คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ONE KISS 01
Title: One Kiss
Cast: Takaki Yuya x Arioka Daiki
Nakayama Yuma x Yamada Ryosuke // Nakajima Kento x Sato Shori
Author: I-PrA
01
////เย็นนี้พี่ไม่อยู่บ้าน....ฝากดูแลโชริกลับบ้านตรงเวลาด้วย แล้วก็บอกน้องไม่ต้องทำข้าวเย็นเผื่อพี่
.....อย่าแอบเถลไถลกันล่ะ.....
ยูยะ ////
ข้อความนี้ถูกส่งมาถึงยูมะตั้งแต่ก่อนเลิกเรียน.... เขาใช้เวลาเพียงไม่นานในการคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นมาในสมองอย่างปราชญ์เปรื่อง.... และเมื่อเขาปรึกษานัดแนะกับไอ้เจ้าชายที่นับวันยิ่งจะสนิทกันมากขึ้นทุกทีเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองหนุ่มก็วิ่งลั้ลลาไปหาโชริถึงห้องหลังจากที่กริ่งเลิกเรียนเพิ่งดังได้ไม่นาน
“...มาทำอะไรกันครับ” โชริที่ยังไม่ทันเก็บของบนโต๊ะหรือเตรียมตัวกลับบ้าน ก็เป็นอันต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อสองหนุ่มหล่อที่คนหนึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชาย และอีกคนที่มีศักดิ์เป็นแฟนกำลังช่วยกันกวาดของบนโต๊ะใส่กระเป๋าให้โชริเสร็จสรรพ
....แถมยังมายืนยิ้มกรุ้มกริ่มกันทั้งคู่อีกนะ จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง....
“วันนี้ไปเดทกันนะ♥” เคนโตะเอ่ยปากชวนออกมาก่อน
“แต่ว่า...ผมต้องกลับไปให้ทันเคอร์ฟิวพี่ยูยะ”
“วันนี้พี่ยูยะกลับค่ำๆ ฝากบอกน้องด้วยว่าไม่ต้องทำข้าวเย็นเผื่อ ....เพราะฉะนั้นเราจะมีเวลาฟรีถึงราวๆหกโมงเย็น...เร็วเข้าเถอะ”
“แล้ว...ชมรมล่ะฮะ”
“โดดสักวันคงไม่เป็นไรหรอกน่า..นะ โชริไม่อยากไปเดทกับฉันเหรอ”
“เปล่าฮะ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“รู้แล้วๆ งั้นไปกันเถอะ” เคนโตะแบมือไปตรงหน้าโชริอ้อนๆ... เด็กหนุ่มก็ยิ้มหวานและยอมส่งมือเล็กๆของตนไปให้แฟนหนุ่มกอบกุมไปแต่โดยดี ....แต่พอเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวแล้วเห็นว่าพี่ชายยืนยิ้มอยู่กับที่ไม่ได้เดินตามเขามาด้วยก็อดจะหันมาถามไม่ได้
“แล้วพี่ยูมะไม่ไปด้วยกันเหรอ”
“ถ้าพี่ไปด้วยมันจะเป็นเดทได้ยังไงล่ะ ..เที่ยวให้สนุกเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่” ยูมะวางมาดพี่ชายที่แสนดี ให้โชริส่งยิ้มหวานกลับมาอย่างเป็นปลื้ม....ในขณะที่เคนโตะแอบเบ้หน้าใส่อย่างหมั่นไส้
.....หน็อยแน่ะ...ทำมาเป็นหวังดีต่อน้อง จริงๆแล้วมันเพิ่งโทรเช็คตารางงานกับยามะจังก่อนหน้านี้ และบังเอิญว่าฝ่ายนั้นก็เป็นวันหยุดแถมยังอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ...มันถึงได้ระริกระรี้หน้าตาแช่มชื่นจนน่าหมันไส้อย่างตอนนี้ไงล่ะ!!.....
.....เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาได้ใช้เวลาหลังเลิกเรียนกับโชริบ้าง ......
“โชริอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษมั้ย” หันมาถามร่างน้อยอย่างเอาใจ
“อืม....” โชริขมวดคิ้วแน่น คิดอย่างจริงจังอยู่สักพักก็ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าร่าเริง “ผมอยากไปเกมเซนเตอร์ฮะ!!”
