ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ]… Mushi Man …[Okamoto Keito x Nakajima Yuto]

    ลำดับตอนที่ #5 : Part 4

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 54


                                                                     

                       [4]

      

     

    น้องยามะจัง อยากไปกินขนมอะไรสักหน่อยก่อนกลับบ้านมั้ย พี่รู้จักร้านอร่อยๆล่ะ เดี๋ยวพี่พาไปกินร่างสูงของยูยะหันมาชวนรุ่นน้องที่รักระหว่างที่เดินเลี้ยวออกมาจากซอยโรงเรียน....

     

    เอางั้นก็ได้ครับถ้าเป็นเรื่องกินเรียวสุเกะไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว.... กลับกันร่างเล็กส่งยิ้มหวานให้คนชวนลอยขึ้นสวรรค์ไปอีกต่างหาก

     

    ฉันอยากกลับบ้านแล้วไดกิโพล่งออกมาเสียงดังขัดขวางบรรยากาศสีชมพูด้วยความหงุดหงิดอย่างไม่มีสาเหตุ

     

    นายก็มาด้วยกันสิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงด้วยก็ได้ร่างสูงยิ้มชวนอย่างใจดี... เพื่อน(อนาคต)แฟนก็เหมือนเพื่อนตัวเอง ต้องญาติดีกันเข้าไว้

     

    จริงอ่ะ

     

    อื้อ จริง

     

    ....โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการตัดสินใจที่ผิดอย่างมหันต์เลยทีเดียว .....

     

    ................................................

    ...........................

    .........

     

     

    ยูโตะที่เดินพ้นจากตึกเรียนไปแล้ว เริ่มรู้สึกได้ว่าสิ่งมีชีวิตหน้าตาหล่อเหลาที่เดินอยู่ข้างๆกันเมื่อครู่ บัดนี้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมอีกต่อไป หมุนตัวหาโดยรอบก็ไม่มี.... ร่างบางจึงเพ่งมองย้อนเข้าไปที่ตัวตึก ก็เห็นว่าร่างหนากำลังยืนดูอะไรสักอย่างอยู่ตรงนั้นเอง

     

    .......จะหยุดเดินก็บอกกันสักคำมันจะตายมั้ยวะ.......

     

    แต่ถึงแม้จะบ่นอยู่ในใจอย่างนั้น สุดท้ายตัดสินใจเดินย้อนกลับมาหานายหัวเม่นจนได้

     

    ดูอะไรน่ะถามนายเม่นที่หยุดยืนนิ่งอยู่ตรงบอร์ดประชาสัมพันธ์ แต่มันไม่ตอบ...มันนิ้วสั้นๆป้อมๆไม่สมตัวชี้ไปยังใบปลิวที่แปะอยู่แทนคำพูด

     

    ........นี่ตกลงมันไปแอบอมดอกพิกุลมาตอนไหน ....ทำไมผมไม่รู้........

     

     

    งานเทศกาลเหรอ ใกล้จะถึงแล้วนี่นา

     

    .....เอ้ะ!..... เหตุการณ์นี้ผมว่ามันดูคุ้นๆแปลกๆ เหมือนกับว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วอย่างนั้นแหละ

    .....เค้าเรียกว่าอะไรนะ เดจาวู รึเปล่า? ......

     

    ขณะที่ผมมองเคโตะจ้องใบปลิวแผ่นนั้นย่างตั้งอกตั้งใจ ความทรงจำวัยเด็กช่วงหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว

     

    .

    .

     

    ดูอะไรอะนายหัวเม่น

    เด็กชายไม่ตอบ เพียงแต่บุ้ยใบ้ให้ดูใบปลิวแต่แปะอยู่ข้างร้านขายขนมที่พวกเขามาซื้อเป็นประจำเพราะสะสมการ์ดพลังที่แถมมากับห่อขนม

    งานเทศกาลฤดูร้อนเหรอ... จริงสิ นายยังไม่เคยเที่ยวงานฤดูร้อนของที่นี่เลยใช่ม้ะ

    อื้อ เราอยากไป

    งั้นปีนี้ฉันจะพานายเที่ยวเอง

    จริงเหรอ

    จริงสิ ฉันสัญญา นิ้วเล็กๆยื่นมาจ่อตรงหน้าอีกคนซึ่งยิ้มรับและยื่นนิ้วมาเกี่ยวไว้เช่นเดียวกัน

     

     

    หลังจากนั้นกลับมาถึงบ้าน ผมก็เริ่มต้นวางแพลนแผนการเที่ยวงานโดยทันที

     

