ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ]………… Coffee Milk ………… [Ryosuke x Yuma]

    ลำดับตอนที่ #3 : Part End

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 54


      

    เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำงานอีกวัน ฉันก็จะได้เงินไปซื้อเกมส์แล้วล่ะ ร่างเพรียวพูดขึ้นมาในระหว่างที่เดินคู่กันกับอดีตคู่กัดออกมาจากโรงเรียนจนเป็นข่าวฮอตกระจายไปทั่ว

     

    จะครบเดือนแล้วสินะ ที่ยูมะมาทำงานที่ร้านเมดคาเฟ่ของโทโมฮิสะ

    ....จริงๆแทบจะลืมจุดประสงค์ของการทำงานครั้งนี้แล้วด้วยซ้ำ

     

    แล้วนายจะทำงานต่อไหมล่ะเรียวสุเกะตะปบอุ้งมือลงที่ตำแหน่งหัวใจ

     ...พอมานึกว่าจะไม่ได้ทำงานด้วยกันอีกแล้ว มันก็รู้สึก....เบาโหวงไปทั้งใจ

     

    ไม่หรอก....ที่ฉันทำงานนี้ก็เพราะเกมส์ อีกอย่างพนักงานคนเก่าก็กลับมาทำงานกันแล้วนี่... ไม่มีผู้ชายที่ไหนอยากใส่ชุดเมดฟูฟ่องแบบนั้นไปทั้งชีวิตหรอกน่า

     

    ฉันว่าน่ารักดีออก

    ร่างหนาเถียงเสียงอ่อย... ก็ถ้าไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้วฉันจะได้คุยกับนายแบบนี้อีกไหมล่ะ?

     

    ..ว่าอะไรนะ ... ดันได้ยินอีก

     

    อ๋อ ฉันบอกว่า พี่ฉันคงคิดถึงนายแย่เลย ถ้านายลาออกไปน่ะก็แถกันไปตามเรื่อง

     

    แล้วจะแวะไปเยี่ยมบ่อยๆละกันยูมะตอบยิ้มๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้ความเงียบครอบงำระหว่างกันเอาไว้อยู่พักใหญ่ๆ

     

    ....ถึงแม้ว่าริมฝีปากผมจะวาดเป็นรอยยิ้มตามไปด้วย แต่ผมก็รู้ดีที่สุดว่าหัวใจของผมไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย 

    ....ตอนนี้เอง ที่ผมรู้สึกตัวว่า ยูมะได้เข้าไปเติบโตจนมีอิทธิพลกับหัวใจผมขนาดนี้

     

     

    เออนี่... เสาร์นี้นายว่างไหม?” จู่ๆร่างเพรียวก็เปิดประเด็นทำลายความเงียบขึ้นมา ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้ร่างหนาแอบหันหน้าหนีไม่ให้ร่างเพรียวรู้ว่า แก้มกลมๆขาวๆของเค้ากำลังดันตัวขึ้นมาเป็นรอยยิ้มด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น

    ก็ไม่ได้ไปไหน ...จะชวนเดทหรือไง?” ...แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อดจะแกล้งกวนประสาทไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ

    ตลกน่า แค่จะชวนไปซื้อเกมส์เป็นเพื่อนเท่านั้นแหละ

    .... เออ ไม่น่าแหย่เล่นเลยเหวย ...ไอ้แก้มพองๆเมื่อกี้ ฟีบลงด้วยความผิดหวังทันตาเห็นเหมือนลูกโป่งปล่อยลม

     

    เออ ก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำ... เดี๋ยวตอนเช้าฉันไปรับแล้วกัน

     

    ถึงจะพูดไว้แบบนั้น แต่ผมก็ดันตื่นสายจนโทโมฮิสะต้องขึ้นมาปลุกด้วยการสะบัดผ้าห่มที่ผมใช้ห่อตัวเองเอาไว้ทำให้ผมตกเตียงแล้วก็กลิ้งหลุนๆไปชนเข้ากับโต๊ะหนังสือ แล้วบอกประโยคเดียวสั้นๆว่า ยูมะจังมารอแล้ว... เท่านั้นแหละ พระอินทร์พระพรหมที่ผมไปเฝ้าอยู่ตลอดคืนและปรารถนาจะเฝ้าต่ออีกสักสิบนาทีก็กระเด้งหายไปจากความคิดทันที... ตาเหลือก หูตั้ง กระโจนเข้าห้องน้ำแบบไม่ต้องให้ใครพูดซ้ำ หรือโทโมฮิสะจะตามมาสะกิดผมด้วยปลายเท้าอีกซักกี่หน

     

    .

