คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 2
.....อากาศตอนเช้าๆนี่มัน.... น่านอนชะมัด....
ร่างเพรียวของยูมะที่พ่ายแพ้ต่อบรรยากาศเย็นๆและความเงียบสงบของห้องเรียน กำลังมุดหัวลงซุกซบใบหน้าหวานๆนั้นลงกับท่อนแขนตัวเอง ...แต่นอนสงบสุขได้ไม่ทันไรก็มีอันถูกรบกวนด้วยแขนยาวๆของเคนโตะที่เข้ามาก่อกวนการนอน ทั้งเขย่าตัว ขยี้ผมจนหัวเหอกระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดี แล้วสุดท้ายที่ตะโกนเรียกเสียงดังกรอกหูให้มันสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งค้อน ทั่ง โกลน
“ยูมะ ตื่นได้แล้ววว!!”
“อือ ตื่นอยู่” ไม่พ้นต้องขานรับมัน เพราะกลัวหูพิการเป็นข้างๆไป
“ตื่นก็ลืมตาสิฟะ... นี่ มีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟัง”
“พูดมาดิ ฟังอยู่” หูน่ะฟังอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะรับรู้ได้ถึงหนึ่งในสิบหรือเปล่าค่อยว่ากันอีกที นัยน์ตาเรียวสวยปรือขึ้นมาครึ่งหนึ่งกึ่งหลับกึ่งตื่น พยักหน้าเป็นเชิงให้พูดต่อ
“คืองี้นะ เมื่อวาน ไอ้พวกคิคุจิมันไปเจอร้านกาแฟอยู่ร้านนึง มันบอกว่าพนักงานที่นั่นน่ารักมากเลยอะ ใส่ชุดเมดด้วย”
“เมดคาเฟ่!!” หูผึ่ง สนใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ซ้ำยังสะดุ้งผุดลุกขึ้นมาหัวชี้โด่ชี้เด่ไม่รู้ทิศทาง ความง่วงหายไปฉับพลัน เปลี่ยนท่าทีเป็นนั่งเท้าคางตาแป๋ว ยิ้มหวานแบบไม่มีเหตุผล แล้วก็ตั้งใจฟังอย่างผิดปกติ เหมือนคนมีความผิดติดตัวแล้วร้อนตัวมีพิรุธให้จับสังเกต
ด้วยเสียงอันดังโดยไม่ได้ตั้งใจของยูมะนั้นเอง ทำให้เรียวสุเกะที่กำลังจะเดินเข้าห้องมาชะงักค้างอยู่ที่ประตูนั้นเอง ดวงตาเรียวหลุกหลิกอย่างน่าสงสัย หากแต่ไม่มีใครสังเกตเห็น
“อื้อ ก็คล้ายจะเป็นเมดคาเฟ่นั่นแหละ... ว่าแต่ เป็นอะไรหรือเปล่ายูมะ? เหงื่อแตกเชียว”
“ก็ร้อนน่ะ”
“หือ เย็นสบายจะตาย นายไม่สบายหรือเปล่า?”
“ไม่นี่...เล่าต่อสิ”
“หมดละ ฉันจะชวนนายไปที่ร้านนั้นนั่นแหละ เย็นนี้ ไปกันไหม?”
“ร้านนั่นอยู่แถวไหนนะ?”
“ใกล้ๆสถานีนี่เอง ไม่ไกลหรอก...ไปนะยูมะ”
“เอ่อ ฉันว่าร้านนี้มันไม่น่าไปหรอก มีแต่ลูกค้าโรคจิต”
“ฮะ แล้วนายรู้ได้ไง?”
