ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ].... You are beautiful ....[Hey!Say!JUMP version]

    ลำดับตอนที่ #3 : จูบ!!!!

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 54


     
     

    03

    .

    .

    .

     

    งานแถลงข่าวช่วงเช้าเป็นไปด้วยดี..... สื่อมวลชนต่างให้ความสนใจการเปิดตัวสมาชิกใหม่ของ A.N.JUMP กันอย่างล้นหลาม ท็อปปิกของการมีนักร้องนำในวงถึงสองคนทำให้นักข่าวจากหลายสำนักรุมสัมภาษณ์เรียวสุเกะและยูยะอย่างหนักหน่วง ไหนจะบรรดาช่างภาพที่รัวชัตเตอร์ซะอย่างกับกระสุนปืนจนเรียวสุเกะที่ยังไม่คุ้นชินถึงกับรู้สึกว่าแฟลตกล้องของพี่ๆนักข่าวจะทำให้เขาตาบอดได้ในเร็ววัน แถมท้ายด้วยอาการปากฉีกกรามค้างเพราะยิ้มนานเกินไปหน่อย

    หนุ่มๆนักดนตรีสมาชิกดั้งเดิมที่รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นไม้ประดับไปโดยปริยายก็ทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการฉีกยิ้มใส่กล้องเพียงเท่านั้น

     

                    “ไอ้เคย์...อดหลับอดนอนมาจากไหนวะ ยิ้มเดี๋ยวนี้นะ” ยูโตะที่นั่งติดกับเคย์ทึ้งแขนเพื่อนจากใต้โต๊ะ

     

                    “อือ.....” เคย์ขานรับเพียงเท่านั้น แต่ไม่ได้พัฒนาสีหน้าง่วงงุนของตัวเองให้ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

     

                    “เหมือนเมื่อคืนมันจะไม่ได้กลับบ้านด้วย” ฮิคารุที่เป็นรูมเมทเคย์ก็แอบกระซิบบอก

     

                    “เที่ยวกลางคืน! ทั้งๆที่อีกวันมีแถลงข่าวเนี่ยนะ” ยูโตะที่กำลังเบื่อได้ที่ทำท่าจะหันไปให้ความสนใจอย่างเต็มตัว แต่ยังไม่ทันได้สืบความต่อก็โดนพลังช้างสารดึงชายเสื้อเขาไว้

     

                    “มีอะไร เก็บไว้ไปคุยกันทีหลังมันจะตายมั้ย!” ยูยะกระซิบเสียงโหดๆลอดไรฟันในขณะที่กำลังปั้นหน้ายิ้มแย้มรับมือกับนักข่าว เท้าที่เป็นอิสระอยู่ใต้โต๊ะก็ถูกใช้เป็นอาวุธแทน ยูยะกระทืบรองเท้าหนังมันวับของเหยื่อที่อยู่ใกล้มือที่สุด(ยูโตะ) จนเจ้าตัวทำหน้าบอกบุญไม่รับออกสื่อไปเรียบร้อย

     

                    “ยูโตะคุงอยากจะพูดอะไรรึเปล่าคะ” นักข่าวสาวที่เห็นยูโตะทำหน้าตาแปลกไปก็ยื่นไมค์ยาวยืดพุ่งเข้ามาถาม ทำให้ความสนใจของนักข่าวทั้งหมดเบนมาที่ยูโตะไปในทันที

     

                    “ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญครับ แค่คิดขึ้นมาว่าเหงาจังเลยน้า วันนี้พี่ๆนักข่าวสนใจแต่นักร้องนำของเรา พวกผมก็เลยว่างน่ะครับ ฮะๆ” ยูโตะทำหน้าอ้อนอย่างน่ารักน่าเอ็นดู แก้ไขสถานการณ์ไปได้อย่างหวุดหวิด ....

     

                    “เอาล่ะครับ ผมว่าสมควรแก่เวลาแล้วพอดี จบการแถลงข่าวแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่มากันนะครับ” ยามะพีลุกขึ้นประกาศ และเรียกให้ศิลปินของตนลุกเดินเข้าไปหลังเวที

     

    .

