ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ]………… SHIKI SERIES………… [Hey! Say! JUMP]

    ลำดับตอนที่ #6 : [Fuyu] .....Ai no katachi ..... Part 1 ...[Yaotome Hikaru x Inoo Kei]

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 54


     

    愛のかたち「Ai no katachi

    Hikaru x Kei

     

     [1]

    ในคืนที่อากาศหนาวเหน็บ และมีหิมะร่วงโปรยปราย  เวลานี้ทุกคนคงจะซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ ในห้องที่เปิดฮีตเตอร์ นอนหลับอุตุกันอย่างสบายใจแล้วสินะ.... แต่ก็ยังมีร่างหนึ่งที่ยังกล้าเดินฝ่าสายลมหนาว อุณหภูมิประมาณ 5 องศาไม่น่าสูงไปกว่านั้น

    ฮู้วว~ หนาวชะมัด

    สายลมที่พัดพาเอาความหนาวยะเยือกยิ่งกว่าช่อง freeze ตู้เย็น ผ่านใบหน้าเขาไปเมื่อครู่ เล่นเอาหนาวสะท้านเข้าไปถึงขั้วหัวใจเลยล่ะ

    ร่างสูงกระชับเสื้อโค๊ทยาวสีเทาเข้าหากันแน่น  มือนั้นก็ซุกอยู่ในกระเป๋าแบบที่ไม่คิดจะให้มันโผล่ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันกันอีกเลยจนกว่าอากาศจะอุ่นสบายขึ้นกว่านี้

     

                    .....แล้วอากาศหนาวขนาดนี้ จะมีใครที่บ้าเดินอยู่ข้างนอกเหมือนเขาบ้างมั้ยฟะ!.....

     

    มองซ้ายมองขวาหาเพื่อร่วมอุดมการณ์  แต่ก็พบแค่เพียงความมืดมิดเท่านั้น

                    อ้ะ เกือบไปแล้ว

    ร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้าตรอกเล็กๆที่เงียบสงัด ก้มลงผูกเชือกรองเท้าบู๊ทหนังสีดำยาวที่เชือกหลุดออกมาจนเกือบทำให้ตัวเองสะดุดล้มไป  ดีไม่ดีอาจมีซวยซ้ำสอง ลื่นหิมะหน้าคว่ำอีกก็เป็นได้

    แต่พอเงยหน้าขึ้นอีกที เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น อายุไม่เกิน 20  พากันวิ่งอย่างเอาเป็นตาย ในมือก็ถืออาวุธจำพวกไม้ ท่อเหล็ก ติดมือมาด้วย  ดูท่าอย่างกับเตรียมจะไปตีกับใครที่ไหน

     

     ...แต่เอ ทำไมต้องทำท่าเหมือนจะวิ่งมาทางที่ผมยืนอยู่ด้วยอ่ะ!

     ... เฮ้ย ไม่เคยไปมีเรื่องบาดหมางกับใครนะเฟ้ย!!

     

    ตายซะเหอะ!”

    เสียงใครคนหนึ่งในกลุ่มแผดเสียงตะโกนออกมาดังลั่น ปลุกสายเลือดนักสู้ในตัวพวกมันให้โหมกระพือ  เล่นเอาผมขนลุกซู่เลยล่ะ  เอ้อ แล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นอีกว่า ที่พวกนั้นยกพวกมาน่ะ ไม่ใช่จะมาถล่มผมหรอก  แต่เป็นกลุ่มกองทัพเด็กวัยรุ่นอีกพวกหนึ่งที่กำลังบ้าเลือด วิ่งตรงมาทางผมเหมือนกัน

    ... เฮ้อ โล่งอกไปที~

    แต่เดี๋ยว  เมื่อกี้ว่าไงนะ!!! ไอ้พวกนั้นก็วิ่งตรงมาที่ผมเหรอ  เจ้ากลุ่มแรกนั่นก็วิ่งตรงมาหาผมเหมือนกันนี่หว่า .... ตายล่ะ กลายเป็นว่าผมกำลังยืนอยู่กลางสมรภูมิรบอ่ะดิ  แล้วจะหลบไปยังไงดีล่ะทีนี้

    สุดท้าย ผมก็จับผลัดจับผลูเข้าไปยืนเอ๋ออยู่ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ฝ่ายปะทะกัน ... ผมพยายามจะเลี่ยงหนีออกมาจากวงโคจร แต่ก็โดนมือของใครสักคนกระชากกลับเข้าไปทุกที

     

    .... ถึงจะไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนก็เถอะ.. แต่ใครที่เข้ามาทำร้ายผม  ผมก็ไม่อยู่นิ่งหรอกนะจะบอกให้!

