ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ]………… Coffee Milk ………… [Ryosuke x Yuma]

    ลำดับตอนที่ #1 : Part1

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 54


      

    ตู้กระจกใสตั้งอยู่ข้างๆเคาน์เตอร์หน้าร้าน ข้างในนั้นมีเค้กหน้าตาน่ากินหลากหลายชนิดวางเรียงรายอย่างสวยงาม เด็กหนุ่มร่างเพรียวที่ยืนอยู่หน้าตู้กำลังทำสีหน้าลังเลอยู่สักพักใหญ่ ในที่สุดก็ส่งเสียงหวานๆออกมา

     

    ขอสตรอเบอร์รี่ช็อตเค้ก ใส่กล่องกลับบ้านครับ

     

    จัดไป สตรอเบอรืรี่ช็อตเค้กใส่กล่องโทโมฮิสะส่งยิ้มหวานให้ลูกค้าหน้าใหม่ ที่เป็นเด็กผู้ชาย ม.ต้น ... ท่าทางจะรุ่นราวคราวเดียวกับเรียวสุเกะ

    และที่สำคัญ.....หน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดูอะไรจะปานนี้หนอ~!

     

                    ผมจะไม่ทนอีกแล้วนะ!”

    ยามาดะ เรียวสุเกะในชุดเมดสีหวาน เดินมากระแทกถาดที่เคาน์เตอร์หน้าร้านอย่างหงุดหงิด ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ยืนหน้าเอ๋ออยู่ที่ไหนทั้งนั้น

     

                จะเสียงดังไปไหนเล่าโทโมฮิสะปรามเสียงดุ พลางบุ้ยใบ้ให้มองดูลูกค้าที่พาลตระหนกตกใจไปด้วย

     

    ถ้าไอ้บ้านั่นจับตูดผมอีกครั้งล่ะก็ พ่อจะเอาถาดฟาดกบาลแยกเลยคอยดูร่างหนาเข่นเขี้ยวอย่างแค้นเคือง... อารมณ์นี้หน้าไหนก็อย่ามายุ่งเชียว  ไม่สนใจจะหันไปมองหน้าลูกค้า... คนที่กำลังยืนจ้องตัวเองอย่างไร้มารยาทด้วย

     

                    นาย...ยามาดะ!”ผมว่าเสียงนี้คุ้นๆหูอยู่นะ.. จึงค่อยๆหันไปมองลูกค้าคนที่ว่าอย่างช้าๆ ... พระเจ้าครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ตัวเองูฝาด.... เอาเป็นว่าเสียงเมื่อกี้ไม่ได้เกิดขึ้นแล้วกันนะครับ

     

                    ยูมะ!!!”

    แล้วพระเจ้าก็ไม่ข้างข้างคนหล่อ... แล้วยังซ้ำเติมด้วยการส่งคนที่ผมไม่ปรารถนาจะเจอตอนนี้ ในสภาพแบบนี้มาเสียด้วย

    ให้ตายสิ ... ไอ้หน้าหวานหุ่นบางอรชรอ้อนแอ้นมันมองผมหัวจรดเท้า เท้าจรดหัวอย่างอึ้งๆ ก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมาไม่เกรงใจใคร

     

                    ฮ่าๆๆ นี่งานอดิเรกของนายหรือนี่ แปลกจนน่าตกใจเลยล่ะ

    ผมก้มมองชุดเมดบนตัวแล้วถอนหายใจ ...หันไปมองหน้าพี่ชายเอากะว่าจะให้ช่วยอธิบาย ก็เจอหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ซ้ำยังแกล้งทำเป็นผิวปากไม่สนใจ แล้วก็หนีไปเช็คบิลให้โต๊ะอื่นซะงั้น

     

    มัน... มันเป็นเหตุสุดวิสัย ไร้ข้อแก้ตัวประการทั้งปวง..หลักฐานยังคาอยู่บนตัวแบบนี้ พูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า

    ยูมะพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้เท่านั้น ไม่ได้คิดจะเชื่อตามแต่อย่างใด

     

    แล้วนายล่ะ มาทำอะไรที่นี่ ... หรือว่า นายติดสาวชุดเมดที่นี่ล่ะสิ

                   

