ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ].... You are beautiful ....[Hey!Say!JUMP version]

    ลำดับตอนที่ #14 : สงครามข้าวปั้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 266
      1
      21 ก.พ. 55

     

     


     
    14

     

     

    //// เรามาเจอกันอีกได้ไหม ////

     

    ข้อความในเมลล์นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ไดกิมานั่งอยู่ที่ร้านกาแฟกับอาซากะ โคไดอย่างในตอนนี้ เพราะว่าใจจริงหลังจากออกจากโรงพยาบาลเขาก็ตั้งใจจะเลี้ยงอาซากะคุงเป็นการขอบคุณที่ช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลในวันนั้นอยู่แล้ว พอถูกอีกฝ่ายชวนมาเลยไม่ได้คิดอะไรมาก อีกอย่างไดกิก็เห็นว่าน้องชายอาการดีขึ้นมากแล้ว แถมยังมีคนคอยดูแลอย่างดีตลอดเวลาอีกก็วางใจ เลยไปตามนัดที่คาเฟ่ตามคำชวนของอีกฝ่าย

     

    ระหว่างที่สองคนคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่ในร้านคาเฟ่ของขึ้นชื่อในย่านนี้ เนื่องจากโคไดเป็นคนพูดเก่งแถมยังมีมุกตลกมากมายที่ทำให้ไดกิรู้สึกผ่อนคลาย สามารถที่จะยิ้มและหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของคนตรงหน้าได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรนัก แต่โดยบรรยากาศแล้ว ภาพที่คนอื่นมองก็คงไม่แปลกที่จะคิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่อยู่ในระหว่างการเดทนั่นเอง ในเมื่อคนนึงก็หล่อ อีกคนนึงก็น่ารักซะขนาดนั้นนี่นะ 

     

    เคย์ที่ตั้งใจจะเข้ามาซื้อชูครีมที่ร้านนี้ติดมือกลับบ้านก็มาเจอเข้าโดยบังเอิญ...... เขาจำไดกิได้แทบจะในทันทีที่เห็นร่างบางๆที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่กับผู้ชายคนอื่นแล้ว และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจขึ้นมาแบบสุดๆ ร่างโปร่งเดินหน้าตึงตรงไปที่โต๊ะนั้น แล้วทิ้งตัวนั่งข้างไดกิแบบไม่พูดอะไรสักคำ

     

    “อะ..อิโนโอะ..ซัง?

     

    ไดกิทำตาโตตกใจที่เจอกับเคย์ในสถานการณ์แบบนี้ ร่างโปร่งนั่งตัวตรงจนดูเหมือนแข็งทื่อ ใบหน้าคมคายนิ่งสนิทขณะจับจ้องไปที่โคไดอย่างไม่วางตา

     

    “นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ไม่มีงานหรือไง” ไดกิเอียงตัวเข้าไปกระซิบถาม ร่างโปร่งเพียงแค่ตวัดสายตาขุ่นๆกลับมามองนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องชายหนุ่มที่ตัวเองหมายหัวไว้ตามเดิม

     

     ..... ทำไมต้องมาทำหน้าเหมือนเขาทำอะไรผิดร้ายแรงด้วยล่ะ.....

    ไดกิลักลอบยู่หน้าใส่เคย์อย่างไม่พอใจ

     

    “ไม่มีแล้ว” เคย์ตอบหน้าตาย เหมือนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังเสียมารยาทกับคนที่ไม่แม้แต่จะรู้จักกันอยู่.. จนท้ายที่สุดแล้ว ไดกิก็ทนบรรยากาศอึมครึมต่อไปไม่ไหว

     

    “เอ่อ ผมขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ” ไดกิหันไปส่งยิ้มหวานให้โคได แล้วหันกลับมาแยกเขี้ยวพลางคว้าแขนของแขกไม่ได้รับเชิญลากติดมือออกมาด้วย

     

    .

    .

     

    ไดกิมองซ้ายมองขวา เปิดประตูห้องน้ำสำรวจในทุกห้องแล้ว พอเห็นว่าปลอดคนแล้วจึงเริ่มต้นส่งคำถามทันที

     

    “มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่า” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งสติและพยายามคิดในแง่ดี ....บางทีเคย์อาจจะมีเรื่องด่วนที่ต้องบอกให้เขารู้โดยเร็ว หรืออาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรียวจัง น้องชายเขาอาจจะไข้กลับขึ้นมาอีกรอบก็เป็นได้

     

     

    “ไม่มี”

     

    แต่คำตอบที่ออกจากปากบางเฉียบของผู้ชายชื่อ อิโนโอะ เคย์ ที่กำลังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่นั้นมันช่าง.... กวนโมโหชะมัด!!!

    “งั้นจู่ๆเข้ามานั่งด้วยทำไม”

    “ไม่รู้” เคย์ยังคงลอยหน้าตอบหน้าตายได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด

    “อิโนโอะ เคย์... ตอบมาดีๆนะ” ไดกิที่รู้สึกเหมือนตัวเองถูกยั่วโมโหอยู่ทุกวินาที พยายามอย่างมากแล้วที่จะกัดฟันถามอีกฝ่ายไปแบบไม่ใช้อารมณ์ ทั้งๆที่ตอนนี้เขาอยากเข้าไปบีบคอ หรือแหกปากอิโนโอะ เคย์ให้ตอบคำถามเขาเสียที ว่ามาก่อกวนเขาเพราะอะไร

     

    “ทำไมล่ะ หรือคิดจะทำอะไรกันอยู่ล่ะ ฉันถึงนั่งร่วมโต๊ะไม่ได้” เคย์เห็นว่าไดกิมีทีท่าไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ ก็เลยเผลอตัวพูดจาแดกดันกลับไปด้วยความหงุดหงิด

    “มันไม่ใช่ประเด็นแล้ว” ไดกิเห็นท่าว่าเรื่องมันจะเริ่มลุกลามใหญ่โตกันไปใหญ่ก็ถอนหายใจออกมา แต่เคย์ตีความจากอาการนั้นไปว่าไดกิเบื่อ รำคาญจนไม่อยากจะคุยกับเขาแล้ว 

     