     

    ย้ากกกกก!!!” ผมเอี้ยวตัวหลบหมัดลุ่นๆที่ตรงมาที่หน้า ก่อนจะสวนคืนกลับไปบ้าง

     

     ... ถึงฝีมือการต่อสู้ของผม กับเจ้าพวกนั้นมันจะคนละชั้นเลยก็ตามเหอะ แต่ผมก็สู้สุดใจแหละ...

     

                    โอ้ยย!” ก็บอกอยู่ว่าฝีมือมันคนละชั้น มวยคนละรุ่น มันสู้กันไม่ด้ายยยยย~

     

     ....... ผมล้มลงไปนอนนับดาวเลยทีเดียว เมื่อเจ้ายักษ์เสยหมัดเข้าที่คางผมแบบเต็มเหนี่ยว ....

     

    ไอ้ร่างยักษ์คนเมื่อกี้ มันกำลังจะเงื้อไม้ฟาดซ้ำเข้ากลางลำตัวผม  ผมหลับตาปี๋เตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดเต็มที่ ..... ตายๆ อย่างงี้ไม่รอดแน่  แม่คร้าบ~  ขอโทษด้วยที่ลูกชายแม่ต้องมาตายอนาถแบบนี้

     

    เหอ ไอ้นี่มันพวกไหนกันวะ?

    ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  เจ้ายักษ์ชะงักการลงไม้ลงมือ ลงมานั่งทำตาบ้องแบ้วขัดกับบุคลิกสุดๆ จ้องผมอย่างเอาเป็นเอาตาย  เล่นเอาผมถึงกับขนลุกเลย ทำยังกะเจอตัวประหลาดงั้นแหละ

    ผมมองไปรอบๆตัวอย่างตื่นๆ  เอ้ะ นี่สงครามสงบแล้วเหรอ ..... แต่ว่า ไอ้พวกหน้าเถื่อนของกลุ่มไหนซักกลุ่ม ที่กำลังยืนล้อมผมแบบไม่มีทางหนีเนี่ย  มันหมายความว่าไงกัน?

     

                    "นายเป็นใคร? เป็นคนของแก็งค์ไหน?  แล้วเข้ามาได้ยังไง?"

    เสียงคีย์สูงที่ดูมีชาติตระกูลกว่าเจ้าพวกเถื่อนๆที่อย่างดีก็เป็นได้แค่ลูกกระจ๊อก เดินหน้าเคร่งเครียดเข้ามาคุยกับผม ... ท่าทางมีอำนาจกับไอ้พวกนี้จัง  สงสัยว่าจะเป็นหัวหน้าแก็งค์แหง

     

                    "ผมชื่อฮิคารุ ...ยาโอโทเมะ ฮิคารุ. นี่มันอะไรกันน่ะ?" ผมหมายถึงไอ้หน้าตาน่ากลัว ที่มายืนแฮ่มๆใส่ผมซะจนเกือบขวัญเสีย

                    "แน่ใจนะว่าไม่ใช่พวกสอดแนม"

     

    ...เค้าไม่สนใจจะตอบคำถามผม  แต่กลับป้อนคำถามใส่ผมอีกระลอก

     .... สอดแนมบ้าอะไรวะ ก็แค่ตกรถไฟ ต้องมาเดินหนาวแหง็กกลับบ้าน เพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่าแท็กซี่ แล้วไหนจะซวยมาติดร่างแหไปกับพวกเด็กแก็งค์นี่อีก!!

     

                    "สอดแนมบ้าอะไรล่ะ  นายเป็นใคร ฉันยังไม่รู้เลย!"

