คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : สงครามข้าวปั้น
14
//// เรามาเจอกันอีกได้ไหม ////
ข้อความในเมลล์นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ไดกิมานั่งอยู่ที่ร้านกาแฟกับอาซากะ โคไดอย่างในตอนนี้ เพราะว่าใจจริงหลังจากออกจากโรงพยาบาลเขาก็ตั้งใจจะเลี้ยงอาซากะคุงเป็นการขอบคุณที่ช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลในวันนั้นอยู่แล้ว พอถูกอีกฝ่ายชวนมาเลยไม่ได้คิดอะไรมาก อีกอย่างไดกิก็เห็นว่าน้องชายอาการดีขึ้นมากแล้ว แถมยังมีคนคอยดูแลอย่างดีตลอดเวลาอีกก็วางใจ เลยไปตามนัดที่คาเฟ่ตามคำชวนของอีกฝ่าย
ระหว่างที่สองคนคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่ในร้านคาเฟ่ของขึ้นชื่อในย่านนี้ เนื่องจากโคไดเป็นคนพูดเก่งแถมยังมีมุกตลกมากมายที่ทำให้ไดกิรู้สึกผ่อนคลาย สามารถที่จะยิ้มและหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของคนตรงหน้าได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรนัก แต่โดยบรรยากาศแล้ว ภาพที่คนอื่นมองก็คงไม่แปลกที่จะคิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักที่อยู่ในระหว่างการเดทนั่นเอง ในเมื่อคนนึงก็หล่อ อีกคนนึงก็น่ารักซะขนาดนั้นนี่นะ
เคย์ที่ตั้งใจจะเข้ามาซื้อชูครีมที่ร้านนี้ติดมือกลับบ้านก็มาเจอเข้าโดยบังเอิญ...... เขาจำไดกิได้แทบจะในทันทีที่เห็นร่างบางๆที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่กับผู้ชายคนอื่นแล้ว และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจขึ้นมาแบบสุดๆ ร่างโปร่งเดินหน้าตึงตรงไปที่โต๊ะนั้น แล้วทิ้งตัวนั่งข้างไดกิแบบไม่พูดอะไรสักคำ
“อะ..อิโนโอะ..ซัง?”
ไดกิทำตาโตตกใจที่เจอกับเคย์ในสถานการณ์แบบนี้ ร่างโปร่งนั่งตัวตรงจนดูเหมือนแข็งทื่อ ใบหน้าคมคายนิ่งสนิทขณะจับจ้องไปที่โคไดอย่างไม่วางตา
“นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ไม่มีงานหรือไง” ไดกิเอียงตัวเข้าไปกระซิบถาม ร่างโปร่งเพียงแค่ตวัดสายตาขุ่นๆกลับมามองนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับไปจ้องชายหนุ่มที่ตัวเองหมายหัวไว้ตามเดิม
..... ทำไมต้องมาทำหน้าเหมือนเขาทำอะไรผิดร้ายแรงด้วยล่ะ.....
ไดกิลักลอบยู่หน้าใส่เคย์อย่างไม่พอใจ
“ไม่มีแล้ว” เคย์ตอบหน้าตาย เหมือนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังเสียมารยาทกับคนที่ไม่แม้แต่จะรู้จักกันอยู่.. จนท้ายที่สุดแล้ว ไดกิก็ทนบรรยากาศอึมครึมต่อไปไม่ไหว
“เอ่อ ผมขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ” ไดกิหันไปส่งยิ้มหวานให้โคได แล้วหันกลับมาแยกเขี้ยวพลางคว้าแขนของแขกไม่ได้รับเชิญลากติดมือออกมาด้วย
.
.
ไดกิมองซ้ายมองขวา เปิดประตูห้องน้ำสำรวจในทุกห้องแล้ว พอเห็นว่าปลอดคนแล้วจึงเริ่มต้นส่งคำถามทันที
“มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่า” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งสติและพยายามคิดในแง่ดี ....บางทีเคย์อาจจะมีเรื่องด่วนที่ต้องบอกให้เขารู้โดยเร็ว หรืออาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรียวจัง น้องชายเขาอาจจะไข้กลับขึ้นมาอีกรอบก็เป็นได้
“ไม่มี”
แต่คำตอบที่ออกจากปากบางเฉียบของผู้ชายชื่อ อิโนโอะ เคย์ ที่กำลังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่นั้นมันช่าง.... กวนโมโหชะมัด!!!
“งั้นจู่ๆเข้ามานั่งด้วยทำไม”
“ไม่รู้” เคย์ยังคงลอยหน้าตอบหน้าตายได้อย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด
“อิโนโอะ เคย์... ตอบมาดีๆนะ” ไดกิที่รู้สึกเหมือนตัวเองถูกยั่วโมโหอยู่ทุกวินาที พยายามอย่างมากแล้วที่จะกัดฟันถามอีกฝ่ายไปแบบไม่ใช้อารมณ์ ทั้งๆที่ตอนนี้เขาอยากเข้าไปบีบคอ หรือแหกปากอิโนโอะ เคย์ให้ตอบคำถามเขาเสียที ว่ามาก่อกวนเขาเพราะอะไร
“ทำไมล่ะ หรือคิดจะทำอะไรกันอยู่ล่ะ ฉันถึงนั่งร่วมโต๊ะไม่ได้” เคย์เห็นว่าไดกิมีทีท่าไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ ก็เลยเผลอตัวพูดจาแดกดันกลับไปด้วยความหงุดหงิด
“มันไม่ใช่ประเด็นแล้ว” ไดกิเห็นท่าว่าเรื่องมันจะเริ่มลุกลามใหญ่โตกันไปใหญ่ก็ถอนหายใจออกมา แต่เคย์ตีความจากอาการนั้นไปว่าไดกิเบื่อ รำคาญจนไม่อยากจะคุยกับเขาแล้ว
“นายชอบไอ้หมอนั่นหรือไง”
“ฉันจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับนายตรงไหนเลยนี่” ใช่สินะ ไม่เกี่ยวเลยสักนิด
“งั้นแสดงว่าชอบงั้นสิ”
“ก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนเลยนี่ โคไดคุงก็เป็นคนดี..อ้ะ อุ๊บ” คำพูดทั้งหมดทั้งมวลถูกดูดกลืนหายไปเพราะริมฝีปากบางของเคย์ที่กดทับลงมาแนบสนิทจนไม่มีช่องว่าง แต่ยังไม่ทันได้ดูดกลืนสัมผัสนุ่มนวลหวานหอมตามที่ใจปรารถนา ไดกิก็ตกใจจนเผลอฟาดมือไปบนใบหน้าหล่ออย่างเต็มรัก เคย์หน้าหันกระเด็นไปกระแทกเข้ากับอ่างล้างมือจนต้องร้องโอดโอย
“ชะ....ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้นายทำแบบนี้ก่อนล่ะ” ถึงแม้ว่าไดกิจะรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้เคย์ต้องเจ็บตัว แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ร่างโปร่งทำเอาไว้กับเขา แค่นี้มันน้อยไปด้วยซ้ำ ...
