คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ยูโตะ......
06
ยูยะหายดีและได้ออกจากโรงพยาบาลในวันถัดมา และตอนนี้สมาชิกทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่ห้องซ้อมของบริษัท..... พวกเขาก็กำลังซ้อมเพลงที่จะใช้โชว์ในงานเดบิวต์อย่างเป็นทางการของเรียวสุเกะ .... แต่ทว่าเจ้าตัวกลับยังจำทำนองไม่ได้สักทีเลยทำให้เสียงร้องเพี้ยนจนนักดนตรีจะพาลเล่นโน๊ตเพี้ยนตามไปด้วย ยูยะต้องคอย(ตะคอก)บอกคีย์กับเรียวสุเกะอยู่เสมอๆ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้การซ้อมเป็นไปอย่างติดๆขัดๆ และยูยะเองก็มีท่าทีว่าจะอารมณ์เสียแปรฝันตามจำนวนครั้งการผิดพลาดของเรียวสุเกะที่มากขึ้นเรื่อยๆ
“ทุกคน...... เหนื่อยกันรึยัง ออกมาเบรกกันหน่อยมา” น้ำเสียงรื่นเริงเกินพิกัดของประธานหนุ่มรูปงามนามยามะพี โผล่หน้าเข้ามาในห้องซ้อมที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ยูโตะทำหน้าเหมือนกับรอดตายแล้วยังไงอย่างงั้น รีบวางไม้กลอง กระโดดเหยงๆตามยามะพีไปเป็นคนแรก ฮิคารุกับเคย์ก็รีบผละออกจากเครื่องดนตรีและตามออกไปติดๆ ...ยูยะวางเนื้อเพลงในมือลงบนโต๊ะ กวาดสายตามองร่างเล็กที่มีสีหน้าย่ำแย่ ....ร่างสูงถอนหายใจหนักๆแล้วก็เดินทำหน้าตึงออกไปไม่สนใจจะปลอบโยนใดๆ
“ยามะจัง ร่าเริงเข้าไว้นะ....”
เคโตะเดินเข้ามาบีบไหล่ร่างเล็กทั้งสองข้างเป็นการให้กำลังใจ พร้อมกับใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ร่างเล็กจึงยิ้มเหนื่อยๆออกมา
“ทาคาคิคุงเขาเกลียดผมแล้วรึเปล่า?” เรียวสุเกะถามขึ้นมาอย่างอ่อนแรง ....เขาเริ่มหมดกำลังใจที่จะทำให้ยูยะยอมรับในตัวเขา เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไร สุดท้ายก็กลายเป็นผิดพลาดสร้างความเดือดร้อนให้ยูยะอยู่เสมอๆ
“ถึงยูยะจะชอบพูดจาร้ายๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรหรอกนะ ...มันเป็นพวกเพอร์เฟคแมนน่ะ ทุกๆอย่างต้องสมบูรณ์แบบไปหมด พอใครทำอะไรไม่ได้ตามที่มันคิดไว้ก็เลยเหวี่ยงนิดหน่อย ไม่ต้องคิดมากหรอก ....แต่เรื่องเพลงน่ะ พยายามเข้าล่ะ”
“ครับ ผมจะพยายามเต็มที่” เรียวสุเกะฉีกยิ้มกว้าง สร้างขวัญและกำลังใจให้ตัวเองอีกครั้ง
“ป่ะ...เราออกไปกินของว่างกันบ้างดีกว่า ขืนช้าเดี๋ยวเจ้าพวกนั้นกินซะหมด” เคโตะพูดติดตลก.... แต่ถึงจะรู้ว่าเขาเล่นมุก แต่ผมก็เห็นความเป็นไปได้ที่พวกนั้นจะสวาปามไม่เหลือซากได้เหมือนกัน -_-; ไม่ได้การ..ผมจะต้องรีบออกไป!
.
.
