คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3
[3]
.
.
“นายกลับมาทำไม... ต้องการอะไร” หลังจากที่ถูกเพื่อนทิ้งซึ่งๆหน้าไปแล้ว ผมก็หมดทางจะหลีกหนี จึงได้แต่ร้องถามไปอย่างที่คิด
“ฉันติดสัญญาไว้กับเด็กคนนึง” แต่คำตอบที่ได้รับมันทำให้ผมโมโหจริงๆ
“....แล้วเจอรึยังล่ะเด็กคนนั้นน่ะ”
“เจอแล้ว...แต่ว่าเด็กคนนั้นไม่ยอมคุยกับฉัน”
“แสดงว่านายไปทำเรื่องเลวร้ายไว้กับเขาน่ะสิ เขาถึงไม่คุยด้วย” เหมือนผมไง....
ร่างหนามองใบหน้าหวานงอง้ำ จมูกโด่งรั้นบ่งบอกถึงความเอาแต่ใจเชิดขึ้น แขนยาวกอดอกนิ่ง ไม่ยอมมองแม้แต่ไรผมของคู่สนทนา .... เหมือนเดิมเลย งอนท่าเดียวกับเมื่อก่อนเด้ะ จริงๆแล้วก็น่ารักอยู่หรอกนะแต่ว่าอดที่จะขำออกมาไม่ได้ .... กาลเวลาไม่ทำให้นายเปลี่ยนไปเลยจริงๆ
“ขำอะไร”
“นายยังขี้งอนเหมือนเดิมเลย”
“ใครขี้งอนกัน ไอ้หัวเม่น อ้ะ...” หลุดพูดชื่อนี้อีกแล้ว
“นายเคยคิดไหมล่ะว่าทำไมฉันถึงกลับมาเรียนที่เมืองนี้แทนที่จะไปโตเกียว ฉันต้องรบกับพ่อแทบตายกว่าท่านจะยอมให้มาเรียนม.ปลายต่อที่นี่”
“จะย้ายไปอยู่ที่ไหนก็เรื่องของนายสิ”
“ถ้าฉันไปขึ้นมาจริงๆแล้ว กลัวว่าเด็กขี้งอนแถวนี้จะร้องไห้ขี้มูกโป่งอีกน่ะสิ”
“ใครจะไปร้องไห้ให้นายกัน”
“ใครก็ไม่รู้ล่ะ แต่ฉันก็อยากจะบอกเหมือนกันว่ามีเด็กหัวเม่นคนนึงที่น้ำตาไหลไม่หยุดตั้งแต่หน้าประตูบ้านจนถึงนาริตะ ตั้งแต่ที่รู้ว่าจะต้องย้ายกลับอังกฤษกะทันหันโดยที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะไปบอกลาใคร”
“.................”
“เลิกงอนฉันได้หรือยัง ยูโตะริน ...ฉันคิดถึงนายนะ”
“แล้วเรื่องเด็กคนนั้นของนายล่ะ”
“เด็กคนไหนอีกล่ะ ฉันก็รู้จักแต่เด็กดื้อ เด็กขี้งอนคนนี้คนเดียวเนี่ยแหละ”
ยูโตะยังคงทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แล้วทำไมไม่ติดต่อมาเลย”
“ตอนนั้นฉันยังเด็ก ที่อยู่ เบอร์โทรฉันก็ยังจำไม่ได้ แถมวันนั้นที่ไปก็มัวแต่ร้องไห้ ไม่ทันได้นึก รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนถึงลอนดอนแล้ว ฉันถึงได้รู้ว่าพลาดอะไรหลายๆอย่างไป สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ก็มีแต่ชื่อแล้วก็หน้านายเท่านั้นแหละ”
ฟังคำตอบแต่ละข้อดูเอาเถิด ยาวลากไส้แถมยังกระชากใจคนฟังทุกช็อตอีกต่างหาก ยูโตะรู้สึกว่าตัวเองตัวลีบเล็กลงๆไปทุกที
“แล้วสัญญาที่ว่า คือสัญญาอะไร” หน่วยตาคมของเคโตะฉายแววเศร้าลงไปเล็กน้อย แต่ยังใจเด็ด ทิ้งเป็นปมปริศนาให้คนหัวช้าได้กลับไปขบคิดเล่นๆว่า
“เรื่องนั้น รอให้เจ้าของคำสัญญาเป็นคนนึกได้เองดีกว่า”
.
.