เพราะว่า......
........ นั่นน่ะ มันจูบแรกของเขานะ!!! ........
“ฉันเกลียดคนอย่างนายที่สุดเลย!”
ไดกิที่ไม่รู้ว่าโกรธหรืออายจนหน้าแดงก่ำตะโกนทิ้งท้ายไว้เท่านั้น แล้วก็วิ่งออกจากห้องน้ำไป ....ทิ้งไว้ก็แต่คนเจ็บที่อ้าปากค้างช็อกโลกไปแล้ว
....... เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งหัวใจเลยนะคราวนี้ ......
.
.
เคย์กลับเข้าบ้านมาตอนหัวค่ำ ในเวลานี้ถ้าไม่มีงาน พวกเขาจะกองกันอยู่หน้าทีวีในห้องนั่งเล่นส่งเสียงดังเอะอะไปถึงหน้าบ้าน แต่วันนี้เขากลับรู้สึกว่ามันเงียบผิดปกติ ... ยิ่งเข้าไปเห็นว่ามีเพียงฮิคารุกับยูโตะที่นั่งดูหนังกันอยู่สองคนก็อดแปลกใจไม่ได้
“กลับมาแล้ว” เคย์พูดเสียงเนือยๆ ใบหน้าหล่อเหลาดูหม่นหมองอ่อนแสงลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เคย์...แกไปทำอะไรมาวะ หน้าแดงเป็นรอยมือเชียว” ฮิคารุผู้ช่างสังเกตชี้ไปที่ใบหน้าขาวจัดของเพื่อน
“จริงด้วย...สงสัยไปโดนสาวที่ไหนตบมาล่ะมั้ง” ยูโตะลูกคู่ก็แกล้งหรี่ตาแซวไปตามเรื่องตามราว
“..........”
เคย์ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาต่อมุกเล่นลิ้นอะไรทั้งนั้นแหละ
ซึ่งเมื่อคนแซวไม่ได้รับการตอบรับอย่างที่คาดหวัง ยูโตะเองก็จ๋อยไป หมดไฟจะสานต่อเลยเปลี่ยนอารมณ์มาแสดงความเป็นห่วงเพื่อนแทน
“มันจะหายทันมั้ยอ่ะ พรุ่งนี้มีถ่ายปกนิตยสารด้วยนะ ฮ่ะฮ่ะ”
“เอารองพื้นปิดคงพอได้แหละมั้ง เหอเหอเหอ”
ฮิคารุกับยูโตะมองหน้ากันไปมาแบบไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี แค่พ่อยอดชายยืนเงียบสงบปากสงบคำ พวกเขาก็แปลกใจจนแทบไปต่อไม่เป็นแล้ว นี่ยังมาแผ่ออร่ามืดมนใส่ซ้ำอีก ... อยากรู้จริงๆว่าไปโดนใครเล่นของใส่มากันนะ...
“ในครัวมีอะไรเหลือให้กินมั้ย” ในที่สุดเคย์ก็เปิดปาก ส่งคำถามเบี่ยงเบนประเด็น
“อ้าว ยังไม่ได้กินหรือ ...พวกเราก็นึกว่านายกินมาจากข้างนอกแล้ว เห็นไดจังเทกับข้าวที่เหลือลงถังขยะหมดเลยน่ะ ก็เลยคิดว่านายน่าจะ...โทรบอก..ไดจัง..แล้ว...” ฮิคารุบอกเล่าด้วยเสียงที่เบาลงทุกที เพราะหน้าของเพื่อนเขาซีดลงๆแทบจะไม่มีสีเลือดแบบนั้นน่ะ ราวกับว่าวิญญาณหลุดลอยไปไหนแล้วงั้นแหละ
“ไม่เป็นไร...ฉัน..ไม่กินก็ได้”
....... ท่าทางจะโกรธแค้นกันน่าดูสินะไดจัง ......
“เออ พูดถึงเรื่องเมื่อเย็น ตอนที่ไดจังกลับมานะ หน้าตางี้ถมึงทึงเลย ใครก็เข้าหน้าไม่ติด ...แกไปทำอะไรเค้ารึเปล่าวะเคย์”
“นั่นสิ พอทำอาหารเย็นเสร็จก็หนีเข้าห้องปิดประตูเงียบไปเลย”
....... นั่นปะไร วายวอดแล้วอิโนโอะ เคย์ .......
.
.
ไดกิงัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึกและเดินออกมาจากห้องเพราะหิวน้ำ และตอนที่ต้องผ่านในส่วนของห้องทาคาคิคุงและน้องชายเขา สายตาที่ยังทำงานได้ดีแม้จะง่วงงุนจนตาแทบจะปิดและอยู่ท่ามกลางความมืด ก็ดันไปเห็นภาพที่ทำให้ต้องแอบอมยิ้มออกมาไม่ได้
ไม่รู้ว่านอนกันอีท่าไหนนะนั่น เรียวจังที่น่ารักของเขาถึงเข้าไปซุกอยู่ในอกของทาคาคิคุง แถมอีกฝ่ายก็กอดตอบแนบสนิทจนกลายเป็นก้อนอะไรกลมๆอยู่กลางเตียง
....ยังดีที่ยังใส่เสื้อผ้ากันอยู่ครบ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะพาลคิดลึก แล้วฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับก็เป็นได้...