ขณะที่ยูมะกำลังจนตรอกในการหาข้ออ้าง เรียวสุเกะก็เดินหน้านิ่งๆผ่านเข้ามา ตั้งใจแกล้งเอากระเป๋าที่วางพาดอยู่บนบ่าเฉียดหัวเหน่งๆของร่างเพรียวที่นั่งอยู่ในจังหวะนั้นพอดี
“ก็..โอ้ยย ไอ้ยามาดะ นั่งข้างหน้าทำไมไม่รู้จักเข้าทางประตูหน้าวะ” ถึงจะเจ็บตัวนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าช่วยให้หลุดประเด็นจากเมดคาเฟ่ที่กำลังโดนต้อนอยู่ ยูมะก็เลยรีบลุกขึ้นโวยวายตามปกติทันที
“โทษที พอดีฉันชอบเข้าประตูหลัง”
แม้มันจะเป็นคำพูดแสนธรรมดาที่ไม่มีอะไรลึกซึ้ง แต่เมื่อมันออกมาจากริมฝีปากบางๆของคนที่ส่งสายตาร้อนแรงพร้อมกับยกยิ้มยั่วโทสะอยู่หน้าห้องนั้นแล้ว จู่ๆแก้มเนียนของยูมะก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ...จากตอนแรกที่ใช้สายตาจิกจ้องไปที่ร่างหนาด้วยความโมโห กลับต้องหลบสายตานั้นแล้วสุดท้ายก็เขินจัดจนต้องทรุดตัวนั่งลงสงบเสงี่ยมซะเฉยๆ
“นั่งที่ได้”
อาจารย์ประจำชั้นนิชิกิโดเดินเข้าห้องมาแบบตรงเวลาเป้ะๆ ให้นักเรียนได้ทำหน้าเหนื่อยหน่ายแล้วแยกย้ายกลับเข้าที่ บ้างก็รีบวิ่งเข้าชั้นในเวลาฉิวเฉียด ....เรียวสุเกะเองก็จำต้องละสายตาจากร่างเพรียวแล้วหันกลับไปนั่งเรียนตามปกติ
“ทั้งหมดยืน.... ทำความเคารพ”
ปกติจริงๆนะ
ไม่มีอาการใจเต้นกับไอ้หน้าแดงๆเขินๆของเจ้านั่นหรอก
ไม่มี๊ ไม่มี ~!!
.
.
“ทานล่ะนะคร้าบบบ”
สองหนุ่มเพื่อนซี้พนมมือประสานเสียงกันตามธรรมเนียม ก่อนจะเปิดฝาคว้าตะเกียบเตรียมลงมือ โคร็อกเกะสองชิ้นเบ้งในกล่องข้าวของยูมะดูน่ากินจริงๆเมื่อเทียบกันกับข้าวปั้นสาหร่ายหน้าตาธรรมดาในกล่องข้าวของเคนโตะ
“ฉันล่ะอิจฉาบ้านนายจริงๆเลยนะเนี่ย”
“แบ่งไปกินไหมล่ะ?”
“โอ้ะ วันนี้โคร็อกเกะเหรอ” เสียงที่สามแทรกเข้ามาในบทสนทนา ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง
เรียวสุเกะโผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้ๆ คือมือที่สามป้อมๆข้างหนึ่งตะปบเอาโคร็อกเกะบนข้าวกล่องของยูมะเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ มืออีกข้างก็ถือกล่องนมไว้ดูดตามยามติดคอ
“ฮ๊า~อร่อยจัง... แม่นายทำอะไรก็อร่อยเนาะ”
“ไม่ต้องมาน้งมาเนาะ ไอยามะด๊า แกตายแน่!!!!”
ประหนึ่งสัญญาณเตือนภัยสงคราม เมื่อยูมะลั่นวาจาเอาไว้เสียงดังลั่นห้อง เพื่อนๆในห้องก็เร่งหอบหิ้วเอาข้าวกล่องและชีวิตหนีตายออกไปนอกห้องกันหมด เหลือเพียงแต่เคนโตะที่นั่งมองเพื่อนตัวเองวิ่งไล่จับอยู่กับโจทก์เก่าขาประจำที่จำได้จนขึ้นใจแล้วก็หัวเราะน้อยๆ
....... วิ่งไล่กันทุกวัน เช้า กลางวัน เย็น ....ไม่เบื่อบ้างหรือไงน้า .........
“ว่าแต่ ... ฉันเลยอดกินโคร็อกเกะของยูมะเลยสิเนี่ย”
เคนโตะมองกล่องข้าวของยูมะที่มีโคร็อกเกะนอนเดียวดายไร้เจ้าของอยู่บนโต๊ะอย่างเซ็งๆ .....ก็เป็นแบบนี้ทุกวันสิน่า เหลือครึ่งเดียวแบบนี้ฉันจะกล้าแย่งนายได้ยังไง!
.
.
