ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ & SexyZone].......3 Kyoudai The Series .......

    ลำดับตอนที่ #13 : ONE KISS 02

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 56


     

    02

     

    Tululu…. Tululu…..

     

    นี่...มือถือนายดังอยู่นานแล้วน่ะยูมะ

     

    ไอดอลคนดังอย่างเรียวสุเกะกำลังนั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟาหลังจากที่กินอาหารเย็นไปเรียบร้อยแล้ว

     

    ยามะจังดูให้ที มือผมมีแต่ฟองเต็มเลย ....ส่วนหมาบ้านอย่างยูมะกำลังล้างจานอยู่ในครัวอย่างขยันขันแข็ง

     

    เรียวสุเกะหยิบโทรศัพท์ที่มันดังไม่หยุดจนน่ารำคาญขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้า พี่ยูยะโทรมาน่ะ...เอาไง

    อ๋อ งั้นยามะจังรับสายแทนผมไปเลย บอกว่าเดี๋ยวโทรกลับเอง ....ยูมะตะโกนบอกจากในครัว

     

    เรียวสุเกะจิ้ปากนิดหน่อย....บังอาจมาใช้ซุปตาร์ยอดนิยมทำนู่นทำนี่นะเดี๋ยวเถอะ ....

    แต่เอาเถอะ ตอนนี้เขากำลังใช้ให้มันล้างจานสำนึกผิดอยู่ในครัว....จะรับสายให้ก่อนก็ได้ เพราะเห็นท่าว่าคนที่โทรมาจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆเหมือนกัน

                   

                    ครับ...

                    ///รับสายได้แล้วเหรอ ไอ้น้องชายสุดที่รัก////

                    ....แค่กรอกเสียงไปแค่คำเดียว ปลายสายก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับว่ารออยู่นานแล้วด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้ขนลุกจริงๆ

     

                    เอ่อ ผมไม่ใช่...

    ///แกทำฉันเจ็บแสบแปลบปลาบมากนะ กล้าดียังไงที่ปล่อยให้โชริไปเที่ยวกับผู้ชายสองต่อสองน่ะห๊าาา!!! ถ้าเกิดไอ้หมอนั่นมันคิดไม่ซื่อกับโชริล่ะจะว่ายังไง ไว้ใจได้แค่ไหนกัน!!///

    ....เรียวสุเกะรีบเอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน นอกจากจะรัวมาเป็นชุดแล้วยังไม่ยอมฟังชาวบ้านพูดอีก

     

    ///เงียบทำไมวะยูมะ แล้วนี่อยู่ไหน....///

     

    เค้าอยู่บ้านผมเอง

    ...เรียวสุเกะที่อารมณ์เสียขึ้นมาหลังจากที่โดนรัวใส่อยู่ฝ่ายเดียวก็เลยแกล้งตอบไปแบบนั้น

     

    ///ห้ะ แกเป็นใครเนี่ย!/// น้ำเสียงปลายสายดูร้อนรนขึ้นมาทันที

     

    ผมชื่อยามาดะ เรียวสุเกะ

     

    ///ยามาดะ....อ้ะ ยามะจังซุปตาร์แฟนมันน่ะนะ!!!!///

    เรียวสุเกะยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูอีกครั้ง.... เขาไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยว่าจะตะโกนเสียงดังอะไรนักหนา ในเมื่อก็คุยโทรศัพท์กันอยู่สองคนแค่นี้เอง...

     

    เอาเป็นว่าคืนนี้เค้าจะค้างที่บ้านผม...โอเคนะ พรุ่งนี้ผมมีงานเช้า แล้วไม่ต้องโทรมากวนอีกล่ะ”  

    เรียวสุเกะพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็ตัดสายไปซะเฉยๆ.....

     

    “มาแล้วๆ ...เมื่อกี้พี่ยูยะว่าอะไรรึเปล่า” ยูมะอดสงสัยไม่ได้ที่ออกมาเห็นยามะจังยังกำมือถือของเขาไว้ในมือ แถมยังทำหน้าเหมือนสะใจ สาสมใจกับอะไรสักอย่างหนึ่ง

    “ยูมะ...”