    “นายชอบไอ้หมอนั่นหรือไง”

    “ฉันจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับนายตรงไหนเลยนี่” ใช่สินะ ไม่เกี่ยวเลยสักนิด

    “งั้นแสดงว่าชอบงั้นสิ”

    “ก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนเลยนี่ โคไดคุงก็เป็นคนดี..อ้ะ อุ๊บ” คำพูดทั้งหมดทั้งมวลถูกดูดกลืนหายไปเพราะริมฝีปากบางของเคย์ที่กดทับลงมาแนบสนิทจนไม่มีช่องว่าง แต่ยังไม่ทันได้ดูดกลืนสัมผัสนุ่มนวลหวานหอมตามที่ใจปรารถนา ไดกิก็ตกใจจนเผลอฟาดมือไปบนใบหน้าหล่ออย่างเต็มรัก เคย์หน้าหันกระเด็นไปกระแทกเข้ากับอ่างล้างมือจนต้องร้องโอดโอย

     

    “ชะ....ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นายทำแบบนี้ก่อนล่ะ” ถึงแม้ว่าไดกิจะรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้เคย์ต้องเจ็บตัว แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ร่างโปร่งทำเอาไว้กับเขา แค่นี้มันน้อยไปด้วยซ้ำ ...

     

    เพราะว่า......

     

    ........ นั่นน่ะ มันจูบแรกของเขานะ!!! ........

     

     

     

    “ฉันเกลียดคนอย่างนายที่สุดเลย!

     

    ไดกิที่ไม่รู้ว่าโกรธหรืออายจนหน้าแดงก่ำตะโกนทิ้งท้ายไว้เท่านั้น แล้วก็วิ่งออกจากห้องน้ำไป ....ทิ้งไว้ก็แต่คนเจ็บที่อ้าปากค้างช็อกโลกไปแล้ว

     

     

     

    ....... เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งหัวใจเลยนะคราวนี้ ......

     

    .

    .

     

     

    เคย์กลับเข้าบ้านมาตอนหัวค่ำ ในเวลานี้ถ้าไม่มีงาน พวกเขาจะกองกันอยู่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่นส่งเสียงดังเอะอะไปถึงหน้าบ้าน แต่วันนี้เขากลับรู้สึกว่ามันเงียบผิดปกติ ... ยิ่งเข้าไปเห็นว่ามีเพียงฮิคารุกับยูโตะที่นั่งดูหนังกันอยู่สองคนก็อดแปลกใจไม่ได้

     

    “กลับมาแล้ว” เคย์พูดเสียงเนือยๆ ใบหน้าหล่อเหลาดูหม่นหมองอ่อนแสงลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    “เคย์...แกไปทำอะไรมาวะ หน้าแดงเป็นรอยมือเชียว” ฮิคารุผู้ช่างสังเกตชี้ไปที่ใบหน้าขาวจัดของเพื่อน

    “จริงด้วย...สงสัยไปโดนสาวที่ไหนตบมาล่ะมั้ง” ยูโตะลูกคู่ก็แกล้งหรี่ตาแซวไปตามเรื่องตามราว

     

    “..........”

    เคย์ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาต่อมุกเล่นลิ้นอะไรทั้งนั้นแหละ

    ซึ่งเมื่อคนแซวไม่ได้รับการตอบรับอย่างที่คาดหวัง ยูโตะเองก็จ๋อยไป หมดไฟจะสานต่อเลยเปลี่ยนอารมณ์มาแสดงความเป็นห่วงเพื่อนแทน

     

    “มันจะหายทันมั้ยอ่ะ พรุ่งนี้มีถ่ายปกนิตยสารด้วยนะ ฮ่ะฮ่ะ”

    “เอารองพื้นปิดคงพอได้แหละมั้ง เหอเหอเหอ”

    ฮิคารุกับยูโตะมองหน้ากันไปมาแบบไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี แค่พ่อยอดชายยืนเงียบสงบปากสงบคำ พวกเขาก็แปลกใจจนแทบไปต่อไม่เป็นแล้ว นี่ยังมาแผ่ออร่ามืดมนใส่ซ้ำอีก ... อยากรู้จริงๆว่าไปโดนใครเล่นของใส่มากันนะ...

     

    “ในครัวมีอะไรเหลือให้กินมั้ย” ในที่สุดเคย์ก็เปิดปาก ส่งคำถามเบี่ยงเบนประเด็น

    “อ้าว ยังไม่ได้กินหรือ ...พวกเราก็นึกว่านายกินมาจากข้างนอกแล้ว เห็นไดจังเทกับข้าวที่เหลือลงถังขยะหมดเลยน่ะ ก็เลยคิดว่านายน่าจะ...โทรบอก..ไดจัง..แล้ว...” ฮิคารุบอกเล่าด้วยเสียงที่เบาลงทุกที เพราะหน้าของเพื่อนเขาซีดลงๆแทบจะไม่มีสีเลือดแบบนั้นน่ะ ราวกับว่าวิญญาณหลุดลอยไปไหนแล้วงั้นแหละ

     

    “ไม่เป็นไร...ฉัน..ไม่กินก็ได้”

    ....... ท่าทางจะโกรธแค้นกันน่าดูสินะไดจัง ......

     

     

    “เออ พูดถึงเรื่องเมื่อเย็น ตอนที่ไดจังกลับมานะ หน้าตางี้ถมึงทึงเลย ใครก็เข้าหน้าไม่ติด ...แกไปทำอะไรเค้ารึเปล่าวะเคย์”

    “นั่นสิ พอทำอาหารเย็นเสร็จก็หนีเข้าห้องปิดประตูเงียบไปเลย”

     

    ....... นั่นปะไร วายวอดแล้วอิโนโอะ เคย์ .......

     

    .

    .