“ยูมะ เป็นอะไร หน้าบูดเชียว”
เคนโตะเดินลงมานั่งข้างๆเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่คนเดียวริมสนาม ...ส่วนในสนาม ตอนนี้จะเรียกว่าสนามรบก็คงได้ล่ะมั้ง เมื่อการแข่งขันบาสชายในชั่วโมงพละวันนี้มันช่างดุเดือดเอาเสียเหลือเกิน
“หิว....”
“อ้าว ก็เพิ่งกินไป” พูดไปเหมือนลืมคิด แต่พอคิดได้ก็พบว่าสายไปเสียแล้ว เมื่อแววตาคั่งแค้นขุ่นมัวของเพื่อนหันมาจ้องที่ตนเอง ราวกับว่าเขาเป็นคนแย่งกินเองซะอย่างนั้น
“ก็มันไม่อิ่มนี่ ... ข้าวเต็มกล่องกับโคร็อกเกะแค่ชิ้นเดียวอะ จะให้ฉันกินข้าวที่เหลือกับอะไร... ซีอิ้วรึไง”
ร่างเพรียวพูดอย่างโมโห ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อๆของเรียวสุเกะวิ่งพลิ้วๆหลบหลีกไวๆอยู่ในสนาม โชว์ฟอร์มการเล่นบาสที่ถอดแบบมาจากพี่ชายอย่างกับคนเดียวกันให้สาวๆข้างสนามกรี๊ดกระจายก็ยิ่งหงุดหงิดหนัก
...เหอะ แน่ล่ะสิ ก็เล่นกับพี่มาตั้งแต่เด็กๆนี่ ไม่เก่งเหมือนพี่ให้มันรู้ไป....
“แล้วจะมีแรงเล่นเหรอ?”
“ไม่มี .... เคนโตะ ฉันเป็นกรรมการแทนนายได้ไหม?”
“เอางั้นก็ได้” เคนโตะถอดนกหวีดที่ห้อยอยู่ที่คอตนเอง สวมเข้าที่คอยูมะแทน เจ้าตัวยิ้มขอบคุณแล้วผลักเพื่อนให้ไปเตรียมตัวลงเล่นในเกมต่อไป
เสียงนกหวีดจากกรรมการบอกหมดเวลา สาวๆส่งเสียงเรียกยามาดะ เรียวสุเกะกันให้เกรียวกราว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เห็นมีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวสุงสิงด้วยเหมือนเดิม ....ดูท่าว่าความนิ่งเฉยเย็นชาอย่างที่ร่างหนาแสดงออกจะเป็นเกราะป้องกันตัวชั้นยอดเลยทีเดียว
เรียวสุเกะในสภาพโทรมไปด้วยเหงื่อตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เดินออกมาข้างสนามตรงที่ร่างเพรียวของยูมะนั่งพิงผนังชันเข่าอยู่คนเดียวเงียบๆ
“ขอน้ำหน่อย”
“มาขอฉันทำไม ไม่ใช่สวัสดิการเว้ย ไปหยิบเองเด้”
“ก็มันมีวางอยู่ข้างนาย หยิบให้หน่อย....ไม่ได้รึไง?” เสียงระโหยโรยแรงสุดฤทธิ์ ...ปลายเสียงเหมือนจะอ้อนเอาหน่อยๆ ...ยูมะทำปากจิ้จ้ะ แต่ก็คว้าขวดน้ำส่งให้แทบจะฟาดหน้าหล่อๆของเรียวสุเกะให้วอดวายสิ้น
“ขอบใจ” รับมาเปิดขวดแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเมื่อสังเกตเห็นนกหวีดที่ห้อยอยู่บนคอร่างเพรียว
“ไม่เล่นเหรอ?”
“อะไร?”ร่างหนาพยักเพยิดไปที่นกหวีด แล้วก็เหมือนนึกอะไรได้บางอย่าง
“ไปเล่นสิ ฉันอยากเห็นนายชู๊ตลงห่วง”
“เรื่องอะไร ฉันต้องไป”
“ทำไม่ได้ล่ะสิ”
“จะท้ากันใช่ม้ะ”
“เปล่า...แต่ถ้าทำได้ ก็ทำให้ดูหน่อย” แล้วมันต่างจากการท้าทายตรงไหนไม่ทราบ...
