ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ].... You are beautiful ....[Hey!Say!JUMP version]

    ลำดับตอนที่ #17 : พันธสัญญา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 218
      0
      15 มิ.ย. 55

      

     

    17

     

    ที่บริษัท

     

    ยูยะที่แวบออกไปกดกาแฟร้อนจากตู้อัตโนมัติและกำลังจะเดินกลับเข้าห้องซ้อม ก็ดันไปสะดุดกับเรียวสุเกะที่กำลังยืนคุยกับใครสักคนอยู่ริมระเบียงด้วยหน้าตายิ้มแย้มเขินอาย... เห็นแล้วมันช่างน่าหมันไส้นัก

    ร่างสูงยืนแอบอยู่ตรงมุมตึก ใกล้กับประตูแล้วพยายามชะโงกหน้าออกไปสู่รู้ว่าเรียวสุเกะกำลังคุยกับใคร

     

    “อ้าวยูยะ มายืนทำอะไรหน้าประตู ไม่เข้ามาล่ะ”

    ฮิคารุที่จู่ๆก็เปิดประตูผลัวะออกมาจากในห้อง เห็นยูยะกำลังทำลับๆล่อๆก็ส่งเสียงทักไปซะเสียงดัง ...ยูยะสะดุ้งสุดตัว หันขวับกลับไปแยกเขี้ยวคำรามด้วยความโมโหใส่ฮิคารุที่ตกใจกับหน้าตาน่ากลัวของยูยะไม่แพ้กัน

     

    “จะออกมาทำไมตอนนี้!

    “ก็...จะไปเข้าห้องน้ำ..ตะ แต่ ไม่เข้าแล้วก็ได้ หายปวดพอดีเลย” ยิ้มแห้งๆใส่ลีดเดอร์ไปทีนึงแล้วก็หดหัวหดตัวตัวกลับเข้าห้องปิดประตูเงียบสนิทดังเดิม... เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

     

                ยูยะถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหันกลับไปทางที่เรียวสุเกะยืนอยู่อีกครั้ง แต่ก็พบว่าคู่สนทนาเมื่อครู่หายตัวไปแล้ว และร่างเล็กก็กำลังเดินกลับมาที่ห้องซ้อมเสียด้วย

     

                    “เน่!

                “ฮะ...เฮ่ยย ทาคาคิคุง ตกใจหมด มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ” เรียวสุเกะผงะไปสองก้าว แม้เขาจะไม่ใช่คนขวัญอ่อนกลัวผีเท่าไหร่นัก และต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นยูยะก็ตาม แต่มายืนตรงมุมมืดเงียบๆแบบนี้ก็น่ากลัวเอาเรื่องนะ

                    “นายออกมาทำอะไรข้างนอก ไม่ซ้อมล่ะ.....แล้วเมื่อกี้คุยกับใครน่ะ” ยูยะเพิกเฉยต่อคำถามของร่างเล็ก เพราะตอนนี้ในหัวเขาอยากรู้แค่เรื่องที่อีกฝ่ายคุยเท่านั้น

     

                    “อ๋อ เคโตะคุงบอกว่าอยากให้ผมไปเจอกับคนที่เค้าชอบหน่อยน่ะฮะ”

                    “แล้วนายเกี่ยวอะไร” ร่างสูงตาขวางขึ้นมาในทันที.... เคโตะอีกแล้วเรอะ.....

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เคโตะคุงเคยช่วยเหลือผมหลายๆอย่าง ก็เลยตอบปฏิเสธไม่ได้” ร่างเล็กมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย

    .......ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าพักนี้ เวลาเขาพูดถึงเคโตะคุงทีไร ยูยะจะดูอารมณ์เสียแล้วก็ทำหน้าตาบูดบึ้งไปซะทุกที........

    ระหว่างที่ยืนคุยอยู่หน้าห้องซ้อมนั้นเองก็ได้ยินเสียงคนข้างในร้องเรียกหาเรียวสุเกะออกมา ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นเสียงของยูโตะ ร่างเล็กจึงถือโอกาสชิ่งออกมาจากบทสนทนาที่มีแววโดนหงุดหงิดใส่ไม่รู้ตัวเพราะยูยะเริ่มจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว

     

    “อ่า ผมต้องรีบไปซ้อมแล้ว ขอตัวนะครับ” โค้งลาพอเป็นมารยาท แล้วเรียวสุเกะก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าประตู มือขาวนั้นกำลูกบิดประตูแล้ว

     

     

    ....ความรู้สึกลึกๆในหัวใจบอกยูยะให้ทำอะไรสักอย่าง เพื่อขัดขวางนัดคืนนี้ให้ได้...

    ....แต่เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไง จะห้ามจะรั้งยังไงดี ....

     

    เรียวสุเกะบิดลูกบิดที่ประตูแล้ว กำลังจะผลักประตูเข้าไป

     

    “เดี๋ยว...”

    ออกปากรั้งไว้ด้วยเหตุผลอะไรก็ยังไม่รู้ แม้แต่ยูยะที่เป็นคนหลุดปากออกมาเองก็ยังเหมือนไม่เข้าใจตัวเอง

     

    “ครับ” ยิ่งเจ้าตัวเล็กหันมาเอียงคอทำหน้าสงสัยใส่ ก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออกกันเข้าไปใหญ่

     

    .... พูดได้ไหมล่ะ ว่าไม่อยากให้ไปหาเคโตะมันคืนนี้น่ะ ....