วันนี้ยามะพีใจดี ทุ่มทุนซื้อไก่ทอดเคเอฟซีมาเลี้ยงสองถังใหญ่ๆ พร้อมของกินเล่นอีกมากมายให้ทุกคนได้ตื่นตาตื่นใจ... ชิเงะที่เริ่มจะกลายสภาพเป็นเบ๊ของพีซังอย่างจริงจังก็กำลังจัดเตรียมที่นั่งไว้สำหรับทุกคน
“เอ้า กินกันเยอะๆนะ กินให้อิ่มๆ จะได้มีแรงทำงานต่อ”
“คร้าบบบ” ยูโตะ เคย์ ฮิคารุขานรับกันเสียงใสแจ๋ว ก่อนจะเริ่มลงมือกับอาหารตรงหน้า
....ยูยะที่เดินตามมาทีหลัง เข้าไปนั่งข้างเคย์เพราะว่าเป็นพื้นที่ๆใกล้กับถังใส่ไก่มากที่สุด แต่ยังไม่ทันได้ลงมือคว้าไก่มาสักชิ้นนึงก็โดนยามะพีที่กำลังละเลียดไอศครีมซันเดย์ถามขึ้นมาเสียก่อน
“ยูยะ เรื่องซ้อมไปถึงไหนแล้วล่ะ”
ร่างสูงชักสีหน้าขึ้นมานิดนึง แล้วบุ้ยปากไปข้างหลังเป็นจังหวะเดียวกับที่เรียวสุเกะและเคโตะเดินออกจากห้องมาพอดี
“ถามเจ้านั่นดีกว่า ว่าจะจำเนื้อเพลงได้เมื่อไหร่”
“เอาน่ะ ใจเย็นๆ ยามะจังเพิ่งซ้อมครั้งแรกเอง....” ยามะพีพูดอย่างสบายๆ เขาก็คิดอยู่แล้วล่ะ ว่าการซ้อมวันแรก ลีดเดอร์ผู้มากความสามารถจะต้องตอบมาในรูปนี้
“เหอะ!!” ยูยะกระแทกเสียงพร้อมกับจิ้มไก่ทอดชิ้นใหญ่มาวางบนจานได้ชิ้นนึง แล้วใช้มีดเฉือนเป็นชิ้นอย่างรุนแรงเพราะหางตาดันเหลือบไปเห็นสุภาพบุรุษเคโตะกำลังดูแลเอาใจใส่เรียวสุเกะอย่างออกนอกหน้า
“ยามะจังเอาซอสมั้ย”
“ครับ”
“อ้ะ เคโตะ..ฉันกำลังจะใช้นะ”
“ก็รอไปก่อน แปบเดียวน่า”
“อะไรกันอ่ะ” ยูโตะทำหน้าบูด ตั้งใจหันมาทางลีดเดอร์ยูยะหวังจะพึ่งพาให้ช่วย แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นสีหน้าน่ากลัวของยูยะและมือใหญ่ที่กำลังบีบซอสมะเขือเทศใส่จานตัวเองจนท่วมทะลักอย่างไม่รู้ตัว
“เอ่อ ยูยะ...ยูยะ! มันเยอะไปแล้วมั้ง”
“อะไร”
“นั่นอ่ะ” ยูโตะมีสีหน้าหวาดกลัวเล็กๆ ชี้ไปที่ .....ไม่มีชื่อไหนจะเหมาะไปกว่า ‘ซุปไก่ทอดซอสแดง’ ในจานของยูยะอย่างเกรงๆ
“เฮ้ย!”
ยูยะหลุดทำหน้าเหวอออกมาเพียงเสี้ยววิ แล้วก็กลับไปฟอร์มทำหน้านิ่งขรึมอีกครั้ง
“ฉันชอบกินแบบนี้” เพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการลงทุนกระเดื๊อกไก่ชุ่มซอสนั้นลงคอไปแบบหน้าเปรี้ยวๆ.... ยูโตะ เคย์ ฮิคารุ หันหน้าหนีไปแอบอมยิ้มและกลั้นหัวเราะกันสุดชีวิต ทว่าเรียวสุเกะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจะหันหนีไปแอบขำตรงไหนก็ไม่ได้ เลยหลุดเสียงหัวเราะเบาๆออกมาให้ร่างสูงระคายหู
“ขำอะไร!”