    .

    .

     

     

                “ทีนี้ก็ถึงเวลาชำระบัญชีกันล่ะนะ” ปีศาจเป็ดยิ้มเหี้ยม.... บรรยากาศรอบตัวของยามะพีต่างจากหน้าเวทีเมื่อกี้อย่างกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว

     

                    “ขอเหตุผลของการมาสายในวันสำคัญๆอย่างนี้สักข้อซิ... อิโนโอะ เคย์! รวมถึงไอ้หน้าง่วงนอนจนถึงตอนนี้ด้วย!!

                    “มารยาทระหว่างการให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวคืออะไร ยูโตะ! ฮิคารุ! อย่านึกนะว่าไม่เห็นว่าคุยอะไรกันบนเวทีน่ะ!!!

                    “ยูยะ! ก็เข้าใจนะว่าหวังดี แต่ทีหลังไม่ต้องกระทืบตีนเพื่อนจนหน้าเขียวแบบนั้น!!

     

                ยามะพียืนเท้าเอวชี้หน้าสะสางคดีเรียงคน แถมยังข้อมูลแน่นปึ้ก รู้ลึกรู้จริงในทุกกรณีอีกต่างหาก.... เรียวสุเกะอดที่ชื่นชมไม่ได้เลย นี่ขนาดนั่งอยู่ตั้งไกลจากเจ้าพวกนี้ขนาดนั้นน่ะนะ

     

                    “คือว่า..”

                    “เคย์..ว่ามาสิ”

                    “เมื่อวานผมไม่ได้กลับบ้าน”

                    “เหตุผลล่ะ”

                    “เรื่องมันยาวน่ะพีซัง...เอาไว้เราไปคุยกันที่บะ...”

                    “เดี๋ยวนี้...” ยามะพีกดเสียงต่ำ “แล้วถ้ามันยาวนัก ฉันก็พร้อมจะนอนฟัง นายจะเล่าไปถึงพรุ่งนี้เช้าเลยก็ได้นะ” ตามด้วยถ้อยคำประชดประชันอีกคำรบใหญ่...สุดท้ายเคย์ก็ต้องเล่าเรื่องตั้งแต่เมื่อเย็นวานจนไปถึงตอนที่ไปส่งไดกิที่บ้าน

     

                    “สรุปว่าพี่ชายยามะจังไม่สบายเพราะนาย ก็เลยอยู่โยงเฝ้าไข้ให้ทั้งคืนจนมาทำงานสาย...ฉันพูดตรงไหนตกหล่นไปรึเปล่า” ยามะพีสรุปความจากเรื่องเล่ายาวยืดของเคย์

                    “ไม่มีครับ”

                    “เดี๋ยวนะ เมื่อคืนไดจังไข้ขึ้นเหรอ... แล้วทำไมถึงไม่บอกผมล่ะ” เรียวสุเกะพูดเสียงเรียบๆ ตาก็จ้องไปที่เคย์อย่างขุ่นเคืองแล้วสะบัดหน้าหนีออกไปต่อสายหาพี่ชายด้วยความเป็นห่วงทันที

     

                    “แล้วก่อนมานี่ พี่ชายยามะจังเป็นยังไงล่ะ”

     

                    “ดีขึ้นแล้วครับ ไม่มีไข้แล้ว แต่ว่ายังไม่ถึงกับว่าหายขาด”

     

                    “อืม...ฉันจะลงโทษนายอีกกระทงถ้าเกิดว่านายปล่อยพี่ชายยามะจังนอนซมไข้อยู่บ้านคนเดียวแล้วออกมาทำงานน่ะนะ คราวนี้ถือว่ารอดไป .....ต่อไป ฮิคารุ ยูโตะ!! ไอ้พวกบ้า!!!!!

     

                    “ผมขอโทษคร้าบบบบบบบบ”

     

    .

    .

    .