สุดท้าย นากายามะ ยูมะ ผู้ไม่ชอบถูกใครท้าทายจึงจำต้องลุกขึ้นฟึดฟัดไปหาเคนโตะอีกครั้ง หลังจากทิ้งท้ายไว้ด้วยความมุ่งมั่นให้ร่างหนาต้องกลั้นยิ้มแก้มแทบแตก
“ฉันจะเล่น นายคอยดูแล้วกัน”
ร่างเพรียวลงสนามไปแล้ว หลังจากที่ปัดบอลไม่ได้ตอนเริ่มเกมแล้วก็ได้แต่วิ่งไปวิ่งมา ตามลูกกับเขาไม่ทัน พอจะเข้าใกล้ลูกหน่อยก็โดนเบียดกระเด็นไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ลงมาเล่นไปสิบนาทียังไม่ได้แตะลูกเลยสักครั้ง ....ยิ่งเห็นว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาด้วยสายตาเย้ยหยันก็ยิ่งกดดัน แล้วก็ยิ่งทำให้พลาดเข้าไปใหญ่ ร่างเพรียววิ่งจนแทบจะหมดแรงแต่ก็ฝืนวิ่งต่อไป
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ที่ข้างสนาม เรียวสุเกะที่กำลังมองตามร่างเพรียวที่วิ่งไล่ลูกอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วแอบขำ ก็เล่นมาตั้งนานยังไม่เห็นได้ลูกกับเค้าสักที แล้ววันนี้ฉันจะได้ดูนายทำแต้มไหมเนี่ย?
แต่แล้วความสงบสุขที่มีมานานก็หายไปเมื่อรู้สึกตัวอีกที เขาก็ต้องตาเหลือกเมื่อพบว่าตัวเองตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสาวๆเสียแล้ว
“ยามาดะคุง...เมื่อกี้เท่ห์มากเลยนะ”
“เหงื่อเต็มไปหมดเลย ใช้นี่สิจ้ะ”
“ยามาดะคุง/ยามาดะคุง/ยามาดะคุง” และอีกมากมายหลายสิ่งที่สาวเจ้ารวมพลังกันเข้าหาซะจนไม่ทันได้มองร่างเพรียวในสนามอีกเลย
เกมในสนามดำเนินไปเรื่อยๆจนมาถึงช่วงนาทีสุดท้าย โชคเป็นของยูมะ เมื่อจู่ๆก็จับพลัดจับผลูได้บอลมาอยู่ในมือ ร่างเพรียวหันไปมองตัวต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องมาเสียเหงื่อให้กับกีฬาทั้งๆที่ข้าวก็ได้กินไม่อิ่มท้องนั้นถูกรายล้อมไปด้วยผู้หญิงก็ยิ่งฉุนปี๊ด .... มือเรียวที่ตั้งใจจะชู๊ตลูกสวยๆลงห่วงเกิดชะงักขึ้นกลางคัน
ท่ามกลางเสียงเพื่อนๆในทีมที่ตะโกนร้องเรียกยูมะกันอย่างแตกตื่น เมื่อทิศทางที่ร่างเพรียวหันไปเป้าหมายมันไม่ใช่แป้นบาส..... แต่มันคือหัวกลมๆของยามาดะ เรียวสุเกะ!!
“ฉันอาจจะชู๊ตไม่ลงห่วง แต่เรื่องขว้างหัวคนเนี่ย ไม่มีพลาดดดด”
โป๊กกกกกกกก!!!!!!!ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!
“โอ๊ยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
นากายามะ ยูมะ ทำบัซเซิลบีทลงบนหัวกบาลของยามาดะ เรียวสุเกะ จนเจ้าตัวลงหงายหลังไปนอนกองกับพื้นอย่างหมดสภาพเรียบร้อยในเวลาเดียวกับเสียงนกหวีดบอกหมดเวลา
....แม่น ราวจับวาง.....
.
.
เพดานสีขาว ...รางผ้าม่าน .... กลิ่นยา
ห้องพยาบาล?
และ ยูมะ!?
.........ยูมะอะนะ!!!!!!?
“หายปวดหัวยัง?”
“อืม” กำลังอึ้ง...
“หายแล้วก็กลับไปเรียนด้วย ฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยว!...โอ้ยยยย!!! ปวดๆๆ” พอเห็นว่าร่างเพรียวของยูมะกำลังจะลุกออกไป ด้วยสัญชาติญาณสั่งให้ผมรีบลุกขึ้นรั้งไว้แถมท้ายด้วยการทำสำออยใส่ทันที
“เฮ้ย! เป็นอะไร?”