“เปล่าฮะ”
“ตัวเองกินเลอะเทอะอย่างกับหมูยังมีหน้ามาหัวเราะคนอื่นอีก”
เรียวสุเกะสะดุ้ง รีบเอามือเช็ดปากอย่างลวกๆทันที
“อย่าเช็ดหน้าแรงแบบนั้น ใช้นี่สิ” เคโตะยื่นกระดาษทิชชู่มาให้อย่างใจดี
ยูยะเห็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ พาลคว้าจานไก่ของเคย์มาแลกกับซุปไก่ทอดซอสแดงของตัวเองหน้าตาเฉย เคย์ก็ได้แต่ร้องโวยวายแล้วหันไประรานของฮิคารุเอาอีกทอดหนึ่ง ทำให้ห้องรับรองของยามะพีเกิดความวุ่นวายเสียงดังขึ้นในชั่วพริบตา
“พวกนี้อายุเท่าไหร่กันแน่ครับพีซัง” ชิเงะอดจะสงสัยไม่ได้กับพฤติกรรมทะเลาะกันแย่งของกินของกลุ่มวงดนตรีชื่อดังระดับประเทศอย่าง A.N.JUMP ....นี่ตกลงว่าเขามาทำงานเป็นผู้จัดการวงดนตรีหรือคุณครูโรงเรียนอนุบาลกันแน่นะ
“หะๆ มันเป็นความสดใสของวัยรุ่นไงล่ะ” ยามะพีก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากสนุกสนานไปด้วยอีกคน ชิเงะได้แต่กุมขมับเครียด.... นิสัยเด็กพอกันทั้งประธานบริษัททั้งตัวศิลปินสิน่า!
ท่ามกลางความวุ่นวายหนอในห้องนั้นเอง มีร่างๆหนึ่งที่จ้องนิ่งไปยังคนคู่หนึ่งด้วยความขุ่นใจ ....
ยูโตะตักมันบดเข้าปาก เคี้ยวยับๆพลางมองไปที่เคโตะและเรียวสุเกะที่ทำเหมือนสร้างโลกกันอยู่สองคนภายใต้ความโกลาหลจากสมรภูมิไก่ทอดในห้องอย่างไม่อนาทรร้อนใจใดๆ
.......ทำไมเคโตะจะต้องดูแลเทคแคร์เจ้าเด็กใหม่ขนาดนี้ด้วย .........
....... ยูยะก็อีกคน ถึงจะทำท่าว่าไม่สนใจ แต่สุดท้ายแล้วก็ชอบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออยู่ดี .......
....... ยามาดะ เรียวสุเกะ นายมีอะไรดีนักหนานะ!! ..........
................................................................
......................................
.................
เย็นวันนั้นเอง
“เฮ้อ~!! ได้พักซักที” ยูโตะที่ก้าวเข้ามาในบ้านคนแรกโยนกระเป๋าตัวเองไปบนโซฟาแล้วก็ยืนยืดตัวบิดขี้เกียจกลางห้องนั่งเล่น
“แอร๊ย ทำเป็นมาพูด เมื่อกี้บนรถใครกันหลับเป็นตาย... แถมนอนน้ำลายยืดอีกต่างหาก” ฮิคารุที่เดินตามมาล้อเลียนหน้ายูโตะตอนหลับและแกล้งทำท่าซู๊ดน้ำลายด้วยท่าทางน่าเกลียดพอดู
“ใคร.. ผมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย” ยูโตะเชิดหน้าตอบไม่ยอมแพ้เช่นกัน
เรียวสุเกะได้แต่มองยูโตะกับฮิคารุผู้มีพลังงานอย่างเหลือเฟือตั้งท่าโต้เถียงกัน ....แต่ใครจะเถียงใครจะทำอะไรในยามนี้ เรียวสุเกะไม่ขอสนแล้วล่ะ.... วันนี้ซ้อมทั้งวันจนเสียงแหบเสียงแห้ง กว่าทาคาคิคุงจะทรงพอพระทัยและให้ทุกคนพักผ่อนได้เนี่ย เขาคิดว่ากล่องเสียงเขาจะกระเด็นออกมาได้ด้วยซ้ำ