    ติดสาวเมดก็ยังดีกว่า เป็นสาวเมดซะเองนั่นแหละ... ตอนแรกก็กะว่าซื้อของเสร็จแล้วกลับอ่ะนะ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ร่างเพรียวทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ยิ้มกริ่มๆ หางตาชี้ๆ ดูมีความสุขที่ได้กลั่นแกล้งสาวเมดตัวกลมๆป้อมๆตัวขาวๆ ที่ยืนหน้าดำหน้าแดง ไม่รู้ว่าโกรธหรืออายที่ถูกเห็นแบบนี้

     

    จะกลับก็กลับสิวะ จะเปลี่ยนใจทำไมอีก

     รีบๆกลับไปเลยยิ่งดี .. ไม่อยากจะคิดเลยว่าพรุ่งนี้มันจะไปโพนทะนาเรื่องนี้ให้คนหล่อขายขี้หน้าขนาดไหน .. ซวยจริงๆเลย เจอใครไม่เจอ ทำไมต้องเป็นนากายามะ ยูมะ!!

     

    ขอกาแฟถ้วยนึงก่อนไปละกันนะ ยามะจัง~”

                   

    ยามาดะ!!ไม่ต้องเติมอะไรต่อท้ายจะขอบคุณมาก

                   

    ฉันเริ่มอยากมาที่นี่ทุกวันแล้วสิ ยามะจัง~”

                   

    ไม่ต้องเลย!”

                   

    พูดจากับลูกค้าแบบนี้ได้ไงเล่า

     

                    เรื่องของฉัน

     

                    กาแฟฉันล่ะ

     

                    กรุณารอสักครู่!”

     

    ยามาดะ เรียวสุเกะ เดินกระแทกส้นดังปึงๆกลับมาที่เคาน์เตอร์คิดเงินอีกครั้งเพื่อบอกออเดอร์.. แต่ยังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยอะไร โทโมฮิสะที่หายตัวไปเมื่อยามน้องเดือดร้อนก็ปรี่เข้ามาหาด้วยความเร็วสูง ...เสียงโทนต่ำ ทุ้มๆเป็ดๆนั้นเรียก เรียวจังๆมาแต่ไกล... 

     

                    อะไรอีกล่ะพี่ร่างหนาหันไปทำหน้ารำคาญสุดขีดใส่ .. ทีจะใช้งานละ ยิ้มระรื่นเข้ามาหา พอจะพึ่งพาล่ะหายแซบบบ ..เหอะ

     

                    ทำหน้าเหมือนเห็นผีไปได้... นี่ๆ เด็กคนนั้นน่ะ ที่หน้าตาน่ารักๆ เค้าเป็นเพื่อนแกเหรอ

     

                เปล่านี่.... ชิชะ พี่ชายไม่เคยสนใจโค้ดสีหน้าของน้องชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย เคืองอยู่นะเนี่ย..

     

                    อย่ามาสตรอเบอร์รี่ ฉันเห็นยืนคุยกันตั้งนาน ถ้ารู้แล้วจะมาถามหาพระแสงสวรรค์หรรษาชาลาล่าอะไรเล่า!

     

                    อือ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แค่เพื่อนร่วมห้องน่ะผมพูดตัดความรำคาญ

     

                    มีเพื่อนน่ารักๆแบบนี้ไม่บอกกันมั่งเลยนะ

     

                    ไอ้หน้าหวานนั่นอะนะ... หุ่นเหี่ยวเหมือนเซลล์ขาดน้ำแบบนั้นน่ารักตรงไหนกัน

     

                    ปากแกนี่มัน... ใครมันจะไปอวบอัด บวมเต่งน้ำเหมือนแกล่ะ ...เอาเหอะ พี่อยากได้มาทำงานที่ร้านน่ะ แกไปตะล่อมมาให้ทีสิ

     

                    เรื่องอะไร ผมไม่ถูกกับเจ้านั่นนักหรอก...พี่อยากได้ก็ไปกล่อมเอาเอง

     

                    แหม.. กะว่า ถ้าได้เด็กคนนี้มาทำงาน ฉันก็ไม่ต้องฝืนใจแกให้ใส่ชุดเมดทำงานแบบนี้หรอกน้า