    “หืม”

    “วันนี้นายนอนที่นี่นะ” เรียวสุเกะพูดด้วยเสียงเรียบๆ

    “อืม..ห้ะ!!! ยามะจังว่าไงนะ” ยูมะเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน เกิดความไม่มั่นใจ เสมือนเมื่อครู่หูฝาดกะทันหันจนต้องถามย้ำเพื่อความมั่นใจอีกรอบ

    “หูแตกเหมือนกันทั้งบ้านหรือไง ก็บอกว่าคืนนี้ให้นอนที่นี่...” ร่างเล็กเริ่มใส่อารมณ์... ถ้าให้พูดอีกรอบสาม เขาจะเปลี่ยนเป็นไล่มันกลับบ้านซะเดี่ยวนี้เลย

    “ครับ!!.. ว่าแต่ทำไมล่ะ ก็เมื่อกี้ยัง...” แค่เรื่องสัญชาตญาณตามธรรมชาติยังโมโหโกรธาแล้วก็ไล่เขาไปล้างจานสำนึกผิดในครัวอยู่เลยอ่า...แล้วอยู่ๆจะมาอนุญาตให้นอนค้างด้วยได้เนี่ยนะ

     

    “หุบปากไปเลย!! หรืออยากจะกลับบ้านไปโดนฆ่าก็ตามใจ ..

     ....อ่า พอพูดมาถึงตอนนี้ เขาเริ่มจะรำลึกได้ล่ะ ว่าตัวเองทำอะไรไว้... สงสัยความแตกถึงพี่ยูยะแล้วแน่เลย ถึงจะมาขู่ฆ่าอาฆาตน้องแบบนี้....

    “ไม่คร้าบ~ ตายที่นี่ดีกว่าเยอะเลย” ...ยูมะฉีกยิ้มเต็มแก้มแล้วก็กระโจนเข้าไปใส่ร่างเล็กบนโซฟาแล้วเริ่มกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างหมันเขี้ยว

     

    “โอ้ย หนัก อึดอัด ออกไป๊!!

     

    ......น่ารักจริงๆเลยน้า ยามะจังของผม......

     

    .

    .

     

    ตีสองแล้ว

     

    บรรยากาศด้านนอกช่างเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟตามทางกับเสียงแมลงกลางคืนเท่านั้นในเวลานี้ ........

    แต่ถึงกระนั้นผู้ชายตัวโตอย่างทาคาคิ ยูยะก็ยังออกมาเดินท่อมๆนอกบ้านแบบหาได้มีความหวาดกลัวสิ่งใด.....

     

    ....โอเค ยกเว้นสิ่งเร้นลับน่ากลัวๆไว้อย่างนึงละกัน ...อย่าไปพูดถึงมันสิ!....

     

    ก่อนหน้านี้เขาช็อคกับความสัมพันธ์ของยูมะกับไอดอลคนสวยแฟนมัน... ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อว่าไอ้น้องชายหน้าตาซื่อบื้อของเขามันจะมีน้ำยาถึงขนาดที่ว่าไอดอลของประเทศออกตัวปกป้องมันขนาดนี้......

     พอทำใจให้สงบได้ เขาก็กลับไปลุยกับงานเขียนต่อ ....... และเขาก็เริ่มเครียดมากขึ้นทุกทีที่เขียนไปได้ไม่เท่าไหร่เขาก็พบกับทางตัน ด้วยปัญหาใหญ่ที่เขาเพิ่งถูกจิเน็นตำหนิมาว่ามันทำให้งานเขียนเขาไม่พัฒนา.....

    ....จริงๆเขาก็เคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันล่ะ ว่าถ้าวันหนึ่งนิยายขายฝันของเขามันถึงจุดอิ่มตัว มันขายไม่ได้.... .

    .....เขาจะทำยังไงต่อไปดี.....

     

    “ยินดีต้อนรับครับ....”

