ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ]………… SHIKI SERIES………… [Hey! Say! JUMP]

    ลำดับตอนที่ #2 : [Natsu] .......... Dog Days ......Part End..... [Takaki Yuya x Arioka Daiki]

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 54


     สองวันต่อมา

     

                    "ไดจัง งานพิเศษเริ่มกี่โมงน่ะ?"

    พอหมดคาบวิชาที่เรียนปุ๊บ ยังไม่ทันได้เก็บของใส่กระเป๋า เรียวสุเกะก็หันมาตั้งคำถามใส่ทันที  ดวงตาใสปิ๊งนั้น วิบวับเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความหวัง

    ..... เชื่อเหอะ มาในรูปนี้แล้วคงจะมาอ้อนเอาอะไรซักอย่างเนี่ยแหละ ....

     

                    "5 โมง ทำไม? วันนี้มีอะไรล่ะ?" ไดกิกวาดสายตามองไปรอบห้อง ... ไม่ต้องบอกก็รู้ ไม่ต้องทำหน้าอยากรู้ ก็ดูออกว่าแอบฟัง.... มันปกติซะที่ไหนล่ะ อาจารย์เลิกสอน เดินออกไปจากห้องตั้งนานแล้ว แต่คนในห้องยังนั่งคุยเล่นกันอย่างหนาตา ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าสายตาแต่ละคนแอบเหลือบมาทางเขาเป็นระยะๆ

     

                    "ก็ เดี๋ยวจะปิดเทอมแล้ว วันนี้ไปกินไอศกรีมกันนะ ที่ร้านตรงสถานีน่ะ  ฉันเห็นมันเปิดใหม่ .... แต่ว่าเค้าจำกัดว่าต้องเข้าเป็นคู่  ไดจังไปกะฉันเหอะน้า แปบเดียวๆ"

    เขย่าแขนซะแทบหลุด ในที่สุดก็ยอมเออออไปจนได้  โถ ใครจะไปสู้สายตาแม่เจ้าประคุณทูนหัวได้ แป๋วแหววบ๊องแบ๊วไร้เดียงสาซะขนาดนั้น  ถ้าไม่ไป กลัวว่าจะมีน้ำตาเม็ดใสคลอลูกแก้วเม็ดสวยนั่นน่ะสิ

     

                    "มันต้องอย่างนี้สิเพื่อน" โดยไม่ให้ใครเห็น เรียวสุเกะอันเป็นที่รักของทุกคน แอบยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับตัวเอง ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ไดจังเพื่อนรักดังเดิม

     

     

    ทางด้านร้านหนังสือ

     

                    "เอ้.. ป่านนี้แล้วเจ้าเด็กบ้านั่นยังไม่โผล่หัวมาอีก ... ทาคาคิ!! ตู้นั้นไม่ใช่ นวนิยายไว้ที่ตู้นี้ต่างหาก เอ้อ"

                    "ขอโทษคร้าบ ก็ตู้มันเยอะนี่นา ผมก็มึนบ้างดิ แล้วฝุ่นมันก็ ฮะ..ฮะ...ฮัดชิ้วว"

    ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยได้จับหนังสือมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต  กว่าจะท่องจำได้ว่าหมวดไหน เลขอะไร อยู่ตรงไหนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับทาคาคิ ยูยะ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ค่อยจะได้ทำอะไรด้วยตนเองมาตลอดช่วงชีวิตวัยเด็ก

                    "เอ้าๆ จมกองฝุ่นตายไม๊นั่น พักก่อนก็ได้มา  รอเจ้าไดกิมาสอนงานนายอีกทีล่ะกัน"

                    "ก็ดีฮะ ฮัด..ชิ้ววว"

     

    ลุงนั่งลงจิบชาต่อ พลางชะเง้อมองไปนอกร้านเป็นระยะๆ  ไม่อยากจะลุกไปไหน  เดี๋ยวมันว่าเราก้าวก่ายหน้าที่ โดนมันด่าอีก เฮ้อ

                    "ทำอะไรน่ะ?" ลุงหันมาเห็นร่างสูงของยูยะ กำลังควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าก็ส่งเสียงถามออกมา

                    "อ๋อ ผมเป็นโรคติดนมน่ะฮะ เหอๆ" ตอบพลางใช้หลอดปลายแหลมจิ้มเข้ากับกล่องนม แล้วก็ทำหน้าแสนจะสุขสันต์เหลือหลาย

                    "ประหลาดดีว่ะ โตเป็นควายขนาดนี้แล้วยังติดนมอีก ทำตัวเป็นเด็กทารกไปได้"

    ยูยะไม่ใส่ใจจะฟัง นั่งเต๊ะท่าดูดนมกล่องเสียงดังฟืดๆ ด้วยมาดกวนๆกร่างๆ สไตล์เดิม ... ถึงไงก็แก้ไม่หายซะทีสิน่า

     

                    "ขอโทษที่มาช้าครับ  ลุง!!ยังไม่ต้องบ่น ผมมีคำแก้ตัว"

    เสียงดังที่มาก่อนตัว ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ทันทีว่าใคร  แต่ไม่ทันที่ลุงจะหันไปชำระความ ร่างบางๆนั่นก็พูดดักทางไว้เสียหมด จนลุงค้างไป ... ร่างสูงที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็แอบขำคิกคัก

                    "อะ.. อะไรวะ?"