“ทุกคนฟังทางนี้แปปนึง” ชิเงะเดินกางสมุดจดงานตามมาทีหลัง .....เสียงของชิเงะหยุดการเอะอะส่งเสียงของพวกบ้าพลังสองคนนั้นได้ดีทีเดียว
“งานโชว์เปิดตัวของยามะจัง จะมีวันเสาร์นี้ตอน 6 โมงนะ สำหรับ 2-3 วันที่เหลืออยู่นี่ก็ซ้อมให้มากๆ”
ทุกคนรวมกันอยู่ในห้องนั่งเล่น รอฟังชิเงะแจกแจงตารางงานในอาทิตย์นี้ของพวกเขาอย่างตั้งใจ
ท่ามกลางความเงียบสงบของเมมเบอร์ที่นั่งๆนอนๆเรี่ยราดกันอยู่อย่างหมดแรง เรียวสุเกะที่แค่เสียงไอเบาๆทีสองที ทุกคนก็หันมาเป็นตาเดียวเหมือนเขาเป็นโรคระบาดร้ายแรงยังไงอย่างนั้น
“ยามะจังดื่มน้ำเยอะๆด้วย ระวังอย่าให้เจ็บคอล่ะ” ชิเงะเพิ่มคอมเม้นเจาะจงเพ่งเล็งมาที่เขาในทันที
“ครับ” เรียวสุเกะพยักหน้ารับพร้อมยิ้มแหยๆ
....แน่ล่ะ เพราะวันนี้เขาใช้เสียงมากเกินไป....ตอนนี้เขารู้สึกอยากบีบน้ำมะนาวกลั้วคอสักกิโลจริงๆ ….
“งานสำหรับอาทิตย์นี้มีเท่านี้แหละ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานวันเสาร์ก็พอ” ชิเงะปิดสมุดจดคิวงาน แล้วหันหลังไปหยิบเอาถุงกระดาษสีหวานที่มีตราของร้านขนมชื่อดังติดอยู่ข้างถุงมาตั้งไว้บนโต๊ะ
“นี่เป็นโบนัสสำหรับวันนี้ ....จากพีซัง”
“ว้าว เค้กครีมสดสตรอเบอร์รี่” ยูโตะร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น .....เรียวสุเกะหูกระดิกทันทีที่ได้ยิน ค่อยๆคืบคลานไปพิสูจน์ใกล้ๆ แล้วก็ต้องตาลุกวาว ลืมเลือนอาการเหน็ดเหนื่อยไปในทันใด...ดวงตาใสๆเป็นประกายวิ๊งวับด้วยความอยากกิน
“อยากกินล่ะสิ ยามะจัง” เคย์มองหน้าร่างเล็ก แล้วก็แซวออกมาให้ทุกคนหันไปมองตาม
“เอ้ะ!” รู้ได้ไง?... เขาคงไม่ได้เผลอทำน้ำลายไหลออกไปหรอกนะ!
“มันเขียนแปะบอกอยู่บนหน้าผากนายน่ะ” เรียวสุเกะแตะหน้าผากตัวเอง ทำท่าคิดตามแล้วก็ตกอยู่ในสภาวะงงงัน ไม่เข้าใจความหมายที่เคย์พูด ได้แต่ทำหน้างงแล้วก็ส่ายหัวด๊อกแด๊กอยู่คนเดียว
“น่ารั๊กอ่ะ!!!” เคย์ดัดเสียงสูงพูดแล้วก็เอียงคอไปทางขวาหนึ่งทีแรงๆเพิ่มความโมเอ้ ซึ่งไม่ได้เข้ากับหน้าตาหล่อเหลาของคนพูดเลยสักนิด
“อย่าไปสนใจคำพูดเคย์มันเลย มันชอบพูดอะไรแปลกๆที่ไม่มีใครเข้าใจออกมาน่ะ” เคโตะกระซิบบอก
“ว่าแต่พีซังเลี้ยงดีแบบนี้ แสดงว่าอาทิตย์หน้าไม่ได้หยุดพักหายใจกันเลยสินะ” ยูยะพูดออกมาที ทำให้ทุกคนหยุดนิ่งและฉุกคิดตาม.....
..... จริงของมัน ทุกครั้งที่พีซังพาไปเลี้ยง หรือซื้อของกินมาขุนซะอย่างกับราชา สิ่งที่ตามมาก็คือ ตารางงานนรกที่จะทำให้แทบไม่มีเวลาหลับเวลานอนกันเลยทีเดียว ....