((((22:30 PM))))
ตุ้บ..ตุ้บ......ตุ้บ
เสียงของอะไรสักอย่างกระแทกเข้ากับประตูกระจกตรงระเบียงอยู่พักใหญ่ ทำให้เรียวสุเกะอดที่จะลุกไปดูด้วยความสงสัยไม่ได้
เมื่อเปิดประตูระเบียงออก ก็พบกับไดกิในชุดนอนลายจุดสีชมพูอ่อนที่ยืนยิ้มหวานอยู่อีกฟากหนึ่งของระเบียงกำลังจะปากระดาษที่พับเป็นจรวดส่งมาให้อีกลำหนึ่ง .... เจ้าของเสียงรบกวนยามวิกาลนี้ส่งเสียงหัวเราะเหอะๆออกมา เมื่อสายตาผมไปหยุดอยู่ที่ขยะกระดาษอีกจำนวนหนึ่งที่กองอยู่เกลื่อนระเบียงจากเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ ....
บ้านผมกับไดจังอยู่ติดกัน นอกจากนี้แล้วระเบียงห้องของเรายังหันหน้าเข้าหากันแบบที่สามารถใช้เป็นทางลัดข้ามไปมาหากันได้ (แต่เราก็ไม่ใช้มันบ่อยๆหรอกนะ นอกเสียจากมีเหตุจำเป็นจริงๆ ...เพราะว่ามันสูงงงง และเราทั้งสองคนก็ไม่โปรดที่สูงกันสักเท่าไหร่)... และนั่นก็อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เค้ากับผมสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ
ไดกิก้มลงไปเขียนอะไรสักอย่างบนจรวด ก่อนจะส่งมันข้ามฝั่งมาให้ผม
เนื้อความเขียนด้วยตัวหนังสือแบบเด็กอนุบาลสั้นๆง่ายๆได้ใจความว่า
//คืนนี้ขอนอนด้วยคนนะ//
จนแล้วจนรอด สุดท้ายไดกิก็ได้หอบหมอน ปีนระเบียง เสี่ยงชีวิตข้ามมาทางห้องผมจนได้ ...
“จะมาค้างก็บอกกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องสร้างงานสร้างอาชีพให้กันดึกๆอย่างนี้เลย” เรียวสุเกะบ่นออกมา ขณะที่ตัวเองกำลังเก็บกวาดเศษกระดาษที่ระเบียงลงถังขยะให้เป็นที่เป็นทาง.... ส่วนเจ้าคนสร้างเรื่องน่ะเหรอ กำลังจัดที่นอนให้ตัวเองอย่างไม่อนาทรร้อนใจใดๆ
หลังจากจัดการกับขยะบนระบียงเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ปิดประตูล็อกกลอนระเบียงเรียบร้อย... เห็นว่าไดจังยังวุ่นวายเลือกตุ๊กตาบนเตียงผมมาเล่นก็เลยล้อเลียนไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น
“ไง..พ่อหนุ่มเนื้อหอม วันนี้นึกครื้มอะไรล่ะถึงอยากปีนระเบียงมาตอนดึกๆเนี่ย”
“ก็...อยากนอนกอดยามะจัง” ไดกิพูดไปก็กอดรัดตุ๊กตาแพนด้าในมือแน่น ...เพิ่มความน่าเชื่อถือ
“ไม่ให้กอด”
“ง่า....ก็กลัวจะมีใครบางคนงอนเพราะต้องเดินกลับบ้านคนเดียวนี่”
“กลับคนเดียวอะไร ยูโตะก็อยู่”
“แล้วเคโตะก็ตามไป.... นี่อย่าลืมว่าตอนนายนัดแนะกับเจ้านั่นฉันก็อยู่ด้วยนะ คนอย่างเคโตะไม่น่าจะไร้น้ำยาขนาดที่ปล่อยให้ยูโตะกลับบ้านกับนายหรอกมั้ง”
“อ้อเหรอออ” แกล้งลากเสียงยานคางกวนอารมณ์คนพูด ....รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนใบหน้าหวานอีกครั้ง แน่นอนว่าไดกิรู้ตัวว่ากำลังถูกกวนโมโห จึงคว้าตัวเรียวสุเกะมาฟัดเสียให้หายหมันเขี้ยว
“พอแล้วไดจัง จั๊กกะจี้” เรียวสุเกะเบี่ยงตัวหนีออกมาด้วยความบ้าจี้
“งั้น...มานอนซุกอกป๋าซะดีๆมา....” ไดกิเก็กเสียงเข้ม วางมาดเป็นอาเสี่ย วางแขน ตบที่นอนรอ ซึ่งไม่ได้เข้ากับหน้าตาน่ารักๆของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย...... เรียวสุเกะหัวเราะคิกคักแต่ก็ยอมคลานดุ๊กดิ๊กเข้ามานอนซบอกเพื่อนสนิทแต่โดยดี.... ไม่นานนักทั้งสองก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
.
