คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : จิเน็น ยูริ
05
บ่ายวันนั้นเอง
ยูยะรื้อของออกมาจากห้องเก็บของตามคำสั่งยามะพี โดยมีเรียวสุเกะเสนอหน้ามาช่วยชดใช้บาปรอบสองที่เขาขโมยพาสต้าไปกินตอนที่ยูยะเผลอ
.....ก็แค่แย่งของกินนิดหน่อย
ไม่คิดจริงๆเลยนะว่า คนตัวใหญ่ๆแบบยูยะจะเจ้าคิดเจ้าแค้นได้ขนาดนี้
..
“ทาคาคิคุง....ให้ผมช่วยอะไรมั้ย” เรียวสุเกะแง้มประตูห้องโผล่หน้ามาถามด้วยความหวังดี
“ช่วยไปอยู่ห่างๆฉันจะขอบคุณมาก” ร่างสูงก้มหน้าก้มตาเก็บของลงกล่องลงลัง พูดแบบไม่มองหน้า.... ท่าทางจะยังเคืองไม่หายแฮะ
เมื่อกี้ ก่อนที่จะกลับเข้ามาในห้อง ออกไปเจอเคโตะอยู่ในครัวพอดี แค่บ่นว่าหิวนิดหน่อย ไม่ทันไรพ่อสุภาพบุรุษแสนดีก็แบ่งขนมปังของตัวเองมาให้ ระหว่างกินนั้นก็เลยเผลอเล่าเรื่องที่แย่งพาสต้าครึ่งกล่องจากยูยะให้ฟัง.... ถึงได้รู้ว่ายูยะเป็นตนหวงของกินขนาดหนัก ....ก็เลยแอบรู้สึกผิดจนต้องบากหน้ามาอยู่ที่นี่... ตอนนี้... ขณะที่ร่างสูงกำลังทำเป็นเมิน และเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแบบนี้
“โกรธเหรอ...เรื่องพาสต้า” เสี่ยงดวงถามออกไป... แม้จะโดนไล่ แต่เรียวสุเกะก็ยังคงปักหลักอยู่หน้าห้องไม่ไหน
“ใช่.... นายทำให้ฉันกินไม่อิ่ม แล้วตอนนี้ฉันก็หงุดหงิดมากๆด้วย”
เชื่อล่ะว่าหงุดหงิดจริงๆ เพราะข้าวของที่มันเคยวางอยู่เป็นที่เป็นทาง บัดนี้ถูกเจ้าของมันรื้อออกมากองปนกันไปหมด
“ตัวเองกินพิซซ่าไปอีกตั้งถาดแท้ๆ” ทั้งที่เรียวสุเกะมั่นใจว่าตัวเองพูดเสียงเบาแล้วแท้ๆ แต่ยูยะก็ยังหูทิพย์พอที่จะได้ยิน ....ร่างสูงวางของในมือลงบนโต๊ะด้วยเสียงอันดัง เดินดุ่มๆหน้าตาถมึงทึงมาตรงหน้าเรียวสุเกะที่เกาะขอบประตูไว้แน่น
“เมื่อเช้านายมาขอโทษฉัน... จากนั้นก็ทำให้ฉันโกรธ... แล้วตอนนี้นายจะมาให้ฉันโมโหเพิ่มอีกรึไง!” หน่วยตาดุคมเพ่งเขม็งไปที่เรียวสุเกะอย่างกดดัน
“ผมไม่ได้ตั้งใจ...ผมขอโทษ” เรียวสุเกะหลบสายตาน่ากลัวนั้นแล้วก้มหัวขอโทษ
“ออกไปเลยนะ อยู่ใกล้ๆนายแล้วต้องมีเรื่องยุ่งๆทุกที” ยูยะพยายามจะดึงประตูปิด แต่ติดที่มีมือกาวเกาะหนึบไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ....เมื่อต่างคนต่างไม่ยอมโดยที่ความต้องการสวนทางกันก็เลยต้องออกแรงยื้อกันอยู่สักพักใหญ่
“ทาคาคิคุง ให้ผมช่วยเหอะนะ .... รับรองว่าจะไม่วุ่นวาย จริงๆนะ”
.
.
.