     

    ค่ำวันนั้นเอง

     

                    หลังจากที่เรียวสุเกะได้ไปหาไดกิที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย และสำรวจร่างกายของพี่ชายว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก..... ทุกอย่างอยู่ในความดูแลของยูยะตามคำสั่งยามะพี(เป็นการลงโทษเรื่องเหยียบตีนยูโตะในงานแถลงข่าว) ตั้งแต่ขับรถมาส่ง นั่งรออย่างเงียบๆจนเรียวสุเกะเสร็จธุระ และขับรถกลับมางานปาร์ตี้ที่ยามะพีจัดขึ้นเพื่อต้อนรับการเข้าวงอย่างเป็นทางการของเรียวสุเกะ

     

                    “นี่มันเวรกรรมอะไรของฉัน ทำไมฉันต้องมาเป็นคนขับรถให้นายด้วยเนี่ย” ยูยะนั่งน้ำลายบูดมาตลอดบ่ายเปิดปากบ่นทันทีที่เรียวสุเกะขึ้นรถมา คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย.....

     

                    “ผมขอโทษละกันที่ขับรถไม่เป็น ทำให้นายเดือดร้อนน่ะ ทาคาคิคุงงงง เรียวสุเกะลากเสียงยาวในตอนท้ายจนดูเหมือนว่าไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดออกไป

     

                    “จิ๊~ ง่วงจะตายอยู่แล้ว ต้องไปปาร์ตี้อะไรนั่นอีก” ร่างสูงปิดปากหาวในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ถือพวงมาลัยไว้ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย

     

                “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือฮะ”

    ....เพราะเห็นว่าง่วงจริงๆหรอกนะ ถึงได้ถาม.... แล้ววันนี้ก็ต้องวิ่งวุ่นวายเป็นธุระให้เขาทั้งวัน.... ก็เลยรู้สึกผิดนิดๆหรอก ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นจริงจริ๊ง

                    “ก็ใช่น่ะสิ”

                    “แต่คุซาป๊งก็อยู่นี่นา” แอบเห็นด้วยล่ะว่ายูยะคุงหน้าแดงขึ้นนิดนึงตอนพูดถึงตุ๊กตาหมีตัวโปรด

     

                    “ฉันไม่เคยต้องนอนร่วมห้องกับใคร”

                    “อ้ะ..คิดอะไรไม่ดีกับผมหรือเปล่า” เรียวสุเกะสังเกตเห็นว่ายูยะไม่ได้ตั้งใจจะดุอย่างที่นึกกลัว จึงกล้าพอที่จะแกล้งแซวต่อ

                    “หึ....อย่างนายน่ะ ฉันคิดไม่ลงหรอก อย่าสำคัญตัวผิดไป” ยิ้มมุมปากอีกแล้ว .... อยากจะรู้จริงๆว่าหมอนี่ยิ้มกว้างๆกับเขาได้มั้ยนะ

     

     

                    “อ้ะ ทาคาคิคุงช่วยแวะจอดหน้าคอมบินิสักแปบนึงได้มั้ย”

                    “เรื่องเยอะจริง...นายนี่” ถึงจะบ่นไปอย่างนั้น แต่ยูยะก็ยอมเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าคอมบินิตามคำขอจนได้ ......เรียวสุเกะวิ่งปรู๊ดหายเข้าไปในคอมบินิไม่นานก็ออกมาพร้อมถุงสะดวกซื้อขนาดใหญ่

               

                “นี่...นายหิวหรือไง ซื้อมาซะเยอะแยะ ...ใกล้เวลาเริ่มปาร์ตี้แล้ว เดี๋ยวก็กินไม่ลงหรอก”

     

                    “อ้ะ....ผมซื้อมาให้” เรียวสุเกะยื่นกาแฟกระป๋องให้คนขับรถกิตติมาศักดิ์ด้วยรอยยิ้ม..... ร่างสูงชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะมองหน้าคนข้างๆอย่างแปลกใจ .......แค่พูดว่าง่วงก็ไม่ได้หมายความว่าต้องวิ่งลงไปซื้อกาแฟให้สักหน่อย ทำไมต้องใส่ใจในทุกคำพูดของเขาขนาดนั้น...

