คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [Haru].......TRIAL .......... Part End ...... [Morimoto Ryutaro x Chinen Yuri]
หนุ่มน้อยริวทาโร่ กำลังนั่งกอดอกหน้านิ่งอยู่ในร้านอาหารฟาสฟู้ดส์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ...... เขาได้นั่งอยู่แบบนี้เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้ว .
.... แต่คนที่เมื่อวานมันย้ำนักย้ำหนาว่าให้มาเร็วๆกลับยังไม่เห็นแม้แต่เงา!!!!
ระหว่างที่รอนั้น...ไม่มีการสั่งอาหาร! ไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างอื่น! ... เพียงแค่นั่งรออยู่เฉยๆเท่านั้น ....แลดูคล้ายหุ่นขี้ผึ้งก็ไม่ปาน ..... แม้ว่าพนักงานของร้านจะเดินมาเหล่แล้วเหล่อีก ก็ไม่มีสะดุ้งสะเทือน ... ยังคงปั้นหน้านิ่งในแบบที่ใครก็อ่านความคิดไม่ออกอยู่เรื่อยไป
มือถือเครื่องสีฟ้าน้ำทะเลรุ่นใหม่ล่าสุดที่วางอยู่บนโต๊ะเกิดอาการสั่น พร้อมกันนั้นหน้าจอก็โชว์รูปของคนที่ทำให้เขาต้องรอเกือบชั่วโมง ชูสองนิ้วแล้วยิ้มทะเล้นให้กล้องอย่างร่าเริง
////ริวทาโร่...มานานแล้วหรือยัง?////
“อืม มาถึงเมื่อชั่วโมงที่แล้วเอง”
ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คนฟังก็รู้ได้ในทันทีว่า กำลังถูกประชดใส่อยู่
////ขอโทษๆ ใกล้จะถึงแล้วแหละ ริวจังสั่งอะไรรอไปก่อนก็ได้นะ///
“อือ รออยู่ที่เดิมนะ จำได้ใช่ไหม?” ริวทาโร่พูดตอบกลับอีกไม่กี่คำก็วางสาย แล้วก็กลับเข้าสู่โหมดเดิม ......... การรอคอย ....... เฮ้อ~
จากวันแรกที่ได้รู้จักกับหนุ่มรุ่นพี่ตัวเล็กหน้าตาน่ารักอย่างจิเน็น ยูริ.... นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็มๆแล้ว .....
แต่ยูริเมื่อ 2 อาทิตย์แรกหายไปไหนแล้วนะ.....
คนที่มักจะมานั่งรอเขาก่อนเวลานัดเสมอ จะไปไหนหรือทำอะไรก็มักจะตามใจ หรือไม่ก็ต้องขอความเห็นเขาเสมอ เรียกได้ว่าตามใจสุดๆ ..... แต่พอเริ่มคุ้นเคยสนิทสนมกันมากๆแล้ว คำเรียกแบบกวนๆว่า คุณพี่เขยก็อันตรธานหายไปด้วย.... เหลือแค่ชื่อห้วนๆสั้นๆ ที่ได้ขยันเรียกได้ทั้งวี่ทั้งวัน!
ยูริพูดคุยกับเขาอย่างเปิดเผยมากขึ้น และทุกครั้งที่ได้คุยกันจะมีบรรยากาศสบายๆ เรื่อยๆเฉื่อยๆ .... ปากบางๆนั้นก็ช่างสรรหาเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังได้ไม่หยุดปาก ต่างกับช่วงแรกๆที่รู้จักกันอย่างเห็นได้ชัด
อาจเป็นเพราะยูริเองเป็นคนที่พูดเก่ง แล้วก็เข้ากับคนง่าย ทำให้สนิทกันได้เร็ว .... แม้ว่าริวทาโร่เองจะเป็นบุคคลที่ยากต่อการปฏิสัมพันธ์ด้วยมากๆก็ตามที
และที่สำคัญทั้งคู่ดูเหมือนจะลืมจุดประสงค์ของการทำความรู้จักกันครั้งนี้ไปแล้วโดยสิ้นเชิง
“มาแล้วๆ.... ริวจังกินอะไรหรือยัง?”