    เราจะเริ่มจากไปซุ้มปลาทอง.... นายเคยช้อนปลาทองมั้ย

    ช้อนไปทำไมเหรอ สงสารมันออก

    โอ้ย นายไม่รู้อะไร ช้อนปลาทองน่ะเป็นการแสดงถึงความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงเลยนะ แถมยังสนุกจะตาย นายต้องไปลองเลยนะ

    อืม เอาอย่างนั้นก็ได้

    ดีมาก ที่ต่อไปก็จะเป็นซุ้ม.... สายไหมไง ขนมสายไหมของเมืองนี้นะ สุดยอดแห่งความอร่อยเลยนะจะบอกให้ อ้อๆแล้วก็ทาโกยากิอีก ฯลฯ

    มันปล่อยให้ผมร่ายยาวแผนการเที่ยวของเราอยู่คนเดียว โดยที่มันทำเพียงแค่ยิ้ม พยักหน้าเออออ แล้วก็เงียบฟังอยู่แบบนั้น

     

    .

    .

     

     

    ยิ้มอะไรอยู่คนเดียว

    นายเม่นร้องทักออกมา ทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์แห่งความทรงจำสมัยแฟนฉันทันที

     

    ตอนนั้นนายยังไม่ทันได้ไปเที่ยวงานเทศกาลเลยใช่มั้ยล่ะกำหนดกลับของเคโตะเป็นวันก่อนหน้าที่จะมีงานเทศกาลพอดี... ผมก็เลยไม่ทันได้ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้

     

    .....ความจริงแล้ว ผมก็ไม่ได้เป็นคนผิดสัญญาสักหน่อยนี่นา.....

     

    อืม ทั้งที่นายอุตส่าห์วางแผนเสียดิบดี

     

    งั้น..ปีนี้ฉันจะพานายไปตามสัญญาให้ได้เลยนะผมออกปากชวนไปอย่างง่ายๆ..... ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว เคโตะจะแสดงสีหน้าดีใจออกมาเหมือนได้เงินล้านขนาดนั้น

     

    .....ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ยังจำได้แถมท้ายด้วยคำขอบคุณแบบเสียงนุ่มๆทุ้มต่ำปนเขินอายใส่ผมอีกระลอก... งานนี้ยูโตะรินละลายได้อีกครับ //////>w<////////

     

     

    …………………….

     

    …………….

     

    ……..

     

     

    อยากกินอะไรก็สั่งได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ยูยะพูดอย่างใจดี เมื่อทั้งสามคนเข้ามานั่งในร้านเค้กตกแต่งน่ารักที่ตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่ไกลนัก ...ลูกค้าในร้านก็มักเป็นเด็กสาวในโรงเรียนเป็นซะส่วนใหญ่ ... ยิ่งมีหนุ่มรุ่นพี่สุดหล่อของโรงเรียนมานั่งยิ้มรื่นเริงอยู่ในร้าน สาวๆก็ยิ่งแตกตื่นและทวีความเสียงดังกันเข้าไปใหญ่

     

    เรียวสุเกะเองก็หาได้สนใจกับสิ่งแวดล้อมรอบข้างไม่ ริมฝีปากบางวาดเป็นรอยยิ้มมีความสุขเมื่อเจอ สตรอเบอร์รี่โซน ในเมนูของหวานในร้าน

     

    ส่วนไดกิ รายนี้จิ๊ปากอย่างขัดใจ พลางพยายามพลิกเมนูหาเรื่องแกล้งชายหนุ่มให้จงได้

     

    ... บอกว่าไม่ต้องเกรงใจใช่มั้ย ...ได้... เดี๋ยวจะทำให้ลืมไม่ลงไปเลย เหอะ.....

     

    .

    .

     

    รายการที่สั่งได้แล้วค่า บริกรสาวค่อยๆลำเลียงของหวานชิ้นเล็กน่ารักลงบนโต๊ะทีละอย่าง ...

     

    อ่ะ สตรอเบอร์อัดแน่นไปทุกอนูของถ้วยแบบนี้รับรองว่าของยามะจังอย่างแน่นอน ... แรร์ชีทเค้กนี่ของผมเอง .... แล้วพุดดิ้งหลากรส หลากสีที่วางลงบนโต๊ะอย่างไม่หยุดหย่อนนั่นอะไร?