ไดกิเดินเมาขี้ตามาจนถึงห้องครัว แล้วก็ได้ยินเสียงกุกกักเหมือนมีใครกำลังรื้อค้นอะไรออกมาจากห้องนั้น ...แต่เวลานี้ทุกคนก็เข้านอนกันหมดแล้วนี่นา พรุ่งนี้มีงานตั้งแต่เช้าคงไม่มีใครออกมาจากห้องกันหรอก
...หรือว่าเป็นขโมย!!
เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างบางก็ยิ่งตื่นตระหนกจนลืมสิ้นความง่วงเหงาหาวเมื่อครู่ ค่อยๆเปลี่ยนอิริยาบถเป็นการย่องเบาเข้าไปแอบดูใกล้ๆ พลางมองหาอาวุธที่อยู่ใกล้มือ ....ไม้เบสบอลของยูโตะที่วางทิ้งไว้ที่ห้องนั่งเล่นนี่น่าจะใช้ได้ ไดกิพึมพำขออนุญาตในใจแล้วหยิบมันมาถือเตรียมพร้อมไว้ ...
ร่างบางยืนแอบอยู่หน้าประตูห้องครัว สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วกลั้นใจกดเปิดไฟพร้อมตะโกนออกไปเสียงดัง
“ทำอะไรน่ะ!!!”
แต่ภาพที่เห็นไม่ใช่ขโมยตัวใหญ่น่ากลัวใส่ชุดดำหมวกโม่งที่ไหน หากแต่เป็นร่างสูงโปร่งของ “อิโนโอะ เคย์” ที่หันมาทำหน้าตกใจตาโตเหลือกค้าง ในปากมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปงับอยู่คาปาก และมือทั้งสองข้างมีขนมที่รื้อหามาได้จากตู้ต่างๆอยู่เต็มมือ
“ดะ..ไดจัง” ด้วยความตกใจจึงเผลออุทานเรียกชื่อคนที่ไม่คิดว่าจะมาเจอในสถานการณ์แบบนี้ออกมา ...แต่เจ้ากรรมดันลืมคิดไปว่ายังมีบะหมี่ที่คาบคาไว้ในปาก ผลก็คือมันร่วงลงไปบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกจนมันแตกเป็นเสี่ยงๆคาตาเลยนั่นเอง ..... เคย์มองตามมันอย่างอาวรณ์ เพราะนี่เป็นห่อสุดท้ายที่เขาค้นเจอในตู้ .... แล้วทีนี้จะเอาอะไรกินล่ะเนี่ย
ไดกิหลังจากที่หายตื่นตระหนกไปแล้วก็กวาดตามองดูสถานการณ์คร่าวๆ ...
“หิวมากหรือ?”
เคย์เองก็ไม่มีอะไรจะเสียนอกจากยอมพยักหน้ารับไปแบบหงอยๆ ... เอาเซ่ จะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ก็เอาเลย ทั้งโดนโกรธ โดนเกลียด โดนเห็นในตอนที่ไม่น่าดูชมแล้วด้วยเนี่ย
“ไปนั่งรอสัก 10 นาที เดี๋ยวฉันทำให้กิน” ไดกิพูดรัวเร็วแล้วเดินไปคว้าผ้ากันเปื้อนมาคาด แม้เคย์จะมองตามไปแบบเหลือเชื่อ แต่ร่างบางเลี่ยงที่จะสบสายตา จัดการเปิดตู้เย็นหาเอาของสดมาทำเมนูง่ายๆให้กับเพื่อนร่วมบ้านผู้หิวโหย
เคย์รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจขึ้นมานิดๆ ขณะที่จ้องมองแผ่นหลังบางขยับยุกยิกๆหยิบนู่น ผสมนี่โยนๆใส่กระทะ ... เผลอมองเพลินๆไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวก็ได้ข้าวผัดร้อนๆควันฉุยส่งกลิ่นหอมน่ากินมาตั้งอยู่ตรงหน้าแล้ว
“รีบกินแล้วก็ล้างเก็บเองด้วยล่ะ ฉันจะไปนอนแล้ว” ไดกิถอดผ้ากันเปื้อนออก ทำท่าจะเดินออกไปหลังจากเสร็จหน้าที่... แต่เคย์ก็ยังฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไปง่ายๆ มือเรียวขาวจัดรั้งข้อมือบางไว้ได้ทันท่วงที
“อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนได้มั้ย” เคย์รั้งไว้ด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ เขาไม่ได้ใช้แรงบังคับแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่จับเอาไว้หลวมๆเท่านั้น
“.........” แม้ไดกิจะไม่ได้สะบัดข้อมือหนีอย่างที่นึกกลัว แต่ก็ทำเพียงยืนมองอยู่เฉยๆเท่านั้น เหมือนกำลังรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง
“...อย่าเกลียดฉันเลยนะ”
“............”
“ฉันขอโทษ....ที่เอาแต่ใจ แล้วก็วู่วามไปหน่อย ขอโทษที่เสียมารยาท”
“.............”
“แต่เรื่องที่ฉันจูบนายน่ะ ฉันจะไม่ขอโทษ.... เพราะมันเป็นความตั้งใจของฉันเอง”
“หมายความว่าไง” จากตอนแรกที่เหมือนจะยอมอ่อนข้อให้กับเสียงอ่อนๆหงอยๆเหมือนเด็กสำนึกผิด ไดกิก็ชักจะตาวาว อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาเมื่อเจอประโยคหลัง พยายามจะสะบัดมือที่เกาะเกี่ยวไว้อยู่ด้วยความโมโห
เคย์จึงถือโอกาสนั้นดึงร่างบางที่กำลังมึนตึงเข้ามาขังอยู่ในอ้อมแขน จ้องหน้านิ่งมองตากลับด้วยแววตาที่จริงจังที่สุดในชีวิต ไม่เหลือเค้าของความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอย่างเคย...