    .... จะห้ามด้วยเหตุผลอะไร ยูยะก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เลย....

     

    “อ่ะ...เอาไปสิ ฉันกดมาเผื่อ” สุดท้ายก็ได้แต่เฉไฉ ยื่นกาแฟร้อนที่เพิ่งกดมาให้อย่างเก้อๆ

     

    .... ถึงจะอ้างว่ากดมาเผื่อ แต่ในมือเขาก็มีกาแฟแค่กระป๋องเดียว ซึ่งมันโคตรจะไม่สมเหตุสมผลเลยให้ตายเหอะ แต่เขาก็พูดมันออกไปแล้ว....

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิว” ร่างเล็กโบกมือปฏิเสธ ...เขายังไม่รู้สึกอยากกินอะไรตอนนี้

     

    .... แต่ดูเหมือนยูยะจะเข้าใจไปอีกแบบ คิดว่าเรียวสุเกะรังเกียจของที่เขาให้ .....

     

    “ฉันให้ ก็รับไปสิ” ร่างสูงทำหน้านิ่ง ดื้อดึงในเจตนารมเดิมเสียงแข็งว่าจะให้ เรียวสุเกะก็เลยต้องรับแก้วไปถืออย่างช่วยไม่ได้

    “ขอบคุณครับ..ว่าแต่ ทาคาคิคุงไม่กินเหรอ ท่าทางเหมือนคนไม่ค่อยได้นอนเลย” ร่างเล็กยังมีกะใจจะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง... ยูยะเบือนหน้าหนีเพียงเพราะเขารู้สึกใจเต้นแปลกๆ เหมือนดีใจที่มีใครมาคอยเป็นห่วงอย่างนั้นล่ะ

     

    ....ก็เพราะมัวแต่คิดเรื่องของใครกันล่ะ ถึงทำให้เขานอนไม่หลับ จะหลับก็หลับไม่สนิท .....เดือดร้อนให้เขาต้องมากดกาแฟกินที่บริษัทตอนกลางวันแสกๆเนี่ย ....แล้วยังไงอีก สุดท้ายก็ไม่ได้กินเพราะเขาใช้เป็นข้ออ้างไปแล้วนี่ไงล่ะ.....

     

    ไอ้ตัวเล็ก...เรื่องของนายนี่มันวุ่นวายชะมัด....

     

     

    ......................................

    .........................

     

    ชิเงะซังขับรถตู้ของบริษัทมาส่งสมาชิกทุกคนถึงบ้านในช่วงเย็น หลังจากที่ทุกคนใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการซ้อมเพื่อเตรียมขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่มาทั้งวันแล้ว

     

    ยูโตะ ฮิคารุ ใช้แขนขายาวๆของตัวเองสร้างอาณาจักรในการพักผ่อนบนโซฟาตรงห้องนั่งเล่นทันทีที่มาถึง ห้องพักของพวกเขาอยู่ชั้นบน และตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ไม่มีแรงเหลือพอที่จะปีนบันไดขึ้นห้องไปอีกแล้ว มีเพียงแค่เคโตะเท่านั้นที่ยังสู้ ฝืนสังขารลากเท้าเข้าห้องไป เคย์กำลังโหวกเหวกโวยวายตามหาไดกิ ส่วนยูยะตรงเข้าไปในครัวเพื่อหาของว่าง...

    เรียวสุเกะเดินโซเซไปที่ห้อง และทุ่มตัวลงบนที่นอนทันทีเมื่อถึงเตียง ....เขาไม่เคยรู้สึกว่าดีใจที่มีห้องอยู่ชั้นล่างแบบนี้มาก่อนในชีวิต ...

     

    “กลับมาแล้วเหรอ ...ดื่มอะไรเย็นๆหน่อยมั้ย” ไดกิเปิดประตูออกมาจากห้องเล็กของตัวเอง แล้วก็พบว่าน้องชายนอนหมดสภาพอยู่ตรงหน้า

    “ไดจางงงงงง”

    “เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำหวานมาให้แล้วกัน”

     

    .

    .

    .

     

    ค่ำวันนั้นเอง

     

    เคย์ แกว่าช่วงนี้เจ้าเคโตะกับยามะจังอยู่ด้วยกันบ่อยเนอะฮิคารุกำลังนั่งเกยคางกับโซฟา พลางมองไปที่เคโตะกับเรียวสุเกะที่ยืนคุยเหมือนกำลังนัดแนะอะไรบางอย่างอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน ก่อนที่เคโตะจะเดินพ้นประตูออกไป

     

    ...รายนี้เข้าใจ เห็นบอกว่ามีนัดเย็นนี้ .... แล้วก็แต่งตัวหล่อออกบ้านไปตั้งแต่หัววันขนาดนี้

     

    อื้อ ก็เห็นว่าคุยกันงุ้งงิ้งสองคนบ่อยๆเคย์ที่ใช้เพียงหางตาเหลือบมองด้วยมาดผู้ดี ให้ความเห็นออกมาเบาๆ ต่างจากฮิคารุที่ดูมุ่งมั่นตั้งใจสอดแนมอย่างโจ่งแจ้ง