ท่าทางแบบนั้นของโชริทำให้เคนโตะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆอย่างห้ามไม่อยู่ .... นี่บอกทีว่าเขากำลังพรากผู้เยาว์อยู่หรือเปล่านะ
“ไม่ได้เหรอ...ผมไปที่ไหนก็ได้นะ” หน้าจ๋อยหน่อยๆ ....แต่โชริไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจขนาดที่จะไม่ยอมถ้าไม่ได้สิ่งที่ต้องการ....
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้...ฉันจะพาไปเองนะ^^”
.....เท่านี้แหละที่เขาต้องการ ...สีหน้ายิ้มแย้มดีใจ ตากลมๆใสๆวิบวับเป็นประกายความสุข...... ได้เห็นโชริยิ้มแย้มมีความสุขทุกวันเค้าก็มีความสุขแล้ว
.
.
ร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนนเศรษฐกิจย่านชิบุยะ
ยูยะอยู่ในชุดไพรเวทตามสมัยนิยม.... เสื้อยืดพิมพ์ลาย กางเกงยีนส์เอวต่ำ เสื้อหนัง รองเท้าหนัง มองยังไงก็ดูเหมือนหลุดมาจากแก๊งค์ยากูซ่าหรือแยงกี้ที่ไหน
.......แต่ทว่าผู้ชายตัวใหญ่ที่มีลุคภายนอกดุดันไม่น่าคบหา .....กำลังร่าเริงละเลียดพาร์เฟ่ต์ชอคโกแลตถ้วยใหญ่บนโต๊ะอย่างมีความสุข......
ส่วนเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาคือ จิเน็น ยูริ .... เห็นตัวเล็กๆอย่างกับเด็กมัธยมต้นแบบนี้ แต่จริงๆแล้วเขาอายุ 24 ปี แถมยังเป็นบรรณาธิการที่คอยดูแลเรื่องงานเขียนยูยะตั้งแต่เดบิวต์ผลงานชิ้นแรกจนถึงปัจจุบัน
“ฉันขอพูดอะไรสักอย่างได้มั้ยยูยะ” ยูริกล่าวขึ้นมาหลังจากที่ใช้เวลาสักพักในการจิบกาแฟดำไปพลางอ่านพล็อตเรื่องล่าสุดของยูยะไปพลาง ส่วนยูยะนั้นก็เพลิดเพลินกับการมองหาเมนูใหม่ๆในร้านมาลองชิม
“ว่ามาสิ” ....ถึงหูจะฟัง แต่ปากก็ยังเคี้ยวได้ไม่หยุดปาก..... ยูริมองคนตรงหน้าอย่างเอือมๆแล้วก็พูดเรื่องเป็นการเป็นงานต่อ
“คือพล็อตเรื่องมันก็สนุกอยู่หรอกนะ แต่ฉันอยากเห็นพัฒนาการของนายบ้าง... ฉันรู้สึกว่าแนวเรื่องของนายมันไม่ต่างไปจากเดิมเลย”
“ยังไง” ......ยูยะกัดเวเฟอร์เข้าปากดังกร้วมๆ... .
“ก็นี่ไง..ตั้งแต่ที่นายเปิดตัวเรื่องแรก ก็แนวรักใสๆ...โอเค ฉันยอมรับว่ามันค่อนข้างดี ดีมากๆเลย แต่เรื่องที่สองสามสี่จนถึงตอนนี้น่ะ นายก็ยังเขียนได้แต่รักใสๆ บริสุทธิ์ผุดผ่อง พระนางแม่งแตะตัวกันนับครั้งได้ ....ซึ่งนายรู้อะไรมั้ย ตลาดนิยายวายตอนนี้มันมีแต่เรื่องแนวๆนี้เกลื่อนเลย ฉันอยากให้นายลองเขียนเรื่องที่ดูโตกว่านี้อีกหน่อย อายุอานามนายก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ...หัดเอาประสบการณ์ชีวิตมาใช้ซะบ้าง”
ยูยะทำปากขมุบขมิบทำนองว่า พูดอย่างกะเขาเคยมีประสบการณ์ความรักที่หวือหวาโชกโชนซะอย่างงั้นแหละ
รู้ทั้งรู้... ว่าทาคากิเซนเซย์ หรือทาคาคิ ยูยะคนนี้เนี่ย
.......ทั้งโสดและซิง.......
