คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Lovely Complex 04
Title : Lovely Complex
Cast : Nakajima Kento x Sato Shori
Rate : PG 13
Author : I-PrA
04
เช้าวันต่อมา
โชริเดินไปโรงเรียนกับยูมะ.... ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองคลองธรรมของมันตามปกติ
....ยูมะเดินลั้ลลาฮัมเพลงของยามะจังสุดที่รักมาตั้งแต่ออกจากบ้าน แม้ว่าเขาเพิ่งจะโดนพี่ยูยะสวดโทษฐานที่ปล่อยให้น้องชายสุดรักตกอยู่ในอันตราย(ความจริงยูยะก็บ่นเป็นตาแก่ตั้งแต่ที่ยูมะเหยียบเข้าบ้านตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว) .....หลังจากนั้นร่างบางก็โดนเบียดกระเด็นไปติดประตูอีกด้านตอนที่อยู่บนขบวนรถไฟ และก็เป็นหน้าที่ประจำของพี่ชายที่ต้องตามไปดึงเอาตัวโชริออกไปเมื่อถึงสถานีที่หมาย ....
พอถึงตอนพักกลางวัน โชริที่ทำข้าวกล่องมาเองทุกวันก็นั่งกินอยู่ที่โต๊ะตัวเองในห้อง โดยมียูตะที่มีมื้อกลางวันแค่นมและขนมปังเท่านั้นหันมาร่วมวงด้วย ...ยูตะชวนร่างบางคุยเรื่องสัพเพเหระตามประสา ในขณะที่โชริมักจะเป็นฝ่ายรับฟังแล้วก็หัวเราะไปกับเรื่องบ้าๆที่ยูตะขยันสรรหาเอามาเล่าได้ทุกวัน
“กรี๊ดดดดดด เจ้าชายมาล่ะ... เจ้าชายมาที่ตึกปี1ล่ะ”
เสียงสาวๆกรี๊ดกร๊าดกันดังเซ็งแซ่นั้นค่อยๆได้ยินชัดขึ้น..ชัดขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่ง ...กรอบร่างสูงโปร่ง เจ้าของฉายาเจ้าชายที่คนเกือบทั้งโรงเรียนเรียกได้มายืนอยู่หน้าประตูห้องของพวกเขาแล้ว
...ลมอะไรพัดมาไม่รู้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้คนทั้งห้องจ้องมองไปที่เจ้าชายที่ยืนเปล่งออร่าความไม่ธรรมดาออกมาแบบตาไม่กระพริบทีเดียว.... ร่างสูงกวาดสายตาไปทั่วห้อง มองหาคนที่เค้าต้องการ และเมื่อเห็นว่าโชริกำลังถือตะเกียบค้างและมองมาที่เค้าด้วยนัยน์ตาใสที่ติดจะงุนงงไม่น้อย ก็ไม่รอช้าที่จะเดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน ที่ทำให้สาวๆในห้องได้รับอานิสงค์จากรอยยิ้มนั้นไปด้วยถึงกับเพ้อไปตามๆกัน
“โชริ....ออกมานี่แปปนึงสิ”
...นอกจากเจ้าชายที่ติสจนหาตัวจับยากของประชาชนจะโผล่มาให้เห็นเป็นตัวเป็นตนแล้ว ยังถือวิสาสะเข้ามาดึงแขนร่างบางให้ลุกออกไปด้วยกันแบบไม่แคร์สายตาและความสงสัยใคร่รู้ของใครเลยด้วย
.
.