     

    ไดกิงัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึกและเดินออกมาจากห้องเพราะหิวน้ำ และตอนที่ต้องผ่านในส่วนของห้องทาคาคิคุงและน้องชายเขา สายตาที่ยังทำงานได้ดีแม้จะง่วงงุนจนตาแทบจะปิดและอยู่ท่ามกลางความมืด ก็ดันไปเห็นภาพที่ทำให้ต้องแอบอมยิ้มออกมาไม่ได้

     

    ไม่รู้ว่านอนกันอีท่าไหนนะนั่น เรียวจังที่น่ารักของเขาถึงเข้าไปซุกอยู่ในอกของทาคาคิคุง แถมอีกฝ่ายก็กอดตอบแนบสนิทจนกลายเป็นก้อนอะไรกลมๆอยู่กลางเตียง

     

    ....ยังดีที่ยังใส่เสื้อผ้ากันอยู่ครบ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะพาลคิดลึก แล้วฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับก็เป็นได้...

     

     

     

    ไดกิเดินเมาขี้ตามาจนถึงห้องครัว แล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักเหมือนมีใครกำลังรื้อค้นอะไรออกมาจากห้องนั้น ...แต่เวลานี้ทุกคนก็เข้านอนกันหมดแล้วนี่นา พรุ่งนี้มีงานตั้งแต่เช้าคงไม่มีใครออกมาจากห้องกันหรอก  

    ...หรือว่าเป็นขโมย!! 

     

    เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางก็ยิ่งตื่นตระหนกจนลืมสิ้นความง่วงเหงาหาวเมื่อครู่ ค่อยๆเปลี่ยนอิริยาบถเป็นการย่องเบาเข้าไปแอบดูใกล้ๆ พลางมองหาอาวุธที่อยู่ใกล้มือ ....ไม้เบสบอลของยูโตะที่วางทิ้งไว้ที่ห้องนั่งเล่นนี่น่าจะใช้ได้ ไดกิพึมพำขออนุญาตในใจแล้วหยิบมันมาถือเตรียมพร้อมไว้ ...

     

    ร่างบางยืนแอบอยู่หน้าประตูห้องครัว สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วกลั้นใจกดเปิดไฟพร้อมตะโกนออกไปเสียงดัง

     

    “ทำอะไรน่ะ!!!

     

     

    แต่ภาพที่เห็นไม่ใช่ขโมยตัวใหญ่น่ากลัวใส่ชุดดำหมวกโม่งที่ไหน หากแต่เป็นร่างสูงโปร่งของ “อิโนโอะ เคย์” ที่หันมาทำหน้าตกใจตาโตเหลือกค้าง ในปากมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปงับอยู่คาปาก และมือทั้งสองข้างมีขนมที่รื้อหามาได้จากตู้ต่างๆอยู่เต็มมือ

     

    “ดะ..ไดจัง” ด้วยความตกใจจึงเผลออุทานเรียกชื่อคนที่ไม่คิดว่าจะมาเจอในสถานการณ์แบบนี้ออกมา ...แต่เจ้ากรรมดันลืมคิดไปว่ายังมีบะหมี่ที่คาบคาไว้ในปาก ผลก็คือมันร่วงลงไปบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆคาตาเลยนั่นเอง ..... เคย์มองตามมันอย่างอาวรณ์ เพราะนี่เป็นห่อสุดท้ายที่เขาค้นเจอในตู้ .... แล้วทีนี้จะเอาอะไรกินล่ะเนี่ย

     

    ไดกิหลังจากที่หายตื่นตระหนกไปแล้วก็กวาดตามองดูสถานการณ์คร่าวๆ ...

     

     

     

     

    “หิวมากหรือ?

     

    เคย์เองก็ไม่มีอะไรจะเสียนอกจากยอมพยักหน้ารับไปแบบหงอยๆ ... เอาเซ่ จะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ก็เอาเลย ทั้งโดนโกรธ โดนเกลียด โดนเห็นในตอนที่ไม่น่าดูชมแล้วด้วยเนี่ย

     

    “ไปนั่งรอสัก 10 นาที เดี๋ยวฉันทำให้กิน” ไดกิพูดรัวเร็วแล้วเดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนมาคาด แม้เคย์จะมองตามไปแบบเหลือเชื่อ แต่ร่างบางเลี่ยงที่จะสบสายตา จัดการเปิดตู้เย็นหาเอาของสดมาทำเมนูง่ายๆให้กับเพื่อนร่วมบ้านผู้หิวโหย

     

     

    เคย์รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจขึ้นมานิดๆ ขณะที่จ้องมองแผ่นหลังบางขยับยุกยิกๆหยิบนู่น ผสมนี่โยนๆใส่กระทะ ... เผลอมองเพลินๆไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวก็ได้ข้าวผัดร้อนๆควันฉุยส่งกลิ่นหอมน่ากินมาตั้งอยู่ตรงหน้าแล้ว

     

    “รีบกินแล้วก็ล้างเก็บเองด้วยล่ะ ฉันจะไปนอนแล้ว” ไดกิถอดผ้ากันเปื้อนออก ทำท่าจะเดินออกไปหลังจากเสร็จหน้าที่... แต่เคย์ก็ยังฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปง่ายๆ มือเรียวขาวจัดรั้งข้อมือบางไว้ได้ทันท่วงที

     

    “อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนได้มั้ย” เคย์รั้งไว้ด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ เขาไม่ได้ใช้แรงบังคับแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่จับเอาไว้หลวมๆเท่านั้น

     

    “.........” แม้ไดกิจะไม่ได้สะบัดข้อมือหนีอย่างที่นึกกลัว แต่ก็ทำเพียงยืนมองอยู่เฉยๆเท่านั้น เหมือนกำลังรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง

     

     

    “...อย่าเกลียดฉันเลยนะ”

    “............”

    “ฉันขอโทษ....ที่เอาแต่ใจ แล้วก็วู่วามไปหน่อย ขอโทษที่เสียมารยาท”

    “.............”

    “แต่เรื่องที่ฉันจูบนายน่ะ ฉันจะไม่ขอโทษ.... เพราะมันเป็นความตั้งใจของฉันเอง”

     

    “หมายความว่าไง” จากตอนแรกที่เหมือนจะยอมอ่อนข้อให้กับเสียงอ่อนๆหงอยๆเหมือนเด็กสำนึกผิด ไดกิก็ชักจะตาวาว อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาเมื่อเจอประโยคหลัง พยายามจะสะบัดมือที่เกาะเกี่ยวไว้อยู่ด้วยความโมโห

     

    เคย์จึงถือโอกาสนั้นดึงร่างบางที่กำลังมึนตึงเข้ามาขังอยู่ในอ้อมแขน จ้องหน้านิ่งมองตากลับด้วยแววตาที่จริงจังที่สุดในชีวิต ไม่เหลือเค้าของความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอย่างเคย...

