฉันจะคอยมองหานายเสมอ แค่ได้เห็นว่านายอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ก็มีความสุขแล้ว... ตลอดมาฉันก็ไม่เคยคิดเลยนะ ว่าจะต้องมาพูดอะไรแบบนี้กับนาย แต่มันก็เป็นไปแล้ว เข้าใจไหม! ยอมรับเสียทีว่ามันเป็นความจริง ไม่ได้สติเลอะเลือนอะไรทั้งนั้น!”
“...ขอโทษ”
“ฉันไม่อยากได้ยินคำนั้น ตอบมาเลยตรงๆดีกว่า”
....นี่เคยมีใครไปบอกเคโตะไหมล่ะเนี่ย ว่าเวลาขอความรักเขาน่ะ อย่าทำหน้าโหด
“ฉัน ฉันว่า... เราเป็นเพื่อนกันจะดีกว่ามั้ง”
“เหอะ งั้นเหรอ งั้นก็ตามใจ เป็นเพื่อนก็ได้” ยูโตะมองหน้าชายหนุ่มงงๆ
... อะไรจะตัดใจได้ง่ายดายขนาดนั้น ตกลงนี่แค่แกล้งเล่นๆใช่มั้ยเนี่ย..
“อย่าเพิ่งทำหน้าผิดหวังอย่างน้านน” คนขี้เล่นกลับมายิ้มแย้มได้เหมือนเดิม
.... แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าจริงๆแล้ว เคโตะรู้สึกยังไงกันแน่.....
“ผิดหวังอะไร ...ตลก! อย่ามามั่ว”
“ก็ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า สมองฉันเนี่ย สั่งการให้เป็นเพื่อนกับนายเหมือนเดิม แต่ขอโทษ เรื่องของหัวใจน่ะ มันนอกเหนือการควบคุมว่ะ ไปล่ะ ระวังตัวดีๆเห้อะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
...สาบานได้ว่า นี่เป็นอาการของคนอกหัก...
เอาน่ะ ก็บอกแล้วว่าใบไม้ที่ร่วงลงมาแล้ว ซักวันก็จะกลายเป็นปุ๋ย ส่วนต้นไม้ก็จะผลิดอกขึ้นมาใหม่ ... เก็บความช้ำใจในวันนี้ให้เป็นประสบการณ์ เผื่อวันข้างหน้า เคโตะจะได้ตระหนักซักนิดว่า ไม่ควรทำหน้าโหดขณะขอความรัก เพราะอาจจะทำให้คุณอกหักแบบไม่รู้ตัว!
The End
To be continue
Next Season “Ai no katachi”
.....หวังว่าคงจะสนุกกันนะคะ......
.... ติชมกันได้นะคะ คอมเม้นได้แม้ไม่ต้องล็อคอิน^^.....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น