“เคนโตะคุงมีอะไรหรือฮะ”
โชริถามขึ้น เมื่อเคนโตะพาร่างเล็กออกมาพ้นจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของคนอื่นๆแล้ว
“อ้ะ ฉันให้นาย” ร่างสูงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและหยิบบางสิ่งบางอย่างยื่นไปตรงหน้าคนตัวเล็ก
“บัตรเข้าสวนสนุก...เอ้ะ หมายความว่า” โชริช้อนตาใสปิ๊งขึ้นมองร่างสูงด้วยความคาดหวังทันที
“ไปเดทกันนะ อาทิตย์นี้.... นายว่างใช่มั้ย” เคนโตะลอบยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าร่างเล็กมีปฏิกิริยาไปในทางที่ดี โชริมีท่าทีตื่นเต้นขณะที่พิจารณาแผ่นกระดาษในมือ
“ก็ถ้าเคนโตะคุงซื้อมาขนาดนี้แล้ว ไม่ไปก็เสียดายแย่สิครับ”
“แล้วโชริไม่อยากไปเหรอ” ร่างสูงทำตาอ้อน ...จริงๆก็ไม่ใช่แค่ตาหรอก แต่ทั้งหน้าตาและน้ำเสียงมันดูออดอ้อนแบบที่คงมีน้อยคนนักที่จะทนใจแข็งได้
“อยากสิฮะ....ผมไม่ได้ไปเที่ยวสวนสนุกตั้งนานแล้ว ขอบคุณนะครับ” ร่างเล็กตอบรับคำชวนด้วยรอยยิ้มเต็มแก้ม
“ตอนแรกฉันก็คิดตั้งนานว่าจะพานายไปไหนดี ...ถ้านายชอบฉันก็ดีใจ”
.
.
บ้านทาคาคิ
“พี่ยูยะ อาทิตย์นี้ผมจะไปเที่ยวสวนสนุกนะ”
โชริคลานเข่าเข้าไปหาพี่ชายที่นั่งปั่นต้นฉบับอยู่บนโต๊ะทำงานที่เป็นโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ บนโต๊ะมีแต่กระดาษที่มีตัวหนังสือขยุกขยุยเต็มไปหมด ...โชริไม่ได้มามือเปล่า เขามาพร้อมกับถาดของว่างที่ประกอบไปด้วยชาร้อนและคัพเค้กชิ้นน่ารักสองสามชิ้นที่เขาอุตส่าห์ฝึกฝนทำมาอย่างตั้งใจ
...ยังไม่ได้บอกใช่มั้ย .....พี่ยูยะน่ะมีอาชีพหลักเป็นนักเขียนนิยาย Boy love ยอดนิยมเลยล่ะ.....
“อื้อ ไปกับใครล่ะ” ยูยะเอื้อมมือไปหยิบชาร้อนขึ้นมาจิบด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“เพื่อนน่ะครับ” โชรินั่งทบส้นส่งยิ้มน่ารักอยู่ข้างๆพี่ชาย .....
“เพื่อนที่ชื่อเคนโตะนั่นใช่มั้ย”
“ครับ” โชริยังคงยิ้มหวานเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน ....กว่าจะรู้ว่าโดนพี่ชายหลอกถามเขาก็บอกความจริงออกไปเรียบร้อยแล้ว
.....ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ที่โชริไม่เคยโกหกพี่ยูยะได้สักที.....