การมาของใบหน้าหวานๆและรอยยิ้มแจ่มใสที่พาเอาบรรยากาศอึมครึมที่แผ่รัศมีเป็นวงกว้างรอบตัวริวทาโร่ให้หายไปโดยปริยาย
“ยัง...”
“ไม่หิวเหรอ? โอ้ะ! หนังจะเข้าแล้วนี่นา ไปเร็วๆๆเดี๋ยวดูไม่ทัน” ร่างบางก้าวเข้ามาในร้านได้ไม่ถึงนาที ก็เขย่าแขนริวทาโร่เร่งยิกๆชวนออกไปข้างนอกอีกแล้ว
“ดะเดี๋ยว
” แต่ไม่ทันที่ริวทาโร่จะลุกยืนได้เต็มตัว ก็ทรุดลงมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ
“เป็นอะไรอะริวจัง เจ็บตรงไหนเหรอ?”ยูริหน้าตาเลิ่กลั่ก ตื่นตระหนกตกใจไปด้วย กลัวว่าจะเป็นคนทำให้ริวทาโร่เจ็บซะเอง
“น่ะ..เหน็บ.. กินขา”
สาเหตุน่าจะมาจากการที่นั่งท่าเดียวเป็นเวลานานๆ ทำให้ริวทาโร่รู้สึกชาไปทั้งขาจนแทบขยับตัวไม่ได้ หน้าตาเหยเกเพราะทุกครั้งที่ขยับเคลื่อนไหว อาการเจ็บแปล๊บก็แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย
ยูริหน้าเสียทันที .... รู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุให้ริวทาโร่ต้องนั่งรอนานๆ จึงรีบนั่งลงคุกเข่ากับพื้น ฝ่ามือน้อยคอยช่วยบีบนวดคลายกล้ามเนื้อให้อย่างตั้งใจ
ริวทาโร่ลอบมองเสี้ยวหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของยูริแล้วแอบยิ้มในใจ
.
.
“นี่ ยูริ เดี๋ยวนี้มีแฟนแล้วเหรอ?”
ยูยะตัดสินใจถามขึ้นมา หลังจากที่สังเกตถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดของน้องชายคนนี้มาได้พักใหญ่ ก็ทำให้ตีความไปได้แบบนั้น
“แฟนอะไร? มีที่ไหน?”
ยูยะอยากจะเถียงนัก ..... มีไม่มีก็ ยุ่งจริงยุ่งจัง! กับไอ้โทรศัพท์นั่นน่ะ ไม่โทรก็ส่งเมลล์ยิกๆ แล้วก็นอนยิ้มเป็นบ้าเป็นหลัง ตอนที่ได้รับเมลล์กลับมา แบบนี้จะให้คิดว่ายังไงล่ะ....
“ก็เด็กคนที่แกเคยพูดถึงบ่อยๆไง น้อง อะไรนั่น”
เท้าความไปเมื่อสมัยที่มันบ้าเล่นเนตแบบสุดๆ ไม่ว่าจะตอนก่อนนอน หรือหลังตื่นนอน ก็จะเห็นมันนั่งพิมพ์คีย์บอร์ดรัวยังกะกระสุนอยู่หน้าคอมได้ทุกวัน เรียกได้ว่า สร้างรากสร้างฐานอยู่แต่ตรงนั้นเลยทีเดียว
“อ๋อ อืมใช่” คำตอบที่ได้รับ แทบทำให้พี่ชายที่กำลังซดน้ำอยู่หน้าตู้เย็นสำลักน้ำตาย
ดูมัน..ดูม๊านนน~ ตอบหน้าตายแบบนี้ จะเชื่อได้มั้ยเนี่ย! ... เจ้าตัวเล็กนี่ยิ่งชอบเล่นตลกหน้าตายอยู่ ถ้าไปเชื่อถืออะไรจริงจังมากๆมักจะกลายเป็นตัวตลกให้มันหัวเราะแทน
“จริงเหรอ?” หรี่ตาถามแบบไม่ค่อยไว้ใจ
“ล้อเล่น! รุ่นน้อง... เป็นเพื่อนกัน สนิทกันเฉยๆ”
...นั่นไง ว่าแล้ว สุดท้ายก็ตลกหน้าตายอย่างทุกที .... แต่ว่าคราวนี้
“จริงเร้อ?” ก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีง่ะ
“อืม เป็นรุ่นน้องจริงๆ” เห็นมันเริ่มยิ้มแปลกๆให้ ก็เลิกตอแย
...จะพยายามทำใจเชื่อก็ได้วะ ว่านั่นเป็นแค่พี่น้องน่ะ
“แล้วนี่ยูยังจะไปไหนเหรอ?”