                    "เคย์"

    ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย  คนที่ดูจะมีสายตาน่ากลัว แถมด้วยรังสีซีเรียสที่แผ่ออกมาเมื่อกี้ ดูอ่อนลงเยอะแล้ว กลายเป็นคนธรรมดาๆที่หน้าตาจัดว่าดีมากเชียวล่ะ

                    "ชื่อนายเหรอ"

                    "ชื่อในวงการ" หมายถึงวงการพวกอันธพาลเมื่อกี้อะนะ หน้าตาแบบนี้ ถ้าบอกว่าอยู่ในวงการบันเทิงก็จะเชื่ออยู่หรอก... นึกยังไงน้า ถึงได้มาอยู่ในที่อันตรายแบบนี้

                    "แล้วชื่อจริงล่ะ"

                    "ไม่ใช่เรื่องของนายที่จะต้องรู้"  ร่างสูงตอบแบบไม่ใส่ใจ

    ผมหันมองหน้าเจ้านั่นทันที ... ไร้มารยาทชะมัด  ทีตัวเองล่ะถามเอาๆ พอเราถามมั่งมาทำเป็นไม่ตอบ คนอะไร น่าโมโหชะมัด!

     

    หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ถูกปล่อยตัวออกมา  เพราะถึงจะกักตัวผมไว้ก็เท่านั้น ไม่ประโยชน์ .... ผมไม่ได้มีความลับอะไร แล้วก็ไม่ได้จะมาสืบหาความลับอะไรใครด้วย

     

    ทุกอย่าง..... มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

     

    ผมไขกุญแจจะเข้าห้องพักอย่างทุกที  ถ้าไม่ติดว่ารำคาญใครบางคน ที่แอบตามเค้ามาตั้งแต่ออกมาจากแก็งค์นั่นแล้ว

    ... อะไรจะติดใจสงสัยขนาดนั้น  มีความลับมากเลยรึไงวะ  ถึงต้องมาคอยตามสังเกตคนนอกที่ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเนี่ย...

                    "นี่ อย่าคิดว่าจะไม่รู้สึกตัวนะ ที่โดนสะกดรอยตามซะกระชั้นชิดขนาดนี้" ผมพูดขึ้นมาลอยๆด้วยเสียงอันดัง มั่นใจสุดๆว่าเจ้านั่นจะต้องได้ยิน

                    "อ้าว รู้ด้วยเหรอ" เสียงคีย์สูงนั่นอีกแล้ว

     

    ... กวนได้ไม่เลิกราจริงๆนะ  แต่ไม่คิดว่า แค่ผมคนเดียว หัวหน้าใหญ่ถึงกับลงทุนสะกดรอยตามมาเองเลย... ผมเลยประชดเชิญเข้าไปจิบน้ำชาในบ้าน ไม่คิดว่ามันจะบ้าจี้ทำตาม  แต่เจ้านั่นก็ทะลึ่งเข้ามาตามคำเชิญจริงๆ   

    …. จะบอกให้ว่าผมไม่เคยพาคนแปลกหน้าเข้าบ้านเลยซักครั้ง!

     

    แล้วพอได้โอกาสล่ะ เจ้านั่นก็ลอบสำรวจบ้านเป็นการใหญ่  แต่จากที่ดูจนทั่วแล้วก็ไม่มีอะไรให้น่าสงสัย  ก็เป็นห้องของเด็กหนุ่มธรรมดาๆทั่วไป  ที่จะผิดแปลกไปจากคนทั่วไปหน่อยก็คงมีแต่เบสที่วางอยู่บนที่นอน แล้วก็มีโปสเตอร์ของวงดนตรีที่ชอบแปะอยู่ที่ผนังข้างเตียง

     

    นี่นายอ่ะ

                    เคย์

    เออๆ นั่นแหละ นายอ่ะ

    ฉันมีชื่อ เรียกให้มันถูกๆหน่อยซี่ ฮิคารุคุง~”

    กลับไปได้แล้ว เลิกสงสัยฉันซักทีเหอะ เคย์

    ก็ได้  ฉันไปล่ะ บายบทจะว่าง่ายๆ ก็เผลอแผล็บเดียวเห็นหลังไวๆอยู่หน้าประตูห้องแล้ว

    ... เออดีนะ นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป...

     

    หลังจากผ่านพ้นวันที่ผมจะจำไปจนตาย นั้นไปแล้ว  ผมก็คิดนะ ว่าคงจะหลุดพ้นจากวงจรนี่ซักที  ในเมื่อผมก็เป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่มีชีวิตอย่างสุขสงบมาโดยตลอด  

    แต่ไม่นึกเลยว่าที่ผมคิดไว้น่ะ  มันจะสวนทางกับความเป็นจริงได้ขนาดนี้!