    .

     

    ถ้ารู้ว่าต้องมาต่อแถวยาวยืดขนาดนี้เพื่อซื้อเกมส์ ฉันไม่มาดีกว่า ผมนั่งยองๆลงกับพื้น ชะโงกหน้าดูแถวยาวเหยียดด้านหน้าแล้วละเหี่ยใจ ... อีกกี่ชั่วโมงถึงจะได้ซื้อเนี่ย!

     

    ก็ถึงได้ชวนมาด้วยไง ต่อแถวคนเดียวไม่มีเพื่อนคุยมันง่วงออก

     

    เฮ้อ... ทำไมคนมันถึงได้อยากได้กันเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย

     

    นายไม่ชอบเล่นเกมส์หรือ... ยูมะนั่งลงตามมาทำหน้าน่ารัก ถามอย่างสงสัย

     

                    ก็เล่นบ้างนะ แต่ไม่ได้ติดอะไรเท่าไหร่ถ้าให้พูดตรงๆล่ะก็ เกลียดมันตั้งแต่ที่เล่นกับโทโมฮิสะ แล้วไม่เคยชนะพี่แกสักครั้งนั่นแหละ แต่ถ้าตอบตามจริงตรงเป๋ง มันก็ออกจะดูไร้น้ำยาไปสักนิด.... ไม่ได้ๆ ลูกผู้ชายบ้านยามาดะมีความจำเป็นต้องเก็บงำความจริงบ้างอะไรบ้าง

     

                    เอาน่า เดี๋ยวซื้อเสร็จจะพาไปเลี้ยงยูมะเสนอรางวัลปลอบใจอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ลุกขึ้นยืนชะเง้อชะแง่ง ใจจดใจจ่อลุ้นอยู่แต่ว่าจะได้หรือไม่ จนผมต้องยอมๆเขาไป

     

    ... เอาวะ สู้กันซักตั้ง ขืนวันนี้ไม่ได้เกมส์กลับไปสิ วันนี้คงได้ยูมะบูดไปเที่ยวด้วยทั้งวัน

     

    .

    .

     

                    นายชอบกินนมจริงๆเลยนะเนี่ย ยูมะยิ้มออกมาเมื่อเห็นเมนูนมปั่นเพิ่มวิปครีม ราดท็อปปี้งสีสันสดใสตรงหน้าร่างหนาของเรียวสุเกะ ... ทั้งคู่อยู่ในร้านคอฟฟี่ช็อปใกล้ๆร้านเกมส์นั้นเอง และสาเหตุที่ร่างเพรียวยิ้มเบิกบานอารมณ์ดีได้ทั้งวันขนาดนี้ คำตอบก็นอนอยู่ในซองสีน้ำตาลบนโต๊ะที่ประคับประคองมาจากร้านอย่างดี

     

    ก็.. ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างเพรียวก็ร้องขัดขึ้นมาเสียก่อน

     

    อ๋อ เข้าใจแล้ว... ที่ขยันกินนมเยอะๆเนี่ย จะได้สูงสักทีใช่มั้ยล่ะ ยามะจัง

     

    ช่างฉันเถอะน่า... นายก็กินแต่กาแฟเหมือนกันนั่นแหละ ขมจะตาย กินเข้าไปได้ เป็นเด็กเป็นเล็ก

     

    กาแฟนมต่างหาก ไม่ขมขนาดนั้นซะหน่อย

    แล้วทำไมนายถึงชอบกินกาแฟล่ะ

    ก็มันติดนี่นา ตอนแรกฉันกินเพราะว่าจะได้ไม่ง่วง แต่กินไปกินมาก็เลิกไม่ได้จนถึงตอนนี้เนี่ยแหละ

     

    อ้อ แล้วก็อีกเรื่องนึง... ฉันเรียกนายว่ายูมะมาตลอด แต่ทำไมนายถึงได้ยังเรียกฉันว่ายามาดะ ไม่ก็ยามะจังๆอยู่ได้ล่ะ

     

    ฉันไม่เคยอนุญาตให้นายเรียกซักหน่อย ....แล้วถ้าไม่ให้เรียกแบบนั้น จะให้เรียกอะไร?... เรียวจังเหมือนที่พี่นายเรียกงั้นเหรอ ไอ้อ้วน

     

    เรียกฉันว่าเรียวสุเกะสิไอ้เหม่ง...