“ฮ่า~!! เหลืออีกนิดเดียวก็ใกล้จะเสร็จแล้ว เห็นไหมล่ะว่ายังไงสองคนช่วยกันมันก็ต้องดีกว่าคนเดียวอยู่แล้ว และผมก็ไม่ได้สร้างความวุ่นวายด้วย^^”
เรียวสุเกะคุยโม้โอ้อวดทันทีที่ยูยะบอกให้พัก หลังจากที่ทั้งสองคนเสียเหงื่อไปหลายลิตรจากการยกของเข้าๆออกๆระหว่างห้องนอนฝั่งของยูยะและห้องเก็บของ(ที่กำลังจะกลายเป็นห้องของเขาในอนาคต) แม้ว่ามันไม่ได้เป็นของที่หนักอะไรมากมาย เพราะรู้สึกว่ายูยะจะใช้เป็นห้องเก็บของขวัญที่ได้จากแฟนๆซะมากกว่า
ห้องนี้จึงเต็มไปด้วยตุ๊กตามากมายหลายไซส์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล หน้าตาคล้ายๆกับเจ้าคุซาป๊งที่เจ้าของมันรักนักรักหนา นอกจากนี้ก็ยังมีของแปลกๆ ที่ไม่น่าจะเก็บไว้ร่วมกันได้อย่างเช่น ลู่วิ่งออกกำลังกาย เครื่องช่วยซิตอัพ ดัมเบล และที่ดึงดูดสายตาผู้มาเยือนเหลือเกินก็คือเครื่องออกกำลังกายทุกชิ้นในห้องนี้ต่างมีตุ๊กตาน้องหมีน้อยใหญ่นั่งโพสท่าเป็นแบบอยู่ทั้งหมด ..... ช่างเป็นรสนิยมที่แปลกซะจริง
“ฉันเหนื่อยแล้ว นาย...ไปสั่งพิซซ่ามาให้ฉันหน่อย” ยูยะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงและออกคำสั่งกับเรียวสุเกะที่เพิ่งลงมานั่งได้ไม่ถึงนาที
“หา!... พิซซ่าอีกแล้วเหรอ ก็เพิ่งจะกินไปเมื่อกลางวะ..น...” เรียวสุเกะเอ่ยแย้งออกมาไม่ทันไรก็ต้องก้มหน้าหลบแววตาคมดุที่สาดมาที่เขาไม่ยั้ง
“มีปัญหาอะไรรึไง” ยูยะหรี่ตาถามอย่างเอาเรื่อง
“แต่ผมไม่มีเงินจะจ่ายแล้วนะ” เรียวสุเกะบอกเสียงอ่อย.... แค่มื้อกลางวันที่ผ่านมาก็ผลาญเงินเขาไปแล้วกว่าครึ่งเชียวนะ!!
“ฉันจ่ายเอง นายสั่งพาสต้ามาสองกล่อง กับพิซซ่าอีกถาดนึง” แม้ว่าเรียวสุเกะจะแอบสะดุ้งกับรายการอาหารที่มีพาสต้าอยู่ในนั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกดีที่ยูยะยังมีน้ำใจสั่งมาเผื่อเขาด้วย ...แม้ว่าเขาจะเริ่มเอียนอาหารอิตาเลี่ยนนิดๆแล้วก็ตาม
“ขอบคุณที่เลี้ยงนะฮะ” คิดได้อย่างนั้นก็ก้มหัวขอบคุณว่าที่เจ้ามือเลี้ยงอาหารมื้อนี้อย่างอารมณ์ดี
“ใครบอกฉันสั่งมาเผื่อนาย ฉันสั่งมากินเองต่างหาก นายจะไปกินอะไรก็เรื่องของนายสิ เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ” ร่างสูงพูดอย่างใจร้าย เชิดหน้าไม่แยแสกับสีหน้าช็อคโลกของเรียวสุเกะแม้แต่นิดเดียว
“มันไม่เยอะไปสำหรับคนๆเดียวหรือครับ” สีหน้าเรียวสุเกะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงได้อย่างกับโดนปิดสวิตซ์
“ไม่หรอก....ฉันกำลังเพิ่มน้ำหนักน่ะ” คำตอบของยูยะทำเอาร่างเล็กหันขวับกลับไปมองหน้าคนพูดชัดๆพร้อมกับเบิกตาโต
“เอ๋....!!!!”