     

    “ไม่ว่าจะมีเหตุผลของการกระทำที่ซับซ้อนยังไง แต่สุดท้ายแล้วเหตุผลของเหตุผลทั้งหมดก็คือ....ฉันชอบนาย .... ฉันรู้ว่าตัวเองเอาแต่ใจ แถมยังไม่มีสิทธิ์อะไร แต่ฉันไม่ชอบให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับนายทั้งนั้น”

     

    ไดกิทำตาปริบๆอยู่ในอ้อมกอด เหมือนยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ... เคย์ที่เป็นหนึ่งในวงดนตรีเบอร์หนึ่งของค่าย จะมาสนใจอะไรกับคนธรรมดาๆแบบเขาจริงจังกันล่ะ..... ก็แค่พูดให้เขาหายโกรธเท่านั้นนั่นแหละ อย่าได้หลงตัวไปไดกิ!

     

    เคย์ก็เหมือนจะอ่านจากสายตาคลางแคลง ไม่มั่นใจของร่างบางได้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงวาดรอยยิ้มบางๆแล้วก้มลงไปกระซิบข้างใบหูเล็ก

     

    “ถ้าไม่เชื่อ...จะให้พิสูจน์มั้ยล่ะ”

    “พิสูจน์ยังไง”

     

    “ฉันจะจีบนายอย่างจริงจัง แล้วถ้าวันไหนนายยอมรับได้แล้วว่าฉันจริงจังกับนาย ให้ฉันเป็นคนรักของนายนะ..ไดกิ”

     

    ไม่อยากจะเชื่อว่าคนเจ้าเล่ห์หน้าตายอย่างเคย์จะมีสีหน้าและแววตาที่อ่อนโยนอบอุ่นได้แบบนั้น ...เสียงอ่อนๆที่ออดอ้อนขอร้องอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ชื่อเต็มของเขาที่มักไม่ค่อยมีใครเรียกขาน พอมันออกมาจากปากบางๆคู่นี้แล้วมันชวนให้ใจเต้นพิกล ......ในยามนี้ไดกิไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆว่า ได้เทใจให้มากกว่าครึ่งไปแล้ว...แต่ก็ยังใจแข็งพอที่จะตอบโต้กับอีกฝ่าย

     

    “แล้วถ้าฉันไม่ยอมรับล่ะ” ไดกิเชิดหน้าขึ้นถาม พยายามกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ข่มความขลาดเขินไว้ในอก เมื่อเคย์ยิ้มบางๆกลับมา พร้อมกับเอามือลูบผมเขาอย่างอ่อนโยน

     

    “ฉันก็จะตามตื้อไปเรื่อยๆจนกว่าจะยอมนั่นแหละ”

     

     

     

     

     

     

     

    “งั้นก็ลองดูล่ะกัน”

     

     

    .................................

    ................

    ......

     

     

    ชิเงะเอารถมาจอดรอหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นโปรเจคร่วมที่มีผู้ร่วมงานจากค่ายอื่นด้วย เขาในฐานะผู้จัดการจึงต้องมาเตรียมความพร้อมของเด็กในความดูแลตั้งแต่ไก่โห่ จนกระทั่งจับยัดเข้ารถมาถึงสตูดิโอได้อย่างครบถ้วน พร้อมเพรียงดีภายในเวลานัดหมาย และดูเหมือนจะมีเวลาพอเหลือเฟือซะด้วยซ้ำ

     

    ยามะจัง หายดีแล้วแน่นะ

    ครับ ผมกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว ร่างเล็กทำท่าเบ่งกล้ามตามคำพูดได้อย่างน่ารัก

     

     

    ดาราเด็กทั้งสองคนที่มาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้จัดการยาบุสังเกตเห็นว่าพวกรุ่นพี่ในวงการอย่าง A.N.JUMP มาถึงก่อนแล้วก็เลยบอกให้เด็กๆเดินเข้าไปหาและแนะนำตัวอย่างมีมารยาท

     

    “โมริโมโตะ ริวทาโร่ครับ”

    ซาโต้ โชริครับ ฝากตัวด้วยนะครับ

     

     

    ขอโทษที่มาช้าไปนิดนึง ยังไงก็ขอตัวพาเด็กๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับยาบุวิ่งเข้ามาขอโทษขอโพยกับชิเงะที่นั่งอมยิ้มมองเด็กหน้าตาน่ารักอย่างเพลินใจ....

    โอ้ ไม่เป็นไรครับ ยังทันเวลา ....เชิญเลยๆ ชิเงะมองตามด้วยความชื่นชม ....เพราะถึงเด็กทั้งคู่จะเป็นดาราที่กำลังดังแต่ก็ไม่ได้ถือตัว รู้จักปฏิบัติกับคนอื่นอย่างเหมาะสม ทักทายกับสต๊าฟทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและมีมารยาท... ผิดกันกับเด็กในความดูแลของเขาที่แม้จะเป็นเด็กดีมีกาลเทศะอยู่บ้าง แต่บางทีมันก็ทโมน ทะเล้น แกล้งแหย่คนโน้นคนนี้จนแทบจะคุมไม่อยู่นี่สิ

     

               

     

    เด็กม.ต้นสมัยนี้โตกันเร็วจริงๆเลยน้า ฮิคารุเปรยขึ้นมาเบาๆแบบไม่ได้คิดอะไร แต่เรียวสุเกะที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมากลางใจ ....เขารีบมองหามนุษย์หนึ่งเดียวที่สามารถเยียวยาแผลใจนี้ได้ในทันที

     

    นั่นไงจิเน็น ยูริ!!  

    ....... เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย อย่างน้อยเขาก็สูงกว่าจิเน็นที่อายุเท่ากันแหละนะ (ยิ้มภูมิใจ) ........