     

    ร้ายกาจ ร่างเพรียวรีบปัดผมหน้าม้าลงมาปรกหน้าทันที เรียกเสียงหัวเราะให้ร่างหนาได้เป็นอย่างดี

     

    ...ใครเล่าจะไปคาดคิดว่ามีวันที่ยามาดะ เรียวสุเกะ และนากายามะ ยูมะ ที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์ต่อกันมาเกือบจะหมดเทอม จะมีบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะในที่สาธารณะแบบนี้ได้.... อย่างน้อยก็เพื่อน 2 คนนี้แหละ

     

    เฮ้ย นั่นมันยูมะ กับเรียวสุเกะนี่หว่า ตกลงว่าเป็นแฟนกันไปแล้วหรือเนี่ย

    แค่กลับบ้านด้วยกัน คุยกันดีๆ ฉันก็ช็อคจะแย่... แต่นี่มันเหนือความคาดหมายว่ะ

    เรียกคนในห้องรวมตัวเร็ว  มีเรื่องใหญ่อัพเดท!”

     

    ……………………………

    ………………..

    …………

     

     

                    เสร็จรึยัง ยูมะ

     

    นับเป็นเรื่องปกติที่เห็นกันจนชินไปแล้ว ที่ร่างหนาของเรียวสุเกะจะเดินมารับยูมะที่โต๊ะตอนเลิกเรียน

     

                    อื้อ เสร็จ... ร่างเพรียวเองก็กระวีกระวาดเก็บของลงกระเป๋าอย่างเคยชิน มานึกขึ้นได้ก็ตอนที่สะพายกระเป๋าเดินตามร่างสูงไปได้สองก้าว เอ้ะ วันนี้ฉันไม่ต้องไปร้านกับนายแล้วนี่

     

                    นั่นสินะ ก็มันชินไปแล้ว ฮะฮะฮะ... แต่ไหนๆก็มารับแล้ว ไปกินโอโคโนมิยากิกันก่อนกลับไหม?”

     

                    ร้านเปิดใหม่หน้าสถานี

     

                    อื้อ...รีบเถอะ คนเยอะแน่ๆ

     

    ผมสองคนมองหน้ากันยิ้มๆ สื่อสารกันด้วยสายตาแล้วก็พากันวิ่งออกไปจากห้องทันที .... ได้ยินเสียงของอาจารย์โวยวายไล่หลังมาอยู่ว่าห้ามวิ่งบนอาคารเรียน ... แต่ใครจะสนล่ะ

     

               

    ผมไม่รู้ว่าเราใช้เวลาอยู่ในร้านนานเท่าไหร่ แต่รู้สึกตัวอีกทีหลังจากที่ท้องอิ่มเรียบร้อย ฟ้าข้างนอกก็เริ่มมืดแล้ว  ผมจึงเดินไปส่งยูมะที่บ้านเหมือนที่ทำเป็นปกติ

     

    ไม่คิดเลยนะว่า นอกจากเวลางานแล้ว จะมีนายเป็นองครักษ์ตามรับตามส่งฉันอยู่อีก

    ยูมะพูดขำๆที่ผมยังเดินลอยหน้าลอยตาตามเขากลับบ้าน แทนที่จะแยกย้ายกลับบ้านตัวเองหลังจากที่กินเสร็จ

     

    แล้วไม่ดีหรือไงล่ะ บ้านนายไปคนละทางกับนากาจิม่านี่ ยังไงซะ นายก็ต้องกลับคนเดียวอยู่แล้ว

     

                    ....ถึงจะชอบมีปากเสียงกันบ่อยๆ แต่ก็เพราะแบบนี้แหละ ที่ทำให้ผมและยูมะรู้เรื่องของกันและกันที่สุด ... ก็ถ้าไม่สนใจเก็บข้อมูลเอาไว้จะเอาอะไรไปพูดให้ยั่วให้อีกฝ่ายโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้ล่ะ

     

                    แล้วโดดงานที่ร้านมาแบบนี้ ไม่เป็นไรแน่นะ

     