“ก็ว่าทำไมช่วงนี้ดูใส่ใจใกล้ชิดพวกเราเหลือเกิน”
“อาหารมื้อสุดท้าย ก่อนเข้าโรงเชือดสินะ”
บรรยากาศกลับไปสู่ความอึมครืมหมองหม่นอีกครั้ง ชิเงะจึงรีบกอบกู้สถานการณ์
“อ่าๆ ทุกคนอย่าเพิ่งเครียดไป มากินเค้กกันดีกว่า จะได้รีบอาบน้ำนอนพักผ่อน”
.
.
“อ้ะ นั่นละครชี่จังนี่นา น่ารักจังเลยน้า” ยูโตะเปิดทีวีไปเจอ ละครที่จิเน็นแสดงนำอยู่พอดี
“........................”
ไม่มีเสียงตอบรับจากใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะทุกคนกำลังจดจ่ออยู่กับการแบ่งเค้ก .... ชิเงะที่รับหน้าที่เป็นคนตัดแบ่งอดที่จะมือสั่นนิดๆไม่ได้ สายตาของทุกคน ยกเว้นเคโตะกับยูโตะจับจ้องไปที่ปลายมีด ราวกับมันเป็นตัวกำหนดอนาคตของวง ถ้าเกิดว่ามันผิดพลาดเหลื่อมล้ำไปที่ชิ้นใดชิ้นหนึ่งสักเซ็นอาจจะเกิดสงครามกลางเมืองได้ในทันทีเลยทีเดียว
ยูโตะทำหน้าเศร้าไปนิดหนึ่ง แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเซื่องซึม
“ไม่มีใครฟังฉันเลย”
“....................”
เค้กถูกแบ่งออกไปอย่างเท่าเทียมกัน รอยยิ้มกว้างขวางผุดขึ้นบนใบหน้าของคนที่ได้รับส่วนแบ่งเค้กทีละคนๆ ในขณะที่ชิเงะเหงื่อคราไหลท่วมตัวด้วยความเกร็ง ยิ่งกว่าเสียเหงื่อเพราะวิ่งรอบสนาม 3 รอบเสียอีก
“ไม่มีใครฟังเลยอ่ะ!!!” ยูโตะร้องงอแงด้วยประโยคเดิมอีกครั้งพร้อมกับใช้ส้อมเคาะโต๊ะเสียงดัง.... คราวนี้ทุกคนพร้อมใจกันหันมามองที่ยูโตะเป็นตาเดียว (เพราะทุกคนได้เค้กไว้ในมือแล้ว)
“เมื่อกี้นายว่ายังไงนะ” ฮิคารุที่นั่งข้างๆเป็นคนเอ่ยปากถาม.... แต่ยูโตะก็สะบัดหน้าหนีไปหายูยะที่นั่งฝั่งตรงข้ามหน้าตาเฉย
“ยูยะ นายเคยบอกว่าชอบคนตัวเล็กๆน่ารักๆใช่มั้ยล่ะ”
“อืม ก็เคยบอก”
“แล้วน่ารักๆอย่างชี่จังล่ะ”
“ฉันไม่-สน-ใจ” ยูยะหันมาย้ำทีละคำชัดๆ ร่างสูงยังคงจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่เขาได้เจอกับจิเน็นโดยบังเอิญ
“อะไรกัน! ชี่จังน่ารักจะตาย ....แล้วเคโตะล่ะ ชอบมั้ย”
“ไม่รู้สิ... บางทีน่ะนะ” แม้ปากตอบจะคำถามของยูโตะก็จริง แต่สายตากลับไปหยุดอยู่ที่ร่างเล็กที่ยิ้มหวานมีความสุขกับการกินเค้กตรงหน้า ...เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่ายามะจังน่ารักจังเลยน้า.....