     

    “ยามะจัง ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวน่ะ”

    เรียวสุเกะหุบยิ้มฉับ เงยหน้ามองร่างสูงชะลูดที่ยิ้มแย้มอย่างร่าเริงเข้ามาหาตามปกติ

     

    ..... ยูโตะคุง นายเป็นเพื่อนที่ดีนะ แต่เวลานี้ ...ฉันเกลียดนายชะมัด.......

     

    .

    .

     

                    ในที่สุดก็ถึงเวลาขึ้นเขียงอย่างจริงจัง .... ยูยะ ยูริ ริวทาโร่ หรือแม้แต่น้องเล็กสุดอย่างโชริต่างก็เดินเข้าไปในฉากและจัดการวางที่ทางของตัวเองได้อย่างเหมาะสมสมกับที่เป็นมืออาชีพ ธีมของภาพเซทนี้จำลองฉากของห้องเรียนที่มีจัดตกแต่งเหมือนเป็นการจัดงานฉลองคริสมาสที่โรงเรียน ... เรียวสุเกะเดินเก้ๆกังๆเข้าไปในฉากและกำลังมองหาตำแหน่งที่เขาสมควรจะอยู่ ...ถ้าจะว่ากันตามตรง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เรียวสุเกะต้องทำงานร่วมกับคนอื่นนอกเหนือจาก A.N.JUMP ประสบการณ์การถ่ายแบบของเขาก็ยังเทียบชั้นอยู่ในขั้นอนุบาล แล้วดูแต่ละคนที่เขาต้องร่วมงานด้วย... ขั้นเทพทั้งนั้น -0- อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการประหม่า ไม่มั่นใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน....  แต่ไม่ทันที่เรียวสุเกะจะได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเทวดาฟ้าดิน คำสั่งแรกจากช่างกล้องก็ตามติดมาอย่างรวดเร็วราวกับจรวด

     

    “ช่วยทำท่าเหมือนทุกคนเป็นเพื่อนพี่น้องที่สนิทกันมานานด้วยนะครับ”

     

    ......เอาแล้วไงล่ะ สนิท....ต้องทำยังไงถึงจะดูสนิทกันกับคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แถมยังไม่ทันได้คุยกันนี่ดีล่ะ.....

     

     

    ริวทาโร่เหลือบมองเรียวสุเกะที่ยืนเอ๋ออยู่ใกล้มือเลยคว้าตัวเข้ามานั่งซ้อนตักตัวเองทันที โชริเห็นแบบนั้นก็นึกสนุกเข้ามานั่งทับเรียวสุเกะอีกชั้นจนกลายเป็นขนมชั้นไปเลย ...ส่วนเรียวสุเกะถึงจะตกใจในนาทีแรกแต่ก็เผลอยิ้มไปกับความร่าเริงสดใสของเด็กๆไม่ได้

     

    “ดีครับๆ เล่นกันตามสบายเลยนะครับ”

     

    ยูยะกำลังอึ้งกับความมือไวใจเร็วของเด็กๆ กว่าจะทันรู้ตัวก็โดนยูริกอดคอจากด้านหลังไปแล้ว

     

    “ทาคาคิคุง ช่วยยิ้มด้วยครับ... อ่า อย่างนั้นแหละ ดี...ดีมากครับ”

     

    ธีมของภาพเซทนี้คือ ความน่ารักสดใส ในขณะที่อีก 6 คนที่เหลือได้ธีมอิเคเมน (หนุ่มหล่อ) ซึ่งยูยะก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองหลุดโผมาอยู่ในธีมรื่นเริงนี่ได้อย่างไร.. น่ารัก..สดใส.. อืมม.... ไม่เห็นเข้าใจเลยอ้ะ! เจ้าพวกบ้านั้นได้ใส่สูท ใส่แจ็กเกต เท่ห์เคร่งขรึมดูเป็นผู้ใหญ่ แต่เขาที่อายุมากกว่าเจ้าพวกนั้นกลับต้องมาย้อนวัยทำตัวแอ๊บแบ้วใส่ชุดนักเรียนมัธยมอยู่แบบนี้ ..ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน!!!

     

     

    เนียนเหมือนกันนะเนี่ย อย่างกับเด็กม.ปลายจริงๆแน่ะเคย์เดินยิ้มกริ่มเข้ามาทักทาย

    หยุดพูดไปเลย เคย์ยูยะกวาดสายตามองเคย์ที่อยู่ในชุดเชิ้ตขาวทับด้วยแจ็คเกตสีดำ มีผ้าพันคอเท่ห์ๆพันเก๋ๆไว้อีกรอบหนึ่ง รองเท้าหนังดำมันขลับ ดูดีมีชาติตระกูลจนต้องเขาเบ้หน้าหนีด้วยความสะเทือนใจ

     

    โถ...จะคิดอะไรมาก ที่นายได้อยู่เซทนั้นก็เพราะเค้าอยากได้รูปนายในโมเม้นที่อยู่กับแฟนน่ะสิเคย์พยายามปลอบใจผู้ใหญ่ตัวโตที่กำลังเบะหน้างอแงหาความเป็นธรรม

    เหอะ... มีการเชิดใส่อีกหนึ่งดอก โทษฐานพูดจาไม่เข้าหู

     

    เอ้า.. อย่าว่างั้นงี้เลย นายกับจิเน็นเป็นแฟนกันจริงป่ะวะ ....ได้ถ่ายแบบกับแฟนแม่งทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้

    มันก็หลายๆอย่างล่ะนะ เฮ้อ~” เลี่ยงด้วยการตอบไม่ตรงคำถามแล้วก็เดินหนีไป ทิ้งให้เคย์ยืนเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจอยู่ที่เดิม

     

    แล้วตกลงเป็นไงกันแน่ว้า~”

     

    .

    .