เห็นพี่ชายตัวสูงกำลังสวมเสื้อแจ๊คเกตเตรียมตัวอย่างกับจะออกไปเดท
“อ้าว ก็ไปทำงานพิเศษที่ร้านหนังสือไง นี่แกลืมวันลืมคืนไปแล้วรึ?”
“อ่อ คงงั้นล่ะมั้ง... นี่ปิดเทอมแล้วเหรอ?”
“เฮ้ย นี่น้องฉันเบลอถึงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย แล้วนี่ไม่ใช่ว่าตื่นเช้าจะไปโรงเรียนนะ”
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นจะตื่นมาทำอะไรแต่เช้า... ฮ้าววว เสียเวลานอนชะมัด”
ตอบแบบไม่จริงจังนัก แล้วก็เดินหนีเข้าห้องน้ำไป
“อาการหนักนะเนี่ย”
ยูยะอดจะมองตามอย่างเป็นห่วงไมได้ .... นี่คงไม่เผลอเดินชนขอบประตูหรอกนะ
“พี่ไปแล้วนะ ถ้าไม่ได้ไปไหนก็อยู่ดูแลบ้านดีๆนะ .... นี่ ได้ยินหรือเปล่า ยูริ”
ร่างเล็กชะโงกหน้าออกมาจากห้องน้ำ ตอบด้วยเสียงอู้อี้และยาสีฟันเต็มปาก
“อื้อ รู้แล้ว ...จะไปไหนก็ไป”
ทั้งๆที่ยังนอนได้ไม่เต็มที่ดี แต่ไหนๆก็ตื่นเช้ามาแล้ว จะให้ข่มตาหลับอีกรอบ มันก็ช่างยากเย็นนัก.... ยูริจึงมานั่งแหมะอยู่หน้าจอโทรทัศน์
มือเรียวขาวพยายามกดเปลี่ยนหาช่องที่น่าสนใจ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็หยุดสนใจอยู่ที่ช่องพยากรณ์อากาศวันที่ดอกซากุระจะบานในแต่ละเมือง
“พรุ่งนี้แล้วนี่นา” ยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมา เมื่อนึกถึงคนที่คิดจะชวนไปด้วย
“ริวทาโร่..”
//// ว่าไง ... ซากุระบานแล้วนะ ////
“อื้ม ก็โทรมาชวนเนี่ยแหละ ว่างหรือเปล่าล่ะ?”
//// ถ้าบ่ายๆล่ะก็.. ได้ ////
“ตอนบ่ายก็ได้ ... งั้นพรุ่งนี้ที่ชินจุกุเกียวเอ็นนะ”
////อืม พรุ่งนี้เจอกัน////
“แต่งตัวไปเดทเหรอวันนี้?”
ยูยะทักขึ้น เมื่อเห็นยูริลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ฮัมเพลงอารมณ์ดีแต่เช้า ... ทั้งๆที่ปกติกว่าจะขุดมันขึ้นมาจากเตียงแต่ละทีนั้นแสนลำบาก
“ใช่” แถมท้ายด้วยรอยยิ้มหวาน ที่เล่นเอาขนลุกขนพอง
“คบกันแล้วเหรอ? กับน้องคนนั้นอะ ชื่ออะไรนะ จำไม่ได้”
“เปล่า ไม่ใช่คนนั้น”
“อ้าว มีคนอื่นอีกเหรอ?”
ยูยะลืมไปสนิทใจว่าน้องชายไม่ได้พูดถึงน้องริซาโกะให้ฟังวันละหมื่นรอบอีกแล้ว
“ล้อเล่น น้องยังโสดสนิทตะหาก วันนี้แค่จะไปดูซากุระเฉยๆ”
“อ้าว เหมือนกันเลย เมื่อวานไดจังชวนอยู่เหมือนกัน...ไปด้วยกันป่ะ?”