“ขออนุญาตเติมน้ำครับ”
ร่างเล็กกะทัดรัดในชุดบริกรคาดผ้ากันเปื้อนสีเข้ม มาพร้อมกับเหยือกน้ำเย็นที่เป็นบริการของทางร้าน
ยูยะเงยหน้ามองตามเสียง .... เสียงน่ะผู้ชายแน่ๆแม้จะโทนสูงไปสักหน่อย แต่หน้าหวานชะมัดเลย ....หน้าตาออกแนวน่ารักเลยล่ะ แถมยังมีรอยยิ้มที่....น่ารักมากๆ
“นี่...ที่พูดไปน่ะเข้าใจมั้ย ...ทาคากิเซนเซย์!!” ยูริแทบจะตบโต๊ะใส่ด้วยความหงุดหงิด ...เขากำลังพูดเรื่องซีเรียสอยู่แท้ๆ หมอนี่กลับไปเหล่พนักงานซะงั้น
“.....ทาคากิเซนเซย์” พนักงานหนุ่มน้อยหน้าหวานทำหน้าตกใจ พูดขมุบขมิบกับตัวเองเสียงเบา แล้วหันไปจ้องหน้าร่างสูงด้วยดวงตาพราวระยับ
.............. ผู้ชายคนนี้น่ะเหรอ ทาคากิเซนเซย์ นักเขียนนิยายที่เค้าชื่นชอบมากๆ เขาติดตามมาตลอดตั้งแต่ผลงานเรื่องแรก ดูเผินๆแล้วมองไม่ออกเลยนะว่าหน้าตาแบบนี้จะเป็นนักเขียนยอดนิยมได้ ถ้าบอกว่าเป็นเพลย์บอยตัวฉกาจหรือหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียที่ไหนก็คงจะเชื่ออยู่............
แต่จะว่าไป หมอนี่ก็หน้าตาดีเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ทั้งรูปร่างหน้าตา .....ทุกอย่างหลอมรวมให้ผู้ชายคนนี้ดูเท่ห์ แล้วก็ดูสมชายเอามากๆ .... น่าอิจฉาจังแฮะ
“เออๆ รู้แล้ว จะพยายามล่ะกัน” ยูยะตอบรับส่งๆ แล้วก็คว้าแก้วน้ำเปล่าที่เพิ่งถูกเติมเมื่อครู่มาซดทีเดียวหมดแก้ว
“ตั้งใจหน่อยสิ ฉันบอกด้วยความหวังดีนะ”
“ฉันรู้แล้วน่า... เอ่อ น้องครับ ขอลาเต้อีกแก้วนึง” ยูยะตอบแบบตัดความรำคาญ แล้วหันมาสั่งอาหารด้วยโทนเสียงที่ต่างกันอย่างลิบลับกับที่ใช้พูดกับยูริเมื่อครู่อย่างชัดเจน
“คะ..ครับ” หนุ่มน้อยพนักงานขานรับออเดอร์เสียงสั่นๆด้วยความตื่นเต้น แล้วก็รีบเดินก้มหน้าก้มตาไปกลับไปที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว.... ยูยะมองตามร่างเล็กไปแล้วก็หัวเราะเบาๆ
........ก็น่ารักดีล่ะนะ........