     

     

    ของว่างวันนี้เป็นโอนิกิริ ยูยะที่หิวแทบไส้ขาด เหตุเพราะแผนไดเอทของไอ้ตัวเล็กที่มันบอกไม่ให้กินอะไรหลัง 6 โมงเย็น .... นี่เขาทนหิวกัดฟันมาทำงานตอนเช้านี้ได้ก็นับว่ามหัศจรรย์สุดๆแล้ว  คราวนี้ล่ะ เขาจะจัดให้เต็มคราบเชียว

     

    มือใหญ่กำลังจะเอื้อมไปหยิบข้าวปั้นไส้บ๊วยที่หมายตาซึ่งเหลือเป็นชิ้นสุดท้าย แต่ทว่ากลับมีมือดีมาคว้ามันไปเพียงเสี้ยววินาที ร่างสูงหันขวับกลับไปคอแทบหลุด แล้วก็ได้เห็นว่าไอ้มือดีที่มาแย่งของกินกับเขาก็คือ ..ไอ้เจ้าเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม โมริโมโตะ ริวทาโร่นี่เอง

     

    .... กล้าดีนักนะ แย่งอะไรไม่แย่ง มาแย่งของกินกับท่านยูยะคนนี้!!

    ......ท่าทางจะไม่อยากตายดี.........

     

    “ไอ้เด็กไม่มีมารยาท นั่นมันของฉันนะ”

    “ช่วยไม่ได้ ลุงช้าเอง”

    “เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”

     

    ฮิคารุกับยูโตะที่อยู่ใกล้ๆเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน

     

    “แกเป็นบ้าอะไร ไปทะเลาะกับเด็กมันทำไม”

    “ก็มันแย่งไส้บ๊วยของฉันไป” ฮิคารุฟังเหตุผลโคตรปัญญาอ่อนของเพื่อนเข้าไปก็แทบจะอดใจไม่ให้ตบมันกระโหลกช้ำ

    “ไอ้บ้า เรื่องแค่นี้ ...แล้วนี่ ไดเอทอยู่ไม่ใช่ไง”

    “ก็...หิวนี่ ถ้าฉันไม่มีแรงทำงานขึ้นมาจะทำไงห๊ะ”

                    “ก็กินไส้อื่นไปสิโว้ย”

    “ไม่..มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ไอ้หนูนั่นหยามฉันมาก”

    “แล้วจะเอาไง ห้ามมีเรื่องนะเว้ย”

    “ไม่กงไม่กินแม่งแล้ว” ยูยะเดินหน้าเป็นตูดมานั่งจ๋องอยู่คนเดียวแบบงอนๆ ฮิคารุได้แต่ส่ายหัวกับความไร้สาระของลีดเดอร์ที่มักจะอ่อนไหวกับเรื่องปากท้องเป็นพิเศษ ....เรียวสุเกะที่นั่งอยู่ไม่ไกล มองโอนิกิริไส้บ๊วยในมือตัวเองแล้วก็ตัดสินใจเดินไปหายูยะ

     

                    “เอาของผมไปก็ได้นะ” เรียวสุเกะยื่นข้าวปั้นไส้บ๊วย ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นกลางกองถ่ายให้ร่างสูง

                    “แล้วนาย...” ถ้าไม่ได้คิดไปเองจะสังเกตเห็นได้ว่า หน่วยตาคมของยูยะนั้นเป็นประกายวิบวับขึ้นมาทันที

                    “ผมเพิ่งรู้สึกว่าอยากกินไส้อื่นมากกว่าน่ะ ทาคาคิคุงช่วยกินหน่อยแล้วกันนะ คือผมแกะแล้วน่ะ จะเอากลับไปวางคืนคงไม่ดี”

                    “ถ้าอย่างนั้น ฉันช่วยกินให้ก็ได้ ......ถือว่านายขอร้องหรอกนะ” ยูยะรับมาอย่างเขินๆ แต่ปากก็ทำเป็นพูดดีไปอย่างนั้นแหละ ... เรียวสุเกะลอบยิ้มให้กับความปากไม่ตรงกับใจของยูยะ

     

     

                    ไม่ไกลกันนัก ปรากฏร่างบางๆของจิเน็น ยูริ ที่กำลังมองตรงมาที่คนทั้งคู่ด้วยสายตาไม่พอใจ

     

                    “ชิ! รู้งี้ หยิบไส้บ๊วยมาซะก็ดี” ยูริกำโอนิกิริในมือไว้แน่นด้วยความไม่สบอารมณ์

     

                .

    .          

     

    เอ๋...โชริคุงก็ชอบ A.N.JUMP ด้วยเหรอ”

     

    ระหว่างที่พักทานของว่างอยู่นั้น ฮิคารุกับยูโตะก็ไม่พลาดที่จะสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเพื่อนใหม่ในวงการบันเทิง โดยไปคว้าเอา ซาโต้ โชริที่ดูน่ารัก ไร้เดียงสามานั่งคุยด้วย ...ส่วนริวทาโร่นั้น พวกเขาไม่อยากเสี่ยงที่จะลากเอาเด็กที่เพิ่งมีคดีแย่งข้าวปั้นกับลีดเดอร์ของวงมาให้เสียวสันหลังหรอก

     

    “ฮะ พวกพี่เป็นวงที่เจ๋งมากเลย ผมชอบ”

     

    โชริเป็นเด็กน่ารัก พูดจามีสัมมาคารวะ หากแต่ก็เป็นกันเองและไม่ถือตัว ไม่แปลกที่พอคุยกันได้สักพักโชริจึงกลายเป็นศูนย์กลางที่A.N.JUMP ทุกคนสนใจที่จะยื่นหน้าเข้ามาพูดคุยด้วย

     

    “แล้วชอบใครเป็นพิเศษหรือเปล่า” ถึงแม้ว่าจะมีคนทำท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ส่วนหนึ่งในหัวใจของทุกคนก็รอคอยคำตอบนี้ไม่ต่างกัน

     

    “ทาคาคิคุงฮะ” โชริตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแสนจะมั่นใจ ...ยูยะหันหน้าไปทางอื่นแล้วแอบอมยิ้มอย่างพอใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กลับไปปั้นหน้านิ่งๆเหมือนเดิม ส่วนเรียวสุเกะนั้นได้แต่ก้มหน้าอย่างเจียมตัว .....ลำพังแค่มีจิเน็น ยูริที่เป็นแฟนออกหน้าออกตาเขาก็รู้สึกเจ็บพอทนอยู่แล้ว ...ถ้ายูยะจะมีเด็กหน้าตาน่ารักขนาดนี้ชอบอีก เขาจะเอาอะไรที่ไหนไปสู้ได้ล่ะ