.
เช้าวันต่อมาที่แสนสดใส อบอวลไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลแห่งความรัก ..... สำหรับเหล่าเด็กผู้หญิงแล้ว ดูเหมือนพวกเธอจะเห็นมันเป็นวันสำคัญแห่งชาติละมั้ง ถึงได้วิ่งวุ่นวาย ส่งเสียงวี๊ดว้ายกันตั้งแต่เช้า
จริงๆมันก็ทำให้บรรยากาศโรงเรียนดูครึกครื้นดีเหมือนกันนะ
“อ่ะ..แฮปปี้วาเลนไทน์เดย์” เรียวสุเกะโยนถุงใส่ช็อคโกแลตลายน่ารักแถมยังผูกริบบิ้นสวยงามให้ผมทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะเรียน
“ว้าว ยามะจังทำเองเหรอ” ผมสำรวจสิ่งของที่ได้มาอย่างรวดเร็วด้วยดวงตาเป็นประกาย... ก็นี่เป็นของชิ้นแรกที่ได้รับในปีนี้เลยนี่นา
“อือ... ช่วงนี้ของลดราคาก็เลยซื้อมาทำดูเฉยๆ” แม้ยามะจังจะทำหน้าเฉยเหมือนให้ไปตามมารยาทก็ตาม แต่ผมเชื่อว่ายามะจังจะต้องตั้งใจและใส่ใจกับมันมากๆ เพื่อจะมอบให้กับคนที่ยามะจังรักทุกคน..... ทุกคน?
“ฉันก็ได้นะ” ไดจังชูถุงช็อคโกแลตหน้าตาคล้ายๆกันกับผม เพียงแต่ของไดจังนั้นใหญ่กว่ากัน.....นิดหน่อย
“เอ๋... ทำไมของไดจังได้อันใหญ่กว่าล่ะ” ด้วยความเห็นแก่กิน ทำให้ผมลืมคิดถึงความสัมพันธ์อันคลุมเครือของทั้งสองคนไปเสียสนิท
“แน่สิ ก็ฉันเป็นคนพิเศษของยามะจังนี่นา” คนพิเศษแบบไหนอีกล่ะสองคนนี้ ยูโตะรินไม่ไหวจะเก็ท เลยเบี่ยงประเด็นไปสงสัยเจ้าของถุงช็อคโกแลตที่วางเหลืออยู่แทน
“แล้วสองอันนี้ของใครล่ะ”
“ของเคโตะ ...แล้วก็ของรุ่นพี่อีกคนนึง”
“เห.... ยามะจังแอบชอบรุ่นพี่คนไหนหรอ? หรือว่า..... คนที่ให้สตรอเบอร์รี่เมื่อวานแน่ๆเลยใช่มั้ยล่า~”
“อืม...ก็แค่อยากจะขอบคุณเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไร” เพราะแก้มขาวๆของยามะจังรึเปล่า เขินอะไรนิดหน่อยก็ขึ้นสีเลือดฝาดจางๆเสียแล้ว
“แล้วยูโตะล่ะ เตรียมไว้หรือยัง” อ้าว.... ทำไมไดจังเบี่ยงประเด็นมาหาผมซะเฉยๆงี้ล่ะ
“ทำไมต้องเตรียมด้วยล่ะ ฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงนะ” ผมก็พูดไปตามที่คิด
“ฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิง” ยามะจังทำเสียงเย็นใส่ผมทันที .....อ่า..ผมลืมคิดถึงตรงนี้ไป
“ฉันหมายถึงว่า ฉันไม่ได้เก่งเรื่องพวกนี้เหมือนยามะจังซะหน่อย”
“อา.... สงสารเคโตะจังเลยน้า” ถึงมันจะคล้ายเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดาๆ แต่ผมฟังแล้วมันแลดูเหมือนกำลังโดนกดดันยังไงก็ไม่รู้สิ
“เจ้านั่นป๊อปอยู่แล้ว ไม่เห็นจะน่าสงสารตรงไหนเลย เดี๋ยวก็มีผู้หญิงมาให้ของขวัญเยอะแยะเองนั่นแหละ”
“ของขวัญมากมาย ต่อให้กองเป็นภูเขาก็ไม่เท่าของที่ได้รับจากคนสำคัญแค่คนเดียวหรอกนะ ยูโตะ”
ไดจังพูดทิ้งท้ายไว้ด้วยใบหน้าจริงจัง ก่อนจะแยกตัวขึ้นไปเพราะใกล้เวลาเข้าเรียน .... ยะมะจังเองก็สะบัดหน้าหันกลับไปนั่งหลังตรงเข้าที่อย่างไม่แยแสผมอีกเหมือนกัน....