     

                    “รึว่าจะเอาโค้กเย็นๆจะได้สดชื่น ...น้ำผลไม้ก็มีนะ” ร่างเล็กพรีเซนต์ของกินหลากหลายที่ซื้อมาเต็มที่ ยูยะเบือนหน้ากลับมามองไปที่ถนนข้างหน้าและสตาร์ทรถอีกครั้ง เตรียมออกเดินทางต่อไป

     

                    “ไม่เห็นรึไงว่าฉันขับรถอยู่ จะให้กินยังไง” ยูยะพูดขึ้นมาลอยๆแบบไม่มองหน้าคู่สนทนาด้วยใบหน้านิ่งสนิทเหมือนเคย แต่ที่แปลกกว่าปกติคือน้ำเสียงเขินๆที่ทำให้จับไต๋ได้ว่าอายอยู่ไม่น้อยนั่นเอง

     

                    เรียวสุเกะคิดได้ดังนั้นก็ยิ้มหวาน จัดการเปิดฝากระป๋อง จิ้มหลอดดูดเข้าไปแล้วจึงยื่นกลับไปจ่อที่ปากของยูยะอีกครั้ง...ซึ่งคราวนี้ร่างสูงก็ยอมงับหลอดแต่โดยดี

     

                    “ถือเป็นเซอร์วิสที่ทาคาคิคุงอุตส่าห์ขับรถมาส่งผมละกัน”

                   

    .....................................

    .....................

    ...........

     

     

                    “ทุกคน... ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ต่อไปนี้เค้าจะมาทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ทุกคน แล้วก็ช่วยดูแลพวกนายเวลาที่ฉันไม่อยู่นะ” ร่างผอมบางสูงโปร่งก้าวออกมายืนข้างยามะพี แล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรท่ามกลางความมึนงงของเหล่าสมาชิกA.N.JUMP

     

                    “คาโต้ ชิเงอากิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชิเงะแนะนำตัวและโค้งอย่างสุภาพ ....ดูจากลักษณะภายนอกที่เห็นแล้ว ลุคของชิเงะนั้นดูเหมือนนักศึกษาเกียรติ์นิยมเพิ่งจบใหม่ที่น่าจะไปทำงานเป็นพนักงานบริษัทดังๆมากกว่าที่จะมาเป็นผู้จัดการวงดนตรีวัยรุ่นแบบนี้

     

     

    ตอนนี้พวกเขาอยู่ในงานปาร์ตี้เล็กๆในคลับหรูย่านที่มีชื่อเสียง โดยมียามะพีเป็นแม่งาน แขกที่มาในวันนี้นอกจากสมาชิกทุกคนของ A.N.JUMP แล้วก็ล้วนแต่เป็นคนในบริษัทที่มักได้ร่วมงานกันและค่อนข้างสนิทสนมกับสมาชิกในวงพอสมควร

     

                    “พวกผมโตแล้วนะ ดูแลตัวเองได้น่า” เสียงบ่นมาจากฮิคารุที่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยชอบใจที่จะถูกล้อมกรอบให้อยู่ในความดูแล ความรับผิดชอบของใคร

     

    “ไม่ต้องห่วงฮิคารุ นอกจากเรื่องงานแล้ว ชิเงะจังจะไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของพวกนาย โอเคมั้ย”

     

    ยามะพีใช้คำพูดล่อลวงด้วยหน้าตายิ้มแย้มเบิกบานอย่างที่เคย และก็ดูเหมือนเหยื่อจะติดกับอย่างง่ายๆเสียด้วยสิ ...... ฮิคารุจะมีสีหน้าที่ดีขึ้น เปิดยิ้มเดินเข้าไปทักทายชิเงะอย่างเป็นกันเองผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ แล้วก็ลากกันหายไปทางโต๊ะเครื่องดื่ม ก่อนจะกลับมาพร้อมถาดสีเงินที่บรรจุแก้วเปล่าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่จำนวนหนึ่ง