“เหอะ จะไม่มีก้างที่ชื่อยูริอีกแล้ว ...น้องมีเพื่อนดูด้วยอยู่แล้ว ไม่ง้อยูยังหรอก” ถึงยูยะจะขี้หึง ขี้หวง ขี้น้อยใจไปบ้าง ... แต่สิ่งที่ทำให้น้องชายอย่างเขาอดจะปลื้มใจไม่ได้ ก็คือ ยูยะไม่เคยทอดทิ้งน้อง... แม้ว่าการมีก้างที่ชื่อยูริติดตามไปด้วย ไดจังมักจะไม่ค่อยใยดีแฟนหนุ่มสักเท่าไหร่ก็ตาม
“อะโห เดี๋ยวนี้พัฒนา... หนุ่มที่ไหนล่ะ?”
ยูริขมวดคิ้วฉับ ทำไม? หน้าตาอย่างเขาจะไม่มีโอกาสมีแฟนเป็นผู้หญิงเลยหรือไง?!
“อ้อ นึกออกแล้วรุ่นน้องคนนั้นรึเปล่า คนที่ยืนยันหนักแน่นว่าพี่น้องๆอ่ะ” เดาถูกซะทุกทีนะไอ้พี่บ้า
“อืม ก็คนนั้นแหละ”
“อย่างงี้มันไม่พี่น้องแล้วเฟ้ย ไอ้ปากแข็ง! แล้วเมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันอะ?”
“วันนี้แหละ” ยิ้มอย่างมาดมั่น
“มันแน่เว้ย เออๆ คบกันแล้วอย่างลืมพามาให้ดูเป็นขวัญตาล่ะ จะหน้าตาดีกว่าพี่ซักแค่ไหนกันเชียว”
“ยูยังอ่ะนะ เทียบไม่ติดหรอก”
“หนอย ดูถูกกันเรอะ ...แต่อย่างน้อย หน้าตาแบบนี้ก็มีแฟนก่อนล่ะนะ เด็กน้อยเอ้ย” เกทับกันด้วยประโยคคุ้นตา คล้ายๆว่ายูริจะเคยใช้คำนี้สั่งสอนพี่ชายเมื่อตอนซัมเมอร์ที่แล้ว
ยูริผู้ถูกคำพูดทิ่มแทง ได้แต่นั่งนิ่ง เถียงไม่ออก ปล่อยให้พี่ชายเดินเฉิดฉายลอยนวลออกไปจากบ้านได้อย่างน่าหมั่นไส้
.
.
“ริวทาโร่”
“หืม” เสียงเรียกชื่อเขากระซิบแผ่วๆดังอยู่ใกล้ๆ ในระหว่างที่กำลังเดินชมแนวซากุระบานสะพรั่งที่ถูกปลูกเอาไว้เรียงรายอย่างสวยงาม
“มีอะไรเหรอ?”
“รู้สึกเหมือนมีคนเรียกน่ะ”
“ผีหรือไง? กลางวันแสกๆเนี่ยนะ หูฝาดล่ะม้าง”
“คงงั้นมั้ง” ริวทาโร่ยักไหล่เชิงไม่สนใจ แล้วก็เดินตามยูริไป
“อ้ะ!”
“ชู่วว์ อย่าส่งเสียงดัง มาทางนี้ก่อน” จู่ๆริวทาโร่ก็ถูกแรงมหาศาลลากเข้าข้างทางไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แม้กระทั่งยูริที่เดินอยู่ข้างๆก็ไม่ทันได้สังเกต ....รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หันมาแล้วริวทาโร่หายไป!
“อ้ะ!! ริวทาโร่.... หายไปไหนแล้วล่ะ”มองหาไปรอบตัวที่เต็มไปด้วยคนมากมาย แต่ก็ไม่มีแววของคนที่ต้องการเลยซักนิด
“หลงไปไหนซะแล้วล่ะ”
เวลาผ่านไปซักพัก
ยูรินั่งพักเหนื่อยอยู่บนเก้าไม้ตัวยาว ณ จุดเกิดเหตุที่ริวทาโร่หายตัวไป...