    แล้วแกว่า สองคนนั้นจะแอบมีซัมติงกันรึยังอะ

    ไม่รู้สิ มันเป็นเรื่องของเขาน่ะ เคย์ตอบกลับฮิคารุทั้งที่ยิ้ม แล้วก็เดินหนีไปหาไดกิที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เตรียมตัวจะเข้าครัวทำมื้อค่ำให้ทุกคน.... แต่ไม่ทันที่เคย์จะเข้าถึงตัวไดกิ น้องชายสุดรักอย่างเรียวสุเกะก็ปรี่เข้ามาดึงแขนพี่ชายไปคุยเสียก่อน เคย์ที่เดินออกมาเก้อ ก็เลยแวบเข้าไปหลบระเบิดจากฮิคารุในห้องครัวแทน

     

    มันด่าแกว่าอย่าสู่รู้เรื่องชาวบ้านน่ะ ยูยะที่นั่งอยู่ด้วยตั้งแต่ต้น รู้สึกหงุดหงิดตั้งแต่คำพูดประโยคแรกของฮิคารุแล้ว ก็ได้ทีด่าผสมโรงให้หายแค้น

     

    เอ้ะ นั่นสิ... นี่แกด่าฉันเหรอ ไอ้เคย์ ....หน่อยแน่ะ หลบให้ได้ตลอดนะ ชีวิตแกที่ต้องอยู่กับฉันมันไม่จบแค่วันนี้หรอกนะ ฮึ่มมมฮิคารุร้องตะโกนขู่อาฆาตเคย์ที่พรางตัว ทำเป็นเงียบอยู่ในครัว

     .... ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ทุกคนรู้ดี ฮิคารุเป็นพวกอารมณ์ดี ลืมง่าย โกรธง่ายหายเร็ว .... โกรธวันนี้ พรุ่งนี้ก็ลืมแล้ว กลับมาหัวเราะเล่นกันเหมือนเดิม ... ก็เลยไม่มีใครใส่ใจนัก รวมถึงยูยะที่ทำเพียงแค่ส่ายหัวแล้ว แล้วหนีเข้าห้องไปอีกคน 

     

    .

    .

    .

     

    เรียวสุเกะลากพี่ชายออกมาคุยกันสองคนในที่เงียบๆ จัดการชะโงกหน้าดูรอบๆสอดส่องจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีหน่วยสอดแนมหน้าไหนตามมาแล้วจึงเอ่ยปากบอกธุระออกไป

     

    ไดจัง วันนี้ผมกับเคโตะจะออกไปข้างนอกตอนค่ำนะ ไม่ต้องทำข้าวเผื่อ...เมื่อเย็นก็ลืมบอก

    ...จริงๆเขาก็ไม่อยากทำตัวลับๆล่อๆอย่างนี้หรอก ...แต่เขาไม่อยากโดนพวกฮิคารุคุงแซวเอานี่นา

    อ้าว จะไปไหนกันล่ะสองคน  

    ไม่รู้เหมือนกัน เคโตะคุงชวนไปเจอแฟนเค้าน่ะ

    แฟน... หมอนั่นน่ะเหรอมีแฟนแล้ว ไดกิหรี่ตามองน้องชาย ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ

    อื้อ นั่นสิ เหมือนว่าจะยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้นะ

     ...จะว่าไป เรียวสุเกะเองก็อดจะเคลือบแคลงอยู่ไม่ใช่น้อย ...ก็เคโตะคุงไม่เคยมีท่าทีเหมือนกำลังคบกับใครอยู่เลยน่ะสิ แล้วอยู่ๆก็พูดว่ามีแฟนขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

     

    มันแปลกๆอยู่นะ แล้วทำไมถึงชวนแต่เรียวจังล่ะ ไดกิถามไปตามประสาพี่ชาย

    อันนี้ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันล่ะไดจัง เอาเป็นว่า...เดี๋ยวผมไปเตรียมตัวอาบน้ำก่อนดีกว่า แต่ยังไม่ทันที่เรียวสุเกะจะเดินกลับเข้าห้องไป ก็มีอันต้องย้อนกลับมากระซิบสารลับใส่หูพี่ชายอีกรอบ

     

    “อ้อ...ไดจัง ของที่ให้น่ะ จัดการเรียบร้อยรึยัง”

    “อืม แช่ผงซักฟอกอยู่ เดี๋ยวเอาไปปั่นสักหน่อยก็คงไม่เห็นรอยแล้วล่ะ ... เรานี่ก็น้า ทำยังไงให้น้ำหวานหกราดตุ๊กตาหมีสุดที่รักของทาคาคิคุงได้ห้ะ”

    “ก็ตอนนั้นมันเพลีย เลยไม่มีแรงนี่นา ...แต่ว่าผมไม่ได้ตั้งใจนะ”

     

    .... จะพูดไปแล้วก็อาย แต่หลังจากที่ไดจังเอาน้ำหวานเย็นชื่นใจมาเสิร์ฟให้ถึงหัวเตียง ยังไม่ทันได้จิบให้หายเหนื่อยสักคำ เขาก็ดันเผลอปัดมันหกรดคุซาป๊งที่(บังเอิญว่า)อยู่ใกล้ๆเข้าจนได้ .... งานนี้ไม่รู้จะโทษมือไม้ที่อ่อนแรง หรือว่าความซุ่มซ่ามที่เป็นนิสัยของเขากันดี....

    แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาก็คงไม่แคล้วโดนยูยะโมโหใส่อีกแน่ ... ดังนั้นตอนนี้เขาจึงต้องรีบทำลายหลักฐานให้เรียบร้อย แล้วค่อยหนีตายไปตามนัดกับเคโตะคุงตอนค่ำ หลังจากนั้นเขาจะกลับมาก้มหน้ารับคำพิพากษาในวันรุ่งขึ้น หวังว่ากว่าจะถึงเวลานั้น ยูยะคงจะอารมณ์เย็นลงบ้างแล้วนะ T_T

     

    .

    .

     

                    เคโตะอยู่ในร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูบนยอดตึกสูง โต๊ะที่เลือกนั้นจัดอยู่ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และอยู่ติดกับกระจกใสบานใหญ่ที่มองเห็นแสงสียามค่ำคืนของโตเกียวได้ชัดเจนในระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว

     

                    ร่างหนาจัดการสั่งเมนูอาหารน่าตาน่าทานที่คิดว่าน่าจะถูกใจเรียวสุเกะเตรียมไว้ เขาพิถีพิถันเลือกทุกเมนูอย่างตั้งใจตั้งแต่ออเดิร์ฟจนกระทั่งไวน์ที่ช่วยสร้างบรรยากาศ และไม่ลืมที่จะนัดแนะกับพนักงานในร้านเรื่องเตรียมการเซอร์ไพร์สสุดพิเศษสำหรับเรียวสุเกะในคืนนี้ ในร้านที่เขาลงทุนจองเหมาทั้งร้านเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัว ...เพราะทั้งเขาและเรียวสุเกะต่างก็มีสถานะที่เรียกได้ว่าเป็นคนของประชาชนด้วยกันทั้งสิ้น  

                จนเมื่อทุกอย่างพร้อมเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เคโตะถึงได้มานั่งชมบรรยากาศยามค่ำคืนผ่านกระจกใส เฝ้ารอคนที่เขาแอบรักมาถึงที่นี่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น กังวลใจ แม้ทุกๆอย่างนั้นจะซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าคมที่นิ่งเฉย หากแต่สุภาพอ่อนโยนเหมือนอย่างปกติ

                   

                    ............ในที่สุด...............

     

    ............. เขาก็มีโอกาสที่จะได้สารภาพรักกับคนที่แอบรักมานานเสียที .............

     

    .

    .

     

                    ยูยะกำลังจมอยู่กับโน้ตเพลงมากมายบนโต๊ะทำงาน เขาพยายามละความสนใจจากเรื่องบางเรื่องที่มันรบกวนจิตใจเขาอยู่ และทุ่มเทให้กับเรื่องงานเพียงอย่างเดียว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสมาธิกับการทำงานอยู่ดี ที่ทำอยู่ตอนนี้เหมือนกับเอากระดาษมากองๆรวมกันเท่านั้นเอง 

    เขาเห็นว่าเรียวสุเกะเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็ออกมาว้าวุ่นอยู่กับการเลือกชุดหน้าตู้เสื้อผ้า ....เตรียมตัวจะออกไปข้างนอกยามค่ำแบบนี้ก็นึกรู้ได้ในใจว่า ร่างเล็กกำลังจะไปหาเคโตะตามนัดอย่างที่บอกไว้

     

                   

     

    ......เขาเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิด พอคิดว่าเรียวสุเกะกำลังจะไปหาใครก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะทนไม่ได้ .....

    ยิ่งเคยได้ยินพวกฮิคารุกับเคย์เม้ากันว่าเรียวสุเกะชอบเคโตะอยู่ด้วยก็ยิ่งเป็นกังวล

     

    ............ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องกังวล แต่เขาไม่อยากให้สองคนนี้เป็นแฟนกัน...............

     

    “จะออกไปไหนน่ะ” ....ในที่สุดก็ออกปากถามไปจนได้....

    ร่างสูงยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สายตาคมกริบนั้นจ้องไปที่ร่างเล็กอย่างไม่วางตา

     

    “ก็...ที่ผมบอกว่านัดเคโตะคุงเอาไว้”  เรียวสุเกะตอบอย่างงงๆ...ก็เขาเคยบอกเอาไว้ก่อนแล้วนี่นา

     

    “ไม่ต้องไป” สุ้มเสียงมีอำนาจ เอ่ยวาจาประกาศิตไว้เช่นนั้นทั้งๆสีหน้านิ่งเฉย

    “ทำไมล่ะ” แต่เจอเสียงแบบนั้นเข้าไป เรียวสุเกะก็ชักจะเดือดขึ้นมาเหมือนกัน...

    .....พูดเหมือนเขาเป็นเบี้ยล่างที่ต้องทำตามคำสั่งของยูยะทุกอย่างอย่างนั้นล่ะ ...ถึงจะเกรงใจ(และเกรงกลัว)อยู่บ้างในฐานะหัวหน้าวงและเป็นคนที่มาก่อน ...แต่เขาเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในวง มีสิทธิที่จะทำอะไรทุกอย่างได้เท่าเทียมกัน

     

    “ไม่มีเหตุผล แต่ฉันไม่ให้นายไป”  

    ...ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนคนพาลเข้าไปทุกที แต่ยูยะไม่รู้จะหาเหตุผลเข้าท่าที่ไหนมารั้งไว้จริงๆ...