“เจ้าอ้วนเอ้ย... โชริขุนดีไปรึเปล่าเนี่ย บอกน้องเพลาๆอาหารสามมื้อหน่อยก็ดีนะ” ยูริส่ายหัวกับพฤติกรรมของนักเขียนในสังกัด... นี่ถ้าเปลี่ยนอาชีพจากบรรณาธิการหนังสือนิยายเป็นผู้จัดการส่วนตัว แล้วมียูยะเป็นศิลปินที่เขาต้องดูแลรับผิดชอบล่ะก็นะ...คงมีแต่เรื่องปวดหัวแบบรายวันแน่ๆ
“น้อยๆหน่อย ฉันเป็นนักเขียนนะเว้ย ไม่ใช่ไอดอล....อ้วนนิดอ้วนหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ”
“นี่ๆ...ฉันจะแนะนำเคล็ดลับความสำเร็จให้เอามะ” จู่ๆยูริก็กวักมือเรียกให้ร่างสูงยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“อะไรอีกล่ะ” ยูยะทำหน้ารำคาญ แต่ก็ยอมเอียงหูเข้าไปฟัง
“นายน่ะ ไปจีบใครสักคนเป็นแฟนสิ ...เรียนรู้จากประสบการณ์ความรักน่ะ”
....พอฟังที่ยูริพูดจนจบ...ไม่รู้ว่าทำไมสายตาเขาถึงได้เผลอเหลือบมองไปที่เด็กเสิร์ฟน่ารักๆคนนั้นอีกครั้ง ก่อนจะสะบัดหัวแรงๆไล่จินตนาการฟุ้งซ่านจากเลือดนักเขียนที่ผุดขึ้นมา
“บะ...บ้าน่ะ...มันหากันได้ง่ายๆซะที่ไหน”
ยูยะพยายามเลี่ยงสายตาที่คอยจะเหล่ไปทางเด็กคนนั้นออกไปนอกกระจกร้านแทน.....และเนื่องจากร้านนั้นตั้งอยู่ริมถนนเส้นชิบุยะ บรรยากาศด้านนอกจึงเต็มไปด้วยเหล่าเด็กนักเรียน กลุ่มเด็กสาวมัธยมที่เดินสวนกันไปมาอย่างร่าเริงสมวัย
....แต่ในบรรดาผู้คนมากมายที่เดินอยู่นั้น ยูยะกลับเห็นคนที่ไม่ควรเจออยู่ในสถานที่นี้ เวลานี้....
ร่างหนาผุดลุกขึ้นยืนเกาะหน้าต่างร้านทันทีเพื่อดูให้แน่ใจ..... เด็กหนุ่มตัวเล็กที่บางจนเหมือนจะแตกหักได้ง่ายๆ กำลังเดินเคียงคู่อยู่กับเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ตัวสูงกว่า
“โชริ...”
“อะไร...ห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงแค่นี้เพ้อเห็นใครเป็นน้องชายตัวเองอีกล่ะ ไอ้คนติดน้องเอ้ย!” ยูริออกปากแซวไปตามประสา....ยูยะนี่ขึ้นชื่อว่ารักน้อง และหวงน้องคนเล็กมากอย่างกับจงอางหวงไข่ยังไงอย่างนั้น...ยูริเองก็เคยเห็นตอนยูยะไปอาละวาดเด็กที่มายุ่งกับโชริอยู่บ่อยไป
“ไม่ใช่!! นั่นมันโชริ” ยูยะยืนยันหนักแน่นด้วยความมั่นใจ...
“บ้าน่ะ เด็กดีของนาย ป่านนี้ทำกับข้าวรอพี่ชายอยู่ที่บ้านแล้วมั้งป่านนี้” ...ยูริยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา ...ตอนนี้เลยเคอร์ฟิวของยูยะมาได้ร่วมชั่วโมงแล้ว ....
“ไม่...นั่นโชริไม่ผิดแน่ มากับใครนะ....หน็อยย ไอ้เจ้าชายนั่นอีกแล้ว!!” ...ยูยะคำรามลั่นแล้วก็วิ่งออกไปหาน้องในทันที.....
“เฮ้ย เดี๋ยวยูยะ!!” ต่อให้ลุกขึ้นมาร้องห้ามก็ไม่ทัน... ยูยะมันใช้ขายาวๆติดจรวดออกจากร้านไปเสียแล้ว
.....แต่เสียงคำรามของมันที่ดังจนคนในร้านแทบจะหันมามองกันเป็นตาเดียวเนี่ยสิ กดดันให้ยูริที่เผลอตัวลุกยืนขึ้นตามมันค่อยๆลดตัวลงนั่งลงไปอย่างเงียบๆ.....
....ไม่ทันไรไอ้ยูยะก็ไปสร้างเรื่องอีกแล้วสิ ยูริควรจะดีใจใช่มั้ยที่เป็นแค่บรรณาธิการให้มันน่ะ
.....................................
.......................
...........