     

    “มาๆๆ ฉลองกันหน่อยเร้วววว ต้อนรับทั้งสมาชิกใหม่ แล้วก็เมเนเจอร์ซังคนใหม่เลยนะ” ฮิคารุประกาศด้วยน้ำเสียงรื่นเริง โดยมียูโตะที่รักความสนุกสนานและงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นทุนเดิมเป็นคนที่กระตือรือร้นช่วยหยิบจับแจกจ่ายเครื่องดื่มให้กับทุกคน

     

    “ของนายแก้วนี้ ฉันแยกมาให้แล้ว” ฮิคารุวางแก้วน้ำส้มตรงหน้ายูโตะ

     

    “อะไรอ่า ทำไมถึงเป็นฉันคนเดียวที่ได้น้ำส้มล่ะ” เจ้าตัวโวยวายออกมาเสียงดัง

     

    “เพราะนายยังเด็กน่ะสิ” เคโตะผู้เคร่งครัดในศีลธรรมอันดีตอบแทนด้วยเสียงเรียบๆ

     

    “เด็กอะไรกัน ปีนี้ฉันก็จะสิบแปดแล้วนะ! ยูโตะแผดเสียงอย่างไม่ยอมใคร

     

    “ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่ถึง” เคโตะยังยืนกรานคำเดิม โดยไม่สนคำแก้ต่างของยูโตะแม้แต่นิด

     

    “นิดเดียวเองน่า นะๆๆ ....อิโนะจังช่วยหน่อยสิ” พอเห็นว่าอ้อนเคโตะท่าจะไม่เวิร์ก เลยหันไปหาเป้าหมายใหม่แทน

     

    “ก็ให้น้องมันลองกินสักแก้วละกัน นิดๆหน่อยๆเอง ไม่เป็นไรหรอก พวกเราก็อยู่ตั้งหลายคน ใช่มั้ย ยูยะ” เคย์พูดแบบไม่คิดอะไรมาก ยูยะที่นั่งข้างๆก็พยักหน้าอย่างส่งๆ ... สองหนุ่มคอทองแดงไม่มีปัญหากับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

    “เห็นมั้ยๆๆ” ยูโตะจึงมีหน้าตาที่รื่นเริงเกินเหตุพูดอวดกับทุกคน

     

    “พีซังว่าไงล่ะ” ฮิคารุหันไปถามผู้มีอำนาจสูงสุดเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

    “ลองดูสิ” เจ้าของบริษัทวัยหนุ่มที่ใช้ชีวิตเอนจอยกับทุกสิ่ง มีหรือจะคัดค้าน .... ยูโตะไชโยโห่ร้อง วิ่งไปประกบเคย์ที่เป็นคนชงเหล้าให้ทันที

     

     

                    “เอ้า ยามะจังก็กินด้วยสิ” ยามะพีหันมามองเรียวสุเกะที่นั่งยิ้มฟังบทสนทนาของคนโน้นคนนี้อย่างเงียบๆ ก็เลยยื่นแก้วในมือให้ด้วย

     

                    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่กินดีกว่า”

                    “อะไรกัน... ยามะจังอายุ 18 แล้วนี่นา” ยามะพีร้องออกมาเมื่อเรียวสุเกะปฏิเสธแก้วเหล้าที่เขายื่นให้

     

                    “ผมไม่ค่อยชอบเครื่องดื่มพวกนี้น่ะครับ” เรียวสุเกะตอบยามะพีอย่างสุภาพ.... จะให้บอกได้ไงล่ะว่าเขาเป็นพวกเน้นบริโภคของเคี้ยวได้มากกว่าน่ะ.... -_-;

     

                “ถ้ายังไม่ชินก็ลองพวกคอกเทลไปก่อนก็ได้ สีสวยน่ากินจะตาย ลองดูสิ” ฮิคารุที่อุตส่าห์ลงทุนเดินไปหยิบแก้วคอกเทล เข้ามานั่งแทรกข้างๆเรียวสุเกะแนะนำให้อย่างใจดี