.....นี่ผม ... ทำอะไรผิดไปเหรอ......
.
.
“กรี๊ดดดดด รุ่นพี่ทาคาคิ รุ่นพี่มิอุระ”
“รุ่นพี่นี่เท่ห์สมคำร่ำรือจริงๆเลย”
“มาทำอะไรที่ตึกปี 1 เนี่ย”
เสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงดังขึ้นเรื่อยๆไปตามทางที่หนุ่มรุ่นพี่คนดังทั้งสองก้าวเดิน
“น้องยามาดะอยู่ในห้องหรือเปล่า”
“ยะ...อยู่ค่ะ”
“ขอบใจนะ”
ร่างสูงก้าวอาดๆเข้าไปในห้องด้วยท่าทางมั่นใจ รอยยิ้มเท่ห์และสายตาที่แน่วแน่จดจ้องไปยังเป้าหมายเพียงจุดเดียว ท่ามกลางสายตาของคนทั้งห้องที่หยุดการเคลื่อนไหวทุกสิ่งและคอยลุ้นตามจนแทบหยุดหายใจ ....
.....จะเป็นใครกันนะ คนที่รุ่นพี่คนดังลงมาหาถึงห้องขนาดนี้....
จนเมื่อร่างสูงเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเรียวสุเกะที่กำลังคุยเล่นอยู่กับเพื่อน
“น้องยามะจัง พี่ขอเวลาคุยด้วยแปบนึงสิ”
“ครับ?”
.
.
“เอ่อ...พี่ชื่อทาคาคิ ยูยะ อยู่ปี3”
“ผมรู้จักชื่อรุ่นพี่อยู่แล้วครับ ..ก็รุ่นพี่เป็นคนดังของโรงเรียนนี่นา ใครๆก็รู้จักทั้งนั้นล่ะ”
“....พี่ก็ไม่ได้ดังถึงขนาดนั้นหรอก....” คล้ายๆจะโดนชม ร่างสูงก็เลยทำตัวไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้า เกาหัวแก้เขิน... ทำใจอยู่สักครู่ก็เงยหน้าขึ้นมาเกริ่นถึงธุระของวันนี้ “คือว่า....ที่เรียกออกมาวันนี้ น้องรู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”
“ครับ แต่ผมอยากฟังจากปากรุ่นพี่มากกว่า”
ฟังประโยคก๋ากั่นไม่กลัวคนจากรุ่นน้องแล้ว รุ่นพี่ก็ได้แต่ข่มความเขินอายกลืนมันกลับลงคอไป.... สูดลมหายใจเรียกแรงฮึกเหิมจากส่วนลึกสักส่วนในหัวใจ
“.......พี่ชอบน้องยามะจัง”
“คบกับพี่ได้มั้ย”
ความในใจที่ร่างสูงเอื้อนเอ่ยออกมานั้น เต็มไปด้วยความเคอะเขินที่แฝงแววของความจริงจัง ทำให้เรียวสุเกะที่เผลอไปมองสบหน่วยตาคมใส แสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจที่มีให้เข้า ...ใบหน้าขาวก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“แต่ว่าผมยังไม่รู้จักตัวตนของพี่เลย ถ้าจะคบกันเลยเห็นทีว่าคงจะไม่ได้”
“งั้น...ขอโอกาสให้พี่ได้เอาชนะใจน้องได้มั้ยล่ะ”
“ถ้าแบบนั้นละก็คงไม่เป็นไรมั้งครับ”
....คำตอบแบบนี้ ภาษาชาวบ้านคงเรียกว่าให้ความหวัง ...แต่เรียวสุเกะก็พอใจที่จะทำแบบนั้น..... เขาไม่ใช่คนใจแข็ง แล้วก็ไม่ใช่คนที่ปิดโอกาสคนอื่น ....แถมบางทียังอาจจะช่วยให้บางสิ่งที่ยังคลุมเครือ กระจ่างชัดมากขึ้นก็ได้
กลับกันคำตอบของเรียวสุเกะก็ทำให้ร่างสูงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างจริงใจ ความดีใจแผ่ซ่านออกมาจนสามารถรู้สึกถึงได้ ราวกับว่าร่างสูงมีออร่าวิ๊งๆกระจายอยู่ทั่วร่างเลยทีเดียว
“ของขวัญเมื่อวาน ชอบมั้ย”
“เป็นของรุ่นพี่จริงๆด้วย.... ขอบคุณมากๆนะครับ ผมชอบมากๆเลย.... อ้ะ แล้วก็นี่.... ผมทำมาฝากเป็นการขอบคุณน่ะครับ ....รุ่นพี่อย่าเพิ่งดีใจ ผมให้ตามมารยาทเท่านั้นเอง”
“ไม่ต้องห้ามพี่หรอก.... เพราะแค่นี้พี่ก็ดีใจแล้วล่ะ ขอบใจนะ” ร่างสูงของยูยะลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆด้วยความเอ็นดูเป็นล้นพ้น... เรียวสุเกะสะดุ้งไปนิดด้วยความไม่คุ้นเคย แต่ก็อดจะรู้สึกแปลกๆในใจไปด้วยไม่ได้
.