“นี่ยามะจังลงทุนทำอาหารไว้รอผมเลยเหรอ”
น้ำเสียงร่าเริงของยูมะทักขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาแล้วเห็นว่าบนโต๊ะอาหารเตรียมไว้สำหรับสองที่.... ยามะจังน่ะชอบทำอาการ ถ้ามีเวลาและโอกาสก็จะชอบทำอาหารกินเองอยู่บ่อยๆ เรื่องนี้น่ะ เค้าอ่านจากบทสัมภาษณ์ในนิตยสารมาจนขึ้นใจ....
“อย่ามาหลงตัวเอง ฉันทำกินเองต่างหาก”
“แล้วทำไมมีสปาเกตตี้สองจาน” ยูมะชี้ไปที่จานสองจานบนโต๊ะ
“ก็..เพราะนายโทรบอกฉันว่าจะเข้ามาไงเล่า!”
“น่ะ..เตรียมไว้ให้จริงๆด้วย....” ร่างสูงหรี่ตาใส่แบบแซวๆ ดูหน้าตาเจ้าเล่ห์เสียจนเรียวสุเกะต้องตะเบ็งเสียงใส่แก้เขิน
“บอกว่าไม่ใช่ไง!!”
“โอเคๆ ยามะจังไม่ได้ทำไว้ให้ผม แค่บังเอิญว่าต้มเส้นเกินไปหน่อย แล้วก็ทำซอสเหลือพอดี โอเคนะ”
“พูดมากชะมัด ...จะกินไม่กิน ฉันจะได้เทให้หมามันกินแทน”
“อ๊า!! นี่เป็นอาหารฝีมือยามะจังจานแรกของผมนะ” ยูมะรีบฉวยเอาจานในส่วนของเขามากอดไว้กับตัวอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไร! เดี๋ยวก็หกหมดหรอก”
“ดีใจอ่า~” ร่างสูงกอดจานเอาไว้ราวกับของมีค่า ...
“หา...ดีใจเรื่องอะไร” เรียวสุเกะมีสีหน้างงงวย
“ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ อะฮือออ ผมมีบุญได้กินอาหารฝีมือยามะจังด้วยอ่า~” ...พูดแล้วก็พาลทำตาจะไหล จนยูมะต้องเอามือป้ายตาตัวเองลวกๆ
“อย่ามาเวอร์น่ะ...นี่! อย่าร้องไห้นะ” เรียวสุเกะเห็นอีกฝ่ายน้ำตาซึมเข้าจริงๆก็ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที..... จนสุดท้ายก็ติดสินใจเดินเก้ๆกังๆเข้ามาใกล้ยูมะ แล้วจับเอาหัวเหม่งๆนั่นซบกับอกตัวเองแน่น.....กอดปลอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ขอโทษที่พูดไม่ดี...จริงๆแล้วฉันตั้งใจทำให้นายนะ ...ยูมะ”
.....โดยที่เรียวสุเกะไม่ทันเห็น ......รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของมนุษย์หมาป่าที่พรางตัวด้วยการห่มหนังแกะหลอกสายตา.....
ร่างสูงเคลื่อนมือไปวางจานไว้บนโต๊ะตามเดิมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ .....แต่ที่แน่ๆตอนนี้เรียวสุเกะถูกดึงลงมานั่งตักยูมะเรียบร้อยแล้ว... มือยาวๆก็โอบรัดรอบเอวร่างเล็กไว้หลวมๆ... แต่สำหรับยูมะแล้ว มันเป็นล็อคเงื่อนตายอย่างดีเลยล่ะ
“นั่งตรงนี้แหละ!! ..นะ^^” แถมตามมาด้วยประโยคเอาแต่ใจปนออดอ้อนให้เรียวสุเกะไม่สามารถทำใจแข็งขัดใจได้ง่ายๆ
......เขามักจะพ่ายแพ้ต่อหน่วยตาคมนั่นเสมอๆ.....
.....ทั้งในยามที่มันฉายชัดถึงความในใจ หรือยามที่ออดอ้อนร้องขอ.....