                    "ผมมีธุระจำเป็นต้องไปเป็นเพื่อนเพื่อนของผมแถวๆสถานี"

    ไดกิก้าวเข้ามาในร้านอย่างเต็มตัว ถอดเป้วางไว้บนโต๊ะ  แล้วก็ลากเก้าอี้มานั่งเป็นเรื่องเป็นราว

     

                    "ธุระอะไรของแก?"

                    "กินไอศกรีม"

                    "หา!"  

    ทีนี้ 2 เสียงประสานกันด้วยความงวยงง ... กินไอศกรีมนี่เป็นกิจกรรมที่บรรจุอยู่ในขอบเขตของคำว่าธุระด้วยเรอะ!

                    "เห~!!!!!!!!!!!!!!!!"

    ทันทีที่ไดกิหันมามองเจ้าของเสียงอีกคนที่แหลมออกมานอกจากลุงเจ้าของร้าน  ตากลมโตของเขาก็แทบจะถลนออกจากเบ้าด้วยความคาดไม่ถึง

    เพื่อนใหม่ที่เพิ่งจะรู้จักกันเมื่อวาน เพื่อนร่วมงานที่ชื่อทาคาคิ โคตรจะโคตรคุ้นกับเพื่อนใหม่ที่มันกำลังกระดิกตีนดูดนมกล่องยี่ห้อแมวเหมียว!!! ท่าทางที่เค้าไม่มีวันลืมตลอดชีวิต!!!

     

                    "นายชื่อเต็มว่าอะไรนะ?" รอยยิ้มกว้างขวางเมื่อสักครู่ค่อยๆหุบลง แล้วหันมาตั้งคำถามใส่ร่างสูงที่นั่งดูดนมอยู่ด้วยสีหน้าจริงจัง

                    "หา!  อะเออ ทาคาคิ ยูยะ  ทำไมหรือ?"ไม่สงสัยได้ไงไหว  จู่ๆก็โพล่งถามขึ้นมาแบบนี้ .... ก็ตอนแรกยังไม่เห็นจะมีทีท่าว่าสนใจเลยนี่นา

                    "นายนี่เอง หึหึ" ไดกิไม่ตอบคำถาม เขาทำเพียงแค่เปล่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาดที่พาเอาคนฟังขนลุก โดยไม่สร้างความกระจ่างใจให้แก่ยูยะเลยแม้แต่น้อย

     

                    ในที่สุดก็พบกันอีกครั้งจนได้นะ ทาคาคิ ยูยะ!!

    ไม่แค่คุ้นแล้วเว้ย  ท่าแบบนี้มี 1 เดียวในโลก  อีมนุษย์ติดนมกล่อง!! รุ่นพี่ขี้กร่างที่โรงเรียนประถมเมื่อ 12 ปีก่อน .... ท่านยูยะผู้ยิ่งใหญ่ของโรงเรียน! ....ลูกพี่ยูยะของไอ้พวกลิ่วล้อไร้สมอง!!

     

     .......ภาพความทรงจำจางๆที่ไม่ยอมถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา ค่อยๆไหลย้อนกลับมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ .....ความรู้สึกต่างๆนานาที่เคยมีกับหมอนี่แต่เก่าก่อนค่อยๆผุดออกมาราวกับดอกเห็ด ทั้งรัก ทั้งชื่นชม ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด  ตีกันจนสับสนไปหมด

     

                    "เออ ไดกิ หลังจากนี้ก็ช่วยสอนงานให้ทาคาคิคุงหน่อยนะ วันนี้มันทำอะไรไม่ได้เรื่องเลย"

    คนถูกไหว้วาน ซึ่งปกติแล้วจะหันมายิ้ม รับคำอย่างว่าง่าย .... แต่ในเวลานี้ บัดเดี๋ยวนี้ ความรู้สึกต่อต้านที่สับสนข้างใน ก็ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ที่บ่งบอกความรู้สึกว่าเกลียดขี้หน้าหมอนี่เอามากๆ!!!!

     

                    "แล้วทำไมลุงไม่สอนเองเล่า!!"   ก็เลยพาลให้ตอบไปซะแบบนั้น

                    ยูยะทำหน้างงหนักกว่าเดิม

    ..... เราไปทำอะไรให้รึก็เปล่า .... เมื่อวานก็จากกันด้วยดี .... วันนี้ก็เพิ่งจะเจอหน้ากันด้วยซ้ำ .... ไหงวันนี้มาทำหน้าเหมือนโกรธเคืองกันมา 10 ปี อย่างนั้นล่ะ!!

     

                    "เอ้!! ไอ้นี่  ไม่ต้องมาอิดออด ไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร"

                    "ก็ได้ๆ สอนให้ก็ได้ ถือว่าเห็นแก่ลุงนะเนี่ย" ตอบรับไปส่งๆ ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าคนที่ก่อความแปรปรวนให้กับความรู้สึกของเขา

                    "ไม่ต้องมาบุญคุณ  มันหน้าที่แกด้วยซ้ำ...ไปๆทำงาน" โดนโบกมือไล่ขนาดนั้นแล้ว ไดกิก็ได้แต่พยักหน้าเมื่อยๆให้

                    "นายก็เข้าไปเด้ะ จะยืนอยู่ทำบ้าอะไร!" ทิ้งท้ายด้วยการหันมาแหวใส่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกซักทีเพื่อระบายอารมณ์ ... ยูยะก็ได้แต่ทำตามคำสั่งแบบมึนๆ

     

     ... ตกลงเขาไปทำอะไรให้เมื่อไหร่เนี่ย?