“เดือนที่แล้วยามะพีบอกว่าฉันผอมเกินไป ฉันก็เลยต้องกิน...เยอะๆ” เมื่อได้ฟังเหตุผลไร้เดียงสาแบบนี้แล้ว ถ้าพีซังมาได้ยินคงจะกุมขมับเครียดเลยทีเดียว
“ผมว่าพีซังอยากให้เพิ่มน้ำหนักด้วยกล้ามเนื้อมากกว่าไขมันมั้งครับ”
“นายจะบอกว่าฉันอ้วนงั้นเหรอ!”
“เปล่าๆๆ ผมว่าทาคาคิคุงหุ่นดีที่สุดเลย” ถ้าไม่กินอาหารแคลลอรี่สูงแบบนี้บ่อยๆอะนะ.... (ประโยคหลังได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูด) แล้วก็ฉีกยิ้มกว้างยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้เป็นการการันตีคำพูด
“ใช่น่ะสิ ฉันต้องหุ่นดีที่สุดอยู่แล้ว หมูน้อย
” ยูยะได้ฟังคำตอบที่ถูกใจก็ยิ้มอารมณ์ดีเดินไปลูบผมเรียวสุเกะเบาๆแล้วเดินเฉิดฉาย ดอกไม้บานออกจากห้องไป
“อะไรน่ะ!!”
ทันทีที่ร่างสูงเดินพ้นจากห้องไป เรียวสุเกะยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกซ้ายอย่างตื่นตระหนก..... เหมือนหัวใจเขามันเต้นผิดจังหวะแปลกๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
..... เอ สงสัยจะหิวข้าวจัดล่ะมั้งนะ
ว่าแต่... นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นรอยยิ้มแบบเด็กๆของทาคาคิคุง
ดูดีกว่าไอ้ยิ้มมุมปากเก็กๆที่หมอนั่นชอบทำบ่อยๆซะอีก
ทำไมถึงไม่ยิ้มแบบนี้บ่อยๆน้า......
.
.
เรียวสุเกะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหลังจากไปจัดการกับข้าวเที่ยงที่พีซังสั่งมาให้ทุกคนในบ้าน ..... ฮิคารุกับเคย์พอรู้ว่ากลางวันนี้ยูยะไม่กินข้าวของบริษัทก็เลยฟาดส่วนของยูยะแทนไปเรียบร้อย
พอเข้ามาในห้องก็เห็นว่าร่างสูงจัดของใกล้จะเสร็จแล้ว... ห้องค่อนข้างโล่งไปถนัดตาเมื่อเทียบกับครั้งแรกที่มาเยือน มีชั้นวางของไม่กี่อันที่วางอยู่กับตุ๊กตาบนเตียงอีกกองหนึ่ง
“ตุ๊กตาพวกนี้ ฉันยกให้นายแล้วกัน ...ห้องฉันมันเต็มแล้ว”
“จริงเหรอ ขอบคุณฮะ” เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของแล้ว ร่างเล็กก็กระโดดเข้าไปลงมือสำรวจทรัพยากรทันที.... โดยมียูยะเดินตามไปนั่งดูอยู่ตรงขอบเตียง
“นี่... ตัวนี้หน้าเหมือนนายชะมัด” ร่างสูงคว้าตุ๊กตามาได้ตัวนึงก็สะกิดเรียกเรียวสุเกะให้หันมา
“ตัวหนะ..อ่ะ! ... ทาคาคิคุง!! ผมไม่ใช่หมูซะหน่อย”
“เหมือนสิ เหมือนมากๆเลย อ้ะ ตัวนี้ด้วย”
“แมวนั่นก็ไม่เหมือน!!!” ร่างเล็กเถียงกลับคอเป็นเอ็น
“เหมือนสิ เหมือนจะตาย... เวลานายกิน นายก็หน้าตาเหมือนหมู แถมยังชอบแย่งของกินเป็นแมวขโมยอีกต่างหาก”
“........” เรียวสุเกะได้แต่ทำหน้ายู่ ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้เพราะสิ่งที่เคยทำลงไปเป็นเหมือนชนักปักหลังอยู่เสมอ
....เสียเปรียบชะมัดเลยแฮะ
“โอ้ ทำหน้าแบบนี้นี่ยิ่งเหมือนใหญ่เลย.... ไหนลองกดจมูกแบบนี้ดูซิ” ยูยะแกล้งใช้นิ้วชี้บี้จมูกตัวเองให้เหมือนหมู แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อล้อเลียนร่างเล็ก
“ไม่เอา ...ผมไม่ทำอะไรทั้งนั้น” เรียวสุเกะพยายามเบี่ยงตัวหนี ลุกออกมาจากกองตุ๊กตาพร้อมเอามือปิดหูไม่ยอมฟังเสียงนกเสียงกาใดๆ
“ลองดูหน่อยน่า ฉันอยากรู้ว่าจะเหมือนแค่ไหน” ร่างสูงนึกสนุกลุกขึ้นตามมาตื้อแบบไม่ยอมแพ้ง่ายๆเหมือนกัน
“ไม่!... ผมไม่ใช่หมู ไม่ใช่แมวอะไรทั้งนั้นแหละ อย่ามาล้อผมนะ โอ้ย!!!!” เรียวสุเกะสะบัดหน้าหนีอย่างเคืองๆ โดยที่ไม่ได้สังเกตว่าตัวเองยืนชิดอยู่กับชั้นวางของจึงชนหันไปชนเข้าอย่างเต็มรัก
“ระวัง!!!!”