    “ว้าว ตอบเร็วมากเลย.. แล้วทำไมถึงชอบยูยะล่ะ” ยูโตะถามต่ออย่างตื่นเต้น

     

    “อืม..ผมชอบเสียงทาคาคิคุง .....แต่ตอนนี้ผมว่าผมเปลี่ยนไปชอบพี่ยามะแล้วล่ะฮะ เพราะว่าพี่ยามะน่ารักมากๆเลย”

    .... เค้าว่ากันว่าเด็กมักจะพูดความจริงอย่างไม่โกหก .... เรียวสุเกะเหวอไปแล้วกับคำตอบพลิกแผ่นดินอันแสนจริงใจของเด็กวัยมัธยมต้น และในนาทีนี้เองยูโตะ เคย์ หรือแม้แต่เคโตะก็อดใจไม่ไหวที่หันไปมองหน้าช็อคโลกของยูยะแล้วก็ขำออกมาเบาๆแบบที่ตัดทอนแล้วด้วยความเกรงใจ

    “หวาๆๆ ...หมาหัวเน่า” จะมีเพียงฮิคารุคนเดียวเท่านั้นที่หัวเราะออกมาเสียงดัง แถมยังกล้าล้อเลียนอย่างไม่กลัวตาย แม้ว่าหน้าตาของยูยะตอนนี้เหมือนพร้อมจะแหกอกใครสักคนได้อยู่แล้ว

     

    “ผมล้อเล่น ..ผมก็ชอบพวกพี่ทุกคนนั่นแหละครับ” โชริยิ้มจนตาหยี

    “แหม... น่ารักอะไรจะขนาดนี้ มานี่ซิๆ” ฮิคารุกวักมือเรียกโชริเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งน้องก็ยอมเดินไปแต่โดยดี

    “โอ้ย แก้มนิ๊มนิ่มล่ะ”

    “พอเลยๆ เดี๋ยวน้องร้องเจ็บขึ้นมา ผู้จัดการเค้าจะมาแหกอกแกหรอกฮิคารุ” เคย์ร้องเตือน เมื่อมองผ่านเลยไปแล้วเห็นว่าคุณผู้จัดการร่างสูงเพรียวลมนั่นกำลังมองมาที่พวกเข้าอยู่อย่างเงียบๆ

     

                    .

    .

     

                เน่ ยูริ

     

    ยูริหันขวับตามเสียงเรียกแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

    .... กล้าดียังไงมาเรียกชื่อเขาเฉยๆแบบนี้ ....

     

    แต่พอหันกลับไปแล้วก็เจอกับเด็กตาแบ๊วที่ทำหน้าตากวนตีนกำลังกัดข้าวปั้น(ที่แย่งชิงมาได้)กร้วมๆอย่างสบายอกสบายใจ ....

     

    ใครอนุญาตให้นายเรียกชื่อฉันไม่ทราบ

    แล้วจะให้เรียกอะไร ชี่จังเหมือนคนอื่นๆเหรอ... เหอะ ไม่เอาด้วยหรอก

    นั่นมันเรื่องของนาย แต่นายไม่มีสิทธิเรียกชื่อฉัน

    ยูริจัง

    ........

    ยูริจังๆๆๆๆ

     

    ยูริกัดฟันข่มความโมโห แล้วตะโกนอย่างเหลืออด เออ! อยากจะเรียกอะไรก็เรียกไป

     

    ในจังหวะที่ยูริสะบัดหน้าหนีจากเด็กตาแบ๊วนั้นเอง ก็บังเอิญไปเห็นว่าโชริกำลังคุยเล่นหัวเราะอยู่กับวง A.N.JUMP และทำท่าว่าจะได้รับความเอ็นดูอย่างล้นหลามจนน่าหมันไส้ เพราะแม้แต่ยูยะก็ยังดูมีทีท่าว่าให้ความสนใจกับเด็กนั่นไม่น้อย... และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าทนดูไม่ได้จริงๆ

    ยูริกำลังจะเดินตรงเข้าไปหายูยะเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างใจคิด แต่ร่างบางๆก็โดนรั้งไว้ด้วยแขนแข็งแรงของเด็กมัธยมตาแป๋ว ที่หน้าตากับนิสัยไม่ได้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันเลยแม้แต่น้อย

     

    อะไรอีกล่ะ ยูริถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ที่สุดในโลก เขาหงุดหงิดเกินกว่าจะคิดรักษาภาพพจน์ใดๆต่อหน้าเด็กคนนี้อีกต่อไป

    ติดคอ หิวน้ำ ไปซื้อน้ำด้วยกันหน่อย พูดจบก็ลากแขนยูริออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบ ร่างบางเองก็สู้แรงไม่ได้ก็เลยกลายเป็นว่าถูกลากไปแบบไม่ค่อยเต็มใจ

     .....ทั้งๆที่จริงตัวก็สูงกว่าไม่เท่าไหร่ แถมยังเด็กกว่าตั้งหลายปี ทำไมถึงได้มีแรงเยอะนักนะ!

     

    นี่...ทำไมฉันต้องไป ร้องหาเหตุผลที่ตัวเองถูกคนเด็กกว่าลากเอาๆแบบนี้

    ....แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ให้คำตอบใดๆมากไปกว่าการใช้นัยน์ตากลมโตนั้นจ้องกลับมานิ่งๆเหมือนต้องการจะสื่ออะไรผ่านจากสายตา ซึ่งยูริก็แปลไม่ออก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่พอโดนเด็กมองจ้องนิ่งๆนานๆเข้า ยูริก็ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้เรียวแขนบางถูกเด็กหนุ่มลากจูงไปโดยไม่มีคำพูดสักคำ

     

    .

    .