     

     

                    "ฮะ..ฮัดชิ้ววว"

    ตลอดการทำงานไม่กี่ชั่วโมงนี้ ยูยะที่มีประโยชน์แค่ช่วยหยิบจับ ส่งของ แบกลังหนังสือ(ง่ายๆว่าใช้แรงงาน)เพียงเท่านั้น.... บรรยากาศระหว่างนั้นก็เงียบกริบ  มีเพียงเสียงจามของร่างสูงดังขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น

                    "ผมกลับแล้วนะลุง"

                    "เอ้อ ไปเหอะ กลับกันดีๆนะ 2 คน ... ไดกิ อย่าไปกินหัวทาคาคิคุงเขานะเว้ย"

    ไดกิหันมายักคิ้วกวนๆใส่ลุงทีนึง  แล้วก็เดินจ้ำอ้าวๆหนีหายไปเลย  ไม่รอใครเพื่อกลับด้วยกันอย่างที่เคย .... ทิ้งให้ยูยะเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจเพียงลำพัง

     

    .... ตกลงนี่เขาทำอะไรผิด?? .... ทำไมวันนี้ถึงไม่ยอมพูดคุยด้วยเหมือนเมื่อวานอีกเลย  แถมยังปั้นปึ่งใส่เขาตลอด ชวนคุยด้วยก็ไม่คุย พอจะพูดเรื่องงานก็ถามคำตอบคำ ถาม 3 คำ ตอบครึ่งคำ  มันอะไรนักหนานะ?  ไม่เข้าใจจริงๆเลยให้ตายสิ .....

     

                    ไดกิที่เดินมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยอารมณ์กึ่มๆ หงุดหงิด สับสน ไม่เข้าใจตัวเอง กับความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ               

    ...... เค้าไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน คล้ายๆจะผิดหวังอย่างนั้นเหรอ  จู่ๆคนที่น่าจะเข้ากันได้ดี ก็กลายเป็นว่ามีความหลังฝังใจ ที่ไม่ชวนจดจำเอาเสียเลย ก็เลยทำให้มีความรู้สึกเหมือนกับว่าต่อต้านในทุกๆความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ

     

                    "ไง ไดจัง วันนี้กลับดึกนะ"

    ระหว่างที่ไดกิกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิดตัวเองนั้น หนุ่มร่างสูงที่กำลังยืนยิ้มรออยู่หน้าบ้านก็ทำให้เขาหลุดจากความสับสนนั้นจนได้

                    "อืม มีคนเข้าใหม่น่ะ ก็เลยต้องอยู่ช่วยงาน.... เคย์มีอะไรหรือเปล่า? มายืนรอเหรอ?"  กล่าวทักทายอย่างปกติ พร้อมกับยิ้มแห้งๆให้หนึ่งที เพื่อไม่ให้คนตรงหน้าเป็นห่วง

                    "ก็ไม่เชิง ฉันเพิ่งกลับมา .. ขอไปทัวร์ที่ห้องนะวันนี้" แต่พี่ชายข้างบ้านที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กอย่าง อิโนะ เคย์ ก็ดูออกอยู่ดีว่ามีเรื่องไม่สบายใจแน่ๆ เพราะถ้าปกติดี เจ้านี่จะไม่พูดจาธรรมดา ดูมีสัมมาคารวะแบบนี้แน่นอน (ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าไดกิติดนิสัยแบบนี้มาจากใคร)

                    "อือ ตามสบายเหอะ"

     

                    "มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า หรือโดนใครแกล้งอีก  บอกมาซิ ฉันจะได้ไปช่วยอัดมันให้น่วมไปเลย"

    รุ่นพี่ที่แสนดีเสนอตัวเองเข้าไปช่วย โดยตบๆกล้ามแขนที่แม้จะไม่ใหญ่โตมากมายแต่ก็แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ที่ไปซุ่มฟิตมาอย่างดีได้ซักพักใหญ่ และชูกำปั้นขึ้นมาหมายมั่นปั้นมือว่า พี่คนนี้พร้อมช่วยน้องได้เสมอ !!

     

                    "เปล่า ไม่มี" พอเห็นหน้าเซ็งโลกของไดกิแล้ว ก็หมดอารมณ์จะเล่นต่อ  เคย์จึงเปลี่ยนมาตั้งหน้าตั้งตาลากเจ้าของบ้านเข้าบ้านไปเลย

    พอมาถึงห้องแล้ว เคย์ก็กระโดดผลุงเข้าไปสุขสันต์อยู่กับตู้หนังสือในห้องทันทีทันใด  รื้อหาหนังสือน่าอ่านในตู้ไปซักพัก คนที่นั่งเงียบมานานก็เริ่มต้นพูดขึ้นมา

     

                    "เคย์  นายจำไอ้รุ่นพี่ขี้กร่างที่ฉันเคยเล่าให้ฟังได้ไหม?"

                    "อ๋อ รักแรกของไดจังน่ะเหรอ?"