“ไม่ว่าจะมีเหตุผลของการกระทำที่ซับซ้อนยังไง แต่สุดท้ายแล้วเหตุผลของเหตุผลทั้งหมดก็คือ....ฉันชอบนาย .... ฉันรู้ว่าตัวเองเอาแต่ใจ แถมยังไม่มีสิทธิ์อะไร แต่ฉันไม่ชอบให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับนายทั้งนั้น”
ไดกิทำตาปริบๆอยู่ในอ้อมกอด เหมือนยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ... เคย์ที่เป็นหนึ่งในวงดนตรีเบอร์หนึ่งของค่าย จะมาสนใจอะไรกับคนธรรมดาๆแบบเขาจริงจังกันล่ะ..... ก็แค่พูดให้เขาหายโกรธเท่านั้นนั่นแหละ อย่าได้หลงตัวไปไดกิ!
เคย์ก็เหมือนจะอ่านจากสายตาคลางแคลง ไม่มั่นใจของร่างบางได้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงวาดรอยยิ้มบางๆแล้วก้มลงไปกระซิบข้างใบหูเล็ก
“ถ้าไม่เชื่อ...จะให้พิสูจน์มั้ยล่ะ”
“พิสูจน์ยังไง”
“ฉันจะจีบนายอย่างจริงจัง แล้วถ้าวันไหนนายยอมรับได้แล้วว่าฉันจริงจังกับนาย ให้ฉันเป็นคนรักของนายนะ..ไดกิ”
ไม่อยากจะเชื่อว่าคนเจ้าเล่ห์หน้าตายอย่างเคย์จะมีสีหน้าและแววตาที่อ่อนโยนอบอุ่นได้แบบนั้น ...เสียงอ่อนๆที่ออดอ้อนขอร้องอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ชื่อเต็มของเขาที่มักไม่ค่อยมีใครเรียกขาน พอมันออกมาจากปากบางๆคู่นี้แล้วมันชวนให้ใจเต้นพิกล ......ในยามนี้ไดกิไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆว่า ได้เทใจให้มากกว่าครึ่งไปแล้ว...แต่ก็ยังใจแข็งพอที่จะตอบโต้กับอีกฝ่าย
“แล้วถ้าฉันไม่ยอมรับล่ะ” ไดกิเชิดหน้าขึ้นถาม พยายามกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ข่มความขลาดเขินไว้ในอก เมื่อเคย์ยิ้มบางๆกลับมา พร้อมกับเอามือลูบผมเขาอย่างอ่อนโยน
“ฉันก็จะตามตื้อไปเรื่อยๆจนกว่าจะยอมนั่นแหละ”
“งั้นก็ลองดูล่ะกัน”
.................................
................
......
ชิเงะเอารถมาจอดรอหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นโปรเจคร่วมที่มีผู้ร่วมงานจากค่ายอื่นด้วย เขาในฐานะผู้จัดการจึงต้องมาเตรียมความพร้อมของเด็กในความดูแลตั้งแต่ไก่โห่ จนกระทั่งจับยัดเข้ารถมาถึงสตูดิโอได้อย่างครบถ้วน พร้อมเพรียงดีภายในเวลานัดหมาย และดูเหมือนจะมีเวลาพอเหลือเฟือซะด้วยซ้ำ
“ยามะจัง หายดีแล้วแน่นะ”
“ครับ ผมกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว” ร่างเล็กทำท่าเบ่งกล้ามตามคำพูดได้อย่างน่ารัก
ดาราเด็กทั้งสองคนที่มาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้จัดการยาบุสังเกตเห็นว่าพวกรุ่นพี่ในวงการอย่าง A.N.JUMP มาถึงก่อนแล้วก็เลยบอกให้เด็กๆเดินเข้าไปหาและแนะนำตัวอย่างมีมารยาท
“โมริโมโตะ ริวทาโร่ครับ”
“ซาโต้ โชริครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”
“ขอโทษที่มาช้าไปนิดนึง ยังไงก็ขอตัวพาเด็กๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ” ยาบุวิ่งเข้ามาขอโทษขอโพยกับชิเงะที่นั่งอมยิ้มมองเด็กหน้าตาน่ารักอย่างเพลินใจ....
“โอ้ ไม่เป็นไรครับ ยังทันเวลา ....เชิญเลยๆ” ชิเงะมองตามด้วยความชื่นชม ....เพราะถึงเด็กทั้งคู่จะเป็นดาราที่กำลังดังแต่ก็ไม่ได้ถือตัว รู้จักปฏิบัติกับคนอื่นอย่างเหมาะสม ทักทายกับสต๊าฟทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและมีมารยาท... ผิดกันกับเด็กในความดูแลของเขาที่แม้จะเป็นเด็กดีมีกาลเทศะอยู่บ้าง แต่บางทีมันก็ทโมน ทะเล้น แกล้งแหย่คนโน้นคนนี้จนแทบจะคุมไม่อยู่นี่สิ
“เด็กม.ต้นสมัยนี้โตกันเร็วจริงๆเลยน้า” ฮิคารุเปรยขึ้นมาเบาๆแบบไม่ได้คิดอะไร แต่เรียวสุเกะที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมากลางใจ ....เขารีบมองหามนุษย์หนึ่งเดียวที่สามารถเยียวยาแผลใจนี้ได้ในทันที
นั่นไงจิเน็น ยูริ!!
....... เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย อย่างน้อยเขาก็สูงกว่าจิเน็นที่อายุเท่ากันแหละนะ (ยิ้มภูมิใจ) ........