                ฉันแค่มาช่วยตอนที่คนมันขาดเท่านั้นแหละ

    ผมเลือกที่จะตอบเขาไปสั้นๆ แล้วหลังจากนั้นบทสนทนาก็ขาดช่วงไปจนถึงบ้านยูมะ 

     

    ....ผมไม่กล้าพูดหรอกว่า เหตุผลของความขยันหลังจากนั้นน่ะ มันเกิดจากอะไร

     ...ถึงแม้ว่าพนักงานจะมาทำงานกันครบเหมือนเดิมแล้ว เดินกันให้พล่านเต็มร้านจนโทโมฮิสะบ่นปนแซวว่าหายใจไม่ค่อยสะดวก แต่ผมก็ยังยืนกรานที่ช่วยงานร้านอยู่ทุกวันตลอดหนึ่งเดือนเต็ม

    โดยที่ต้นเหตุทุกอย่างก็มีแค่คนๆเดียว

     

     

                    ..ผมกำลังยืนอยู่หน้าบ้านของยูมะ......

     

    และตอนนี้ ในหัวผมนั้นกำลังคิดอยากจะทำอะไรบางอย่าง....

     

    ...บางอย่างที่น่าจะคลายความปวดหนึบในอกตลอดช่วงนี้ได้เสียที

     

     

    ขอบคุณที่มาส่ง... กลับบ้านดีๆนะร่างเพรียวหันมาร่ำลา โบกมือส่งด้วยยิ้มหวานๆตามปกติ ก่อนจะหันไปไขกุญแจเข้าบ้าน

     

                    ยูมะ.. สัญชาติญาณบอกให้รั้งเอาไว้...ทั้งๆที่ในหัวยังปราศจากคำพูดใดๆ

     

                    หืม?”

     

                    เอ่อ ฉัน...ขอมาส่งนายทุกวันได้ไหม?” ยูมะเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าผมอย่างแปลกใจ

     

                    ตลกน่า... ไม่ต้องแล้ว ฉันกลับเองได้แล้วก็บอกปัดทุกครั้งที่มีคนเสนอตัวช่วยเหลืออะไร

     

                    ฉัน... อยากดูแลนายแบบนี้ต่อไป อยากไปรับไปส่งให้เห็นกับตาว่านายปลอดภัยดีแล้ว... พอจะไว้ใจให้ฉันทำหน้าที่นี้ต่อไปได้ไหม?”

     

    ความฉงนฉงายฉายชัดบนใบหน้าหวานนั้นอย่างชัดเจน ... ยูมะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด เพียงเพราะผมไม่กล้าพอที่จะบอกเขาว่า ชอบ

     

                    นายเป็นเพื่อนที่ดี ขอบคุณนะ แต่..ก่อนที่ประโยคเชือดเฉือนหัวใจจะหลุดออกมาจากปากอิ่มแดงนั่น ผมก็สูดลมหายใจลึก กลั้นใจชิงพูดตัดหน้าด้วยความรวดเร็ว

     

                    นายอาจจะไม่เข้าใจ แต่ฉันกำลังขอนายเป็นแฟน!”

     

    เกิดความเงียบครอบคลุมไปชั่วขณะ ยูมะมีท่าทางตกใจเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตา พูดอุบอิบเสียงเบาว่า เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่

     

                    หมายความว่ายังไง?”

     

                    ก็ปกตินายก็คอยดูแลฉันอยู่แล้วนี่... มันจะต่างกันตรงไหนล่ะ

     

                นายไม่เข้าใจ..

     

                    เข้าใจสิ แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าเราสองคนจะอยู่ในฐานะอะไร...แค่ความรู้สึกเราตรงกันก็พอแล้ว

    ความรู้สึกตรงกัน.... ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า..

                   

    ฉันก็ชอบนาย เรียวสุเกะ

     

     

    คำพูดไหนๆก็ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของผมในตอนนี้ได้แล้ว ... สองมือผมเอื้อมไปรัดร่างบางๆของยูมะเข้ามาในอ้อมกอดแน่นๆอย่างที่อยากทำมานาน โน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆใบหูเล็ก กระซิบถ้อยคำสั้นๆ

     

                    ..ฉันรักนาย..