“อยากไปเหรอ” ยูยะเห็นน้องชายหงอยๆไปก็แกล้งถามลองเชิงอีกครั้ง
“อื้ม...ผมไม่ได้ไปเที่ยวแบบนี้อีกเลย ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่...รถคว่ำวันนั้น”
หรือจะพูดได้อีกอย่างว่า ตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น ที่บ้านก็ไม่เคยมีงานรื่นเริงอีกเลย รวมถึงไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกด้วย.... แรกๆอาจจะด้วยสภาพคล่องทางการเงิน แต่หลังๆนี่เรียกว่ายูยะงานยุ่งจนไม่มีเวลาพาน้องๆไปเที่ยวเสียมากกว่า
“ถ้าอยากไปก็ไปสิ”
การตัดสินใจของคนเป็นพี่ครั้งนี้ ทำให้โชริต้องถามย้ำเพื่อความมั่นใจอีกรอบทีเดียว
“จริงเหรอฮะ” โชริรู้สึกแปลกใจที่คราวนี้พี่ยูยะอนุญาตให้ไปอย่างง่ายๆ ทั้งที่ปกติเวลาโชริจะไปไหนแต่ละที พี่เขาต้องซักไซ้ไล่เรียงจนขาวสะอาด กว่าจะพอใจและอนุญาตให้ไปน่ะ โชริถูกซักจนซีด แทบจะหมดสิ้นความอยากไปมันซะทุกครั้ง
“แต่!!!! มีข้อแม้ว่าน้องต้องกลับถึงบ้านตอนหกโมงเย็น ห้ามสายห้ามเกินกว่านั้นไปแม้แต่วินาทีเดียว! ห้ามต่อรองด้วย ไม่งั้นก็เลิกคิดไปได้เลย”
“ขอบคุณฮะ” โชริยิ้มหวานแล้วโถมเข้ากอดพี่ชายแรงๆทีนึงอย่างดีใจ.... ก่อนจะลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นอย่างอารมณ์ดีกลับเข้าห้องตัวเองไป.... ร่างหนามองตามน้องชายไปแบบยิ้มๆ
.....พอลับหลังโชริแล้วนั้น ยูยะก็กวักมือเรียกยูมะที่แอบฟังอยู่ใกล้ๆเข้ามา
“ไปสืบว่าน้องไปเที่ยวสวนสนุกที่ไหน กับใครเมื่อไหร่ยังไง... แล้วก็ไปจัดการซื้อตั๋วของเราสองคนไว้ด้วย”
ต้องมีคำสั่งตามมาเป็นชุดแบบนี้สิถึงจะเป็นพี่ยูยะตัวจริง ...แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ยูยะจะวางใจปล่อยให้โชริไปไหนตามลำพังกับใครก็ไม่รู้ด้วยตัวคนเดียว... พี่ชายที่ทั้งห่วง ทั้งหวงน้องชายอย่างกับจงอางหวงไข่แบบนี้น่ะนะ
“ผมก็คิดอยู่แล้ว ว่าทำไมพี่ยูยะใจดีแปลกๆ ผิดปกติที่สุด ....นึกว่าผีเข้าซะอีก” ยูมะแกล้งแซว
“ไอ้ยูมะ! เดี๋ยวโดน” พอยูยะทำท่าเหมือนอยากใช้ข้าวของบนโต๊ะมาเป็นอาวุธสังหาร ยูมะก็รีบเผ่นออกจากพื้นที่อันตรายทันที
“คร้าบบบ เดี๋ยวน้องจัดการให้ ไม่มีปัญหา” แต่ยังมิวายโผล่หน้าทะเล้นๆออกมารับคำสั่งให้ยูยะได้หาอะไรใกล้ตัวปาไล่หลังมันสักรอบด้วยความหมั่นไส้
...........................................
......................
เมื่อวันอาทิตย์มาถึง
การที่โชริตื่นเช้านับว่าเป็นปกติของบ้านอยู่แล้ว แต่วันนี้พิเศษหน่อยตรงที่ร่างบางอารมณ์ดี สุนทรีย์ขนาดที่ทำอาหารเช้าไปครวญเพลงไปด้วยอย่างรื่นเริงมีความสุข .....ทำเอาพี่ชายทั้งสองคนที่มาแอบส่องดูน้องที่ตรงประตูเชื่อมห้องครัวนั้นต้องหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
“ท่าทางเดทคราวนี้จะสำคัญกับโชริมากนะพี่” ยูมะหันมาถามความเห็นพี่ชายที่ยืนเม้มปากแน่นท่าทางสะเทือนใจ เหมือนเห็นคนเป็นพ่อน้ำตาซึมเวลาเห็นลูกสาวออกเรือนยังไงอย่างนั้นเลย
.....ก็ตั้งแต่โตมาด้วยกัน ยูมะยังไม่เคยเห็นวันไหนที่โชริอารมณ์ดี มีความสุขจนคนมองแทบจะตาฝาดเห็นฉากหลังเป็นสวนดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งแบบวันนี้เลย .....