                    "...เค้าจะมาทำงานที่ร้านหนังสือที่ฉันทำอยู่ จนหมดช่วงปิดเทอมฤดูร้อน"

                    "จริงอ้ะ. งั้นก็ดีน่ะสิ ไดจังก็รีบๆสารภาพรักไปเลยสิ"

                    "ไม่รู้สิ ฉันสับสน"

                    "สับสนอะไรอีก ก็ที่นายยอมเปลี่ยนตัวเองขนาดเนี้ย ไม่ใช่เพราะคนนั้นหรือไง ..โอกาสที่จะมาเจอกันได้แบบนี้น่ะ ไม่ใช่ง่ายๆนะเฟ้ย"

                    "โธ่ ก็มัน..แบบ..ไม่รู้อะ... ตอนนี้เกลียดขี้หน้าหมอนั่นมากๆเลย เวลาเจอหน้าทีไร มันพาลให้นึกถึงตอนที่เจ้านั่นโยนกล่องนมหมีน้อยของฉันทิ้ง  น่าหงุดหงิดชะมัดเลย คนบ้าอะไร!!"

    ถ้าเป็นไปได้  หากย้อนเวลากลับไปในตอนนั้น ถ้าเป็นไดกิในตอนนี้คงไม่นิ่งเงียบแล้ววิ่งร้องไห้เสียใจไปแบบนั้นหรอก ... คงมีได้ด่ากันซักยก 2 ยกล่ะ

     

                    "คิดแล้วมันก็แค้นใจตัวเอง ทำไมฉันถึงได้อ่อนแอแบบนั้น"

    "เจ้านั่นอาจไม่ได้ตั้งใจก็ได้..มั้ง  แต่ที่นายกำลังพูดอยู่น่ะ มันเป็นอคติที่นายสร้างมันขึ้นมาเองไม่ใช่หรือไง?”เคย์หยิบหนังสือติดมือออกมา 2-3 เล่ม แล้วเดินตรงเข้ามาหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนเตียง

     

                    "ลองนึกดูดีๆสิ  ความรู้สึกที่แท้จริงของนายน่ะ  บางที มองข้ามบางอย่างไปบ้างก็ได้นะ" ตบไหล่คนที่นั่งหน้าบูดพู่ยู่อยู่นิ่งๆเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะชูหนังสือในมือขึ้นมา

                    "ยืมนะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเอามาคืน นายเองก็นอนได้แล้ว ค่อยๆคิดก็ได้ ..งั้น ฉันเข้าบ้านแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์" พอคล้อยหลังเคย์ที่เดินออกจากห้องไปแล้ว ไดกิก็ทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนนุ่ม พร้อมกับถอนหายใจออกมายาวๆ

     

    .....นั่นสินะ  บางทีเค้าอาจจะอคติเกินไปเองก็ได้... เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว เจ้านั่นไม่มีทางจำได้อยู่แล้ว......ไม่เห็นยุติธรรมเลย ทำไมเค้าต้องมานั่งจดจำเรื่องแย่ๆไว้ได้คนเดียวด้วยนะ

     

                    .

    .

     

                    "เหงาจังเลยน้า"

    เสียงบ่นหงุงหงิงเล็ดลอดออกมาจากหนุ่มร่างเล็ก หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงที่กำลังนอนกลิ้งเล่นอยู่บนเตียงของพี่ชาย

                    "บ่นอะไรนักหนาฮะ ยูริ.... ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เห็นพูดประโยคนี้ไม่ต่ำกว่า 10 รอบแล้วนะ" ยูยะที่แต่งตัว เตรียมไปทำงานที่ร้านหนังสือ อดจะสงสัยท่าทีของน้องชายไม่ได้ ... วันนี้มันแปลกๆไป

     

                    "โธ่ นี่มันเข้าหน้าร้อนแล้วนะ ไหนจะปิดเทอมฤดูร้อนอีก ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนซะที แบบนี้มันเหงานะ" จิเน็น ยูริ ระบายความอัดอั้นในหัวใจด้วยการร้องแง่ดๆ พร้อมกับทึ้งหมอนในมือเล่น

                    "แล้วทำไมไม่มีแฟนตอนหน้าร้อน จะต้องเหงาอะไรซะขนาดนั้นด้วยฮะ ...ก็อยู่เป็นโสดแบบนี้มากี่ฝนกี่หนาวแล้ว ปกติสาวไม่แลก็ไม่เห็นจะเป็นจะตายเลยนี่"

    ...ใช่ว่า น้องชายของเขาคนนี้จะหน้าตาโหลยโท่ยจนไม่มีใครเอาหรอกนะ แต่บรรดาสาวๆเค้าบอกว่า สวยสู้ยูริไม่ได้ ก็เลยไม่มีใครกล้าคบด้วย เห็นจะมีแต่หนุ่มๆร่างบึ้กๆเนี่ยแหละที่เข้ามาคอยป้วนเปี้ยนด้วยแบบหัวกะไดไม่แห้ง

     

                    "มันไม่เหมือนกัน ฤดูร้อนน่ะนะ มันเป็นฤดูแห่งความรัก ถ้าใครไม่มีแฟนในหน้านี้น่ะนะ ก็ต้องทนแห้งเหี่ยวไร้คนแลเหลียว ไปพร้อมๆกับความร้อนแรงแห่งแสงอาทิตย์" ยูริ ที่พูดพร่ำเพ้อบรรยายถึงความปวดร้าว ยามขาดใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง

              อ่านการ์ตูนตาหวานมากไปหรือเปล่าช่วงนี้ ยูริหลุดออกจากการเพ้อฝัน หันขวับกลับมามองพี่ชายตัวเองทำหน้าขวางโลกอยู่ก็ส่ายหน้าเอือมๆ

                    "ยูยังล่ะก็นะ โตแต่ตัวซะเปล่า ช่างไม่เข้าใจโลกของหนุ่มสาวเอาซะเล้ย"

                    "......" ยูยะมองหน้าเด็กแก่แดดที่ว่าเขาปาวๆด้วยสีหน้านิ่งๆ ... จนยูริรู้สึกได้ถึงความมืดดำที่แผ่ซ่านจึงหลบออกจากห้องของพี่ชายไป

     

    จะว่ากันตามตรง ยูยะเองก็เป็นคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักเลยซักครั้ง

    ..... ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่เขาวางตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ยิ่งใหญ่ที่สุดในโรงเรียน .... ก็จะมีแต่เรื่องของลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดงอยู่ตลอด

    .... พอขึ้นมัธยม ก็จะมีแต่เรื่องเที่ยวเล่นกับเพื่อนไปวันๆ ไม่มีความฝัน ไม่รู้อนาคต ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยแต่ก็มีความสุขดี ..... ถึงบางครั้งจะรู้สึกว่ามันขาดสีสันอะไรบางอย่างไปบ้างก็ตาม

    .....แต่มันไม่เห็นจำเป็นจะต้องเดือดร้อนอะไรตรงไหนเลยนี่นา  ก็แค่ไม่มีแฟนน่ะ ....

     

     

                    "ฮ้าดด.. ชิ้ววว"

    เสียงจามเป็นรอบที่ร้อยของวัน สร้างความหงุดหงิด รำคาญใจแก่บุคคลที่อยู่ใกล้ชิดอย่างมาก โดยเฉพาะคนที่กำลังตั้งใจเรียงหนังสือตามหมวดตามหมู่ ต้องมาสะดุ้งตกใจเสียงจามของไอ้บ้านี่เป็นระยะๆอีก

     

                    "เอ้า เอาไปใช้ซะ จามอยู่ได้ทั้งวัน"

    ในที่สุดก็ทนไม่ไหวซะเอง .... ไดกิเดินตรงไปยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ พลางตำหนิด้วยสายตา

     

                    "ขอบคุณ...." ยูยะยิ้มบางๆ รับผ้ามาถือไว้ พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณออกมา

    ถึงสีหน้าคนให้จะฉายชัดว่าให้มาด้วยความรำคาญ แต่สิ่งที่แฝงอยู่ในนั้นล่ะ .....ความอ่อนโยนและก็ใจดีของคนๆนี้ ทำให้เขายิ้มได้ทุกครั้ง  ถึงจะทำท่ารังเกียจกันขนาดไหน แต่ก็ยังมีกะใจมาสนใจดูแล

     

                    "เอ้ ลุงนี่  ก็เพิ่งบอกอยู่หยกๆว่าน้ำชามันร้อน รอให้มันอุ่นก่อน .... เป็นไงล่ะ ลวกปากพองเลยไหม?"

                    "เออๆ .. ก็ลืมนี่หว่า.. อู้ย ร้อนๆ"

    เผลอแปบเดียว คนใจดีก็ไปโผล่อยู่หน้าร้าน วุ่นวายอยู่กับการพยาบาลลุงเจ้าของร้าน ที่สนิทกันจนจะกลายเป็นครอบครัวอยู่แล้ว ....ระหว่างที่หายามาให้ ก็บ่นไป เหน็บแนม หัวเราะเยาะไปตามโอกาส อย่างกับผู้ใหญ่พร่ำสอนเด็กซนๆ ที่ชอบหาเรื่องเจ็บตัวเลยทีเดียว

                    "ฮ้าดด...ชิ้ว!!!"

    .... ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เผลอหลงรักความใจดีของคนๆนี้เสียแล้ว......

     

     

                    "นี่ ไดกิ เย็นนี้ไปดูดอกไม้ไฟกันไหม  มีงานเทศกาลที่ตลาดๆใกล้ๆนี่เอง"

    ไดกิที่กำลังห่อปกหนังสือบางส่วนอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองหน้าลุงเจ้าของร้านอย่างงงๆ

    .... วันนี้มาแนวแปลกๆแฮะ ...

     

                    "ไม่มีเพื่อนหรือไงลุง โถๆ ก็อย่างงี้แหละน้า คนมันแก่แล้ว ใครจะอยากไปกับคนแก่ๆ" เน้นย้ำสถานภาพซะจนคนมาชวนเกิดอาการคันตีนขึ้นมาตงิดๆ  แต่พอดีเหลือบไปเห็นเจ้ากองหลังที่ส่งกำลังใจเย้วๆอยู่หลังตู้หนังสือใบเขื่องที่พอจะอำพรางตัวได้อย่างมิดชิด ก็ต้องตบเท้าระงับอาการเอาไว้ก่อน เดี๋ยวเด็กมันจะหาว่าเราไม่มีน้ำยา

     

                    ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุที่มันมาปรนนิบัติพัดวี ขอความช่วยเหลือ ให้ลุงไปช่วยชวนไดกิไปงานเทศกาลเย็นนี้ ก็พนมมือไว้ปะหลกๆ ขอให้ลุงแข็งใจชวนให้สำเร็จก่อนได้ลงไม้ลงมือ ตบกบาล คนช่างพูดมันซักป้าบ

                    "แล้วจะไปไม๊!!"