โดยไม่มีใครคาดคิด ว่าแรงปะทะของเรียวสุเกะจะรุนแรงถึงขั้นทำให้ของที่วางอยู่บนชั้นบนสุดร่วงมาได้ ยูยะเห็นเข้าก็ร้องบอกพร้อมกับวิ่งเอาตัวเองเข้าไปช่วยดึงตัวเรียวสุเกะออกมาได้ทันเวลา แต่เจ้ากรรมของนั่นดันตกใส่หัวตัวเองแทน
“ทาคาคิคุง!!!!!!!!”
.
.
.
ยูยะถูกนำตัวส่งถึงมือหมอในเวลาต่อมา...... เนื่องจากทุกคนตกใจที่ร่างสูงเลือดไหลอาบใบหน้าและสลบไป จึงช่วยกันหามร่างสูงขึ้นรถให้เคย์กับฮิคารุขับไปส่งที่โรงพยาบาล
“ฉันยังไม่ตายเว้ย แกพับนกกระเรียนมาให้ฉันทำไม ไอ้บ้า!”
“ก็เผื่อไว้ ถึงเวลาใช้จริงจะได้ไม่เสียเวลาไง”
“ฉันจะใช้กับแกก่อนคนแรกเลยไอ้เคย์”
ครืดดดดดดดดด
“ว่าไงพ่อคนเก่ง... ท่าทางหายดีแล้วสินะ เสียงดังไปถึงข้างนอกเชียว”
ยามะพีเปิดประตูห้องพักผู้ป่วย ส่งเสียงแซวทักทายนำร่องมาก่อน.... ตามติดด้วยชิเงะที่มาพร้อมถุงขนมถุงใหญ่และเรียวสุเกะที่ขอตามมาเยี่ยมอีกคน.... เมื่อร่างเล็กเห็นว่า ยูยะมีแค่ผ้าก๊อตพันแผลที่หัวเอาไว้ ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงมากอย่างที่นึกกลัวก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เรียวสุเกะเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปหยุดยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างเตียง ..... บรรยากาศในห้องเงียบกริบลงฉับพลันราวกับรู้งาน เคย์กับฮิคารุที่กำลังตบตีแย่งขนมที่ชิเงะหิ้วมาฝากนั้นก็มีอันต้องหยุดพักยกชั่วคราว ยามะพีกับชิเงะก็ชี้ชวนกันมองไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจแต่ว่าเอียงหูพร้อมฟังอยู่ตลอดเวลา
“ทาคาคิคุง....ผมขอโทษ”
“วันๆนึง นายคิดจะมีเรื่องให้ได้ขอโทษที่ครั้งกันน่ะหะ ตั้งแต่วันที่นายก้าวเข้ามาในบ้าน ชีวิตฉันก็มีแต่เรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด.... พอเถอะ นายไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับขึ้นเวทีก็พอ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก”
เรียวสุเกะหน้าจ๋อยแล้วจ๋อยอีก รู้สึกเหมือนตัวเองค่อยๆหดลีบเล็กลงในทุกๆประโยค
“และถ้าคราวนี้นายทำมันพังอีกล่ะก็ ....” ยูยะทิ้งท้ายไว้และทำท่าปาดคอด้วยแววตาดุดัน สถานการณ์ในตอนนี้บังคับให้เรียวสุเกะจำต้องพยักหน้าตอบรับอย่างเสียไม่ได้
“ผมจะ...พยายาม”
เหมือนยูยะกำลังจะยังไม่พอใจกับคำตอบของร่างเล็กที่ดูไม่หนักแน่นเอาเสียเลย ก็ทำท่าจะพูดอะไรออกมาอีก แต่คราวนี้ยามะพีตะโกนขัดขึ้นมาก่อน
“เอาล่ะๆ ในเมื่อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เราก็กลับกันเถอะ.... ให้ยูยะมีเวลาพักผ่อนบ้าง จะได้อารมณ์ดี ไปๆๆ” ยามะพีพูดตัดบทแล้วเดินไปแย่งกล่องคุกกี้จากมือเคย์และฮิคารุที่กำลังยื้อกันอยู่แล้วโยนกลับเข้าไปในถุงตามเดิม