     

    “ถ้าไม่มีเหตุผล ทำไมผมต้องทำตามทาคาคิคุงด้วย” เรียวสุเกะในวันนี้ก็ดื้อดึงกว่าทุกทีเสียด้วย

    ...ร่างเล็กไม่สนใจคำพูดของยูยะ หน้าเรียวสวยบึ้งตึง ก้าวเท้าฉับๆผ่านโต๊ะของยูยะไปที่ประตูห้องหมายจะหนีออกไปจากสถานการณ์ตึงเครียด

     

    “นี่ หยุดนะ!! ห้ามไป” ร่างสูงลุกตามขึ้นมารั้งแขนของเรียวสุเกะไว้ได้ข้างหนึ่ง ทำให้ร่างเล็กต้องหันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับยูยะอีกครั้ง

     

    “ทาคาคิคุงพูดไม่รู้เรื่องแล้ว จะห้ามผมก็ขอเหตุผลหน่อยเถอะ... เคโตะคุงนัดแฟนไว้ด้วย ผมไปสายคงไม่ดี”

     

    ยูยะเดาะลิ้นด้วยความขัดเคือง รู้สึกขุ่นใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้

     

     

    ....คงมีหรอกนะ แฟนที่ว่านั่น ในเมื่อเจ้าตัวประกาศกร้าวซะขนาดนั้น....

     

     

    “ทำไม!..อยากไปหามันนักหรอ ชอบมันหรือยังไง!!

     

    “ผมจะชอบใครก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับทาคาคิคุงตรงไหนเลย ปล่อยผมนะ!!

     

    “ยอมรับแล้วเหรอว่าชอบมันน่ะ”

     

    “ผมยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะว่าใช่น่ะ”

     

    “แล้วที่ระริกระรี้อยากไปหาใจแทบขาดน่ะ ถ้าไม่ได้ชอบมันแล้วจะเรียกว่าอะไร! ยูยะรู้สึกว่าตัวเองใช้อารมณ์มากเกินไป แต่ก็ยั้งปากตัวเองไม่ได้ ...แรงมือที่กำรอบข้อมือขาวไว้ก็รัดแน่นเสียจนร่างเล็กเบ้หน้าด้วยความเจ็บ

     

    “ทาคาคิคุงน่ะ..ไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่างเลย” เรียวสุเกะเงยหน้าขึ้นมาน้ำตาคลอ ตัดพ้อใส่ร่างสูงด้วยสีหน้าเจ็บปวด

     

    ....ทั้งๆที่คนๆเดียวที่เขาเฝ้ามองมาตลอด ก็คือผู้ชายปากคอเราะร้ายที่ยืนพูดจาเสียดสีเขาอยู่ตรงหน้านี้เอง....

     

     

    “นั่นน่ะสินะ ฉันมันไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่าง ไม่มีเหตุผล ...แล้วไงอีก ชอบใช้กำลังด้วยรึเปล่า คงสู้สุภาพบุรุษแสนดีอย่างเคโตะมันไม่ได้สินะ” ยูยะเองก็ตอบโต้ด้วยความน้อยใจไม่แพ้กัน

     

    “อย่ามาพาลนะ ปล่อยผม” ร่างเล็กพยายามบิดข้อมือหนีจากแรงเหนี่ยวรั้งของยูยะ  

     

    “ไม่ปล่อย... มีไรมั้ย” นอกจากจะไม่ปล่อยตามคำขอแล้ว ยูยะยังเลือกที่จะกวนเรียวสุเกะด้วยการจับคนตัวเล็กมาขังอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างแนบแน่นอีกด้วย

     

    “ทาคาคิคุงเป็นบ้าอะไร...หิวก็ไปหาอะไรกินสิ บอกไดจังก็ได้ ...มายุ่งกับผมทำไม” เรียวสุเกะไม่เข้าใจเหตุผลของการกระทำของยูยะในตอนนี้เลยจริงๆ... ทำไมต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ ..แล้วยังมากอดเขาไว้อีกทำไม

     

    “แล้วทำไมนายต้องดิ้นหนีฉันนักหนาล่ะ ทำไมไม่ฟังฉันบ้าง” เสียงตัดพ้ออย่างอ่อนใจที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้เรียวสุเกะต้องหมุนตัวกลับมามองตาร่างสูงอีกครั้ง

     

    “แล้วทาคาคิคุงมีเหตุผลอะไรถึงไม่ให้ผมไป”

     

     

     

    “ฉันไม่อยากให้นายไป” ร่างสูงตอบไปตามความรู้สึกของตัวเองด้วยสายตาและน้ำเสียงที่จริงจัง ...เรียวสุเกะก็นิ่งไปอยู่พักใหญ่ เหมือนว่าต้องการคำอธิบายที่มากกว่านั้น

     

     

     

    .....ถ้านายรู้ว่าไปแล้วต้องเจอกับอะไร นายจะยังอยากไปอยู่อีกมั้ย.....