     

    ไดจัง นายสั่งเยอะขนาดนี้เลยเหรอ เรียวสุเกะเอียงตัวไปกระซิบกับเพื่อน คงพยายามพูดให้เบาที่สุด แต่ก็ไม่พ้นหูผมที่จะได้ยินอยู่ดี

     

    ก็มันน่ากินไปหมดนี่นา ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ารสไหนอร่อยที่สุด ..... อีกอย่าง รุ่นพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วยนี่นา ....เนอะ ทาคาคิคุง ไดกิตอบคำถามเพื่อน แล้วก็หันกลับมาเอียงคอถามผมซะอย่างน่ารัก... แต่เวลานี้ สิ่งที่ผมเห็นมีเพียงแต่หางเดวิลกระดิกดุ๊กดิ๊กๆอยู่เบื้องหลังหน้าตาใสซื่อ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเท่านั้น

     

    อ่า ไม่เป็นไรหรอก ... แต่สั่งมาแล้วก็ต้องกินให้หมดนะ กัดฟันยิ้มให้อีกที ... เพื่อไม่ให้น้องยามะจังลำบากใจ ทั้งที่ในใจเรียกร้องอยากหลบไปควักกระเป๋าออกมานับคุณฟุกิซาว่าดูให้ชื่นใจว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า

     

    รุ่นพี่ไม่ชอบของหวานรึเปล่าฮะเพราะมัวแต่กังวลก็เลยเผลอเหม่อไปจนน้องต้องทัก

     

    ชอบครับ แต่พี่ไม่ชอบกินหวานจัดๆน่ะ เรื่องเงินเก็บไว้เครียดทีหลังดีกว่า ตอนนี้ขอตักตวงความสุขที่ได้อยู่กับน้องยามะจัง(แม้จะมีมารความสุขด้วย)ก่อนละกัน

     

    แค่ได้เห็นใบหน้ามีความสุขยามที่น้องได้กินของที่ชอบแล้ว หัวใจผมมันก็อดจะมีความสุขไปด้วยไม่ได้ .. ดูสิ แก้มขาวๆนั้นป่องจนกลมไปหมดเมื่อน้องยัดของหวานพูนช้อนเข้าไปในปากในคราวเดียว ... ท่าเคี้ยวยับๆก็ดูน่าร๊ากกกกก

     

    ยามะจัง ทานเลอะแน่ะท่าทางน้องจะมีความสุขกับการกินมากไปหน่อย จึงเผลอลืมสนใจตัวเอง

     

    เอ้ะไม่ปล่อยให้น้องได้ทันตั้งตัว ผมก็คว้าทิชชู่ตรงเข้าไปเช็ดมุมปากให้เรียบร้อยแล้ว

     

    ขอบคุณครับ เหมือนน้องจะเขินนิดๆ ไม่รู้เขินหรืออายที่โตเป็นควายแล้วยังกินเลอะเป็นเด็กอนุบาลอยู่.... แต่สำหรับผมที่มองทุกอย่างของน้องด้วยใจอันลำเอียงเป็นที่ตั้งแล้ว ผมไม่ถือหรอกครับ ต่อให้น้องกินตะกระตะกรามแค่ไหน ผมก็มองว่าน่ารักอยู่ดี

     

    ไดกิเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความขัดเคือง สีหน้าไม่พอใจฉายออกมาแจ่มชัดราวกับมีใครมาเขียนแปะหน้าผากว่าไดกิคนนี้กำลัง หวง 

    ร่างเล็กระบายอารมณ์ด้วยการตักพุดดิ้งหลากสีที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะไม่อยากเห็นภาพบาดตา

     

    อ้าว...นี่ก็ค่อยๆกินก็ได้ กินเหมือนเด็กเลย เลอะเทอะไปหมดทั้งสองคน แล้วสุภาพบุรุษใจดีก็ยิ้มเอ็นดูพลางคว้าทิชชู่มาเช็ดเศษพุดดิ้งที่ติดมุมปากของไดกิเข้าอีกคน

     

    ฉันเช็ดเองได้!!” แต่กับรายนี้ไม่ยักกะซาบซึ้งแฮะ ปีดมือออกทันควันแถมยังเหวี่ยงใส่อีก ...ไม่คุ้มครับไม่คุ้ม

     

    .

    .

     

    เดี๋ยวออกไปรอหน้าร้านกันก่อนนะ เดี๋ยวพี่เคลียร์บิลเสร็จแล้วตามไป เคราะห์ยังดีที่น้องพยักหน้าและยอมออกไปรอข้างนอกร้านโดยดี ...... คราวนี้ก็มาถึงปัญหาของผมแล้วสินะ มายฟุกิซาว่า~

     

                ....แต่ว่า

     

    ......ไม่มี .......

     

    ........ไม่มี~!!!!!!!............