“เดทเดิทอะไรกัน น้องยังเด็ก...ยังไม่ควรมีแฟน!” ยูยะขึ้นเสียงเถียงน้องหน้าดำหน้าแดง
....ยูยะเองก็รู้สึกมีความสุขเวลาที่น้องมีความสุข แต่ส่วนหนึ่งในหัวใจมันรู้สึกไม่ค่อยชอบใจยังไงไม่รู้.....
“ชู่ว อย่าเสียงดังสิ! เด็กอะไรกัน โชริขึ้นมอปลายแล้วนะ”
“มอปลายแล้วแต่ก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ห้าม...ห้ามเด็ดขาด”
“ความรักนะพี่ ไม่ใช่เหล้าเบียร์...ต้องมารอให้อายุถึงก่อนน่ะ...อ๋อ ที่พี่ไม่มีแฟนถึงทุกวันนี้เพราะรอเบญจเพสใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ซะหน่อย...เพราะฉันต้องดูแลพวกแกน่ะแหละ ไม่มีเวลาไปคิดถึงคนอื่นหรอก”
“ก็เพราะแบบนี้ไง พี่ยูยะไม่มีเคยมีแฟน ไม่เคยมีความรัก ...ไม่เข้าใจวัยรุ่นหรอก!” ยูมะเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น ประหนึ่งว่ากำลังพูดเรื่องตัวเองมากกว่าจะเป็นการเถียงแทนโชริไปแล้ว
“แล้วแกน่ะ มีแล้วรึไง”
“ก็มีแล้วน่ะสิ”
“กับยามะจังของแกน่ะนะ”
“ใช่...ผมรักยามะจังของผม!! เรื่องความรักมันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่พี่ก็เข้าไปยุ่งกับน้องมันไม่ได้ รู้ไว้ซะด้วย!!”
.
.
“ไปแล้วนะครับ”
“เดินระวังรถด้วยล่ะ”
“แล้วจะรีบกลับนะฮะ”
เมื่อโชริกล่าวลาและเดินออกจากบ้านไป ...สองพี่น้องยูยะ ยูมะก็ประสานสายตาสื่อความนัยที่เข้าใจกันแค่สองคน แล้วต่างคนต่างวิ่งขึ้นห้องกันตึงตังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ยูยะแปลมโฉมจากชุดทำงาน(อยู่บ้าน) ซึ่งเป็นชุดจินเบตามแบบผู้ชายญี่ปุ่น ปกติแล้วถ้ายูยะอยู่ในช่วงปั่นต้นฉบับก็จะอยู่ในสภาพใส่จินเบ สวมแว่น มัดจุกน้ำพุ นั่งจุ้มปุ้กอยู่ที่โต๊ะทำงานข้ามวันข้ามคืนจนขอบตาดำคล้ำเป็นหมีแพนด้า แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในช่วงเดธไลน์ก็จะดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย
แต่วันนี้ยูยะจัดเต็มด้วยชุดไปรเวท(ที่นานๆจะได้ใส่ออกบ้านที) เสื้อยืดคอวีสีดำปักหมุดโลหะสีเงินเป็นลายกะโหลกไขว้เก๋ๆ ทับด้วยแจ็คเกตหนังสีดำ คู่กับกางเกงยีนส์ซีดๆสไตล์ damage jean ตามสมัยนิยม นอกจากนี้ยังมีเวลาคว้าเอาสร้อยคอ หมวก แล้วก็แว่นสีชาเป็นพร๊อบติดมือไปด้วยอีกต่างหาก
ร่างหนากำลังจะแหย่เท้าเข้าไปในรองเท้าแตะคู่โปรด แต่ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้แต่งตัวดี เลยเบนเปลี่ยนเป้าหมายไปที่บู๊ทหนังสีดำแทน
ฝ่ายยูมะเองก็แต่งหล่อไม่แพ้กัน เพียงแต่ว่ารายนี้มีภาพลักษณ์แบบหนุ่มหล่อตลอดเวลาอยู่แล้ว เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร .....ไม่เหมือนพี่ชายที่วันดีคืนดีตี3 ตี4 เดินท่อมๆออกไปซื้อของที่คอมบินิทั้งๆที่ใส่จินเบสวมแว่นมัดจุกอยู่บ้านแบบนั้นนั่นแหละ พอเปลี่ยนลุคแล้วอย่างกับคนละคน
สองพี่น้องยูยะและยูมะวิ่งตามสะกดรอยน้องชายไปถึงสถานี แม้ว่าระหว่างทางทั้งสองคนจะเถียงกันว่าเพราะยูมะมัวพิถีพิถันแต่งองค์ทรงเครื่องตามประสาผู้ชายเจ้าสำอาง ฝ่ายยูยะก็กลัวจะตามน้องไปไม่ทัน ...แต่ก็ยังดีที่โชคช่วยยูมะไม่ต้องถูกยูยะบ่นหูชา เพราะเขาทั้งคู่ตามโชริทันแล้ว ....