     

    แต่อย่ากระนั้นเลย ยูยะไม่พร้อมจะฟังคำตอบนั้นหรอก

     

     

     

     

                    “ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ...ปล่อยผม”

    เมื่อสมองประมวลผลออกมาว่าไม่เข้าใจความหมายที่ยูยะพูด ร่างเล็กก็ออกฤทธิ์ดื้อดึงอีกครั้ง อาศัยช่วงที่ร่างสูงเผลอ บิดตัวหนีออกมาจากอ้อมกอด

     

     

    “ทำไมถึงได้ดื้อนักนะ เรียวสุเกะ”

     

    “ปล่อยย....อื้ออออ”

     

    ยูยะที่โมโหถึงขีดสุดดึงตัวเรียวสุเกะเข้ามากดจูบลงไปที่ริมฝีปากบางเพื่อปิดปากร่างเล็กที่ตั้งท่าจะพูดอะไรต่อต้านขึ้นมาอีก....แต่ความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากที่สัมผัสกันทำให้ร่างสูงเผลอตัว ค่อยๆดูดเล็มริมฝีปากบางทีละน้อยจนมันแดงฉ่ำ

     

     ...ยูยะค่อยๆคลายมือที่จับดึงข้อมือขาวอย่างแผ่วเบา มือข้างหนึ่งใช้โอบประคองที่เอวร่างเล็ก ส่วนอีกมือกำลังลูบไล้ไปตามท้ายทอยสวยอย่างเผลอไผล.... เรียวสุเกะเบิกตาโตค้างไปกับสัมผัสที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้แล้วด้วย

     

    ฝ่ายร่างสูงที่เผลอเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนหวานชวนให้หลงใหล ก็สะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นมา ปล่อยตัวร่างเล็กให้เป็นอิสระด้วยความรู้สึกที่.. แม้แต่ตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าทำมันลงไปแล้ว

     

    เรียวสุเกะเองก็ช็อคตาค้าง มองร่างสูงคาปริบๆ ความรู้สึกเหมือนกึ่งตื่นกึ่งฝัน... ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเมื่อครู่นี้กันแน่

     

     

    ยูยะลนลานทำอะไรไม่ถูกก็เหลือบมองไปรอบห้อง .....พยายามมองหาอะไรสักอย่าง.....

     

    อะไรสักอย่างที่จะช่วยให้เขาหลุดจากสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้

     

     

    “คุซาป๊งฉันอยู่ไหน”

     

    ยูยะกดเสียงต่ำ ถามหาสิ่งที่ควรจะนั่งยิ้มแป้นแล้นต้อนรับเขาบนเตียงอย่างทุกวัน ....แต่วันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา

     

    “....เอ่อ....”  พอวิญญาณที่ล่องลอยหลุดออกจากร่างไปชั่วขณะกลับเข้าร่างเป็นปกติแล้ว ...ความผิดที่ยังเป็นชนักปักหลังร่างเล็กอยู่ ก็ทำให้พูดออกมาได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก

     

    “บอกมาเดี่ยวนี้นะ”

     

    “คุซาป๊ง...ไป...อาบน้ำ” เรียวสุเกะเลือกใช้คำศัพท์น่ารักๆแทน เผื่อว่ามันจะช่วยลดทอนความโกรธาของร่างสูงที่จะบังเกิดขึ้นได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

     

    “ว่าไงนะ!!!!

     

    “ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วววว” เรียวสุเกะหลับตาปี๋พลางพนมมือไหว้เป็นการขอโทษ

     

     

    “นายต้องรับผิดชอบ... มานี่เลย” ร่างสูงคว้าตัวเรียวสุเกะอีกครั้งแล้วจับทุ่มลงเตียง

    “อ้ะ..” ร่างเล็กตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาณระวังภัย แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไร ยูยะก็ตามขึ้นมาอยู่บนเตียงเดียวกันเสียแล้ว ....ร่างสูงผลักเรียวสุเกะให้หงายหลังล้มลงนอนตามเดิม ยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้แล้วพูดประโยคที่เขาจะจดจำไว้ไม่มีวันลืมเลยว่า

     

    “ฉันนอนไม่ได้ถ้าไม่มีคุซาป๊ง!

     

    ว่าแล้วยูยะก็วาดแขนขายาวๆมาพาดบนตัวร่างเล็กจนไม่สามารถขยับดิ้นไปไหนได้เลย

     

    “ตัวนายก็สั้นๆป้อมๆคล้ายๆกัน พอจะทนๆไปก่อนคืนนึงก็ได้”

     

    ยูยะหลับหูหลับตานอนไม่สนใจร่างเล็กที่พยศดิ้นขลุกขลัก พยายามทำเป็นลืมๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น กอดร่างหอมนุ่มนิ่มต่างตุ๊กตาแล้วหลับไปแบบหน้าตาเฉย

     

     

     

    ไม่รู้จะรั้งยังไงก็ขอรั้งไว้ด้วยร่างกายก่อนก็แล้วกัน

     

    …………………

    ………….

    …….

     

     

     

                    “เคโตะคุง เมื่อวานผมต้องขอโทษจริงๆนะ คือมัน....”

     

    เรียวสุเกะโค้งต่ำขอโทษเคโตะอย่างเอาเป็นเอาตาย ....ก็เมื่อเช้าเขาตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าตัวเองนอนหลับไปในอ้อมแขนของยูยะ ซึ่งคาดว่าเมื่อคืนเขาคงจะเหนื่อยจนเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น.... ร่างเล็กเพิ่งนึกได้ว่าเขาลืมนัดเมื่อคืนของเคโตะไปเสียสนิทก็เมื่อเดินมาเจอเคโตะในบ้านตอนเช้าเนี่ยแหละ ก็เลยอดที่จะรู้สึกผิดด้วยไม่ได้

     

                    “ไม่เป็นไรหรอก” เคโตะเปิดยิ้มอ่อนบางให้อย่างที่เคย ทำเอาร่างเล็กรู้สึกผิดยิ่งไปกว่าเดิม

     

    ................... ทำไมถึงเป็นคนดีอย่างนี้น้า .........................