“อ๋า!!!... พีซังอะ” สองหนุ่มร้องโวยวายทันที
“นั่นมันของเยี่ยมคนป่วย พวกนายจะแย่งกันทำไม ...ถ้าอยากกินนัก ฉันจะให้ชิเงะซื้อกลับไปให้ โอเค๊!”
เคย์และฮิคารุโดนปิดปากด้วยของกินเรียบร้อย พอถูกยามะพีรุนหลังให้ลุกเดินออกไปจากห้องก็ยอมเดินออกไปที่ประตูห้องอย่างว่าง่าย เรียวสุเกะก็เดิมตามไปอย่างเงียบๆ ด้วยกลัวว่าตัวเองจะไปเผลอทำอะไรให้คนป่วยโกรธเข้าให้อีก
“เดี๋ยวสิ พีซัง...ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย ทำไมต้องนอนโรงพยาบาลต่อด้วย” ยูยะเริ่มรู้สึกตัวว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่ถูกทิ้งไว้ที่นี่ก็ท้วงออกมา
“มีนักข่าวอยู่ข้างนอก ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องการบาดเจ็บของนาย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่... นายก็ทนๆนอนอยู่ในนี้สักคืนนึง เดี๋ยวฉันจะกลับมารับก่อนพรุ่งนี้เช้า”
ร่างสูงชักสีหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ทันที แต่ก็ยอมล้มตัวลงนอนทที่เตียงแต่โดยดี แถมยังดึงผ้าขึ้นมาคลุมโปงตูดโด่งใส่เป็นการประชดอีกต่างหาก
ยามะพีรีบเบือนหน้าหนี แล้วหันไปออกคำสั่งกับชิเงะแทน
“ชิเงะออกไปดูต้นทาง... แล้วพาเจ้าพวกนี้ออกไปที”
.
.
22.30 PM
ครืดดดดดด
จิเน็น ยูริ เดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาในห้องที่ปิดไฟมืด และคิดว่าคนที่อยู่ข้างในคือเมเนเจอร์ซัง
“ทำไมมันมืดแบบนี้ล่ะ เปิดไฟสิกุนตะ” แม้จะไม่มีไฟ แต่ก็พอมีแสงจากข้างนอกส่องเข้ามาพอให้เห็นทางอยู่บ้าง จิเน็นจึงเดินตรงเข้าไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด
“ทำไมแค่ฉากไอ้แก่นั่นตาย ต้องถ่อมาถ่ายทำถึงสถานที่จริงขนาดนี้ด้วย แล้วตุ่มหนองพวกนั้นอีกล่ะ จะเหมือนจริงเกินไปแล้วนะ ขยะแขยงชะมัดเลย” พอหวนคิดถึงสิ่งที่เพิ่งประสบมา ร่างบางทำท่าขนลุก สยองพองเกล้าอย่างที่อยากทำแต่ต้องทนแอ๊บเก็บกดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครู่
“บอกไว้เลยนะกุนตะ ฉันจะรับบทลูกกตัญญูที่ทั้งจน ทั้งพ่อป่วยเป็นโรคร้ายแรงรักษาไม่หายอะไรแบบนี้เป็นครั้งสุดท้าย เข้าใจมั้ย กุนตะ! กุนตะ!!!เปิดไฟซักทีสิ”
ร่างบางหวีดเสียงดังขึ้นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ยูยะที่ทนนอนเงียบไม่ไหวติงอยู่นานแล้วจึงทนไม่ไหว กระชากสวิตซ์ไฟบนหัวเตียงด้วยความรำคาญ แล้วลุกขึ้นห้อยขาบนเตียงด้วยหน้านิ่งๆหัวฟูๆ ทำให้ยูริชะงักอึ้งไป
“เอ้ะ! ทาคาคิ ยูยะ ใช่มั้ย” ร่างบางกลบเกลื่อนสถานการณ์ด้วยการตีหน้าใสซื่อ ยิ้มหวานจนเหมือนเป็นคนละคนกับเมื่อกี้ “ผมก็เป็นแฟนคลับวงA.N.JUMPนะ”
“...........”