ที่สถานี
ร่างสูงของเคนโตะยืนพิงกำแพงรออยู่แล้ว แม้จะยังไม่ถึงเวลานัดก็ตาม
“ยังไม่ถึงเวลานัดเลยนี่ครับ เคนโตะคุงมาถึงเร็วจัง” โชริส่งเสียงทักออกไปก่อนพร้อมกับยิ้มหวานแบบโลกสดใส
“จะว่าไงดีล่ะ...ตื่นเต้นล่ะมั้ง เดทแรกนี่นา” ร่างสูงตอบด้วยยิ้มเขินๆ
.....แม้ว่าจะไม่มีมีคำพูดใดๆต่อมา แต่ก็เหมือนว่าบรรยากาศตรงนี้จะกลายเป็นสีชมพูจางๆขึ้นมาซะแล้ว.....
ทว่า ....ห่างออกไปไม่กี่เมตร
“พี่ยูยะใจเย็น” ยูมะออกปากปรามพลางลูบหลังลูบไหล่พี่ชายที่แอบดูอยู่หลังเสาที่เริ่มมีอาการไฮเปอร์ เมื่อเห็นว่าโชริกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับผู้ชายคนเดียวกับที่เขาเคยเจอเมื่อวันก่อน
“ไอ้หมอนั่นเป็นใครมาจากไหน รู้จักมั้ยยูมะ”
ยูยะเอ่ยถามทั้งๆที่สายตาไม่ได้ละไปจากน้องชายคนเล็กแม้แต่น้อย ...ยูมะพยายามเพ่งใช้สายตามองชัดๆแล้วก็ต้องตกใจ
“เอ๋ นั่นมัน นากาจิม่า เคนโตะนี่นา ...ทั้งเรียนดี กีฬาเยี่ยม เล่นดนตรีก็ได้ แถมยังป๊อปมากเลยล่ะ คนที่โรงเรียนเรียกเจ้านั่นว่าเจ้าชายเลยนะ” เรื่องข้อมูลนี่ต้องยกให้ยูมะ.... แต่ยูยะยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
.....เจ้านั่นเป็นยอดมนุษย์รึไงฟะ ....
.....ว่าแต่ คนแบบนั้นจะมาจริงจังกับน้องชายเขาจริงๆเหรอ......
...................................................
..............................
................
“มิกกี้จัง”
โชริยืนทำตาเป็นประกายอยู่หน้าประตูทางเข้า ..เคนโตะมองแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
..... ยังไงก็เด็กล่ะน้า .....
“ตอนแรกฉันคิดจะพาไปที่อื่นอยู่เหมือนกัน เพราะกลัวว่าดิสนี่แลนด์มันเด็กไป” แต่ดูจากประกายตาแห่งความสุขของเด็กคนข้างๆแล้ว เขาคิดว่าเขาคงเลือกได้ไม่ผิดแล้วล่ะ
“แต่ผมชอบนะ” จู่ๆโชริก็หันมาทำหน้าจริงจังแล้วบอกว่าชอบ ถึงเจ้าตัวจะหมายถึงชอบมิกกี้หรือดิสนี่แลนด์นี่ก็เถอะ.... แต่มาพูดว่าชอบกันกะทันหันแบบนี้.....