                    "เออ ไปก็ด้ะ! สงสารคนเฒ่าคนแก่อะนะ"

    ยูยะหลับตาปี๋ ไม่อาจทนดูต่อไปได้  เมื่อคำตอบหลุดออกมาจากปากของเป้าหมายแล้ว  ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ลุงจะต้องยั้งไม้ยั้งมืออดใจไม่ทำร้ายเด็กปากมากอีกต่อไป

     

    ผลัวะ~!!!

                    "โอ้ยย!! ลุง มันเจ็บนะ ทำงานอยู่ไม่เห็นเหรอไง เกิดมันพังขึ้นมาลุงรับผิดชอบเลยนะ!!"

    ไดกิเอามือคลำหัวตัวเองป้อยๆ พลางส่งค้อนให้คนที่ลอบทำร้ายตนเองด้วยสีหน้าแช่มชื่นเป็นระยะๆ ... ร่างสูงที่แอบดูเหตุการณ์อยู่หลังตู้ก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้

     

     ..... น่ารักจริงๆเลยน้า...

                   

     

                    แสงอาทิตย์อันเจิดจ้า ราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งให้หลอมละลาย ได้ลับลงสู่ขอบฟ้าเสียแล้ว ท้องฟ้าสดใสที่เห็นมาตลอดวันนั้นถูกครอบคลุมด้วยความมืดมิดของค่ำคืน เสียงจิ้งหรีดที่ดังคลอมาจากที่ไกลๆ ผสานกับความสว่างสดใสของพลุงานเทศกาล ..... ช่างเป็นสีสันแห่งฤดูกาลที่น่าหลงใหลเสียเหลือเกิน

     

                    "อ้ะ~!!!"

                    "หวัดดี ไดจัง"

    ไดกิอดจะอุทานออกมาอย่างตกใจเสียมิได้  เมื่อเห็นเจ้าคนที่ยืนโบกมือหยอยๆ ยิ้มหวานทักทายในระหว่างที่เขากำลังพาลุงเจ้าของร้านหนังสือเดินเที่ยวรอบๆงาน

                    "ลุง หมายความว่าไงเนี่ย!!" ไดกิแอบหรี่ตามองลุงอย่างจับผิด

    ... จะเป็นไปได้เร้อ ทั้งที่คนออกจะเยอะแยะขนาดนี้  ยังอุตส่าห์มาเจอกันจนได้.... ถ้าไม่มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังน่ะ!!

     

                    "อะไร๊  บังเอิญไงบังเอิญ  ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมาเจอกันเลยนะเนี่ย" ลุงทำตาโต พูดเสียงคีย์สูง  กลัวเค้าไม่รู้ว่ามีพิรุธเลยจริ๊งๆ

                    "น่าเชื่อตายล่ะ"

                    "เอ้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  เราไปเที่ยวด้วยกัน 3 คนเลยดีกว่า เนอะ" หันไปพยักพเยิดกับร่างสูงที่ยิ้มตอบรับอย่างไม่เกี่ยงงอน 

     

    ..... สุดท้ายไดกิก็ยอมเดินไปด้วยกันจนได้ ในเมื่อไม่มีทางเลือกไหนที่ดีกว่านี้แล้ว.... ยังไงเที่ยวหลายคนมันก็สนุกกว่า  อีกทั้งความรู้สึกเคืองแค้นแต่เก่าก่อนที่โหมพัดกระพือในช่วงแรกๆ  ก็ค่อยๆมอดไหม้ดับลงจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมตลอดหลายวันที่ผ่านมา ก็ไม่จำเป็นต้องรังเกียจรังงอนอะไรอีกแล้วนี่นา

                   

     

                    "โอ้ย เมื่อยๆ ข้าจะนั่งรอดูดอกไม้ไฟตรงนี้แหละ  สองคนจะไปไหนก็ไปๆ"

    เดินเที่ยวกันมาได้พักใหญ่ ลุงที่ทำท่าจะเป็นจะตายหากต้องเดินไปไหนอีกเพียงสักก้าวเดียวก็เข้าไปจับจองที่นั่งในศาลาริมน้ำ ตั้งท่าว่าจะนอนเล่นอยู่แถวนี้ ไม่ไปเดินเล่นในงานต่ออีกแล้ว

     

                    "ไม่เอา ผมนั่งเป็นเพื่อนดีกว่า" ไดกิผู้แสนอ่อนโยนก็ยังมีน้ำใจ ขออยู่โยงเป็นเพื่อนซะอย่างงั้น

    .... ลุงที่อุตส่าห์ลงทุนสำออย แกล้งทำเป็นเหนื่อยทั้งๆที่ยังแข็งแรง เตะปี๊บดังอยู่อีกหลายปี ก็ขยิบตาส่งซิกให้ร่างสูงที่ยืนไม่รู้เรื่องรู้ราวเป็นพัลวัน

                    "เฮ้ย อะไร ยังหนุ่มยังแน่น อย่าทำตัวเป็นคนแก่น่า ไปเดินเที่ยวกันไป อย่ามากวน คนจะนอน"

                    "นั่นสิ ลุงแกเดินเหนื่อยแล้วล่ะ" ยูยะพยายามหาเหตุผลส่งเสริมเต็มที่

                    "เรอะ เหนื่อยเป็นด้วยรึไง" ไดกิเขม่นมองหน้าลุงด้วยสายตาจับผิด

    .... ก็เห็นว่ายังซ่าส์อยู่หยกๆ บทจะมาเหนื่อยก็เมื่อยกันปุ๊บปั๊บเชียวนะ ....