ยูยะมองคนแถอย่างหน้าด้านๆด้วยความระอาใจ .... จะมาสร้างภาพตอนนี้คงไม่ทันแล้วมั้ง เด็กน้อย
“นายรู้จักฉันมั้ย” ยูริรุกถามต่อ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากร่างสูง
“จิเน็น ยูริ ....แฟร์รี่ตัวน้อยของประชาชน”
“อ้ะ! แหม” ยูริยิ้มเขิน... ท่าทางพอใจที่นักร้องดังของ A.N.JUMP รู้จักแม้กระทั่งสโลแกนประจำตัวที่สื่อมวลชนตั้งให้เขา
“ที่แท้ก็หน้ากาก” ร่างสูงพูดต่อหน้าตาเฉย ไม่สนใจแม้ว่าจะเหมือนเป็นการตบหน้ากันทางอ้อมก็ตาม
“นาย..ได้ยินหมดเลยใช่มั้ย” ยูริเปลี่ยนท่าทีไปในบัดดล ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสน่ารักราวกับนางฟ้า เหลือเพียงสีหน้านิ่งๆและท่าทางเย่อหยิ่งเท่านั้น
“ก็คิดว่าแม่ค้าที่ไหนมาตะโกนขายของในนี้ ...เสียงของนายทำร้ายหูฉันมากทีเดียว” ยิ่งยูยะทำท่าระคายหูอย่างกวนอารมณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ความโกรธของร่างบางลุกโชนมากขึ้นมากเท่านั้น
“รู้หมดแล้วสินะ ...ก็ดี ฉันไม่ได้เป็นแฟนคลับหรืออะไรเทือกๆนั้นของนายทั้งนั้นแหละ” ยูริกอดอกเชิดคอพูดแบบไม่ยอมเสียหน้า
“ฉันก็หวังอย่างนั้น” แต่ร่างสูงก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจแม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำ... มือเรียวคว้าเอากล่องคุกกี้ที่เคย์และฮิคารุแย่งกันเมื่อเย็นขึ้นมาแกะกินหน้าตาเฉย ...... เขาไม่ได้กินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลยตั้งแต่เย็น แม้จะมีอาหารที่โรงพยาบาลจัดมาให้ แต่แค่เห็นมันเขาก็เบ้หน้าและปิดฝาชามลงไปตามเดิม ล้มตัวลงนอนแล้วทำเป็นลืมๆความหิวโหยที่ร่างกายประท้วงออกมา .....จนถึงเมื่อกี้ ที่เขาถูกทำลายความสงบลงอย่างสิ้นเชิง
“นี่...คิดจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรือเปล่า”
“มันไม่ใช่เรื่องของฉัน...รีบๆออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะ...”
“จะทำไม อ้ะ หรือว่า หลงเสน่ห์ฉันแล้วเหรอ” ยูริวาดรอยยิ้มหวานหยด จ้องตาร่างสูงกลับด้วยความมั่นใจเกินร้อยว่ายูยะจะต้องหลงเสน่ห์เขาในที่สุด!