     

                    “โกรธผมหรือเปล่า ที่ไม่ได้ไปตามนัด”

                    “เปล่า” แต่ดูจากสีหน้าแล้ว...คงจะน้อยใจอยู่หน่อยๆ มากกว่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

     

                    “เอ้ะ รึว่าทะเลาะกับคนที่ชอบเพราะว่าผม”

                    “........” ความเงียบเป็นคำตอบที่ได้ ทำให้เรียวสุเกะเชื่อไปตามนั้นแล้วเรียบร้อย ว่าเขาเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เคโตะทะเลาะกับคนที่ชอบเมื่อคืนนี้

     

                    “ให้ผมทำอะไรเป็นการไถ่โทษเถอะนะ” ร่างเล็กส่งสายตาอ้อนวอน เดิมทีแค่ผิดนัดก็ว่าแย่แล้ว ตอนนี้ยังมีความผิดเพิ่มมาอีกกระทง ทำให้เรียวสุเกะรู้สึกผิดจนอยู่เฉยไม่ได้ .......เขาต้องทำอะไรสักอย่าง

     

                    “....งั้นนายช่วยเลือกร้านอาหารที่เหมาะสำหรับการสารภาพรักให้หน่อยสิ”

                    “ด้วยความยินดีฮะ”

     

     

    สองคนนั่งดูนิตยสารแนะนำร้านอาหารอยู่ตรงห้องนั่งเล่นกัน สร้างบรรยากาศสีชมพูที่คนอื่นๆไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ .....ยูโตะที่ประคองแก้วโกโก้ร้อนมองอยู่ห่างๆด้วยความสงสัยเคลือบแคลงใจ แต่ก็เชื่อมั่นตามที่เคยไปเลี่ยมถามแล้วยามะจังบอกว่าเคโตะมีคนที่ชอบอยู่แล้วก็เลยวางใจ....เคย์จิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ไม่ได้สนใจอะไร

     

    ฉันออกไปธุระข้างนอกนะ ยูยะเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากห้องด้วยชุดไปรเวท แล้วก็ชะงักนิดหน่อยตอนที่เห็นเรียวสุเกะกับเคโตะนั่งอยู่ใกล้ชิดกันเกินความจำเป็น.... แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างเร็ว

     

    “รีบไปไหนของเขาน่ะ” แม้แต่ยูโตะก็ยังไม่ทันได้ซักถามถึงที่มาที่ไปใดๆตามประสาเจ้าหนูจำไมที่มักจะชอบตั้งปัญหาให้กับทุกสิ่งบนโลกนี้แบบยูโตะ ...ทุกคนเองก็ตกอยู่ในภาวะสงสัยไม่ต่างกัน

     

    เรียวสุเกะมองตามยูยะไปอย่างเป็นห่วง.... เมื่อเช้าพอเขารู้สึกตัวก็ลุกหนีออกมาก่อน จนมาเจอเคโตะคุงเนี่ยแหละ ..... ไม่รู้ว่ายังโกรธเรื่องคุซาป๊งอยู่รึเปล่า? หรือเพราะเมื่อวานไม่ได้กินข้าวเย็น?

     

    ......เขาตามอารมณ์ผู้ชายคนนี้ไม่ทันจริงๆเชียว........

     

     

     

     

                    10 นาทีให้หลัง....

     

    ยูริที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านแบบที่ไม่มีคำเชิญและไม่ได้รับคำอนุญาตก็ร้องทักออกมา เมื่อเห็นเคโตะกับเรียวสุเกะกำลังสุมหัวกันดูนิตยสารอยู่กลางห้องนั่งเล่น...

     

                    “อ๊าร่า น่ารักจัง ทำอะไรกันอยู่หรือฮะ ทั้งสองคนดูเหมาะกันมากๆเลย น่าจะเป็นแฟนกันไปเลยนะฮะเนี่ย” น้ำเสียงแห

    ลมสูงเรียกร้องความสนใจของทุกคนได้ชะงัดนัก ...ยูริวาดยิ้มบนริมฝีปากทั้งๆที่นัยน์ตาวิบวาวเหมือนกำลังสมใจอะไรบางอย่าง ขณะที่เดินมาหยุดอยู่เบื้องหลังคนทั้งคู่แล้วเอื้อมมือผ่ากลางวงเข้าไปหยิบนิตยสารเล่มนั้นมาเปิดดูผ่านๆ

     

                    “นี่กำลังเลือกร้านที่จะไปเดทอยู่เหรอ... ให้ช่วยแนะนำให้ได้นะ ถึงจะเห็นอย่างนี้แต่ผมก็รู้เรื่องร้านดีๆเยอะนะ รับรองว่าต้องถูกใจยามาดะคุงแน่นอน”

     

    แม้ยูโตะกับเคย์จะนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย แต่ก็ดูเหมือนถูกเมินแบบไม่เห็นหัว พวกเขาอาจจะกลายเป็นหุ่นไม้หรือไม่ก็วอลเปเปอร์ติดผนังไปแล้วเรียบร้อยในสายตาจิเน็น ยูริ

     

                    “อย่าพูดแบบนั้นสิ เคโตะคุงมีคนที่ชอบอยู่แล้วต่างหาก” เรียวสุเกะแก้ต่างขึ้นมาให้ ด้วยความอดรนทนไม่ได้

     