     

                    “ไม่กล้าเหรอ.....” ยูยะที่นั่งไขว่ห้างอยู่เบาะฝั่งตรงข้ามแกว่งแก้วเหล้าในมือกวนประสาท สายตาคมกริบจับจ้องใบหน้าหวานของเรียวสุเกะด้วยสายตาดูถูกดูแคลน

     

    “อ่อนจริงนะ” ยูยะพูดใส่หน้าเรียวสุเกะด้วยวาจาที่โหดร้ายและกระตุกยิ้มน้อยๆมุมปาก... ก่อนจะกระดกของเหลวสีอำพันในแก้วทีเดียวหมดเป็นเชิงท้าทาย .......หยามกันอย่างเต็มรูปแบบ!!!

                   

    เรียวสุเกะกัดฟันคว้าแก้วของเหลวสีสวยจากมือฮิคารุขึ้นมาซดหมดแก้วในอึกเดียว เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมรอบโต๊ะ ........หลังจากนั้นเขาก็โดนคะยั้นคะยอให้กินแก้วนั้นแก้วนี้ที่ไม่รู้ผุดมาจากไหนมากมาย ซึ่งเรียวสุเกะผู้ใสซื่อไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

     

    .....สุดท้ายเขาก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว เรี่ยวแรงค่อยๆหายไป ตาก็มัวๆเบลอๆ แถมโดนยัดเยียดให้กินแต่น้ำเยอะขนาดนั้นมันก็เลยพาลให้......

     

    .........อยากเข้าห้องน้ำจังเล้ยยยยย.........

     

     

    เรียวสุเกะเดินตุปัดปุเป๋ ชนคนโน้นที คนนี้ที สุดท้ายก็ผลุบเข้าไปซุกอยู่ในอกแข็งๆของใครสักคนที่มีความสูงมากกว่าเขาหลายเท่าตัวนัก

     

                    “อ้าว ยามะจัง จะไปไหนน่ะ”

     

    พอเงยหน้าเพ่งมองใบหน้าหล่อนั้นให้ชัดๆก็ถึงบางอ้อ .......นึกว่าใคร ที่แท้ก็ ยูโตะคุงนี่เอง

     

                    “อยู่ในนี้อึดอัดใช่มั้ยล่ะ... ไปสูดอากาศข้างนอกสิ เผื่อจะดีขึ้น” พ่อคนสูงหล่อหน้าใสชี้ไปทางบันไดที่ใช้ขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยความหวังดี...ตบไหล่ผม3ที ยิ้มให้แล้วก็เดินจากไป

     

    .......ยังไม่ทันได้ถามเลยว่าห้องน้ำไปทางไหน......

     

    แต่ก็

     

    ..... ช่างมันก่อนละกันนนน........

     

    เรียวสุเกะสะบัดหัวไล่ความมึนเมา แล้วพาตัวเองเดินขึ้นบันไดไปตามคำแนะนำของยูโตะ

     

    .

    .

    .

     

                    “นั่นมันยามะจังนี่” เคโตะที่กำลังนั่งฟังฮิคารุเล่าเรื่องตลกอยู่กับเคย์ บังเอิญเห็นร่างโงนเงนของเรียวสุเกะปีนบันไดขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา

     

                    “มีอะไรหรือ เคโตะ” เคย์เห็นเพื่อนมองออกไปทางอื่นก็เลยถาม

     

                    “เปล่า ไม่มีอะไร... เดี๋ยวฉันมานะ” เคโตะตัดสินใจลุกตามไปดู กลัวว่าเจ้าตัวเล็กสมาชิกใหม่ของวงจะเมาหัวทิ่มตายที่ไหนก่อนได้เดบิวต์

     

    .

    .

    .

     

                    “ฮ้าาาาาาา..... อากาศสดชื่นขึ้นมาหน่อย”

     

                    พอเปิดประตูออกมาเจออากาศบริสุทธิ์เข้าก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาตามความคิด โดยที่ไม่รู้ว่ามีใครที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

     

                    ยูยะที่นอนหงายเหยียดยาวอยู่บนม้านั่งหรี่ตาขึ้นมามองผู้บุกรุกความเงียบสงบของเขา....