“ยูริ” เสียงที่คุ้นเคยเรียกให้ยูริรีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ
“ริวจัง~ หายไปไหนมาตั้งนาน ตกใจแทบตาย อย่าเล่นอย่างนี้อีกนะ”
“ยูริ ตอนนี้ว่างอยู่หรือเปล่า?”
“อืม ว่างดิ ก็ไม่ได้ทำอะไร”
“หมายถึงหัวใจน่ะ ว่างหรือเปล่า?”
เชื้อเสี่ยวที่ฝังตัวอยู่ในร่างกายริวทาโร่มาเนิ่นนานแต่ไม่แสดงอาการ เริ่มสูบฉีดไปทั่วร่างกาย
สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดหวีดหวิว ดอกซากุระร่วงปลิวลู่ไปตามลม โดยที่ยูริยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น .... ร่างบางที่โดนความเสี่ยวเล่นงานถึงกับตอบไม่ถูกเลยทีเดียว
“ว่าไง ว่างอยู่ใช่ไหมล่ะ”
“อะ อืม” ยูริยังคงอึ้งไม่หาย
.... ตั้งแต่คบกันมา ริวทาโร่ไม่เคยมีท่าทีว่าจะมีเลือดเสี่ยวถึงขั้นนี้นี่นา ผิดคาดชะมัด .. แต่จะว่าไปมันก็ดูแปลกๆหูอยู่นะเนี่ย
“ถ้างั้น ในเมื่อหัวใจยูริก็ว่าง หัวใจฉันก็ว่าง แล้วทำไมเราไม่ทำให้ใจเราไม่ว่างกันล่ะ?” ริวทาโร่พูดแกนๆแข็งๆ เหมือนกับถูกให้ท่องสคริปต์มาแบบนั้น
... เสี่ยวไม่เป็นธรรมชาติอย่างแรง มองดูก็รู้ว่าว่ามือใหม่หัดเสี่ยว
... ว่าแต่ไปเอามาจากไหนกัน?
“ทำไมไม่ตอบล่ะ?” ริวทาโร่ตาตก หางหูลู่ลงเหมือนกับว่าผิดหวังที่ยูริไม่ยอมตอบรับ หรือพูดอะไรออกมาให้ชัดเจน... รึว่ายูริจะไม่ได้คิดเหมือนกับเรานะ
“ก็มัน ตกใจนี่”
“ตกใจว่าฉันชอบนายได้ยังไงน่ะเหรอ?”
“เปล่า ตกใจ ทำไมริวจังเสี่ยวแบบนี้”
“
.คำตอบล่ะ?”
“อื้ม ไหนๆมันก็ว่างมานานแล้วเนอะ ... ก็ได้ๆจะยอมลองให้ใจไม่ว่างดูบ้างก็ได้”
ริวทาโร่วาดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มกว้างขวางทันทีที่ได้ยินคำตอบ สีหน้าปิติยินดีราวกับได้เงินล้าน ... สองมือพาตัวเองเข้าโอบกอดร่างเล็กเอาไว้หลวมๆ แม้ว่ารอบกายจะเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านก็ตาม แต่แค่นี้... ริวทาโร่ไม่แคร์!
ยูริเองก็ยิ้มออกมาแบบเขินๆอายๆ ... ปลื้มอกปลื้มใจที่มีโอกาสได้เห็นเสือยิ้มยาก ขยับปากยิ้มสักที ... แถมคราวนี้เป็นแบบเต็มสตรีมฉีกกว้างไปเกือบถึงหู ... หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ....
“นี่ริวจังถามจริงเถอะ ไปฝึกพูดแบบนั้นมาจากไหนน่ะ?”
“ทำไมล่ะ มันไม่ดีหรือ”
“ก็เปล่าหรอก แค่รู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ใช่สไตล์ของนายน่ะ”
ริวทาโร่ยิ้มเขินๆ ... ก็พอถึงเวลาจริงๆแล้วไม่รู้จะพูดยังไงนี่นา
“จริงๆแล้ว คำเสี่ยวๆน่ะไม่ใช่ของผมหรอก แต่เป็นของ....” ริวทาโร่ชี้ตัวผู้ต้องสงสัยไปที่ต้นซากุระใกล้ๆกันนั้นเอง ร่างบางหันควับตามไปทันทีทำให้... สองหนุ่มที่กำลังรอดูฉากสวีตอยู่หลบฉากไม่ทันน่ะสิคร้าบบบบบ
“นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นพี่ ..ยูยัง! ..... ไดจังก็อยู่ด้วย!”