“ยามะจัง ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวน่ะ”
เรียวสุเกะหุบยิ้มฉับ เงยหน้ามองร่างสูงชะลูดที่ยิ้มแย้มอย่างร่าเริงเข้ามาหาตามปกติ
..... ยูโตะคุง นายเป็นเพื่อนที่ดีนะ แต่เวลานี้ ...ฉันเกลียดนายชะมัด.......
.
.
ในที่สุดก็ถึงเวลาขึ้นเขียงอย่างจริงจัง .... ยูยะ ยูริ ริวทาโร่ หรือแม้แต่น้องเล็กสุดอย่างโชริต่างก็เดินเข้าไปในฉากและจัดการวางที่ทางของตัวเองได้อย่างเหมาะสมสมกับที่เป็นมืออาชีพ ธีมของภาพเซทนี้จำลองฉากของห้องเรียนที่มีจัดตกแต่งเหมือนเป็นการจัดงานฉลองคริสมาสที่โรงเรียน ... เรียวสุเกะเดินเก้ๆกังๆเข้าไปในฉากและกำลังมองหาตำแหน่งที่เขาสมควรจะอยู่ ...ถ้าจะว่ากันตามตรง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เรียวสุเกะต้องทำงานร่วมกับคนอื่นนอกเหนือจาก A.N.JUMP ประสบการณ์การถ่ายแบบของเขาก็ยังเทียบชั้นอยู่ในขั้นอนุบาล แล้วดูแต่ละคนที่เขาต้องร่วมงานด้วย... ขั้นเทพทั้งนั้น -0- อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการประหม่า ไม่มั่นใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน.... แต่ไม่ทันที่เรียวสุเกะจะได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเทวดาฟ้าดิน คำสั่งแรกจากช่างกล้องก็ตามติดมาอย่างรวดเร็วราวกับจรวด
“ช่วยทำท่าเหมือนทุกคนเป็นเพื่อนพี่น้องที่สนิทกันมานานด้วยนะครับ”
......เอาแล้วไงล่ะ สนิท....ต้องทำยังไงถึงจะดูสนิทกันกับคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก แถมยังไม่ทันได้คุยกันนี่ดีล่ะ.....
ริวทาโร่เหลือบมองเรียวสุเกะที่ยืนเอ๋ออยู่ใกล้มือเลยคว้าตัวเข้ามานั่งซ้อนตักตัวเองทันที โชริเห็นแบบนั้นก็นึกสนุกเข้ามานั่งทับเรียวสุเกะอีกชั้นจนกลายเป็นขนมชั้นไปเลย ...ส่วนเรียวสุเกะถึงจะตกใจในนาทีแรกแต่ก็เผลอยิ้มไปกับความร่าเริงสดใสของเด็กๆไม่ได้
“ดีครับๆ เล่นกันตามสบายเลยนะครับ”
ยูยะกำลังอึ้งกับความมือไวใจเร็วของเด็กๆ กว่าจะทันรู้ตัวก็โดนยูริกอดคอจากด้านหลังไปแล้ว
“ทาคาคิคุง ช่วยยิ้มด้วยครับ... อ่า อย่างนั้นแหละ ดี...ดีมากครับ”
ธีมของภาพเซทนี้คือ ความน่ารักสดใส ในขณะที่อีก 6 คนที่เหลือได้ธีมอิเคเมน (หนุ่มหล่อ) ซึ่งยูยะก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองหลุดโผมาอยู่ในธีมรื่นเริงนี่ได้อย่างไร.. น่ารัก..สดใส.. อืมม.... ไม่เห็นเข้าใจเลยอ้ะ! เจ้าพวกบ้านั้นได้ใส่สูท ใส่แจ็กเกต เท่ห์เคร่งขรึมดูเป็นผู้ใหญ่ แต่เขาที่อายุมากกว่าเจ้าพวกนั้นกลับต้องมาย้อนวัยทำตัวแอ๊บแบ้วใส่ชุดนักเรียนมัธยมอยู่แบบนี้ ..ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน!!!
“เนียนเหมือนกันนะเนี่ย อย่างกับเด็กม.ปลายจริงๆแน่ะ” เคย์เดินยิ้มกริ่มเข้ามาทักทาย
“หยุดพูดไปเลย เคย์” ยูยะกวาดสายตามองเคย์ที่อยู่ในชุดเชิ้ตขาวทับด้วยแจ็คเกตสีดำ มีผ้าพันคอเท่ห์ๆพันเก๋ๆไว้อีกรอบหนึ่ง รองเท้าหนังดำมันขลับ ดูดีมีชาติตระกูลจนต้องเขาเบ้หน้าหนีด้วยความสะเทือนใจ
“โถ...จะคิดอะไรมาก ที่นายได้อยู่เซทนั้นก็เพราะเค้าอยากได้รูปนายในโมเม้นที่อยู่กับแฟนน่ะสิ” เคย์พยายามปลอบใจผู้ใหญ่ตัวโตที่กำลังเบะหน้างอแงหาความเป็นธรรม
“เหอะ... ” มีการเชิดใส่อีกหนึ่งดอก โทษฐานพูดจาไม่เข้าหู
“เอ้า.. อย่าว่างั้นงี้เลย นายกับจิเน็นเป็นแฟนกันจริงป่ะวะ ....ได้ถ่ายแบบกับแฟนแม่งทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้”
“มันก็หลายๆอย่างล่ะนะ เฮ้อ~” เลี่ยงด้วยการตอบไม่ตรงคำถามแล้วก็เดินหนีไป ทิ้งให้เคย์ยืนเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจอยู่ที่เดิม
“แล้วตกลงเป็นไงกันแน่ว้า~”
.
.