.
สิ้นเสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนไม่ทันไร สองหนุ่มรุ่นพี่ก็โผล่เข้ามาหารุ่นน้องสุดป๊อปในระยะนี้ถึงห้องเรียน ..... คนหนึ่งเป็นขาประจำที่เทียวรับเทียวส่งกันอยู่ทุกวัน กับอีกคนหนึ่งเป็นขาจรที่ปกติไม่ค่อยมาเดินเตร่โชว์ตัวอยู่แถวนี้สักเท่าไหร่นัก แต่ดูจากท่าทางแล้ว คงจะได้กลายเป็นแขกขาประจำของห้องไปในวันใดวันหนึ่งซะแล้วล่ะ
“ยามะจัง// น้องยามะจัง” ด้วยเหตุอันใดไม่ทราบ ที่ดลบันดาลใจให้สองเสียงที่มีคีย์สูงต่ำต่างกันอย่างชัดเจนร้องเรียกขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
“กลับบ้านด้วยกันนะ” ร่างสูงของยูยะ อาศัยความยาวขาที่มากกว่า ก้าวประชิดถึงตัวเรียวสุเกะที่ยืนเบิกตาค้างกับเหตุการณ์รถไฟชนกันเปรี้ยงปร้างได้ก่อน จึงชิงบทพูดไป
“................” ไดกิตามมาหยุดยืนข้างร่างสูง ...มือเรียวกอดอกตัวเองแน่น ใบหน้าน่ารักนั้นมีแววเคร่งขรึมจริงจัง บ่งบอกให้รู้ว่าต้องการคำอธิบายร่ายไปถึงต้นสายปลายเหตุของแขกไม่ได้รับเชิญคนนี้
“โทษทีนะ ยังไม่ได้แนะนำเลย .... นี่อาริโอกะ ไดกิ เป็นเพื่อนสนิทผมเอง ส่วนนี่ ทาคาคิ ยูยะ เค้าเป็นรุ่นพี่อยู่ปีสามน่ะ”
เหมือนจะยังตอบไม่ตรงสิ่งที่ไดกิอยากจะรู้ ร่างเล็กจึงยังไม่คลายปมที่หัวคิ้ว
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ....ไดจัง” แต่อีกฝ่ายหาได้สังเกตถึงอารมณ์ของฝ่ายตรงข้ามไม่ ...ยูยะเปิดรอยยิ้มอ่อนโยนสานสัมพันธ์ด้วยทันที
“ครับ... เช่นกันครับ รุ่นพี่ยูยะ” หนุ่มรุ่นพี่สะดุ้งไปเล็กๆที่ถูกอีกฝ่ายเอาคืนด้วยการเรียกชื่อ
“เอ่อ งั้นเราก็กลับบ้านด้วยกันทั้งสามคนเลยละกันเนอะ ได้ใช่มั้ยครับรุ่นพี่ เนาะไดจัง”
“ก็นายว่าอย่างนั้นนี่” ไดกิไหวไหล่แบบไม่สนใจ
“ไม่เป็นไรหรอก กลับด้วยกันสามคนก็ได้ ท่าทางจะครื้นเครงดี” มิสเตอร์คิดบวกยังคงมองสถานการณ์ไม่ออก จึงยิ้มแย้มชักชวนอย่างเป็นมิตร
ครืด ครืด....