     

    พลิกกระเป๋าดูทุกซอกทุกมุมก็ไม่มีคุณฟุกิซาว่าโผล่ออกมาให้ชื่นใจ ... จะเหลือก็แต่แบงค์พันเยนแค่ไม่กี่ใบ ซึ่งปกติมันคงพอจ่ายอยู่หรอกนะ ถ้าไม่รวม ....โคตรพ่อโคตรแม่พุดดิ้งร่วมสิบถ้วยของแขกรับเชิญพิเศษในวันนี้

     

    งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ ในขณะที่ผมกำลังยืนเวิ่นเว้อ.... คิดหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ อยู่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน จู่ๆก็มีมือดีมาฉกบิลไปจากมือผม และตรงเข้าไปจ่ายเงินแทนที่เคาน์เตอร์โดยไม่พูดอะไร ....แต่แผ่นหลังกว้างๆแบบนี้มันรู้สึกคุ้นตาอยู่ชอบกลนะ

     

    ฮารุมะ??”

     

    ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ...นายรีบไปส่งน้องเถอะ ฮารุมะหันมาพร้อมรอยยิ้มสบายๆ .....ผมยืนลังเล คิดเกรงอกเกรงใจอยู่ครู่หนึ่งก็ถูกไล่ให้ไปอีกรอบ เร็วสิ เดี๋ยวน้องไม่รอแล้วซวยหมานะเว้ย

     

    .

    .

     

    พรุ่งนี้เช้าพี่มารับไปโรงเรียนนะครับ

    ไม่ต้องลำบากมาหรอก ฉันกับยามะจังไปกันเองได้ไดกิตะโกนแทรกเข้ามาในบทสนทนาของผมกับน้อง... ตอนนี้เรายืนกันอยู่หน้าบ้านยามาดะ และผมกำลังล่ำลาน้องด้วยความเสียดาย

    แต่…

    เอาไว้เราค่อยเจอกันที่โรงเรียนก็ได้ครับรุ่นพี่

    อ่า..ถ้ายามะจังว่าอย่างนั้น.... งั้น พี่กลับก่อนนะ ฝันดีนะครับ

    รุ่นพี่ก็เหมือนกัน ฝันดีนะครับร่างสูงยิ้มกว้างเป็นการตอบรับ แล้วจึงเดินจากไป

     

     

    แหวะ.. ฝันดีนะครับ เลี่ยนที่สุดเลย นายชอบผู้ชายเลี่ยนๆอย่างนี้รึไงไดกิบ่นออกมาทันทีที่กรอบร่างของรุ่นพี่เดินลับตาไปแล้ว

     

    ฉันก็ไม่เห็นว่าพี่เค้าจะมีข้อเสียตรงไหน โดนไดจังแกล้งผลาญเงินตั้งขนาดนั้นเค้ายังไม่ว่าสักคำ

     

    ยามะจังอ้ะ!!”

     

    ฉันก็พูดตามที่เห็น หรือมันผิดตรงไหน

     

    ไม่คุยด้วยแล่ว!!” ไดกิสะบัดหน้าเดินปึงปังเข้าบ้านตัวเองไปทันที

     

    ………………

    …………

    ……

     

     

    ออกมาได้แล้ว ฉันรู้ว่านายตามอยู่นะยูยะพูดลอยๆออกมา เมื่อเห็นว่าเดินห่างออกมาจากบ้านยามะจังพอสมควรแล้ว

     

    จับได้แล้วเหรอเนี่ยร่างหนาของฮารุมะโผล่ออกมาจากหลังเสาไฟฟ้าด้วยรอยยิ้มเขิน

    ฉันก็คงไม่รู้หรอก ถ้านายไม่โผล่มาที่ร้านเค้กแบบนั้นน่ะ.... ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องตามมาส่งไง

    ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เดินตามไปแล้วฮารุมะสารภาพพร้อมยิ้มแหยๆ

     

    ยูยะเดินไปหยุดอยู่ที่สนามเด็กเล่นในสวนสาธารณะในละแวกบ้าน ฮารุมะก็เดินตามไปด้วย ....ร่างสูงเพรียวทิ้งตัวนั่งบนชิงช้าแล้วไกวเบาๆ

     

    แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณที่ช่วยนะ...ถ้าไม่ได้นาย ฉันคงแย่ จนถึงตอนนี้ก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ว่าถ้าฮารุไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย แล้วเขาจะทำยังไงดี

     

    นั่นสิน้า... ไปเดททั้งทีพกตังค์แค่นี้ได้ไงหนุ่มน้อยฮารุมะเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังของยูยะ แล้วช่วยไกวชิงช้าให้เพื่อน

     

    ก็ไม่คิดนี่ว่า...