     

    กลับมาแล้วเหรอ ฮิคารุคุง

    ก็จะอะไรซะอีก  ไอ้เจ้าหัวหน้าแก็งค์ที่ตามผมมาเมื่อวันก่อนน่ะสิ ตอนนี้มันนั่งจิบชา เอกเขนกดูทีวีสบายใจเฉิบที่ห้องผมอย่างกับเป็นบ้านมันไปแล้ว!!

                    "กลับมาแล้วบ้าบออะไร  นายนี่จริงๆเลย  ยังไม่หายสงสัยอะไรฉันอีกหรือไง  แต่ลักลอบเข้ามาแบบนี้ มันเข้าข่ายขโมยแล้วนะ" ผมอดจะโมโหไม่ได้

     

    ... กลับมาจากมหาลัยเหนื่อยๆ ต้องมาสู้รบปรบมือกับแขกไม่ได้รับเชิญที่ชอบทำตัวแปลกๆอย่างงี้อีกเนี่ยนะ .... ให้ตายเสียดีกว่า

     

    ผมถอดเป้โยนไว้บนโซฟา  จะโดนหัวใครก็ช่างแหละ  ก็มันห้องผมนี่หว่า

                    "พูดมากน่า  ทำอะไรให้กินหน่อยดิ" ผมคิ้วกระตุกขึ้นมาทันที รู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลทั่วร่างกายจะเดือดปุดๆ         

     

    ... เจ้านั่นนอกจากจะไม่ฟังที่ผมพูดแล้วยังออกคำสั่งซะดื้อๆแบบนี้ คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกัน ห๊า!!

     

                    "แล้วมันเรื่องอะไร" ตั้งท่าจะแย้งขึ้นมา แต่พูดไม่ทันจบประโยค

                    "ยังไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้าแล้ว หิวสุดๆเลย~" เสียงแหลมๆก็แง้วขึ้นมาอีก

     

     ... ตาเรียวรีกระพริบปริบๆขอความเห็นใจ...

     

    ไม่!! ไม่ยอมหรอก  จะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด ... แต่ก็น่าสงสารแฮะ  เฮ้ย ไม่ๆๆ แข็งใจไว้ฮิคารุเอ๊ย

     

    ... ทำไมต้องทำหน้าอ้อนซะขนาดนั้นด้วยเล่าเว้ย !!

     

                    นะ ฮิคารุคุง

                    "เอ้อๆ ก็ได้ๆ ยอมให้ก็ได้ เดี๋ยวไปทำมาให้กิน"

    ไม่รู้ว่ากลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง  ทำไมผมต้องยอมให้ขนาดนั้น

     

     ....เจ้านี่เป็นใคร แม้แต่ชื่อจริงๆผมก็ยังไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ .... 

     

    ร่างที่นอนเอกเขนกบนโซฟา  สายตาทอดมองตามใครที่กำลังสาละวนกับการหยิบนู่นจับนี่วุ่นวายอยู่ในครัว ... รอยยิ้มผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

     

              น่ารักจังเลยน้า ชักถูกใจซะแล้วสิ

     

                    .

    .

     

                    แล้วก็ ทำรายงานเรื่องนี้ส่งอาจารย์ด้วย  เดธไลน์สัปดาห์หน้านะ  อย่าลืม

                    โหย  จารย์จะโหดไปไหนวะ งานเก่าเพิ่งส่ง งานใหม่มาอีกแล้ะ

    ยาบุที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย  ลุกขึ้นมาบ่นใส่ผมแทบจะทันทีที่อาจารย์เดินออกไป

     

    แล้วพอคล้อยหลังไม่ทันไร  มันก็เลียนแบบท่าทางอาจารย์ตอนจิกสั่งงานได้เหมือนสุดๆเรียกเสียงหัวเราะ และบรรยากาศครื้นเครงจากเพื่อนๆในคลาสเดียวกันได้มากทีเดียว

     