ก็ว่าสำนวนเสี่ยวๆแบบนี้มันคุ้นหูมาจากไหน .... แต่ไดจังนี่สิน้า นอกจากจะไม่ช่วยขัดแล้วยังสนับสนุนเสียอีก
“ก็ฉันอยากเห็นยูริจังตอนอยู่กับแฟนนี่นา”
แต่เหตุผล ก็น่ารักน่าชังอีกตามเคย .... จะให้เอาผิดด้วยก็คงใจร้ายเกินไป ... เพราะฉะนั้น
“นี่ยูยังตามน้องมาตลอดเลยสินะ” ก็เลยหันไปเล่นงานเอากับพี่ชายตัวสูงแทน...
“อ้าว ก็เป็นห่วงนี่นา กลัวจะไม่ลงเอยกันซักที ฮี่ๆ”
รอยยิ้มของยูยะแห้งแล้วแห้งอีก แต่ก็พยายามฉีกยิ้มให้น้องชายเห็นถึงความดีความงามลบล้างความผิด
ที่จริงแล้ว ก็ไม่ได้ตั้งใจจะตามตั้งแต่แรกหรอก แต่บังเอิญเจอกันแถวสถานี ก็เลยนึกสนุกสะกดรอยตามมาจนถึงตอนนี้ต่างหาก ...
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ร่างบางวางหน้าเฉย เหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรกับการกระทำของพี่ชายสักเท่าไหร่
..... ก็จะให้ว่าอะไรได้ไง อุตส่าห์ทำให้ได้เห็นมุมน่ารักๆของริวทาโร่บ้าง น่าจะขอบคุณในความสนใจเรื่องชาวบ้านของพี่ชายจอมยุ่งคนนี้เสียด้วยซ้ำ
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราเดินไปด้วยกันทั้ง 4 คนเลยดีกว่า เนอะ”
แสงตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าเข้าไปทุกที อากาศก็เริ่มเย็นลง ผู้คนที่มาเที่ยวชมความสวยงามของซากุระก็ยิ่งทวีความหนาแน่นขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเวลาเลิกงานแบบนี้ด้วยแล้ว
ร่างเล็กๆของยูริจึงถูกดันไปตามระเบียบ ดันกันไปดันกันมาจนเกือบคลาดกับริวทาโร่อีกเป็นครั้งที่สอง ฝ่ามือใหญ่จึงเอื้อมมาจับมือของยูริไว้ กุมกระชับอย่างแน่นหนา
“เดี๋ยวหลง”
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันอย่างเก้อเขิน ที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้
“สองคนนั้น หายไปไหนแล้วนะ” ยูรินึกขึ้นได้ว่า ชวนมาด้วยกัน 4 คนนี่หว่า พอคนเยอะเข้าๆ ก็กลายเป็นว่าถูกกลืนไปกับฝูงชนจนมองหากันไม่เจอ
แล้วอยากรู้ไม๊? ว่า 2 คนนั้นกำลังทำอะไรอยู่
.
“ไดจัง~!!! อยู่ไหนน่ะ ไดจังงง~”
ร่างสูงทำหน้าเหลอหลาเหมือนหาของไม่เจอ กำลังโหวกเหวกโวยวายอยู่ท่ามกลางคลื่นมนุษย์ที่หลั่งไหลเข้ามา..... สร้างมลภาวะทางเสียงต่อผู้คนโดยรอบอย่างมาก
“ไดจัง ! ได้ยินม๊ายย พี่หาไดจังไม่เจอ~”
“อยู่นี่แล้ว~ จะตะโกนทำบ้าอะไรนักหนา อายคนเค้า!”
THE END
Talk: จบแล้วววววว..... ฟิกสั้น 4 ฤดูกาลเวอร์ชั่นจัมพ์ ..... ปล. เจอกันในYou are beautiful นะคะ^^
หวังว่าคงสนุกกันนะคะ ตอนสุดท้ายแล้ว คิดเห็นยังไงติชมกันได้เน้อ .....
ความคิดเห็น