    เสียงพนักงานในร้านคอมบินี่ใกล้ๆบ้านเขายังคงสดใส แม้จะเป็นในยามวิกาลแบบนี้ก็ตาม

     

    ......ยูยะมักจะออกมาเดินเล่น หาแรงบันดาลใจ รวมทั้งหาอะไรกินแก้หิวแก้เครียดในคอมบินี่ในเวลาที่ทุกๆคนหลับสนิทไปแล้วอยู่บ่อยๆ..... และการมาของเขาก็มักจะออกมาด้วยชุดอยู่บ้านเต็มยศ ชุดจินเบสีพื้นๆ สวมแว่นสายตา หัวเหอชี้ฟูกระจุยกระจายแถมยังมัดเป็นน้ำพุแบบลวกๆอีกต่างหาก....

     

    ......เขาชอบมาซื้อของที่คอมบินี่ในเวลาแบบนี้ เพราะเขาสบายใจที่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไม่ต้องแสร้งแต่งตัวดูดีให้ใครมาคอยชื่นชมหรือนินทาเป็นขี้ปากของสังคม.....

     

    ......ดึกๆขนาดนี้ ที่คอมบินี่ไม่ค่อยมีคน...ไม่มีใครมาคอยสนใจ ไม่มีใครรู้จักเขา.......

     

    ยูยะหยิบตะกร้ามาได้ก็เดินวนรอบร้าน ยืนอ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ หรือแม้แต่กอซซิปดารา ก่อนจะเตร่ไปโกยพวกขนมขบเคี้ยว แล้วก็เครื่องดื่มประเภทกาแฟมาจนเต็มตะกร้า แล้วจึงไปวางบนแคชเชียร์เพื่อคิดเงิน.... เขาไม่ได้สนใจอะไรนอกจากกำลังก้มหน้าก้มตาเปิดกระเป๋าตังค์และรอฟังยอดที่ต้องชำระเท่านั้น

     

    “คุณคือทาคากิเซนเซย์ใช่มั้ยครับ”

     

    หา!!~

                    แทนที่เขาจะได้จำนวนตัวเลขที่เค้าควรควักมันออกจากกระเป๋า ...แต่เขากลับได้คำถามที่ชวนให้ตกใจจนต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายให้ชัดๆ

     

    “เอ่อ หรือว่าผมจำผิดคน” ดวงตากลมโตนั้นมีแววฉงนฉงายได้อย่างน่าเอ็นดู

     

    .... เด็กคนนี้เป็นผู้ชาย ถึงจะตัวเล็กผอมบาง แล้วก็หน้าหวานมากก็เถอะ... ยิ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของร้านที่เหมือนจะใหญ่เกินขนาดตัวแบบนี้ยิ่งดูตัวเล็กเข้าไปใหญ่

    .....ยูยะเผลอตัวจ้องหน้าเด็กผู้ชายตรงหน้าอย่างตั้งใจเกินไปหน่อย จนอีกฝ่ายทำท่าเหมือนหวาดกลัวนิดๆ ก็รีบตั้งสติ

     

    “อ่ะ...เอ่อ ไม่ผิดหรอก......แต่ว่า... นายรู้?

    ยูยะหมายถึงว่าเด็กคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นนักเขียน..... เขาแน่ใจว่าปิดเป็นความลับและไม่เคยประกาศออกสื่อที่ไหนมาโดยตลอด .....เพื่อนสมัยเรียนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

     

    ....แล้วเด็กนี่เป็นใครกันนะ?.....

     

    “แหะๆ ขอโทษนะครับ แต่พอดีผมบังเอิญไปได้ยินพวกคุณคุยกันที่ร้านกาแฟ ....แต่ว่าผมชอบงานของคุณมากๆเลยนะครับ” ...เด็กหนุ่มก้มหัวขอโทษที่ไปเสียมารยาทฟังลูกค้าคุยกัน ก่อนจะเปิดยิ้มหวานเอ่ยชมผลงานอย่างจริงใจ

     

     

     

     

    “ขอบคุณนะ ....เอ...อ๋อ จำได้ละ นายคือเด็กเสิร์ฟคนนั้น”

    ....ยูยะจำรอยยิ้มน่ารักๆอย่างที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่นี่ได้ติดตา... ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งในสถานที่ๆคาดไม่ถึง ... ทั้งๆที่เขาเองก็มาที่นี่ เวลาประมาณนี้เป็นประจำ แต่กลับไม่เคยเห็นเด็กคนนี้เลยสักครั้ง....