ของว่างวันนี้เป็นโอนิกิริ ยูยะที่หิวแทบไส้ขาด เหตุเพราะแผนไดเอทของไอ้ตัวเล็กที่มันบอกไม่ให้กินอะไรหลัง 6 โมงเย็น .... นี่เขาทนหิวกัดฟันมาทำงานตอนเช้านี้ได้ก็นับว่ามหัศจรรย์สุดๆแล้ว คราวนี้ล่ะ เขาจะจัดให้เต็มคราบเชียว
มือใหญ่กำลังจะเอื้อมไปหยิบข้าวปั้นไส้บ๊วยที่หมายตาซึ่งเหลือเป็นชิ้นสุดท้าย แต่ทว่ากลับมีมือดีมาคว้ามันไปเพียงเสี้ยววินาที ร่างสูงหันขวับกลับไปคอแทบหลุด แล้วก็ได้เห็นว่าไอ้มือดีที่มาแย่งของกินกับเขาก็คือ ..ไอ้เจ้าเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม โมริโมโตะ ริวทาโร่นี่เอง
.... กล้าดีนักนะ แย่งอะไรไม่แย่ง มาแย่งของกินกับท่านยูยะคนนี้!!
......ท่าทางจะไม่อยากตายดี.........
“ไอ้เด็กไม่มีมารยาท นั่นมันของฉันนะ”
“ช่วยไม่ได้ ลุงช้าเอง”
“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”
ฮิคารุกับยูโตะที่อยู่ใกล้ๆเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน
“แกเป็นบ้าอะไร ไปทะเลาะกับเด็กมันทำไม”
“ก็มันแย่งไส้บ๊วยของฉันไป” ฮิคารุฟังเหตุผลโคตรปัญญาอ่อนของเพื่อนเข้าไปก็แทบจะอดใจไม่ให้ตบมันกระโหลกช้ำ
“ไอ้บ้า เรื่องแค่นี้ ...แล้วนี่ ไดเอทอยู่ไม่ใช่ไง”
“ก็...หิวนี่ ถ้าฉันไม่มีแรงทำงานขึ้นมาจะทำไงห๊ะ”
“ก็กินไส้อื่นไปสิโว้ย”
“ไม่..มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ไอ้หนูนั่นหยามฉันมาก”
“แล้วจะเอาไง ห้ามมีเรื่องนะเว้ย”
“ไม่กงไม่กินแม่งแล้ว” ยูยะเดินหน้าเป็นตูดมานั่งจ๋องอยู่คนเดียวแบบงอนๆ ฮิคารุได้แต่ส่ายหัวกับความไร้สาระของลีดเดอร์ที่มักจะอ่อนไหวกับเรื่องปากท้องเป็นพิเศษ ....เรียวสุเกะที่นั่งอยู่ไม่ไกล มองโอนิกิริไส้บ๊วยในมือตัวเองแล้วก็ตัดสินใจเดินไปหายูยะ
“เอาของผมไปก็ได้นะ” เรียวสุเกะยื่นข้าวปั้นไส้บ๊วย ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นกลางกองถ่ายให้ร่างสูง
“แล้วนาย...” ถ้าไม่ได้คิดไปเองจะสังเกตเห็นได้ว่า หน่วยตาคมของยูยะนั้นเป็นประกายวิบวับขึ้นมาทันที
“ผมเพิ่งรู้สึกว่าอยากกินไส้อื่นมากกว่าน่ะ ทาคาคิคุงช่วยกินหน่อยแล้วกันนะ คือผมแกะแล้วน่ะ จะเอากลับไปวางคืนคงไม่ดี”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันช่วยกินให้ก็ได้ ......ถือว่านายขอร้องหรอกนะ” ยูยะรับมาอย่างเขินๆ แต่ปากก็ทำเป็นพูดดีไปอย่างนั้นแหละ ... เรียวสุเกะลอบยิ้มให้กับความปากไม่ตรงกับใจของยูยะ
ไม่ไกลกันนัก ปรากฏร่างบางๆของจิเน็น ยูริ ที่กำลังมองตรงมาที่คนทั้งคู่ด้วยสายตาไม่พอใจ
“ชิ! รู้งี้ หยิบไส้บ๊วยมาซะก็ดี” ยูริกำโอนิกิริในมือไว้แน่นด้วยความไม่สบอารมณ์
.
.
“เอ๋...โชริคุงก็ชอบ A.N.JUMP ด้วยเหรอ”
ระหว่างที่พักทานของว่างอยู่นั้น ฮิคารุกับยูโตะก็ไม่พลาดที่จะสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเพื่อนใหม่ในวงการบันเทิง โดยไปคว้าเอา ซาโต้ โชริที่ดูน่ารัก ไร้เดียงสามานั่งคุยด้วย ...ส่วนริวทาโร่นั้น พวกเขาไม่อยากเสี่ยงที่จะลากเอาเด็กที่เพิ่งมีคดีแย่งข้าวปั้นกับลีดเดอร์ของวงมาให้เสียวสันหลังหรอก
“ฮะ พวกพี่เป็นวงที่เจ๋งมากเลย ผมชอบ”
โชริเป็นเด็กน่ารัก พูดจามีสัมมาคารวะ หากแต่ก็เป็นกันเองและไม่ถือตัว ไม่แปลกที่พอคุยกันได้สักพักโชริจึงกลายเป็นศูนย์กลางที่A.N.JUMP ทุกคนสนใจที่จะยื่นหน้าเข้ามาพูดคุยด้วย
“แล้วชอบใครเป็นพิเศษหรือเปล่า” ถึงแม้ว่าจะมีคนทำท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ส่วนหนึ่งในหัวใจของทุกคนก็รอคอยคำตอบนี้ไม่ต่างกัน
“ทาคาคิคุงฮะ” โชริตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแสนจะมั่นใจ ...ยูยะหันหน้าไปทางอื่นแล้วแอบอมยิ้มอย่างพอใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กลับไปปั้นหน้านิ่งๆเหมือนเดิม ส่วนเรียวสุเกะนั้นได้แต่ก้มหน้าอย่างเจียมตัว .....ลำพังแค่มีจิเน็น ยูริที่เป็นแฟนออกหน้าออกตาเขาก็รู้สึกเจ็บพอทนอยู่แล้ว ...ถ้ายูยะจะมีเด็กหน้าตาน่ารักขนาดนี้ชอบอีก เขาจะเอาอะไรที่ไหนไปสู้ได้ล่ะ