     

    บอกรักน่ะ ได้ยินกันแค่สองคนก็พอแล้ว ให้พูดดังกว่านี้ไม่ได้หรอก... ผมเขิน

     

     

     

     

     

    บทส่งท้าย

     

                    อะไรน่ะ

    ผมส่งเสียงถามยูมะที่เดินยิ้มหวานเข้ามาในห้องของผม ในมือนั้นประคองถ้วยกาแฟถ้วยโปรดของคนถือมานั่งแหมะบนโซฟาข้างกัน

     

                    กาแฟนม... ลองดูสิ

     

                    ไม่เอา ฉันไม่ชอบกินกาแฟ

     

     ....... เอาไว้วันหลังชงให้ฉันกินบ้างสิ อยากจะรู้ว่าอะไรที่ทำให้ยูมะติดใจนักหนา  .....

     

    เหมือนสายตาของยูมะ จะทวงเอาคำพูดเขาที่เคยพูดเอาไว้เมื่อหนหลัง... ผมก็เลยต้องกลับมาคิดใหม่ ชั่งใจอยู่สักพักถึงจะยอมยื่นมือออกไปรับถ้วยกาแฟควันหอมกรุ่นจากมือบาง

     

                    ลองดูก็ได้ผมยื่นหน้าไปพิสูจน์กลิ่นที่กรุ่นออกมา แล้วยิ้มอย่างพอใจ

    นอกจากกลิ่นของกาแฟคั่วแล้ว ก็ยังมีกลิ่นหอมๆของนมสดเจือปนให้ชวนลิ้มลอง ...รสของกาแฟที่เคยขมบาดคอจนเกลียดนักหนากลับนุ่มนวลลงด้วยรสมันๆของนมสด และรสหวานของน้ำตาล  

     

    ไม่ขมเกินไปสำหรับคนไม่ชอบกินกาแฟ

    และไม่หวานจัดบาดลิ้นสำหรับคนไม่ชอบของหวาน

     

                    รสชาติเป็นไงยูมะหันมาเกาะแขนผมตั้งอกตั้งใจฟังความคิดเห็นขนาดนั้น ก็เลยอดใจแกล้งไม่ไหว

     

                    อืม ไม่แย่อย่างที่คิด พอจะทนๆกินไปได้ล่ะมั้ง

     

                    ทนๆไปอย่างนั้นหรือยูมะทำท่าจะเคืองขึ้นมาแล้ว... อุตส่าห์ตั้งใจชงมาให้สินะ

     

                    ล้อเล่นน่ะ มันอร่อยที่สุดเลยต่างหาก เข้าใจหลอกล่อให้ฉันกินกาแฟจังนะ ...แค่นี้ฉันก็หลงรักกาแฟจะแย่แล้ว อยากกินอยู่ทุกวัน

    ผมวางแก้วไว้บนโต๊ะเตี้ยๆด้านหน้า แล้วหันมาคว้าร่างเพรียวบางที่นั่งหน้าบูดเข้ามากอดไว้กับตัว ซุกใบหน้ากับซอกคอหอม คลอเคลียง้องอนแบบที่ยูมะเคยแซวผมว่า ชาติที่แล้วเกิดเป็นปลาเทศบาลหรือไง...

     

     เฮ้อ.. แม้แต่คำเปรียบเทียบก็ช่างไร้ความโรแมนติกเสียนี่กระไร

     

                    แล้วนายไปกินมาตอนไหนยูมะที่ยังไม่คลายความสงสัย ขืนตัวออกมาแล้วจ้องตาฝ่ายตรงข้าม ถามกันแบบเน้นๆ

     

                    ตอนนี้ไงหน้าใสๆยิ้มซื่อๆ แล้วจู่โจมเข้าช่วงชิงกาแฟแก้วที่อร่อยที่สุดจากริมฝีปากอิ่มทันที

     

                    เฮ้ย~!!!” ห้ามก็ไม่ทันหรอกครับ .. ชอบเรียกคนหล่อด้วยชื่อที่ไม่น่าภิรมณ์ดีนัก

     

     

     

    ด้วยส่วนผสมที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว เกิดเป็นรสชาติที่ถูกปากเราทั้งสองคน

     

    …….Coffee ….. Milk ……..

    .….….Coffee Milk ……….




    Talk : จบแล้ะ หะๆๆ  เป็นไงบ้างล่ะ

    ถ้าอ่านก็เม้นบอกกันนิดนึงเนาะ จะได้รู้ว่ามีคนชอบคู่นี้มั่งมั้ย

    อ่านจนจบแล้วเม้นทีเดียวก็ได้ แสดงตัวว่าข้าชอบ หะๆๆ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×