............ เจ้าชายก็เขินเป็นนะคร้าบบบบบ..........
“งั้นก็เข้าไปกันเถอะ.... อยากเล่นอะไรก่อนดี”
“Adventure land!”
.
.
ถ้าตัดเรื่องหน้าตาน่ารักกับความใสซื่อบริสุทธิ์ของโชริออกไปแล้ว ...ร่างบางก็เป็นเด็กผู้ชายที่ชอบความตื่นเต้นท้าทาย เหมือนเด็กซนๆทะโมนๆคนนึงเท่านั้นเอง
“เคนโตะคุงเล่นนี่ๆ”
“เคนโตะคุงอันนั้น”
“เคนโตะคุงอันนี้ยังไม่ได้ไปเล่นเลย”
......เรียกว่า ไม่ให้ได้หยุดพักกันเลยดีกว่า โชริลากเคนโตะไปเล่นเครื่องเล่นผาดโผนแทบทุกชนิด ชนิดที่ว่า ถ้าเคนโตะเกิดกลัวความสูงหรือไม่ถูกกับรถไฟเหาะขึ้นมา คงได้อ้วกแตกอ้วกแตนแน่
“อ้ะ นี่”
เคนโตะส่งแก้วน้ำโค้กให้ร่างบางที่กำลังดูแผนที่ และกำลังวางแผนที่ๆจะไปเล่นต่อ
“ขอบคุณครับ” โชริยิ้มแล้วรับมาดื่มด้วยความกระหาย เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหิวน้ำก็เมื่อได้ดื่มเข้าไปอึกแรกนั่นแหละ
...เขามัวแต่ห่วงเล่นจนไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย ....เจ้าชายนี่ใจดีจังเลยน้า......
“หิวหรือยังล่ะเรา”
“แฮะๆ เมื่อกี้ยังไม่ทันรู้สึกหรอกฮะ แต่พอเคนโตะคุงพูดขึ้นมา ก็ชักจะเริ่มหิวขึ้นมาแล้วสิ”
“งั้นก็ไปหาอะไรกินกัน”
เคนโตะลุกจากม้านั่ง แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะส่งมือให้อีกฝ่ายเกาะกุมแล้วเดินไปด้วยกัน .... ตอนแรกโชริเหมือนจะไม่เข้าใจ เกือบส่งแก้วน้ำคืนให้ร่างสูงแล้ว แต่เคนโตะก็บุ้ยใบ้ให้โชริยื่นมือมาจับได้สำเร็จ ฝ่ามือใหญ่กอบกุมประสานกันแนบแน่นแล้วพอกันเดินออกไป
......รอยยิ้มแห่งความสุขฉาบบนใบหน้าของทั้งสองคน .....
.
.