“ว้าว ตอบเร็วมากเลย.. แล้วทำไมถึงชอบยูยะล่ะ” ยูโตะถามต่ออย่างตื่นเต้น
“อืม..ผมชอบเสียงทาคาคิคุง .....แต่ตอนนี้ผมว่าผมเปลี่ยนไปชอบพี่ยามะแล้วล่ะฮะ เพราะว่าพี่ยามะน่ารักมากๆเลย”
.... เค้าว่ากันว่าเด็กมักจะพูดความจริงอย่างไม่โกหก .... เรียวสุเกะเหวอไปแล้วกับคำตอบพลิกแผ่นดินอันแสนจริงใจของเด็กวัยมัธยมต้น และในนาทีนี้เองยูโตะ เคย์ หรือแม้แต่เคโตะก็อดใจไม่ไหวที่หันไปมองหน้าช็อคโลกของยูยะแล้วก็ขำออกมาเบาๆแบบที่ตัดทอนแล้วด้วยความเกรงใจ
“หวาๆๆ ...หมาหัวเน่า” จะมีเพียงฮิคารุคนเดียวเท่านั้นที่หัวเราะออกมาเสียงดัง แถมยังกล้าล้อเลียนอย่างไม่กลัวตาย แม้ว่าหน้าตาของยูยะตอนนี้เหมือนพร้อมจะแหกอกใครสักคนได้อยู่แล้ว
“ผมล้อเล่น ..ผมก็ชอบพวกพี่ทุกคนนั่นแหละครับ” โชริยิ้มจนตาหยี
“แหม... น่ารักอะไรจะขนาดนี้ มานี่ซิๆ” ฮิคารุกวักมือเรียกโชริเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งน้องก็ยอมเดินไปแต่โดยดี
“โอ้ย แก้มนิ๊มนิ่มล่ะ”
“พอเลยๆ เดี๋ยวน้องร้องเจ็บขึ้นมา ผู้จัดการเค้าจะมาแหกอกแกหรอกฮิคารุ” เคย์ร้องเตือน เมื่อมองผ่านเลยไปแล้วเห็นว่าคุณผู้จัดการร่างสูงเพรียวลมนั่นกำลังมองมาที่พวกเข้าอยู่อย่างเงียบๆ
.
.
“เน่ ยูริ”
ยูริหันขวับตามเสียงเรียกแบบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
.... กล้าดียังไงมาเรียกชื่อเขาเฉยๆแบบนี้ ....
แต่พอหันกลับไปแล้วก็เจอกับเด็กตาแบ๊วที่ทำหน้าตากวนตีนกำลังกัดข้าวปั้น(ที่แย่งชิงมาได้)กร้วมๆอย่างสบายอกสบายใจ ....
“ใครอนุญาตให้นายเรียกชื่อฉันไม่ทราบ”
“แล้วจะให้เรียกอะไร ชี่จังเหมือนคนอื่นๆเหรอ... เหอะ ไม่เอาด้วยหรอก”
“นั่นมันเรื่องของนาย แต่นายไม่มีสิทธิเรียกชื่อฉัน”
“ยูริจัง”
“........”
“ยูริจังๆๆๆๆ”
ยูริกัดฟันข่มความโมโห แล้วตะโกนอย่างเหลืออด “เออ! อยากจะเรียกอะไรก็เรียกไป”
ในจังหวะที่ยูริสะบัดหน้าหนีจากเด็กตาแบ๊วนั้นเอง ก็บังเอิญไปเห็นว่าโชริกำลังคุยเล่นหัวเราะอยู่กับวง A.N.JUMP และทำท่าว่าจะได้รับความเอ็นดูอย่างล้นหลามจนน่าหมันไส้ เพราะแม้แต่ยูยะก็ยังดูมีทีท่าว่าให้ความสนใจกับเด็กนั่นไม่น้อย... และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าทนดูไม่ได้จริงๆ
ยูริกำลังจะเดินตรงเข้าไปหายูยะเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างใจคิด แต่ร่างบางๆก็โดนรั้งไว้ด้วยแขนแข็งแรงของเด็กมัธยมตาแป๋ว ที่หน้าตากับนิสัยไม่ได้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันเลยแม้แต่น้อย
“อะไรอีกล่ะ” ยูริถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ที่สุดในโลก เขาหงุดหงิดเกินกว่าจะคิดรักษาภาพพจน์ใดๆต่อหน้าเด็กคนนี้อีกต่อไป
“ติดคอ หิวน้ำ ไปซื้อน้ำด้วยกันหน่อย” พูดจบก็ลากแขนยูริออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบ ร่างบางเองก็สู้แรงไม่ได้ก็เลยกลายเป็นว่าถูกลากไปแบบไม่ค่อยเต็มใจ
.....ทั้งๆที่จริงตัวก็สูงกว่าไม่เท่าไหร่ แถมยังเด็กกว่าตั้งหลายปี ทำไมถึงได้มีแรงเยอะนักนะ!
“นี่...ทำไมฉันต้องไป” ร้องหาเหตุผลที่ตัวเองถูกคนเด็กกว่าลากเอาๆแบบนี้
....แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ให้คำตอบใดๆมากไปกว่าการใช้นัยน์ตากลมโตนั้นจ้องกลับมานิ่งๆเหมือนต้องการจะสื่ออะไรผ่านจากสายตา ซึ่งยูริก็แปลไม่ออก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร แต่พอโดนเด็กมองจ้องนิ่งๆนานๆเข้า ยูริก็ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้เรียวแขนบางถูกเด็กหนุ่มลากจูงไปโดยไม่มีคำพูดสักคำ
.
.