“ปวดหัวจี๊ดเลย สงสัยเมื่อกี้ลุกเร็วไปหน่อย”
“ใครใช้ให้ลุกเร็วเล่า ไอ้บ้า นอนไปเลย”
“ก็นายจะทิ้งฉันไปทำไมล่ะ”
“อาจารย์สั่งให้ฉันมานั่งเฝ้านายเพื่อชดใช้บาปที่นี่ ถ้านายฟื้นขึ้นมาปกติแล้วฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อ”
“ชดใช้บาป... หมายความว่าคนที่ขว้างบอลใส่หัวฉันคือ?”
“ฉันเอง... ทำบัซเซิลบีทได้ด้วยนะ น่าเสียดายที่นายไม่ได้เห็น” ผมลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่รู้สึกเสียวสันหลังกับรอยยิ้มหวานๆของยูมะแบบนี้
“ไม่ได้เห็น แต่สัมผัสได้...เต็มๆเลยล่ะ” เต็มไม่เต็มก็ทำให้นักกีฬาหัวแข็งอย่างยามาดะ เรียวสุเกะ ต้องถูกหามมานอนห้องพยาบาลนี่แหละ ตัวก็บางแค่เนี้ย แรงเยอะน่าดู ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน
ยูมะยิ้มขำกับคำพูดของผม ผมเผลอมองรอยยิ้มนั้นสว่างไสวเจิดจ้านั้นอยู่นาน เกิดความรู้สึกประหนึ่งว่ามีดอกไม้แรกแย้มมาเบ่งบานในใจผมเลยทีเดียว
“อ้อ อันนี้ ขอบคุณนะ” ยูมะชูถุงใส่ขนมให้ผมดู โลโก้ที่ข้างถุงนั้นดูเหมือนคุ้นเคยกับผมมานานเหลือเกิน ....จริงๆแล้วมันก็คือขนมที่ร้านโทโมฮิสะพี่ชายผมเองนั่นแหละ แต่ว่าไม่ใช่ของเหลือ ขายไม่หมดนะ เพราะผมหยิบมาตั้งแต่มันยังหอมกรุ่นอยู่ในเตาโน่นแน่ะ
“ไม่เป็นไร ไม่เท่าไหร่ ถือว่าเป็นตอบแทนโคร็อกเกะของนายวันนี้ละกัน” เพราะทุกครั้งที่ผมไปแย่งข้าวกล่องของยูมะทีไร ผมก็มักจะแอบเอาขนมไปใส่ไว้ในล็อกเกอร์ของเขาทุกที
“อ๋อ แน่สิ... ของที่ร้านนี่ ขนหน้าแข้งไม่ร่วงง่ายๆหรอกเนาะ”แม้ว่าสีหน้าตอนพูดจะยิ้มแย้ม แต่น้ำเสียงดูแดกดันชอบกล... ผมก็เลยแอบหมันไส้แกล้งแย่งถุงขนมนั้นกลับคืนมาตอนที่ยูมะเผลอ
“จะกินรึไม่กิน”
“กินดิ หิวจะตาย” แต่ไม่ทันไร ยูมะก็ตามมากระชากคืนไปจากมือ แล้วก็ล้วงของข้างในถุงออกมา แกะห่อเมลอนปังออกมากัดกินต่อหน้าต่อตา ซ้ำยังยืนยักคิ้วใส่เสียด้วย ...ไม่มีกลัวเกรงกันซักนิด หลังจากที่ประกาศศักดาไว้ด้วยบัซเซิลบีทนรกลูกนั้น
หลังจากที่กินอิ่ม กลไกต่อเนื่องที่ตามมาก็คือ ความง่วงนอน ....บรรยากาศให้องพยาบาลก็ช่างแสนเย็นสบายสุขสงบเชิญชวนให้อยากจะเลื้อยตัวลงไปซุกหน้ากับหมอนนอนจริงๆ
ยูมะนั่งมองเตียงว่างข้างๆตาละห้อย หันมามองหน้าร่างหนาอีกครั้งเป็นเชิงตัดสินใจก่อนจะกระโดดเข้าไปครอบครองเตียงนั้นทันที
“นายอยากนอนก็นอนไปเลยนะ นอนนานๆเลยก็ได้ ฉันจะได้งีบ”
.... เวลาหลังเลิกเรียน
/// รับยูมะจังกลับมาพร้อมกันด้วยล่ะ ถ้าไม่เห็นว่ามาด้วยกันล่ะ ฉันจะตัดเงินค่าขนมแก ///