                    จะบ่นอะไรนักหนาวะ ยังไงก็ต้องทำไม่ใช่หรือไง

                    ก็นั่นแหละ แกอยากทำรึไงวะฮิค?หนุ่มร่างผอมบางยังคงความหงุดหงิดฉายชัดอยู่บนสีหน้า

                    ไม่อยากทำแล้วทำไงได้ ...หิวแล้ว ไปเหอะโคตะ พวกนั้นรออยู่ที่โรงอาหารนี่

    พอวกเข้าหาเรื่องกินได้เมื่อไหร่  ไอ้หน้าตาหงุดหงิดของโคตะเมื่อกี้ก็ปลิวสลายหายไปกับสายลม รวดเร็วราวกับดีเปรสชั่น

     

                    โหย ไอ้พวกคุณชาย กว่าจะเสด็จได้นะเอ็ง

    เสียงเข้มๆจากกลุ่มเพื่อนทักขึ้นมาเป็นคนแรก เมื่อผมก้าวเข้ามาในโรงอาหาร และกำลังมองหาโต๊ะที่พวกผมใช้นั่งเป็นประจำ ... แล้วก็เห็นว่าตอนนี้พวกเพื่อนๆผมนั่งจับจองแล้วไว้เรียบร้อย  ขยะที่กองไว้เกลื่อนกลาดเต็มโต๊ะ เป็นหลักฐานชัดเจนแล้วว่า ผ่านสมรภูมิอาหารมาแล้วโชกโชนขนาดไหน


                   
    เพิ่งเรียนเสร็จต่างหาก ไม่ใช่ความผิดฉันซะหน่อย

                    แล้วกินข้าวกันหมดแล้วใช่มั้ยเนี่ย?น้ำเสียงของโคตะดูเหมือนจะเคืองๆอยู่ไม่น้อย ที่ไม่ยอมรอกินพร้อมกัน.... คงเสียใจที่ไม่ได้แย่งกับข้าวในจานใครต่อใครมาเป็นของตัวเองสินะ

    เอ  แล้วก็หวังว่าความซวยคงไม่มาตกที่ผม ที่ต้องโดนมันแย่งซะเองนะเนี่ย

                    เฮ้ย เรื่องนี้โทษกันไม่ได้เว้ย แกสองคนลงมาช้าเอง

              เฮ้ย ซื้อมาเผื่อมั่งป่ะ?

    แน่นอน โฮชิโนะ มาซากิ หัวเราะคึ่กๆในลำคอ ก่อนจะโยนอะไรบางอย่างมาตรงหน้าผมกับโคตะคนละชิ้น

    โซบะปัง สำหรับแกสองคน เอาเลย ไม่ต้องเกรงใจเว้ย พวกเราเลี้ยงเอง แล้วพวกมันก็หัวเราะชอบใจ

     

    ....นี่คงเป็นของที่พวกมันซื้อๆมา แล้วสุดท้ายก็กินไม่หมดสินะ

    เฮ้อ ช่วยไม่ได้ เพราะว่าผมถือคติ ท้องแตกตายดีกว่าของเหลือครับ ... มองดูมันแล้วก็สะท้อนใจ หากต้องเห็นมันถูกโยนลงถังขยะ โดยไม่มีใครได้ลองลิ้มชิมรสให้เห็นคุณค่ามันบ้าง (ท่านช่างประเสริฐ)

     

                    ซึ้งใจสุดๆเลยเพื่อน โคตะตะครุบก้อนขนมปังได้อย่างฉับไว แล้วคว้าแขนเพื่อนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ฉุดกระชากลากไปซื้อข้าวเป็นเพื่อน  แค่ขนมปังก้อนเดียวสำหรับโคตะแล้ว มันจะไปคณาลำไส้อะร๊ายยยยย

    ผมคว้ามันขึ้นมาบ้าง แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวที่มีใครซักคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก  จนกระทั่งเขาหันมาเซย์ฮายกับผมเนี่ยแหละ

     

                    สวัสดีตอนเที่ยง ฮิคารุคุง ~”

     

    เฮ่ยยยย!!!!

     

                    เห้ยยย นาย!!!”ผมสะดุ้ง ลุกขึ้นพรวดพราด  แปลกประหลาดใจอย่างไม่อาจห้ามได้

    ... เคย์!!  เหตุไฉนเจ้านี่มานั่งกับพวกเพื่อนผมได้ล่ะ..