“ไม่หนักหรือไง” ...เพราะว่าเรียวสุเกะโดนจ้องด้วยตาคมๆคู่นั้นซะจนต้องหาเรื่องอื่นมาพูดแก้เขิน
“ยามะจังตัวหอมจังเลยน้า” แน่นอนว่าร่างสูงไม่ได้ดีแต่ปากอย่างเดียว จมูกโด่งๆนั่นก็ไล่ซุกไซ้ดมดอมตามหากลิ่นหอมตามจุดต่างๆในร่างกายอย่างที่ปากว่า
“อย่าสิ มันจักจี้....”
“ยามะจัง...”
แต่ในขณะที่เรียวสุเกะกำลังเคลิ้มๆไปกับลูกอ้อนของไอ้หมาป่าห่มหนังแกะจอมเจ้าเล่ห์ เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวดุนดันอยู่ที่สะโพกเขา.... จุดยุทธศาสตร์กลางตัวของยูมะมันกำลังอึดอัดอยากจะผงาดออกมาดูโลกภายนอกเต็มที่.....ร่างเล็กหน้าขึ้นสีจัดทันทีที่รู้ว่ามันคืออะไร
“ไอ้บ้ายูมะ!! ไอ้ลามก!!!”
.......................................
..........................
..............
“แกอีกแล้วนะ ไอ้เจ้าชาย”
ร่างสูงใหญ่ของยูยะกำลังยืนจังก้าหน้าตาถมึงทึงอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มสองคนในชุดเครื่องแบบนักเรียน
“พี่ยูยะ!!!” โชริหน้าซีดเผือดทันทีอย่างคนมีคนมีความผิด
“พี่ให้เวลา 1 นาทีสำหรับการหาข้ออ้างดีๆของการมายืนอยู่ที่นี่ ในเวลานี้หน่อยซิ” ยูยะยกมือขึ้นกอดอก เสียงเย็นกดดันน้องตัวเองเต็มที่
“คือว่าผม....” โชริรู้ดีว่าเขาไม่เคยโกหกพี่ชายได้เลยสักครั้ง ...แต่จะให้สารภาพความผิดออกไปเลยทันที เขาก็ไม่กล้าเหมือนกัน ถึงได้ยืนอ้ำอึ้งคอตกเหมือยลูกหมาหงอยยังไงอย่างนั้น
“ผมผิดเองครับ พี่อย่าโกรธโชริเลย”
...เคนโตะตัดสินใจก้าวเท้าไปหายูยะ ...ออกปากรับแทนอย่างมาดมั่น
“แกเป็นใคร”
แต่การตอบรับอันร้าวรานของยูยะนั้นถึงกับทำให้เคนโตะสตั้นค้างไปหลายวินาที ก่อนจะตั้งหลักโค้งให้อย่างสุภาพ
“ขอโทษครับที่ไม่ได้แนะนำตัวแต่แรก ผมชื่อนากาจิม่า เคนโตะ ปี3 และตอนนี้ผมกำลังคบกับโชริครับ” ทุกประโยคที่พูดออกไป เคนโตะจ้องตาตอบยูยะอย่างไม่เกรงกลัวโดยมีโชริยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
“หึ...กล้าดีนี่ ..โชริมาหาพี่”
ยูยะออกคำสั่งที่ทำให้โชริยืนลังเลสองจิตสองใจ....ไอ้ครั้นจะเดินไปหาพี่ยูยะก็เป็นห่วงเคนโตะ แต่ถ้าไม่ยอมไปหา ก็จะเป็นการทำร้ายจิตใจพี่ชายอีก .... ร่างบางจึงเหล่มองไปที่แฟนหนุ่มอีกครั้ง
“..ไปหาพี่ชายเถอะ” เคนโตะส่งยิ้มกลับมาให้มาอย่างเข้าใจ โชริจึงยอมเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆยูยะที่เอามือมาวางบาดพ่าแคบของน้องชาย กอดเอาไว้กับตัวอย่างหวงแหนทันที
“ฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าถ้ายังไม่สามารถปกป้องโชริได้...ก็อย่าเสนอหน้ามาจีบน้องฉัน” ยูยะปั้นหน้าโหด พูดประโยคคล้ายเดิมที่เขาเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้อีกครั้งเป็นการย้ำเตือนความทรงจำ