                    "เอาอย่างนี้ เราไปซื้อดอกไม้ไฟมาเล่นกันใกล้ๆนี่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงลุงไง" ยูยะเสนอทางเลือกใหม่ ที่ค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน

                    "อือ ก็ไปซื้อสิ!  ยืนเฉยๆมันจะเดินมาหารึไงเล่า!"

     

     

    ไดกินั่งยองๆมองไฟเย็นในมือ ที่มีเปลวไฟเล็กๆกระจายอยู่รอบๆ สลับกับมองคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการรื้อถุงดอกไม้ไฟที่เพิ่งซื้อ ออกมากองไว้เต็มไปหมด

                    "นี่นายกะจะซื้อไว้เผื่อเล่นปีหน้าเลยหรือไง" ก็เลยอดที่จะแซวไม่ได้

    .... เล่นซื้ออย่างกับคนบ้า แล้วทีอย่างงี้ก็มาเลือกไม่ถูกว่าจะเล่นอันไหนดี เพราะมีเยอะเกิน

     

                    "ก็มันเลือกไม่ถูกนี่นา อันไหนๆก็น่าเล่นไปหมด  นายก็ มาเล่นด้วยกันนะ"

                    "ตามสบายเถอะ"

                    "โหย เล่นคนเดียวมันจะไปสนุกอะไร"

    ประจวบกับยูยะที่เลือกดอกไม้ไฟขึ้นมาได้ห่อหนึ่ง ก็ลงมือจุดแล้วโยนลงไปที่พื้น .... ทันทีที่เจ้าดอกไม้ไฟนี่เกิดประกายไฟ มันก็วิ่งพล่านไปตามพื้นด้วยความรวดเร็ว...ไดกิถึงกับสะดุ้งลุกขึ้นกระโดดหนีอย่างแตกตื่น

     

                    "เล่นอะไรของนายเนี่ย เฮ้ย!"

                    "ดอกไม้ไฟหนูไง วิ่งเร็วเหมือนหนูไหมล่ะ ฮ่าฮ่า"

                    "แกล้งกันเหรอ เดี๋ยวเหอะ!" ถึงคำพูดจะมีแววของความหงุดหงิด แต่ถ้าดูจากสีหน้ายิ้มแย้มสนุกสนานที่ไม่ได้สัมผัสมานานจากไดกิแล้วก็พลอยให้ร่างสูงใจชื้นขึ้นบ้าง

    ยูยะยืนกลั้นขำไดกิที่ร้องโวยวายขณะกระโดดหลบเจ้าหนูที่มีเปลวไฟกระจายว่อนออกมารอบๆตัวมันจนเมื่อไฟมอดหมดไป

    ด้วยโอกาสนั้นเอง ไดกิวิ่งไปรื้อของในถุงใหญ่ที่เพิ่งซื้อกันมา ....คาดว่าน่าจะหาขีปนาวุธรุ่นจิ๋วมาทำลายล้างแก้แค้นเขาเป็นแน่แท้

                    "ยูยะ!! นายเสร็จแน่" ใบหน้าหวานยิ้มเหี้ยม พลางจุดไฟบนขีปนาวุธชิ้นนั้น  ก่อนจะปล่อยโยนมาทางที่ร่างสูงยืนอยู่ พร้อมกับหัวเราะชอบใจที่เห็นยูยะหน้าตาตื่นแล้ววิ่งหนีเอาเป็นเอาตาย

                    "เหวอ ร้อนๆๆ!!"

    ค่ำคืนนี้ก็เลยอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะของสงครามดอกไม้ไฟของคนทั้งคู่

     

                    หลังจากที่วิ่งเล่น วิ่งไล่กันมาจนเหนื่อย  ไดกิก็มานั่งพักอยู่ริมแม่น้ำ นั่งมองไฟเย็นค่อยๆขดตัวเปล่งประกายไฟเล็กๆออกมา ...ยูยะที่แอบมานั่งอยู่ข้างๆก็แอบใช้ไฟเย็นวาดเป็นรูปหัวใจบนพื้นอย่างสวยงาม กะจะสะกิดไดกิให้หันมาดู

                    "อ้าว หิ่งห้อยนี่ ยังหลงเหลืออยู่อีกหรือเนี่ย"

    แต่เจ้ากรรม  ไดกิที่มัวตื่นเต้นกับแสงสีเหลืองนวลของหิ่งห้อยที่บินอยู่ริมน้ำ  เลยเดินไปเหยียบรูปหัวใจที่ใครบางคนตั้งใจเขียนขึ้นมาโดยบังเอิญ  เล่นเอาร่างสูงหน้าเจื่อนไป

     

                    "คงเพราะอยู่ใกล้ป่าล่ะมั้ง.." แอบเสียเซลฟ์เล็กๆที่โดนเหยียบย่ำหัวใจดวงน้อย  แต่ยูยะก็ไม่ย่อท้อ ใช้ไฟเย็นในมือลองวาดในอากาศเล่นๆ ปรากฏเป็นเส้นสายเล็กๆเพียงชั่วขณะเดียวก็เลือนลาง .... ร่างสูงยิ้มกับตัวเองน้อยๆ แล้วหันไปเรียกไดกิให้หันมามอง