                    ตกใจอะไรนักหนา เค้าบอกรู้จักกับแกน่ะเพื่อนผมสักคนที่นั่งอยู่บอกเล่าด้วยหน้าตาเฉยเมย

     

    ... แค่บอกว่ารู้จักแค่นี้ แกก็ให้ร่วมโต๊ะด้วยเลยเรอะ! ไม่คิดจะสงสัยอะไร ที่มาที่ไปหน่อยหรือยังไง๊~ ไอ้เพื่อนแสนประเสริฐ (กัดฟัน)

     

    นายเรียนที่นี่ด้วยหรือเนี่ย ผมรีบนั่งหันหน้าเข้าหาเตรียมสอบประวัติเต็มที่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้มีท่าทีพิรุธ หรือทุกข์ร้อนอะไรใดๆทั้งสิ้น

    เอ จำได้ว่าฉันไม่ได้บอกว่าฉันชื่อนายนี่นา ชื่อฉันมันเรียกยากตรงไหนกันน้า ถึงหน้าตาคนพูดจะดูยังยิ้มแย้มเป็นมิตรอยู่ แต่ผมจับได้ถึงกระแสเสียงที่ขุ่นนิดๆ คล้ายๆจะไม่พอใจที่ผมไม่ยอมเรียกชื่อเค้าซักที

    เคย์

    อ้ะ จำชื่อฉันได้แล้วเหรอ เจ้าตัวดีทำหน้าตาล้อเลียนเสียยกใหญ่ แต่พอเห็นหน้าผมไม่เล่นด้วย ก็ยอมบอกแต่โดยดี

    ก็ฉันเรียนที่นี่เหมือนกัน เห็นว่าอยู่ใกล้ๆเลยแวะมาหา

     

    ....จริงๆแล้ว เจ้านี่ก็มีส่วนที่น่ารักเหมือนกันแฮะ

     

    อิโนะจัง โกโก้ร้อนไหม ฉันซื้อมาเผื่อ

    ผมมองตามควันจางๆที่ลอยขึ้นมาจากถ้วยโกโก้เล็กๆในมือเพื่อนที่กรุ่นกลิ่นหอมเย้ายวนใจ.. แล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ  เมื่อมันกลับวางลงตรงหน้าแขกไม่ได้รับเชิญในวันนี้...

     

    นี่เพื่อนผมมันเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? คนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยเนี่ย มันคือผมกับไอ้โคตะนะ (โคตะมันวิ่งไปหาอะไรกินตั้งนานแล้วล่ะ)

    อ้ะ ขอบคุณนะครับ โคไดคุงใจดีจังเคย์ยิ้มหวานตอบกลับไป

    .... ถึงใบหน้าหวานจะเคลือบน้ำตาลไว้แค่ไหน  แต่ทำไมน้า ผมถึงได้เห็นแต่หางเดวิลที่กระดิกดิ๊กๆอย่างเปรมปรีทุกทีเลย

     

                    ไม่เป็นไรๆ ยังไงๆเพื่อนไอ้ฮิค ก็เหมือนเพื่อนพวกเราอยู่ดี

    เพื่อนผมทุกคนดูเหมือนจะยอมศิโรราบให้กับไอ้คนที่มันปั้นหน้ายิ้มหวานเคลือบน้ำตาล ที่มองยังไงก็เฟคนั่นได้  อะไรจะทำตัวกลมกลืนได้รวดเร็วขนาดนี้!! เผลอแป๊บเดียวตีสนิทเพื่อนผมได้เกือบทั้งหมดแล้ว  น่ากลัวจริงๆ!  

                    ฮิคารุคุงกินไหม อ้ะ ไม่ได้สินะ เดี๋ยวโคไดคุงจะเสียใจแย่ พูดจบก็หันไปยิ้มหวานประจบประแจง เล่นเอาหนุ่มหล่อเจ้าของโกโก้ถ้วยนั้นถึงกับลอย

     

    ..... ผมรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทัน  กลัวว่าจะหลุดอาการสวนทางกับเพื่อนๆเสียจนโดนเล่นเอาง่ายๆ   

    .... เห้อะ! เคยเห็นมันตอนมันยกพวกไปตีกะเค้ามั้ยล่ะ ไอ้หน้าหวานๆอย่างงี้เนี่ยแหละ  ก๋าเสียยิ่งกว่าใคร!