“ผมสัญญาว่าจะดูแลโชริอย่างดีที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้” เจ้าชายผู้มีคำพูดอ่อนหวานเป็นอาวุธ พยายามอย่างที่สุดที่จะสื่อความรู้สึกทั้งหมดที่เจามีต่อโชริผ่านดวงตาอย่างแน่วแน่มั่นคง... เขารับรู้ได้อย่างเดียวว่า ต้องทำอะไรสักอย่างให้พี่ยูยะยอมรับในความจริงใจของเขาให้ได้
“ฉันไม่สนลมปากหรอกนะ...เวลา...จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ....แต่ในระหว่างนั้น โชริจะต้องอยู่ในกฎของบ้านตลอดเวลา จนกว่าฉันจะแน่ใจในตัวนาย.... มั่นใจมั้ยล่ะว่าจะทำได้”
เหมือนว่าจะมีหวังอยู่รำไรให้เห็น อย่างน้อยก็ยอมเปิดโอกาสให้มากขึ้น....เคนโตะจึงคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“ครับ ผมจะพิสูจน์ให้พี่เห็นเอง”
ยูยะเหยียดยิ้มน้อยๆเป็นการตอบรับ ก่อนจะจับไหล่ให้โชริหมุนตัวมาหาอย่างเต็มตัว
“ว่าไง...ไอ้พี่ชายตัวดีของเราไปไหน”
...ถึงตอนนี้พี่ยูยะจะยิ้มอยู่ก็เถอะ... แต่สำหรับน้องชายอย่างโชริแล้ว เขารู้สึกขนลุกเกรียวเสียวสันหลังมากกว่าตอนทำหน้าบึ้งเสียอีก....
….ไม่ได้การ..ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ วิกฤตแน่แท้แล้วพี่ยูมะ!!
“พี่ยูยะกินข้าวรึยัง หิวหรือเปล่า ผมกลับไปทำอะไรให้กินนะ...” โชริกระโดดเข้ามากอดแขนยูยะแน่นพร้อมกับยิ้มน่ารักอ้อน พยายามพูดเบี่ยงประเด็นให้พี่ชายลืมความโกรธ
“อย่ามาทำกลบเกลื่อนนะโชริ คิดว่าพี่จะลืมง่ายๆรึไง....ไม่เป็นไร พี่จะคิดบัญชีกับมันทีหลัง... ส่วนเราน่ะ อย่าคิดว่าไม่มีคดี”
“โหยยย พี่ยูยะ อย่าหงุดหงิดสิ เดี๋ยวหน้าหล่อๆเหี่ยวหมด ยิ้มๆๆหน่อยเร้ว”
แต่โชริก็อ้อนได้น่ารักจนใครๆก็ต้องยิ้มตามไปด้วยจริงๆนั่นแหละ
“กลับบ้านเรานะพี่ยูยะ”
“อืม”
“ก่อนกลับผมขอเวลาแปปนึงนะ”
“ห้ะ! เดี๋ยว~”
ยูยะยังไม่ทันได้ถามไถ่รายละเอียดอะไรเพิ่มเติม ไอ้ตัวเล็กก็วิ่งปรู๊ดไปอยู่ตรงหน้าไอ้เจ้าชายที่ยืนหน้าหงอยอยู่นั่นแล้ว... เผลอไม่ได้เลยเชียว -_-“
......เอาเถอะ ดูๆไปหมอนั่นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก มีแต่จะเพอร์เฟคมากไปจนน่ากลัว.......
.....จะยอมลองถอยออกมาดูแลอยู่ห่างๆสักพักก็ได้.....
.....ระหว่างนั้นเขาจะไปลับคมมีดคมดาบไว้รอสังหาร ถ้าเกิดมันกล้าทำให้โชริร้องไห้เจ็บปวดละก็นะ หึ่ม!.....
…………………………….
…………………..
………..
To be con
I-PrA Talk: ใจเย็นนะ...เดี๋ยวตอนหน้าได้เจอกันแน่ๆไม่ต้องกลัว ฮาๆ
เรื่องก็เป็นเรื่องสุดท้ายในเซทซีรีย์ 3 พี่น้องแล้วล่าาา ฝันใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว ฮ่าๆๆ รอดูว่าประจะเข็นเรื่องนี้จบตอนครบปีเลยมั้ย
ความคิดเห็น