                    “เอ๋...จริงเหรอ แต่สายตาของเคโตะคุงเวลามองยามะจังนี่มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆนะ”

    ด้วยคำพูดนี้ ทุกคนจึงหันไปที่เคโตะเป็นตาเดียว โดยเฉพาะยูโตะที่ดูจะจับจ้องด้วยความสงสัยเป็นพิเศษ

     

    “ฉันเพิ่งนึกได้ว่าทำอะไรค้างไว้ที่ห้องน่ะ เดี๋ยวมานะ” เคโตะไม่ยอมตอบและเลี่ยงหนีออกมา

     

     

                    ยูริยิ้มกริ่มอย่างสมใจ แล้วก็เดินนวยนาดต่อจนไปเจอเข้ากับไดกิที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่

     

                    “ไง...จับได้กี่คนแล้วล่ะ” สาบานได้ว่านี่คือคำทักทายของคนที่เพิ่งได้คุยกันตรงๆครั้งแรก... ยูริเดินมากอดอกพิงตู้เย็น พร้อมกับส่งสายตาเย็นชาไม่ต่างอะไรกับน้ำเสียงที่พูดออกไป

     

                    “คุณพูดถึงอะไรครับ”

    ไดกิวางของมีคมในมือลง ด้วยกลัวใจตัวเองจะฉุดขาดจนเผลอไปทำร้ายคนตรงหน้าเข้า

     

                    “อย่าทำเป็นซึนหน่อยเลย ฉันถามว่านายจับผู้ชายบ้านนี้ได้กี่คนแล้ว”

     

                    “คุณกำลังดูถูกผมเกินไปแล้ว ผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”

     

                    “แล้วนายเป็นอะไรกับอิโนโอะ เคย์กันล่ะ”

     

    ยูริยกยิ้มอย่างเป็นต่อ...จากที่เขาได้ไปสืบมาอย่างลับๆ มีความเป็นไปได้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์บางอย่างที่ไม่ธรรมดา... และเหมือนว่าเขาจะมาถูกทางเสียด้วย เพราะว่าแค่เกริ่นถึงเรื่องนี้ขึ้นมาไดกิทำหน้าตกใจขึ้นมาแวบนึง

     

    “...ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ ...คุณเองเสียอีก ตั้งใจเข้ามาทำอะไรที่บ้านนี้กันแน่”

    ไดกิเลือกที่จะตอบอีกฝ่ายไปแบบนั้น ...หวังว่าเจ้าบ้านั่นคงจะไม่บังเอิญมาได้ยินจนเก็บไปคิดน้อยใจอะไรอีกนะ

     

    “พูดแบบนี้คิดดีแล้วเหรอ เดี๋ยวฉันก็เผลอหลุดปากเรื่องพี่ชายของยามาดะคุงไปหรอก พวกแฟนคลับ คงไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่หรอกมั้งที่มีคนนอกเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของ A.N.JUMP ด้วยน่ะ”

     

    “ไดจังไม่ใช่คนนอก”

    เคย์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ จู่ๆก็เดินหน้าถมึงทึงเข้ามาขวางตรงหน้าไดกิ... ตาคมกริบจ้องไปที่ยูริอย่างไม่สบอารมณ์

     

                    “นายจะพล่ามอะไรให้นักข่าวฟังก็เป็นเรื่องของนาย เอาสิ...ฉันเองก็จะได้แฉเรื่องของนายด้วยเหมือนกัน” ยูยะยืนพิงกรอบประตูห้องครัวอยู่ด้านหลังหน้าตาเอาเรื่องไม่น้อย

     

     

                    ...ไม่รู้ว่าเป็นคราวซวยของยูริหรืออย่างไร แต่ยูยะก็วนรถกลับมาที่บ้านเพราะว่าลืมของ แล้วก็บังเอิญมาได้ยินทุกอย่างเข้าพอดี...

     

                    “นายแน่ใจแล้วเหรอยูยะ ฉันจะบอกความลับของพวกนายทั้งหมดเลยนะ ทั้งเรื่องของยามาดะ แล้วก็พี่ชายยามาดะกับอิโนโอะด้วย”

     

                    “ถ้าแลกกันกับความลับของแฟรี่น้อยจอมเฟคของวงการก็คุ้มอยู่นะ......นายไม่ต้องเป็นห่วงไป ต่อไปนี้ฉันจะเป็นคนปกป้อง A.N.JUMP ไม่ว่าต้องเจอเรื่องร้ายแรงขนาดไหน”

     

                    ยูยะค่อยๆเดินย่างสามขุมเข้าไปหายูริ จนสุดท้ายไปยืนอยู่ต่อหน้าร่างบางที่เริ่มทำหน้าเบ้อย่างปั้นหน้าไม่ถูก เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

     

                    “พันธะสัญญาของเราจบแล้ว นายออกไปจากที่นี่ซะ ..แล้วอย่าคิดจะได้มาเหยียบที่นี่อีก...จำไว้”

     

     

     

    To be con

     

    แมนมั้ยคะ.... นานๆทีทากะจังจะมีโอกาสแสดงออกถึงความมาดแมนที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเนาะ (ฮา) 

    ขออภัยในความล่าช้า ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากคำว่า ไม่มีเวลาแต่งค่ะ ฮา  ... งานค่อนข้างวุ่นวายยุ่งเหยิง แต่จะเข็นให้จบแน่ๆรับรอง ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×