โชรินั่งกินป๊อปคอร์นรสช็อคโกแลตที่แวะซื้อระหว่างทางที่เดินหาร้านอาหารอยู่ที่โต๊ะ ส่วนเคนโตะเป็นคนจัดการทุกอย่างตั้งแต่สั่งอาหาร จ่ายเงิน จนกระทั่งถือถาดที่บรรจุอาหารของสองคนกลับมาที่โต๊ะ
“กินแต่ขนม เดี๋ยวก็ท้องอืดกินข้าวไม่ลงหรอก”
“ก็มันอร่อยนี่ฮะ เคนโตะคุงลองกินมั้ย”
“อ้าม~” ร่างสูงเลือกที่จะนั่งลงที่เบาะฝั่งเดียวกันกับโชริแล้วปล่อยให้อีกฝั่งว่างไว้ แล้วอ้าปากเป็นเชิงให้ป้อน .... โชริหัวเราะแล้วหยิบป๊อปคอร์นโยนใส่ปากร่างสูงเหมือนกำลังให้อาหารฮิปโปซะอย่างนั้น ...เคนโตะก็เลยเคี้ยวกร้วมๆอย่างเคืองๆ
“ไม่เห็นเห็นจะอร่อยเลย คนป้อนไม่เต็มใจ” ทำหน้างอนได้อีก โชริก็เลยต้องยอมป้อนป๊อปคอร์นอีกครั้ง คราวนี้ป้อนให้อย่างดีแถมยังมาเอียงคอถามว่า อร่อยรึยัง ซะอีกแน่ะ..... จะน่ารักเกินไปแล้ว
เคนโตะก็เลยแกล้งโน้มใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ กระซิบข้างหูว่า
“จะยิ่งอร่อยกว่านี้ ถ้าโชริป้อนมันด้วยปาก”
อันเป็นผลให้โชริเขินจนแก้มแดง ปากบางเม้มแน่น ไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว .... ร่างสูงจึงยิ้มใจดีพูดเปลี่ยนเรื่องแล้วเลื่อนเซ็ตอาหารในถาดไปตรงหน้าโชริ
“เลือกเอาเลย...อยากกินอันไหน แต่เผื่อท้องไว้ทานของหวานด้วยล่ะ ที่นี่ขนมอร่อยๆเยอะนะจะบอกให้”
โชริชั่งใจอยู่ครู่นึงก็เลือกหยิบจานมิกกี้นักเก็ต ซึ่งเป็นไก่นักเก็ตที่ทำเป็นรูปมิกกี้เมาส์.. ส่วนเคนโตะก็หยิบเอาแฮมเบอร์เกอร์ที่แม้แต่ตัวขนมปังก็เป็นรูปมิกกี้มากินแทน
.
.
“เคนโตะคุงล่ะ...เหมือนมั้ย”
พอเริ่มอิ่ม โชริก็เริ่มซนด้วยการบีบขวดซอสมะเขือเทศใส่จานเฟรนฟรายด์โดยวาดเป็นรูปหน้าคน ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นหน้าของเคนโตะ...... ร่างสูงยิ้มแล้วก็แย่งเอาขวดซอสมาวาดเป็นรูปหน้าคนอีกคนข้างๆกัน สุดท้ายก็วาดรูปหัวใจไว้ระหว่างกลาง
“แบบนี้สวยกว่าอีก เคนโตะ ♥ โชริ” อยู่ๆก็มาบอกรักกันหน้าซื่อๆกลางร้านอาหารแบบครอบครัวที่มีเด็กตัวเล็กๆ วิ่งกันให้พล่าน บ้างก็ส่งเสียงร้องโยเยบ้างล่ะ ...บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก -_-“ แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว คนฟัง..คนที่ถูกบอกรักก็เขินได้ไม่ต่างกัน
โชริได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาหวานฉ่ำของร่างสูงด้วยความเขินอีกแล้ว ...
.......เจ้าชายนี่ช่างขยันทำอะไรให้เขาทำหน้าไม่ถูกอยู่เรื่อยเลยเชียว.....
To be con
I-PrA Talk : ตอนนี้เหมือนจะสั้น(ป่ะ)....... อ่านพอหอมปากหอมคอเนาะ 5555+ แล้วจะพยายามต่อตอนหน้าเร็วๆน๊ะ
ตอนหน้าน่าจะเป็นตอนสุดท้ายของ lovely complex เพราะพล็อตหลักของเรื่องนี้จบแล้ว แต่คู่ของเคนโชริยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และคงจะมีโผล่มาแซมๆแจมๆกับอีกสองเรื่องที่เหลือแน่นอน โปรดติดตามกันต่อปายยยย
......ตู่ต่อไปจะเป็นพี่ยูยะ หรือพี่ยูมะดีก่อนดีคะ?..... ส่งเสียงหน่อยเร๊วววว (ยังไม่ได้แต่งทั้งคู่ ถือว่าเสมอกัน 55+)
ความคิดเห็น