แรงสั่นในกระเป๋ากางเกงที่ดังมาอยู่สักพักทำให้ร่างสูงคว้ามันขึ้นมาเปิดดูหน้าจอ ...เมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาจึงขอปลีกตัวเองออกไปคุยอย่างเป็นกิจจะ
“..... ฮัลโหล มีอะไร” ยูยะใช้คำพูดแบบกันเอง เพราะปลายสายไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นฮารุมะนั่นเอง
////ยังจะถามอีก ฉันสิต้องเป็นฝ่ายถาม.... ว่าไงล่ะ เรียบร้อยมั้ย////
“อื้อ ขอบคุณที่รอ...แต่นายกลับบ้านก่อนได้เลย ฉันจะไปส่งน้องเขา”
////อืม... ให้ฉันตามไปส่งนายมั้ย////
“เฮ้ย บ้านตัวเอง กลับถูกที่ถูกทางอยู่หรอกน่า ไม่ต้องเป็นห่วง”
////งั้น เจอกันพรุ่งนี้////
.
.
.
“มาแล้วๆ ยามะจัง ไดจัง รอฉันนานมะ...อะ”
ว่างเปล่า ..... ห้องเรียนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน
หมายความว่าไงอ่า .... ยูโตะรินโดนทิ้งงั้นเหรอ
.....ยามะจังใจร้ายที่สุด ... แค่ไปเข้าห้องน้ำแค่นี้ทิ้งกันได้ เห้อะ.....
ยูโตะสะบัดบ็อบเชิดคองอนดินฟ้าอากาศไปเรียบร้อย ... ตั้งใจเดินไปหยิบกระเป๋าเตรียมกลับบ้านอย่างเดียว ก็เลยไม่สังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตอีกร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างประตูตั้งแต่ทีแรก
“ยูโตะริน”
“เอ้ะ นายหัวเม่น ยังไม่กลับเหรอ” ผมถามกลับไปด้วยความแปลกใจ
“ก็รอนายอยู่นั่นแหละ”
. เอ้ะ รอผมน่ะเหรอ .....
“เห รอฉันทำไม”
“ฉันเห็นยามะจังมีรุ่นพี่สูงๆหน้าหล่อๆมารับไปพร้อมกับไดจังน่ะ แล้วยามะจังก็เดินมาฝากฝังนายไว้กับฉัน” ...อุตส่าห์หลงดีใจว่านายเม่นมารอกลับบ้านพร้อมกันเพราะเห้นว่าโดนเพื่อนทิ้ง ที่ไหนได้...เพราะยามะจังฝากไว้เองน่ะเหรอ ... น่าน้อยใจได้อีกเหอะ
“ฝากอะไร ทำไมต้องฝาก ...ฉันกลับบ้านคนเดียวได้” รู้น่า...ว่าทำตัวเด็ก แต่มันอดไม่ได้จริงๆนี่นา
“แต่ถึงยามะจังจะไม่ฝาก ฉันก็ตั้งใจจะไปส่งนายที่บ้านอยู่แล้ววันนี้” .... เอ้ะ ว่ายังไงนะ...
“เอ๋....”
“กลับได้แล้ว ป่ะ” เหมือนนายเม่นจะเขินนิดๆนะที่พูดออกไป
“เดี๋ยวสิ คือ...”
“หรือนายจะต้องไปจับแมลงที่ไหนอีก”
“บ้า...อย่ามาล้อนะ ฉันโตแล้วเลิกเล่นแมลงแล้วเหอะ
..วันนี้ฉันตั้งใจจะไปซื้อของต่างหาก”
“....งั้นฉันไปเป็นเพื่อน”
......ตอนนี้ผมไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกแล้ว......
.........ผมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มได้........
..........ผมกำลังมีความสุขมากเกินไป ^^.........
To be con
Talk : โอคาจิม่าดูเหมือนจะมีความสุขเกินหน้าเกินตาคู่อื่นนะ 5555+ ส่วนฝั่งเธอกับเขาและรักของเรา(?)ก็ดูวุ่นวายหนอ
ถ้ายังไม่ลืมกันไปก็ช่วยติดตามฟิกเรื่องนี้ต่อไปด้วยนะค้าาาาาาาา ....ขอโทษที่อัพช้า (และคงจะช้าต่อไป) แต่มาต่อแน่ๆ รับรองว่าจะเข็นให้จบน๊ะ
ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านหรือให้ความสนใจน้า
ความคิดเห็น