     

                    ......... เจ้านั่น ยามาดะ เรียวสุเกะ อีกแล้ว ............

     

                ร่างสูงข่มตาปิดหลีกหนีความจริง .... ในใจก็ภาวนาอย่าให้เจ้าตัวปัญหานั่นเห็นเขาเลย

     

                    “อ้ะ...นั่นทาคาคิคุงหรือเปล่า”

     

                    .....ไม่..ไม่เห็น ไม่มอง...ไม่สนใจ..... อย่ามายุ่งกับฉันนะ!!!......

     

                    “ทาคาคิคุงจริงด้วย... รู้หรือเปล่าว่าห้อง..หะ...อุ้บบ” ท้องไส้ที่ปั่นป่วนหลังจากโดนแอลกอฮอล์เล่นงานไปไม่ต่ำกว่า 10 แก้ว ตอนนี้เริ่มแผลงฤทธิ์ออกมาแล้ว

     

                    ยูยะหรี่ตาขึ้นมาก็ต้องตาเหลือกค้าง เพราะร่างเล็กของเรียวสุเกะที่หน้าแดงก่ำ ตาปรือปรอย แก้มขาวๆนั้นป่องออกอย่างคนพะอืดพะอม ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนอยากสำรอกในสิ่งที่กินเข้าไปเมื่อกี้นั้นออกมา ใบหน้าทรมานของร่างเล็กที่โงนเงนกำลังเสียศูนย์และทิ้งตัวลงมาที่ยูยะ โดยที่ยูยะไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรแม้แต่จะทันคิดผลักไสออกมา

     

               

                    ร่างเล็กของเรียวสุเกะล้มทับไปบนตัวของยูยะที่นอนตัวแข็งอยู่กับที่ด้วยความช็อค

     

    .......ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันชั่วครู่ .......

     

    เรียวสุเกะยันตัวขึ้นมาไม่ทันไร ความคลื่นไส้ที่ยังคงคั่งค้างตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องได้รับการปลดปล่อยอย่างเร็วที่สุด..... ร่างเล็กกลั้นอ้วกจนแก้มป่องๆนั้นแดงจัด แต่สติสัมปชัญญะและเรี่ยวแรงที่เคยมีไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้เต็มร้อย จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือขยับตัวออกจากยูยะได้โดยง่าย

     

                บรรยากาศมันคงจะดีเหมือนฉากยอดนิยมในละคร ถ้าหากไม่มีเสียงที่สองตามมา.....

     

                   

    พรวด~!!!!!!!

     

     

    “ยามะจัง!!” เสียงเคโตะที่ตามมาทีหลังร้องด้วยความตกใจ

     

    .

    .

    .

     

    To be con

    Talk: แหะๆ มาลงฟิก..... ยังไม่มีอารมณ์ทำรายงาน2เล่มที่ต้องส่งสิ้นเดือนนี้ เหอๆ

    ช่างมันค่ะ .... ตอนนี้ฟิกมาเร็วเพราะรายการโปรโมตละครอิเคเมน หล่อละลายจริงจัง ...ไม่ไหวล่ะนะน้องมด ไทปี้ เจเรฮิก และน้องนางเอก!!!! ละครบ้าอะไรมีแต่คนหน้าตาดี (ฮา) อยากดูเร็วๆเนาะ... จะได้มีกำลังใจต่อฟิกเร็วๆ 55+

     

    พูดถึงฟิกมั่ง.. ท่านประธานพีซังกระแสมาดีมาก 55+  A.N.JUMP เนี่ย ถ้าป๋าเอาไปทำเป็นละครของค่ายจริงๆก็คงดีสิเนอะ (เพ้อฝัน 55+) 

    ขอบคุณทุกๆคอมเม้นค่ะ จะพยายามมาต่อเร็วๆนะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×