     

    “ฉากสุดท้ายแล้วครับ เข้ามาชิดๆกันเลย”

                       

    ยูยะยืนอยู่ข้างเรียวสุเกะตั้งแต่แรก เขากำลังเอื้อมมือไปหาร่างเล็กแต่ฉับพลันนั้นเอง โชริก็ผลุบเข้ามาแทรกระหว่างกลางและกอดเอวเขาแน่นพลางยิ้มหวานใส่กล้อง จนร่างสูงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะได้แต่ยิ้มให้กล้องไปตามเรื่อง

     

    ยูริที่คอยมองอยู่ห่างๆเห็นแล้วตาลุกโชนด้วยความไม่พอใจ กำลังจะเดินเข้ามาร่วมด้วยแต่ก็ถูกริวทาโร่คว้าคอให้มาปั้นหน้าหวานยิ้มใส่กล้องแบบปกติ ส่วนด้านเรียวสุเกะ ก็เป็นอีกครั้งที่ไม่รู้จะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหน เพราะทุกคนดูมืออาชีพกันเหลือเกิน ยูยะเห็นสีหน้าแบบนั้นเข้าก็แอบยื่นมืออ้อมหลังโชริไปกุมมือเล็กไว้และดึงเข้ามาใกล้ ....ก้อนมนุษย์ที่กอดกันกลมดิ๊กราวกับสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสสมวัยนั้นทำให้ช่างภาพพอใจไม่น้อยเลย

     

    .

    .

     

    ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ”

     

    การถ่ายแบบของวันนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว ....โชริมีงานถ่ายโฆษณาต่อจึงต้องรีบขึ้นรถกับผู้จัดการยาบุ ส่วนริวทาโร่นั้นไม่มีงานต่อจึงว่างพอที่จะมาเดินล้อมหน้าล้อมหลังสร้างความรำคาญให้กับยูริ จนวันนี้ทั้งวันนอกจากตอนที่ถ่ายแบบ เขาไม่สามารถเข้าไปหายูยะได้อย่างใจเลยสักครั้ง

     

    ยูริ....

    วิธีเรียกแบบนี้ มีแต่ไอ้เด็กนั่นคนเดียวล่ะ ยูริหันกลับมาตามเสียงด้วยหน้าตาบูดสนิท มีอะไร

     

    นายจะกลับบ้านเลยหรือเปล่าแต่อีกฝ่ายก็หาได้รู้สึกรู้สากับอากัปกิริยาที่ร่างบางพยายามแสดงออกว่าเบื่อขี้หน้าเขาขนาดไหน ....เขากลับรู้สึกว่าหน้าตอนโกรธ ตอนหงุดหงิดโมโหเพราะทำอะไรไม่ได้ของยูริมันน่ามองกว่ายิ้มหวานๆที่เสแสร้งปั้นแต่งนั่นตั้งเยอะ!

     

    มันเรื่องของฉัน ถึงจะโดนตอกกลับให้เจ็บแท้แค่ไหน ริวทาโร่ก็เพียงยักไหล่ไม่ใส่ใจ แล้วก้มหน้าก้มตาจิ้มๆอะไรอยู่กับโทรศัพท์ไม่ได้สนใจจะตอแยเขาต่ออีก

     

     

    Rrrrrrrrrrrrr

     

    ยูริรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ตัวเองที่ตั้งเป็นระบบสั่น มันดังครืดๆอยู่ในกระเป๋ากางเกงจนต้องหยิบมันขึ้นมาดูอย่างงงๆ แล้วก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ... ยูริเหลือบมองไปที่ริวทาโร่เป็นเชิงสงสัย แต่เด็กหนุ่มก็ทำเป็นเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อย่างแนบเนียน

    ....... ถึงจะน่าสงสัย แต่เจ้าเด็กนั่นจะไปมีเบอร์เขาได้ยังไง ไม่มีทางซะล่ะ......

     

    ร่างบางลังเลอยู่ครู่นึงก็ตัดสินใจกดรับสายในที่สุด

     

    ครับ...

     

    ฉันเอง....

     

    ยูริมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ยืนถือโทรศัพท์เครื่องเมื่อกี้อยู่แนบหู ส่งยิ้มกวนตีนตามสไตล์ด้วยความรู้สึกสับสน

     

    นาย...มีเบอร์ฉันได้ยังไง

    ...ผู้จัดการนาย แค่ไปถามๆดูเค้าก็ให้มาหมดเลย

     

    ยูริหันขวับไปจ้องกินเลือดกินเนื้อเอากับคุณผู้จัดการหันมาทำหน้าตกใจราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าไปทำอะไรไว้บ้าง..... เห็นแล้วมันก็........

     

    เจ้าบ้ากุนตะ!! ฉันไล่แกออก ไล่ออกๆๆๆๆๆๆ

     

    ...................................

    ....................

    .........

     

    To be con

     

    Talk: ขอโทษที่ช้านะทุกคนนน ตอนนี้มายาวเป็นพิเศษเป็นการไถ่โทษน้าา อย่างเพิ่งหนีกันไปไหน 55+ 

    เคย์ได

    ล่อไปครึ่งตอนเลยจริงๆตอนนี้ .... ใครที่เชียร์คู่นี้อยู่ก็เฮกันได้เลยน่อ .... ส่วนคู่หลักของเรา  (หัวเราะแห้งๆ) ค่อยเป็นค่อยไปกันนะคะ อย่าผลีผลาม ฮ่าๆๆๆ  ส่วนคู่(ปรับ)ท้ายตอน มีใครเชียร์คู่นี้บ้างไหม .... น้องริวถูกส่งมาเพื่อปราบมารโดยเฉพาะ ฮ่าๆๆ  หวังว่าคงจะถูกใจกันไม่มากก็น้อยนะคะสำหรับตอนนี้

    ปล. น้องโชริโผล่มาทำไม ...คำตอบก็คือ น้องน่ารักค่ะ55+ เป็นเด็กดันนัมเบอร์วันของประ ที่จะโผล่มาในฟิกเรื่องอื่นๆต่อๆไปในอนาคตอันใกล้นี้^^ 

    ปล2. รูปประกอบอย่างกะฟิกคู่ริวโชริ 55+ ไม่จริงนะคะไม่จริง แค่มาเป็นเกสต์เฉยๆเนอะ อย่าคิดมาก 55+

    .......เจอกันตอนหน้าจ้า... อีกสักครึ่งเดือนให้หลังล่ะกันนะ งานเยอะจริงๆ (ฮา)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×