    ประโยคนี้ทำให้ผมหูผึ่ง หันกลับมามองหน้าพี่ชายอีกครั้งเพื่อสะระตะความน่าเชื่อถือ

     

                    พูดจริงพูดเล่น

     

                    แกเคยเห็นพี่พูดไม่จริงบ้างไหมล่ะบ่อยไป แต่ขี้เกียจจะเถียง...เถียงยังไงก็โดนตอกกลับทุกที

     

                    เดี๋ยวผมจัดการเองหนทางสู่การกลับไปแมนมันเห็นอยู่รำไรๆ ผมจึงรีบตอบตกลงทันทีแบบไม่คิด

     

    มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กำลังถือถาดถ้วยกาแฟ และกำลังเดินตรงไปหาเจ้าตัวเป้าหมายแล้วเนี่ยแหละ

    ถึงได้เกิดความรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ... เมฆแห่งความยุ่งยากกำลังก่อตัวแล้วสินะ

     

                    เอ้า กาแฟ... รีบๆกินแล้วก็กลับไปได้แล้ว

    เอ้า ปากหนอปาก  ตั้งใจจะมาเกลี้ยกล่อมให้มาทำงานแทนตัวเองแท้ๆ  ไม่รู้เป็นไง เห็นหน้ามันแล้วปากผมมันบังคับไม่ได้ชอบกล

     

                    เป็นเมดที่ไม่น่ารักเอาซะเลยน้า ร่างเพรียวส่ายหน้าไหวๆ ก่อนลากถ้วยกาแฟมาไว้ใกล้ตัว... ควันบางเบายังกรุ่นอยู่ปากถ้วย บ่งบอกถึงระดับความร้อน มือบางหยิบจับช้อนขึ้นมาคนช้าๆ อีกมือหนึ่งก็เทนมสดลงไปเสียเกือบครึ่งถ้วย

     

                    ใส่เยอะขนาดนี้ ทำไมไม่สั่งนมสดมากินซะเลยล่ะ ปากบอนๆก็วอนแกว่งปากหาเรื่องอีกจนได้ คราวนี้ได้ของตอบแทนเป็นการจิกตาใส่เสียหนึ่งที

     

                    ร่างหนามองไปรอบๆร้าน พอเห็นว่าลูกค้าเริ่มเบาบางลงจากเมื่อครู่นี้ก็สบโอกาส เนียนแทรกตัวเองลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันทีแบบไม่ต้องรอให้เชิญ

     

    นี่...ยูมะ  ได้ยินว่านายอยากได้เกมส์ใหม่ใช่ป่ะ ผมลองเลียบๆเคียงๆถาม

     

                    ก็...อือ ถามทำไมร่างเพรียวเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ปนๆไปกับความไม่ไว้วางใจในตัวผม

     

                    พี่ฉันอยากได้นายมาช่วยที่ร้านน่ะ

     

                    ทำอะไรล่ะ ล้างจาน เก็บเงิน หรือว่า....ไม่นะ!” ดวงตาสวยเฉี่ยวนั้นเบิกโพลง มือเรียวยาวฟาดเข้าปิดปากตัวเอง เมื่อความคิดหยุดลงที่ชุดฟอร์มฟูฟ่องของคนตรงหน้า

     

                    ใช่ เด็กเสิร์ฟเนี่ยแหละ

     

                    ให้ฉันใส่ชุดเมดเหมือนนายอะนะผมกัดฟันยิ้มอย่างเป็นมิตรและพยักหน้ารับด้วยหน้าตาแช่มชื่น

     

                    ไม่เอา!”แต่ดูมันทำ ... ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบนั้นหมายความว่าไงฟะ!

     

                    ไม่อยากหาเงินให้ได้เร็วๆหรือไง 

    ผมเริ่มแสดงความเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาทีละนิด  ไม่ฟ้งไม่เฟคหน้าตาคนดีแม่งแล้ว!

     

                    อยาก แต่ถ้าต้องมาใส่ชุดนี้ ฉันไม่เอาด้วยล่ะยูมะเมินทั้งคำพูดและการกระทำด้วยการยกกาแฟขึ้นมาจิบต่ออย่างสบายอารมณ์  ไม่สนใจคนที่กำลังเดือดร้อนแม้แต่นิด

     

    ....คิดๆสิคิด เรียวสุเกะไอ้หน้าหวานนี่มีจุดอ่อนที่อะไร?