นั่นคือเนื้อความในเมล์ที่พี่ชายสุดที่รัก(กัดฟัน) ส่งมาเมื่อตอนใกล้ๆเลิกเรียน
“เป็นพี่หรือเป็นแม่วะเนี่ย”
ถึงยังไงก็เถอะ... สวัสดิภาพเงินในกระเป๋าย่อมสำคัญกว่าอื่นใด ร่างหนาจึงตัดสินใจเดินตรงไปที่หน้าโต๊ะของยูมะ ...เจ้าของลูกบัซเซิลบีทที่ยังตราตรึงคนทั้งห้องเป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะทำให้คนทั้งห้องหวาดผวาตื่นตาตื่นใจ และเตรียมตัวเตรียมใจ คว้ากระเป๋าเผ่นหนีไปในทันที หากว่าเกิดมวยคู่เอกของห้องขึ้นมาจะได้ไม่ต้องระแวงลูกหลง
“ยูมะ... ไปเร็ว”
ร่างเพรียวหรี่ตามองพฤติกรรมแปลกๆของคนที่กำลังส่งเสียงเรียกด้วยความแปลกหู...
“ไปไหน?” แล้วไอ้ท่าทางที่มายืนเก็ก เกาจมูกแก้เขิน พูดวลีสั้นๆแบบนี้ ใครจะไปเข้าใจวะ!
“ก็ไปร้านไงเล่า”เริ่มลามมาเกาที่ต้นคอแล้ว...พยายามไม่สบตาเพื่อนในห้องที่เริ่มหันไปซุบซิบกันอย่างโจ่งแจ้งแล้ว
“เออ ฉันไม่ลืมหรอก ... นี่อย่าบอกนะว่า ที่มายืนท่ามากอยู่ตรงนี้จะชวนไปด้วยกัน”
“ไหนๆก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้วนี่”เกาขึ้นไปถึงหัวแล้ว... นี่ตกลงว่าเกาจนขี้กลากขึ้นหัวใช่ไหม ยามาดะ?
ร่างเพรียวพอได้เห็นแก้มกลมๆขาวๆเหมือนซาลาเปาไส้ครีมของเรียวสุเกะ เริ่มซับสีเลือดเข้มขึ้นๆทุกทีก็เปิดยิ้มกว้าง อยากแกล้งขึ้นมากะทันหัน... ขอเล่นตัวสักหน่อยเหอะน่ะ
“ฉันไม่เห็นรู้สึกว่ากำลังถูกชวนเลย”
“รีบไปเถอะน่า” ร่างหนาไม่พูดพร่ำปล่อยให้แก้มร้อนจนซาลาเปาระเบิดอีกต่อไป รีบคว้าข้อมือบางของยูมะแล้วลากออกไปจากห้องท่ามกลางความตื่นตะลึงของเพื่อนร่วมชั้น
นอกจากจะไม่ทะเลาะกันเหมือนทุกวันแล้วยังกล้าฉุดกันซื่อๆแบบนี้ด้วย!!
“สองคนนี้พูดดีๆกันตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”
พอสองคนที่ฉุดลากกันไปลับสายตาไปแล้ว คนในห้องก็เข้ามาสุมหัวกันทันที
“เมื่อบ่ายมันยังเอาบอลขว้างหัวกันจนสลบไม่ใช่หรือไง?”
“กลับบ้านด้วยกันด้วยอ่ะ หรือว่า....”
พูดให้คิดไว้แค่นั้นแล้วส่งสายตาในแบบที่รู้กันๆ ช่างเป็นเรื่องที่น่าติดตามตอนต่อไปสำหรับสมาคมคนอยากรู้(เรื่องชาวบ้าน)เสียเหลือเกิน
“สองคนนั้น ดีกันแล้วก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือไง จะไปยุ่งเรื่องของเขาทำไมกันล่ะ หืม?” จู่ๆเคนโตะก็โผล่เข้ามากลางวงสนทนา ทำให้กลุ่มก้อนเมื่อครู่แตกสลาย กระจายตัวไปโดยสิ้นเชิง
...............................................
...............................
.................
To be con
ความคิดเห็น