“ฉากสุดท้ายแล้วครับ เข้ามาชิดๆกันเลย”
ยูยะยืนอยู่ข้างเรียวสุเกะตั้งแต่แรก เขากำลังเอื้อมมือไปหาร่างเล็กแต่ฉับพลันนั้นเอง โชริก็ผลุบเข้ามาแทรกระหว่างกลางและกอดเอวเขาแน่นพลางยิ้มหวานใส่กล้อง จนร่างสูงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะได้แต่ยิ้มให้กล้องไปตามเรื่อง
ยูริที่คอยมองอยู่ห่างๆเห็นแล้วตาลุกโชนด้วยความไม่พอใจ กำลังจะเดินเข้ามาร่วมด้วยแต่ก็ถูกริวทาโร่คว้าคอให้มาปั้นหน้าหวานยิ้มใส่กล้องแบบปกติ ส่วนด้านเรียวสุเกะ ก็เป็นอีกครั้งที่ไม่รู้จะเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหน เพราะทุกคนดูมืออาชีพกันเหลือเกิน ยูยะเห็นสีหน้าแบบนั้นเข้าก็แอบยื่นมืออ้อมหลังโชริไปกุมมือเล็กไว้และดึงเข้ามาใกล้ ....ก้อนมนุษย์ที่กอดกันกลมดิ๊กราวกับสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสสมวัยนั้นทำให้ช่างภาพพอใจไม่น้อยเลย
.
.
“ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ”
การถ่ายแบบของวันนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว ....โชริมีงานถ่ายโฆษณาต่อจึงต้องรีบขึ้นรถกับผู้จัดการยาบุ ส่วนริวทาโร่นั้นไม่มีงานต่อจึงว่างพอที่จะมาเดินล้อมหน้าล้อมหลังสร้างความรำคาญให้กับยูริ จนวันนี้ทั้งวันนอกจากตอนที่ถ่ายแบบ เขาไม่สามารถเข้าไปหายูยะได้อย่างใจเลยสักครั้ง
“ยูริ....”
วิธีเรียกแบบนี้ มีแต่ไอ้เด็กนั่นคนเดียวล่ะ ยูริหันกลับมาตามเสียงด้วยหน้าตาบูดสนิท “มีอะไร”
“นายจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า” แต่อีกฝ่ายก็หาได้รู้สึกรู้สากับอากัปกิริยาที่ร่างบางพยายามแสดงออกว่าเบื่อขี้หน้าเขาขนาดไหน ....เขากลับรู้สึกว่าหน้าตอนโกรธ ตอนหงุดหงิดโมโหเพราะทำอะไรไม่ได้ของยูริมันน่ามองกว่ายิ้มหวานๆที่เสแสร้งปั้นแต่งนั่นตั้งเยอะ!
“มันเรื่องของฉัน” ถึงจะโดนตอกกลับให้เจ็บแท้แค่ไหน ริวทาโร่ก็เพียงยักไหล่ไม่ใส่ใจ แล้วก้มหน้าก้มตาจิ้มๆอะไรอยู่กับโทรศัพท์ไม่ได้สนใจจะตอแยเขาต่ออีก
Rrrrrrrrrrrrr
ยูริรู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ตัวเองที่ตั้งเป็นระบบสั่น มันดังครืดๆอยู่ในกระเป๋ากางเกงจนต้องหยิบมันขึ้นมาดูอย่างงงๆ แล้วก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ... ยูริเหลือบมองไปที่ริวทาโร่เป็นเชิงสงสัย แต่เด็กหนุ่มก็ทำเป็นเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อย่างแนบเนียน
....... ถึงจะน่าสงสัย แต่เจ้าเด็กนั่นจะไปมีเบอร์เขาได้ยังไง ไม่มีทางซะล่ะ......
ร่างบางลังเลอยู่ครู่นึงก็ตัดสินใจกดรับสายในที่สุด
“ครับ...”
“ฉันเอง....”
ยูริมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ยืนถือโทรศัพท์เครื่องเมื่อกี้อยู่แนบหู ส่งยิ้มกวนตีนตามสไตล์ด้วยความรู้สึกสับสน
“นาย...มีเบอร์ฉันได้ยังไง”
“...ผู้จัดการนาย แค่ไปถามๆดูเค้าก็ให้มาหมดเลย”
ยูริหันขวับไปจ้องกินเลือดกินเนื้อเอากับคุณผู้จัดการหันมาทำหน้าตกใจราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าไปทำอะไรไว้บ้าง..... เห็นแล้วมันก็........
“เจ้าบ้ากุนตะ!! ฉันไล่แกออก ไล่ออกๆๆๆๆๆๆ”
...................................
....................
.........
To be con
Talk: ขอโทษที่ช้านะทุกคนนน ตอนนี้มายาวเป็นพิเศษเป็นการไถ่โทษน้าา อย่างเพิ่งหนีกันไปไหน 55+
เคย์ได
ล่อไปครึ่งตอนเลยจริงๆตอนนี้ .... ใครที่เชียร์คู่นี้อยู่ก็เฮกันได้เลยน่อ .... ส่วนคู่หลักของเรา (หัวเราะแห้งๆ) ค่อยเป็นค่อยไปกันนะคะ อย่าผลีผลาม ฮ่าๆๆๆ ส่วนคู่(ปรับ)ท้ายตอน มีใครเชียร์คู่นี้บ้างไหม .... น้องริวถูกส่งมาเพื่อปราบมารโดยเฉพาะ ฮ่าๆๆ หวังว่าคงจะถูกใจกันไม่มากก็น้อยนะคะสำหรับตอนนี้
ปล. น้องโชริโผล่มาทำไม ...คำตอบก็คือ น้องน่ารักค่ะ55+ เป็นเด็กดันนัมเบอร์วันของประ ที่จะโผล่มาในฟิกเรื่องอื่นๆต่อๆไปในอนาคตอันใกล้นี้^^
ปล2. รูปประกอบอย่างกะฟิกคู่ริวโชริ 55+ ไม่จริงนะคะไม่จริง แค่มาเป็นเกสต์เฉยๆเนอะ อย่าคิดมาก 55+
.......เจอกันตอนหน้าจ้า... อีกสักครึ่งเดือนให้หลังล่ะกันนะ งานเยอะจริงๆ (ฮา)
ความคิดเห็น