     

                    แต่ว่างานที่นี่เงินดีน้า ทิปก็เยอะ... เกมส์ที่กำลังจะออกใหม่ แพงอยู่ไม่ใช่หรือ

    เหมือนจะได้ผลนิดๆ .. ร่างเพรียวชะงักไปหนึ่งจังหวะ  คิ้วเริ่มขมวดเป็นปมเพราะใช้ความคิด

     

                    นายไม่อยากได้เกมส์ใหม่หรือไง ยูมะดูหน้าก็รู้ว่าอยากได้ใจจะขาด.. อย่างนี้ท่าทางจะรอดยาก ฮ่าฮ่า

     

                มาทำงานด้วยกันสิ นะ~” ผมยิ้มอย่างใจดีปิดท้ายอีกครั้ง แต่ในใจนั้นกำลังเริงร่า ... เสร็จแน่!!

     

    .

    .

     

                    นายนี่ก็เข้ากับชุดเมดหมือนกันนะ ผมอมยิ้มขำๆ ขณะที่มองยูมะกำลังโดนโทโมฮิสะจับลองชุด

     

                    เป็นคำชมที่ฉันไม่ดีใจเลยสักนิด... ทำไมกระโปรงมันสั้นนักล่ะร่างเพรียวพยายามดึงชายกระโปรงปิดต้นขาตัวเอง ...แน่นอนว่ามันไม่ได้ช่วยให้เกิดผลอะไร

     

                    เอ้า เซ็กซี่ดีออก ... ตั้งใจทำงานล่ะผมทนกลั้นขำไม่ไหวอีกต่อไป เลยเดินหนีออกมา

     

                    เดี๋ยว แล้วนายล่ะ... ไม่ทำงานด้วยกันหรือ?” โถ หนูน้อย...เพิ่งรู้ตัวว่าโดนล่อลวงมาหรือ

     

                    ฉันเลื่อนตำแหน่งไปอยู่หน้าแคชเชียร์เรียบร้อยแล้ว

     

                    ว่าไงนะ!”

     

                    ........  ไม่มีคำตอบเป็นคำพูด มีเพียงแต่รอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของยามาดะ เรียวสุเกะเท่านั้น

     

    ยูมะถึงสำนึกได้ในนาทีนั้นเอง ....... ฉันโง่เองนั่นแหละที่หลงเชื่อคนอย่างนาย ยามาดะ!!

     

     

    2 ชั่วโมงผ่านไป

     

                โอ้ย หงุดหงิดเว้ย 

     

    นากายามะ ยูมะในชุดเมดกระโปรงฟูฟ่องถือถาดเดินกระฟัดกระเฟียดมาที่หน้าเคาน์เตอร์  ผมที่กำลังดูดมิลค์เชคในมืออย่างเพลิดเพลินต้องเอี้ยวตัวหลบลูกหลงที่มาพร้อมการฟาดถาดสีเงินบนโต๊ะแบบไม่เบานัก มองเผินๆก็แต่งตัวน่ารักดีหรอกนะ แต่หน้าตาบู้บี้ ตาขวาง คิ้วขมวด ทำเอาหมดอารมณ์ไปได้เหมือนกัน

     

                    ขาดน้ำตาลหรือไง... กินนี่ป่ะ ตัดใจยื่นของว่างในมือให้... เมนูโปรดเลยนะเว้ย ผลิตภัณฑ์นมเนี่ย จะได้สูงๆกะเค้าซักที

     

                    ลูกค้าร้านนายมีแต่พวกโรคจิตหรือไงร่างเพรียวคว้าแก้วมาดูดเอาๆคล้ายกับระบายอารมณ์...