     

              งั้น เสียใจด้วยนะฮิคารุคุง ถ้าคิดว่าเคย์จะหันมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน พร้อมด้วยหน้าตาสำนึกผิดเหมือนอย่างในประโยคที่พูดออกมาละก็  ...คิดผิดถนัด! เพราะมันเล่นยักคิ้วใส่ผมด้วยท่าทางที่กวนประสาทที่สุดในโลก!!

    เออ แล้วนี่เจ้าเคโตะไปไหนล่ะ โคตะที่กลับมาพร้อมขนมนมเนยเต็มไม้เต็มมือตั้งแต่ตอนไหนผมก็ไม่รู้ได้  จู่ๆถามถึงขึ้นมา

    ไปตามแฟนน่ะทาคาดะ โชตอบแทนด้วยเสียงหน่ายๆ เบื่อคน(กำลังจะ)มีแฟนเฟร้ย!

    อ้าว เป็นแฟนกันไปแล้วเหรอ

    ยัง แต่อีกไม่นานหรอก เช้าถึงเย็นถึงอย่างเงี้ย จะไปไหนรอด

     

    ฮ้าด ฮะ.ฮะ ฮัดชิ้วว~”

    จู่ๆเคโตะก็จามขึ้นมาในระหว่างมื้ออาหาร ที่เขาเพียรตีซี้จีบหนักจนสามารถมานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยทุกวัน

    แกไม่ได้อาบน้ำมาใช่ไหม ยูโตะ ยูมะเงยหน้าขึ้นมาแซวเพื่อนร่างสูงขำๆ

    แกสิยูมะ ยามะจังกำลังทำหน้ารังเกียจแกอยู่แน่ะแต่เพื่อนหนุ่มที่ปากคอเราะร้ายได้ไม่ต่างจากเพื่อนก็สวนกลับมานิ่มๆ

    หนอย เล่นของสูงๆ

    ยามะจังที่นั่งยิ้มน่ารักก็ได้แต่ขำอย่างเดียว ที่ได้ดูเพื่อนรัก 2 คน กัดแทะเหน็บแนมกันได้ทุกวัน

     

    ว่าแต่ นี่นาย ทำไมไม่รีบๆเผด็จศึกเพื่อนฉันซักทีล่ะ รู้ไหมว่ามันดำรงสถานะก้างมานานแล้วนะ สลัดยังไงก็ไม่หลุดซักทีเนี่ย

    ยูโตะหันควับมองหน้าเพื่อนรักตาขวาง ไอ้เพื่อนเนรคุณ!

    ส่วนเคโตะก็ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว

    ....ใครว่าไม่อยากเล่า  มันยังไม่สบโอกาสต่างหาก!

     

                    .

    .

     

                    แหม ทางเดียวกันเลยน้า

    ผมหันไปทางต้นเสียงทันทีคอแทบเคล็ด  ดวงตาเบิกโตขึ้นเหมือนโดนผีหลอกเมื่อเห็นใครบางคนที่วันนี้ขยันโผล่หน้ามาให้เห็นได้ทั้งวัน

    เคย์หันมายิ้มกวนๆใส่ผม  เราต่างยืนรอรถไฟเพื่อจะกลับบ้าน

     

    ... ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะเนี่ย ว่าแม้แต่การกลับบ้าน หมอนี่ก็ต้องมีเอี่ยวด้วย

     

                    นี่มันห้องฉัน ไม่ต้องมาเนียนเลย

    ผมที่กำลังไขประตูจะเข้าห้อง หันไปมองคนที่มันดันทุรังเดินตามขึ้นมาถึงนี่ แล้วยังมายืนผิวปาก ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ใกล้ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะตามมาถึงขนาดนี้

                    อ้าวเหรอ... ว้า จำบ้านผิดซะแล้วดูคุณเค้าตอบเสียก่อน น่าหมันไส้จริงๆเชียว

                    แต่นี่มันก็มืดแล้วนี่น้า  ถ้าเดินออกไปคนเดียวมืดๆจะเป็นยังไงน้า  แถวนี้ก็เปลี่ยวซะด้วย

     

    มันจงใจพูดยั่วผมหรือไงกัน  คิดว่าผมจะใจอ่อน ยอมให้เข้าห้องผมอีกเป็นครั้งที่ 2 ล่ะ ไม่มีทางหรอก  ผมจะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว!!!