    โดนแกล้งใช่มั้ยล่ะ .... อาริโอกะน่ะร้ายจะตาย กับผู้หญิงที่มาขอคบน่ะ ปฏิเสธหมดไม่เหลือเยื่อใยเลย ส่วนพวกผู้ชายที่มาขายขนมจีบน่ะนะ ไม่โดนด่าตะเพิดกลับมาก็โดนกลั่นแกล้งให้อับอายผู้คนมั่งแหละ

     

    ร้ายขนาดนั้นเลย... ทำไมล่ะยูยะหันมาถามร่างหนาด้วยสีหน้าฉงนสงสัย.... ท่าทางของไดกิไม่ใช่คนไม่ดีนี่นา... แค่บางทียังมีนิสัยเด็กๆอยู่บ้างเท่านั้นเอง

     

    ฉันก็ไม่รู้เหตุผลหรอกนะ ....แต่จะบอกว่ามีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละ ที่อาริโอกะยอมตามใจทุกอย่าง แล้วก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้

    ยามะจังใช่มั้ยล่ะ

    นึกว่าเล่ามาขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีก

    ตอนแรกก็คิดว่าแค่เพื่อนที่สนิทกันธรรมดา ที่บังเอิญบ้านอยู่ติดกันเท่านั้นแหละ

    แล้วตอนนี้เข้าใจรึยังล่ะ

    อืม...ก็เล่นนอนกันท่าเป็นจระเข้ขวางคลองซะขนาดนั้น ดูก็รู้ว่าหมอนั่นท่าทางหวงก้างน่าดูเฮ้อออยูยะทิ้งตัวพิงร่างหนาของฮารุมะที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังอย่างไม่กลัวอันตรายหรือว่าจะพลาดหงายหลังตกลงไป เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสนิทคนนี้มักจะคอยระวังให้เขาอยู่ตลอดเวลา

     

    แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ

     

    นั่นสิน้า... ตัดใจซะดีมั้ยน้ายูยะเงยหน้ามองสีหน้าฮารุมะที่ก้มลงมามองพอดีด้วยองศาที่.........

     

    พับผ่าสิ...หล่อได้ไม่เกรงใจหัวใจเพื่อนเลยสักนิดเดียว!!

     

     

    จะยอมแพ้แล้วเหรอ

     

    ก็ยังไม่อยากหรอก แต่อยากจะรู้ความในใจของน้องให้ชัดเจนเท่านั้นแหละ ว่าจริงๆแล้วฉันกำลังสู้อยู่กับความว่างเปล่าหรือเปล่า ....ถ้าหากว่าที่จริงหัวใจน้องเป็นของใครไปแล้ว

     

    ลองชวนไปเที่ยวดูสิ เสาร์นี้ ...นายกับน้องแค่สองคน

     

    เชื่อเหอะว่าต้องมีคนที่สามตามมาด้วยแน่ๆพูดถึงแล้วก็ขนลุกเกลียว.... เข็ดขยาดไม่หายจริงๆ

     

    ไม่ต้องห่วง ฉันไปด้วย ฉันจะเป็นคนที่สี่ จัดการให้นายเอง

     

    ………………………..

    ……………...

    ………

     

    To be Con

     

                พาร์ตนี้ฮารุยูยะจัดเต็มเลยทีเดียว ..... ไม่รู้เป็นอะไร แต่ช่วงนี้เวลาดูทาคาคิในรายการยันยัน หรือแม้แต่โชเนนก็เหอะ ..ทำไมรู้สึกว่ามันชักจะทำตัวน่ารักด๊องแด๊ง โมเอ๊โมเอ้อะไรจะขนาดนี้หนอ55+ ...ก็เลยมีอารมณ์มาแต่งเรื่องนี้เพลินเลยทีเดียว  ส่วนคู่หลักโอคาจิม่า(ที่เริ่มจะไม่เป็นคู่หลักแล้ว เพราะคู่รองมันดราม่าสามสี่เส้า55+) เฉลยคำมั่นสัญญาสิบปีไปแล้วนะ^^

    ตอนต่อไปน่าจะเคลียร์ความสัมพันธ์รุงรัง เธอ เขาและเราได้แล้วล่ะ(มั้ง) ก่อนที่ช็อตฟิกขนาดยาวของประจะออกทะเลไปไกลกว่านี้ ..... ใกล้จะได้เห็นตอนจบกันแล้วล่ะ ยังไงก็มาร่วมเดินทางไปจนถึงตอนจบด้วยกันนะคะ

    ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม^^  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×