“จะอ้วกโว้ย!! คำพูดของนายมันน่าสะอิดสะเอียนจะแย่ ออกไปได้แล้ว ไป๊!ชิ่ว”
“อ้ะ....” เมื่อโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา แถมยังเมินเสน่ห์ของจิเน็น ยูริ อย่างไม่น่าให้อภัย .....ยูริกำมือแน่น กัดปากข่มความโกรธจนหน้าแดง แล้วกระแทกเท้าตึงตังออกไปจากห้อง
ปังงงงงงงง
“ยูริจัง อยู่นี่เอง...มาทำอะไรแถวนี้เหรอ?”
แต่ยูริก็โชคร้ายนัก ที่ระบายอารมณ์ใส่ประตูเสร็จ ก็บังเอิญเจอเข้ากับนักข่าวโคยาม่าที่ตามทำข่าวของเขาอยู่พอดี
“กองถ่ายกำลังตามตัวผมแล้วมั้งฮะ ขอตัวก่อนนะฮะ” ยูริฝืนส่งยิ้มหวานให้อย่างสุภาพและเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮะๆๆ รีบเดินเถอะชิเงะ ป่านนี้เจ้ายูยะร้องโวยวายหิวข้าวจะเป็นจะตายแล้วล่ะมั้ง ขนมที่ทิ้งไว้ให้แค่นั้นคงไม่พอระคายไส้มันหรอก”
“แล้วทาคาคิคุงไม่ได้กินอาหารของโรงพยาบาลหรือครับ”
“รายนั้นไม่ยอมกินหรอก บ่นว่าไม่อร่อยมั่งล่ะ ไม่อิ่มมั่งล่ะ สุดท้ายก็เดือดร้อนเราต้องลงไปซื้อมาให้มันกินนั่นแหละ”
“เอาแต่ใจน่าดูเลยนะฮะเนี่ย”
“อืม จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ฉันก็ผิดที่ตามใจมาตั้งแต่แรก จนกลายเป็นแบบนี้”
“ยามะพี?? มาทำอะไรแถวนี้กันล่ะ” โคยาม่าทำหน้าสงสัย หากประธานบริษัทที่ยังหนุ่มแน่นของวงดนตรีชื่อดังที่สุดของยุคนี้มาเดินอยู่ในสถานที่แบบนี้ยามวิกาล ย่อมแสดงว่าต้องมีสมาชิกสักคนในวงA.N.JUMP อยู่ที่นี่ด้วย ....เลือดนักข่าวในตัวเขาไหลพลุ่งพล่านอย่างฉุดไม่อยู่ เมื่อลางสังหรณ์ที่แม่นยำของเขาร้องเตือนว่ามีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ใกล้ๆนี่เอง
โคยาม่าซ่อนตัวเองอยู่ข้างเสาพลางลอบสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ จนเมื่อยามะพีเปิดประตูเข้าไปในห้องๆหนึ่งซึ่งถ้าจำไม่ผิด เขาเพิ่งเห็นว่าจิเน็น ยูริเดินออกมาจากห้องเดียวกันนี้จะจะกับตาตัวเอง
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าจิเน็น ยูริ กับ A.N.JUMP อาจจะมีความสัมพันธ์ลับๆต่อกัน!!!!
ว่าแต่ใครล่ะ ที่อยู่ในห้องนั้น??
.
.
.
To be con
Talk : จิเน็นออกมาแล้ว!!! เป็นไปตามคาดหรือเปล่า หะๆ แต่คิดว่าน่าจะเดากันได้ไม่ยากนะ บทจิเน็นก็คือบทนานะนั่นเอง ใครทายถูกบ้างง?
พูดถึงละคร... คิดว่าทุกคนคงได้ดูกันไปแล้ว ...สมกับที่รอคอยจริงๆ กริ๊ดบ้านแตกไปตลอดเรื่องเลยทีเดียว หนังบ้าอะไรมีแต่ปู้จายหน้าตาดี!
แล้วก็เอิ่มมมม อิเคเมนฉายไป 2 ตอน ดำเนินเรื่องเร็วกว่าฟิก 5 ตอนของประอีก (ฮา)
...... เราจะพยายามสปีดเนื้อเรื่องบ้างอะไรบ้าง เวิ่นเว้อรื่นเริงกันเยอะไปละ 55+ ..... ใครติดตามอ่านอยู่ก็คอมเม้นบอกกันหน่อยน้า อยากรู้ฟีตแบค ..
เจอกันตอนต่อไป..หลังสอบ เน้อ
ความคิดเห็น