     

                    แล้วถ้าโดนฉุดล่ะ โดนดักปล้นล่ะ  ภัยมืดนี่น่ากลัวจริงๆเลยน้า

     

    นี่ลืมตัวไปแล้วจริงๆหรือไง ว่าตัวเองน่ะ หัวหน้าแก็งค์อันธพาลไม่ใช่เรอะ! จะมาทำท่ากลัวอะไรเป็นสาวแรกแย้มไปได้  น่าขนลุก

    เห็นท่าว่าแผนแรกจะไม่สำเร็จ แผนที่สองก็ถูกปล่อยตามมาติดๆ แนบเนียนราวกับดาราตุ๊กตาทองเลยทีเดียว

     

                    คนเรานี่ก็นะ น้ำจิตน้ำใจมันเหือดหายไปหมดแล้วหรือไงน้า คนอุตส่าห์เดินมาส่งถึงห้อง

     

                    ....แล้วใครขอให้มาล่ะเฟ้ย!!!! อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนผิดจะได้ไหม!!!

     

                    จะชวนเข้าไปนั่งเล่นในห้องซักหน่อยก็ไม่ได้  เฮ้อ  แย่จัง

     

    ผมกำลูกบิดประตูไว้แน่น  พยายามสะกดอารมณ์ไม่ให้เผลอใจอ่อนจนเกินไปให้เหลิงได้ง่ายๆ

     

                    ข้างนอกหนาวจะตายอยู่แล้วน้า  ใจคอจะปล่อยให้ยืนขาแข็งตายแบบนี้เหรอ ใจร้ายไปหน่อยม้าง~”

                    โอ่ย! หยุดพูดพล่ามซักที จะเข้าก็เข้ามาเร็วๆ  ทีหลังก็หอบผ้าหอบผ่อนมานอนค้างที่นี่ทุกคืนเลยก็ได้นะ ผมพูดประชดใส่ หวังจะให้มันได้ขบคิดอะไรได้บ้าง

     

    ....แต่เปล่าเลย  มันทำให้ผมอยากตบหน้าผากตัวเองนัก ที่เผลอพูดอะไรพล่อยๆออกไป  เพราะนอกจากมันจะไม่สะทกสะท้านใดๆแล้วยังเป็นการชี้โพรงให้กระรอกกะล่อนตัวนี้อีกต่างหาก

     

                    หึหึ ลูกผู้ชาย พูดแล้วอย่าคืนคำล่ะ งั้นพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน ราตรีสวัสดิ์

     

              .

              .

     

              อรุณสวัสดิ์ฮิคารุ  เมื่อคืนหลับสบายไหม?

    .....ตีสี่!! เคย์มาเคาะประตูห้องผมตั้งแต่ตีสี่!!

    ผมยืนหัวยุ่งมองเคย์ที่ห่อหุ้มตัวเองด้วยโค๊ทหนาตัวยาวสีดำ ลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมดังแกรกๆเข้ามาในห้องผมแบบไม่ต้องมีใครเชิญ 

     

    ...นี่มันกลัวว่าผมจะแอบหนีหลบไปก่อนมันจะมาหรือไงฟะ (จริงๆก็คิดอยู่เหมือนกัน)

     

                    โอ้ะ มีห้องนอนห้องเดียวนี่นา งั้น รบกวนด้วยนะคร้าบ ร่างนั้นหายลับเข้าไปในห้องผมตามด้วยเสียงปิดประตูที่ไม่เบานัก

     

    ....ตระหนักได้ในนาทีนั้นว่า  ชีวิตอันแสนสงบสุขของผมได้จบสิ้นลงแล้ว!!!!!!!!!!

     

    To be con

    Talk : คู่นี้เหมือนจะไม่แปลก แต่มันอาจจะแปลกสำหรับหลายๆคน เพราะมันหาอ่านยาก(อีกแล้ว) ฮ่าๆ....

    อ่านะ สำหรับคนที่ชอบอ่านคู่ที่ไม่ธรรมดา ขอให้มีความสุขกับฟิกนะคะ

    ชอบไม่ชอบยังไงก็เม้นกันได้เนะ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×