     

                    เอาน่า ทนๆหน่อย ยังไงก็ลูกค้า ... ถ้านายจะโวยวายมาโวยกับฉันแล้วกัน

    เสนอทางออกให้ ปัญหานี้เค้าเข้าใจดีเพราะว่าเจอมาเองกับตัว แต่จะทำไงได้ เมื่อไอ้โรคจิตนั้นเป็นลูกค้า และพี่เขาก็ถือคติที่ว่าลูกค้าคือพระเจ้า

                   

    ถ้าฉันอยากเตะลูกค้าด้วยล่ะ

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หางตาชี้ ปรากฏบนใบหน้าหวานอีกครั้ง...หึ อย่าคิดว่าไม่รู้เท่าทันนะ

     

                    ฉันไม่หลงกลให้นายมาเตะฉันแทนหรอก อารมณ์ดีแล้วก็ไปทำงานต่อได้แล้ว ไม่ต้องมาฟอร์มอู้งานเลย.. แล้วนั่นจะกินของฉันให้หมดเลยใช่ไหม

     

                    แหวะ...หวานจะตาย เอาคืนไปดิร่างเพรียวส่งแก้วคืนมาให้ทั้งๆที่มันมีเพียงเศษน้ำแข็งก้นแก้วเท่านั้น

     

                    ล่อซะหมดยังมีหน้ามาวิจารณ์อีกนะ ผมส่ายหัวในพฤติกรรมของยูมะ แต่ก็หุบรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้เลย... พอได้มาทำงานด้วยกันแบบนี้ ผมก็เพิ่งรู้สึกว่ายูมะเองก็มีส่วนที่น่ารักกับเขาเหมือนกัน

     

     

     

    ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์เมื่อหลายชั่วโมงก่อน เหลือเพียงแต่แสงไฟตามร้านค้าต่างๆและไฟถนนเท่านั้น ...ป้ายแขวนตรงหน้าประตูทางเข้าถูกพลิกให้เป็นด้าน Close แต่ถึงจะปิดให้บริการแล้วแต่บรรยากาศในร้านก็ยังดูคึกคักด้วยพนักงานที่กำลังวุ่นวายกับเก็บกวาดเช็ดถูร้านให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิม

     

                    ยูมะจัง...ดึกแล้ว กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวทางนี้พวกพี่จัดการเองผมมองการกระทำของพี่ชายตาละห้อย ... ไปเลิกงานมันเร็วแบบนั้น ภาระหนักมันก็ตกที่ผมอีกอ่ะสิ...คนที่ต้องช่วยพี่ปิดร้านเนี่ย!!

     

                    ยิ่งแต่งตัวน่ารักๆแบบนี้ ถ้าเกิดโดนดักฉุดกลางทางจะหาว่าฉันไม่เตือน แล้วนี่ผมพูดอะไรออกไป?

     

                    คิดว่าฉันจะใส่ชุดนี้กลับบ้านหรือไง ...ไม่มีทางล่ะ แค่นี้ก็เกินพอแล้ว

     

                    งั้นรีบไปเปลี่ยนชุด รีบกลับบ้านดีกว่านะ... เรียวจังไปส่งยูมะจังที่บ้านด้วยนะ

     

                    เอ้า... แล้วเกี่ยวไรกับผมล่ะผมชี้หน้าตัวเองตื่นๆ แต่...ยอมรับก็ได้ว่าดีใจที่พี่มอบหมายงานนี้มาให้

     

                    ไม่ต้องดีกว่าครับ ถึงยังไงผมก็เป็นผู้ชาย ผมดูแลตัวเองได้

     

                อย่างที่เรียวจังบอกนั่นแหละ  กลับบ้านคนเดียวมืดๆมันอันตราย  ถือซะเป็นสวัสดิการร้านละกันนะ

     เวร.. คำพูดของตัวเองโดนพี่ชายย้อนกลับมารัดคอตัวเองจนได้  ว่าแต่..พี่ไม่ห่วงน้องชายที่ต้องเดินกลับร้านคนเดียวหน่อยหรือ?

     

                    แต่ว่า..ยูมะทำท่าจะเถียงออกมาอีก ...แต่ก็รู้ๆกันว่าโทโมฮิสะน่ะ เคยยอมใครซะที่ไหน...

     

                    ขืนเถียงกันอยู่อย่างนี้ จะยิ่งไม่ได้กลับนะ ... ยูมะจังลองพี่ผมยิ้มเย็นแบบนี้เป็นอันเสร็จพี่แกทุกราย

     

                    ก็ได้ครับ น่ะ.. ผิดซะที่ไหน .... ซื้อหวยทำไมไม่ถูกอย่างนี้บ้างฟะ ...