                    มือเรียวบรรจง เขียนความในใจเป็นตัวคันจิสั้นๆว่า   - -

     

                    "เห็นใช่ไหม" พยายามข่มความขลาดเขินในน้ำเสียงลงไป  ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    ไดกิซุกหน้าลงบนเข่า  พยักหน้าน้อยๆ  พยายามปกปิดความระเรื่อแดงบนผิวแก้มที่ร้อนระอุ

                    "แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฉันก็อยากให้นายจดจำไว้ตลอดไป"

     

    ความเงียบ ไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ .....แต่ก็ไม่มีอะไรที่พอจะเป็นหลักยึดให้ร่างสูงได้มั่นใจเลยว่า คนตรงหน้านี้ยังไม่เลิกโกรธเคืองเขา ด้วยเรื่องอะไรก็ยังไม่รู้อีกแหละ  

    "ไม่เป็นไรนะ  ถ้านายลำบากใจ เอาเป็นว่าฉันแค่อยากให้ไดจังได้รับรู้ความรู้สึกของฉันไว้เท่านั้น" พอทำท่าว่าตัวเองจะต้องอกหักช้ำรักก็ตัดสินใจลุกขึ้น

     

    ... แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งรั้งเอาไว้ ....

     

                    "จะไปไหน?!"

     

                    แม้เสียงนั้นจะดังกว่าเสียงกระซิบมากอยู่ก็ตาม แต่เขาจำเสียงนี้ได้เสมอ .... ร่างสูงหันกลับไปอย่างช้าๆ ยังไม่กล้ามองหน้าของอีกฝ่ายเท่าไหร่ กลัวว่าจะต้องเจอคำปฏิเสธหรืออะไรที่ทำร้ายจิตใจได้พอกัน

     

                    "แล้วนายจะไม่รอฟังฉันพูดบ้างหรือ? ความอดทนสั้นชะมัด!"

                    "ก็มันไม่มีหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ นายก็ทำท่าไม่ชอบขี้หน้าฉันซะขนาดนั้น" บ่นหงุงหงิงออกไปตามอารมณ์น้อยอกน้อยใจ ... ไปทำอะไรให้ก็ไม่รู้ จู่ๆก็โดนเกลียดขี้หน้าซะเฉยๆ

     

                    "นายจำได้ไหม ว่าเราเคยเจอกันมาก่อน"

                    "เห???"

                    "ฉันน่ะ เคยชอบนายมาก่อนด้วย"

                    "เห??????” ยูยะทำหน้ามึนตื้บ

     .... เคยมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ แล้วทำไมเค้าจำไม่ได้อ่ะ เฮ้ย! ถึงจะรู้ตัวว่าไม่ใช่คนความจำดี แต่ถึงขนาดลืมคนที่มาชอบมันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรื่องแบบนี้ผ่านมาในชีวิตเค้านับครั้งได้

     

                    "นายคงจำไม่ได้ ช่างมันเถอะ"

                    "ขอโทษนะ ฉันจำไม่ได้จริงๆว่าเคยรู้จักนาย"

                    "จำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก"

                    "อ้าว"

                    "คนที่ทำตัวแปลกน่ะมันฉันเอง ทำตัวงี่เง่า คิดหาเหตุผลบ้าบอมาคอยต่อต้านความรู้สึกจริงๆในใจ"

                    "เรื่องที่นายทำไว้  ฉันจะลืมๆมันซะก็ได้ เพราะจนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังเผลอชอบนายเข้าอีกจนได้ ยูยะ"

     

                    บรรยากาศของหน้าร้อนยามค่ำคืนที่สว่างไสวไปด้วยสีสันของดอกไม้ไฟ ..... งานเทศกาลที่คนพลุกพล่าน ..... เสียงหรีด หริ่ง เรไรที่ดังแว่วแต่ไกล .... แสงเหลืองนวลของหิ่งห้อยที่บินอยู่ริมน้ำ  ..... บรรยากาศของความรักหน้าร้อนที่หลายคนใฝ่ฝัน  ไม่ทันได้คาดคิดก็ได้มาไว้ในมือเสียแล้ว ....

     

    ......ความสุขที่เกิดจากการที่ได้รักใครซักคน และมีใครซักคนที่มารักเรา........

    .... เป็นความสุขที่แตกต่างจากความสุขแบบเด็กๆ ที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆและบ่อยครั้ง .....

    .....โลกแห่งความรักที่ใครๆก็ใฝ่หา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าร้อนแบบนี้ด้วยแล้ว

     .... ผมโชคดีจริงๆเลยล่ะ ที่มีโอกาสได้สัมผัสกับมัน^^ .......

     

     THE END


    To be continue 

    Next Season “Jyogen no tsuki”


    .....ก็จบไปล้วสำหรับฟิกฤดูร้อน .. แม้ปีนีจะอากาศหนาวผิดปกติไปมากก็ตาม ฮ่าๆ
    ....หวังว่าคงจะสนุกกันนะคะ......
    ....ติชมกันได้นะคะ คอมเม้นได้แม้ไม่ต้องล็อคอิน^^ .....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×