“โห นายสองคนนี่ตาไม่ถึงกันจริงๆเลย ชี่จังตัวเล็กนิดเดียว หน้าตาก็น่ารักเหมือนผู้หญิง ใช่มั้ยเคย์”
“อื้อ ฉันชอบผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ o^____^o ” เคย์ตอบด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
“แต่ว่า ชี่จังอะไรเนี่ย เด็กผู้ชายไม่ใช่หรือ” ฮิคารุถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็ใช่.... แต่ว่าน่ารักๆอย่างชี่จังเป็นข้อยกเว้น หน้าหวานอย่างกับผู้หญิงขนาดนั้น ผู้ชายที่ไหนเห็นก็หลงรักทั้งนั้นแหละ ถ้าพวกนายว่าชี่จังไม่น่ารัก แล้วใครล่ะจะน่ารักไปกว่านี้”
“เรียวสุเกะ” คำตอบจากปากของยูยะ ทำให้ยูโตะหันขวับไปทำหน้าตาเหลือเชื่อใส่ แต่คำพูดต่อมาก็ทำให้ยูโตะเข้าใจได้ว่า ยูยะไม่ได้ตั้งใจฟังที่เขาพูดอยู่สักนิด หน่วยตาคมจ้องไปกลางโต๊ะอย่างหัวเสีย
“นั่นมันสตรอเบอร์รี่ของฉันนะ! นายคิดว่าฉันตาบอดรึไง! ที่จะไม่เห็นมือสั้นๆป้อมๆของนายกำลังจะขโมยสตรอเบอร์รี่ของฉันน่ะ!!”
“อ้ะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจขโมยนะ ผมเห็นว่าทาคาคิคุงเขี่ยไปเขี่ยมาก็นึกว่าไม่ชอบ”
“หะๆๆ หมอนี่ไม่มีคำว่าไม่ชอบกับของกินได้หรอก” เคย์เหน็บเพื่อนด้วยหน้าตาสดใส แล้วอาศัยช่วงที่ทุกคนกำลังให้ความกับสนใจยูยะและเรียวสุเกะ จิ้มสตรอเบอร์รี่ในจานของฮิคารุมากินอย่างสบายใจเฉิบ
“ยามะจัง ชอบกินสตรอเบอร์รี่เหรอ” เคโตะหันไปถามเรียวสุเกะ
“อื้อ ชอบที่สุดเลย^^” ร่างเล็กก็ตอบด้วยหน้าตาสุดแสนมีความสุข ความเจิดจ้าของเรียวสุเกะแผ่ซ่านจนรู้สึกเหมือนร่างเล็กมีประกายระยิบระยับอยู่รอบตัว
“งั้นฉันยกให้” เคโตะตักสตรอเบอร์รี่ลูกโตจากจานตัวเองให้พร้อมกับยิ้มใจดี ตาตี่ๆหยีโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
“จริงเหรอฮะ”
ยูโตะเริ่มอารมณ์เสียที่ใครๆก็สนใจยามะจัง จึงพยายามดึงความสนใจกลับมาที่ตัวเองอีกครั้ง
“แล้วยามะจังล่ะ คิดยังไงกับจิเน็น ยูริ”
“ก็น่ารักดีนะครับ” ถึงปากจะพูดว่าน่ารัก แต่เหมือนเรียวสุเกะก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากไปกว่าของหวานตรงหน้าเลย
ยูโตะยิ่งทำหน้างอง้ำหนักกว่าเดิม แล้วก็จ้วงเค้กในส่วนของตัวเองกินเอาๆอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่ได้มีใครให้ความสนใจต่อไป
..........................
..................
........
To be con
Talk : ยูโตะน่าสงสาร ไม่มีใครสนใจ 55+ ..... พาร์ตนี้ก็ไม่พ้นของกินอยู่ดีละนะ แบบว่าเขียนๆไปเรื่อยๆแล้วมันก็ลงเอยในรูปนี้อีกแล้วอะ ต้องโทษตัวเอกทั้งสองของเราที่ชอบกินซะจนขึ้นชื่อ โมเม้นของสองคนนี้ก็เลยมีแต่เรื่องแย่งของกินซะเป็นส่วนใหญ่แบบนี้แหละนะ 555+
ปล. อิเคเมนกำลังสนุกเลย.... ดูละครจบแล้วก็อย่าลืมแวะมาอ่านฟิกกันนะทุกโค๊นนนน
หวังว่าฟิกเรื่องนี้จะทำให้มีความสุขกันนะคะ^^
ขอบคุณสำหรับการติดตาม แล้วก็ขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากๆเลยน้า อ่านแล้วก็ยิ้มไม่หยุดเลย555+
ความคิดเห็น