     

     

     

    ร่างเพรียวที่เปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดนักเรียนเหมือนเดิมเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาจากหลังร้านโดยไม่คิดจะรอให้ใครไปส่งอย่างที่ถกเถียงกันอยู่พักใหญ่

     

                    ชักช้า เสียงทุ้มต่ำที่ส่งเสียงออกไปทันที ทำให้ยูมะถอยกรูดเข้าไปติดประตูด้วยความตกใจ

     

                    นี่จะตามไปส่งจริงๆรึไง

     

                    ......

     

                    จะไปหรือไม่ไป พี่นายก็ไม่รู้หรอกน่า กลับบ้านไปเหอะ

     

                    ... ฉันเป็นห่วงรู้สึกกระดากนิดหน่อยที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ แต่ก็...วันนี้นายเจอลูกค้าโรคจิตหลายคนอยู่ไม่ใช่หรือ?”

     

    ร่างเพรียวของยูมะหันไปมองหน้าคนพูดแบบไม่อยากจะเชื่อสายตา  

    ....ไอ้เนี่ยอ่ะนะ คนที่ยืนแอ๊บเขินแล้วก้มหน้าก้มตาพูดอยู่เนี่ย มันเป็นคนเดียวกับคนที่ต้องขึ้นเสียงแหกปากล้งเล้งใส่กันทุกวัน ... ประหลาดเกินไปแล้ว!

     

    เน่... ยืนนิ่งอยู่ได้ ไม่กลับบ้านรึไง... ฉันอยากกลับมานอนเร็วๆนะเว้ย

    ถึงคำพูดจะไม่ได้ชวนระรื่นหูซักเท่าไหร่นัก .. แต่จากการกระทำที่เห็นอยู่ ยูมะก็รับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนอันหาได้ยากยิ่งจากร่างหนาที่เดินนำหน้าไปทั้งที่ไม่รู้ว่าบ้านเขาอยู่ไหนแล้ว

     

    ..... อดไม่ได้จริงๆที่จะยิ้มออกมา ....

     

     

                   

    หลังจากที่ต่อบทสนทนากันอย่างดุเดือดในระหว่างทางที่มาส่ง จนผมเกรงว่าชาวบ้านแถวนี้จะตื่นกันเสียหมด .. ผมก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังที่ยูมะชี้บอก ... มันเป็นบ้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ที่ท่าทางอบอุ่น .. อย่างน้อยแค่ไม่มีพี่ชายอย่างผมก็นับว่าเป็นบุญแล้วล่ะ

     

                ขอบคุณ...ที่มาส่ง

    น้ำเสียงของยูมะดูจะเก้อๆเขินๆที่ต้องให้ผู้ชายด้วยกันมาส่งที่บ้าน แถมยังเป็นคนที่มีปากเสียงกันทุกวันด้วย ... บรรยากาศที่เปลี่ยนไปก็พาลให้ผมทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน จึงไม่ได้พูดอะไรตอบออกไป

     

                    กลับดีๆนะ

    ร่ำลาพอเป็นมารยาทเสร็จ ร่างเพรียวก็หันไปตั้งใจจะไขประตูเข้าบ้าน แต่แล้วก็หันกลับมาอีกครั้งด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์แสนกล

     

    เอ...ฉันจำได้ว่านายเองก็มีลูกค้าโรคจิตมาติดเหมือนกันนี่นา... ระวังโดนฉุดตอนขากลับด้วยล่ะ

    ยังอุตส่าห์หันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผมแล้วก็เปิดประตูชิ่งหนีเข้าบ้านไป ... ก็เลยไม่ได้เห็นว่ามีใครที่กำลังยิ้มแก้มแตกเหมือนคนบ้าในตอนนี้

     

    ก็น่ารักดีนะ .... หน้าก็หวาน ผิวก็เนียน หุ่นก็บอบบางอ้อนแอ้น ไหนจะจมูกโด่งๆ ตาเรียวรี ปากอิ่มๆสีระเรื่อนั่นก็อีก ถ้าทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูเสียหน่อยคงจะดีไม่น้อย  

     

    .... แล้วนี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ยยยย!!!

     

     

     

    To be con

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×