     

    “อ่า ดีใจจังที่จำผมได้ด้วย”

    ยูยะได้แต่เกาหัวเขินๆ ไม่รู้จัดการกับสถานการณ์แบบนี้ยังไงดี....แต่แล้วมือเขาก็ไปสัมผัสได้ถึงจุกน้ำพุน่ารักที่อยู่บนหัวกบาลแสนยุ่งเหยิงไม่แคร์สื่อ

    “เฮ่ยยยย” ....เห็นทีว่าต้องแคร์บ้างซะแล้วล่ะนะ....

    ยูยะรีบดึงจุกปัญญาอ่อนนั่นออกอย่างรวดเร็วแล้วรีบขยี้ให้มันกลับสู่สภาพเดิม ...แต่ยูยะเองคงไม่รู้ว่าบางส่วนมันยังเด้งกลับไปชี้โด่ชี้เด่ประจานอยู่อย่างเก่า....

    เด็กหนุ่มยิ้มขำในความเอ๋อของคุณนักเขียนในดวงใจ ..แล้วตั้งใจก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ยิ่งสแกนบาร์โค้ดของในตะกร้าแต่ละชิ้น เขาก็ยิ่งหยุดขำไม่ได้สักที.... ก็ของในตะกร้ามันมีแต่ขนมหลอกเด็กน่ะสิ!

     

    “นายเพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย” ยูยะพยายามชวนคุยกลบเกลื่อนสถานการณ์

    “เปล่าครับ ..แต่ปกติผมอยู่กะกลางวัน วันนี้แลกกะแบบเฉพาะกิจน่ะฮะ”

    “อ๋อ...ถึงว่าล่ะ” ...เขาถึงไม่เคยเห็นพนักงานที่หน้าตาน่ารักขนาดนี้....

    “...ต่อไปนี้ทำงานกะนี้ดีกว่า” เด็กหนุ่มพูดพึมพำเหมือนคุยกับตัวเองแล้วก็ยิ้มขึ้นมาคนเดียวอย่างเงียบๆ

    “..หืมม?” ยูยะขมวดคิ้วงงๆ เด็กตรงหน้าเขาดูมีลับลมคมใน น่าสงสัยไม่น้อย

     

    “อ่ะ..อันนี้ผมเลี้ยงเอง ... ถ้าไม่รังเกียจนะฮะ” เด็กหนุ่มแอบหยิบถ้วยพุดดิ้งในตู้แช่ใส่เข้าไปในถุงให้ด้วย

    “อ่ะ อืม ขอบคุณ”

    “กินของหวานจะช่วยให้สดชื่นขึ้น จะได้คิดพล็อตนิยายออกไงฮะ” เด็กหนุ่มส่งยิ้มหวานให้เป็นอย่างสุดท้าย ยูยะผงกหัวให้นิดๆแล้วเหลือบตาดูนาฬิกา ....ตีสอง.... อืมมม พุดดิ้งตอนตีสอง ....

     

    “ขอบคุณที่ใช้บริการฮะ^^

     

     

     

                    ยูยะเดินหิ้วถุงขนมที่เพิ่งซื้อนั้นแกว่งไปแกว่งมาอย่างอารมณ์ดี .... ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินยิ้มแก้มบานมาตลอดทางจนเข้ามาถึงในบ้าน ....และของสิ่งแรกที่เขาหยิบมันออกมาตั้งบนโต้ะก็คือ

     

                    .....พุดดิ้งนม......

     

    ยูยะประทับใจรอยยิ้มหวานๆของคนให้ถึงขนาดนอนซบแขนตัวเองมองมันยิ้มๆอยู่แบบนั้นได้นานสองนาน

     

    โชริที่เดินงัวเงียออกมาหาน้ำกินที่ห้องครัว เห็นฉากที่พี่ยูยะไถหน้ากับแขนตัวเองเขินๆแล้วก็ได้แต่งง ...รึว่าพี่ชายจะเครียดมากจนเป็นบ้า ....อยู่ดีๆก็นอนยิ้ม แถมยังเขินแก้มแดงให้ถ้วยพุดดิ้ง แล้วก็ไม่ยอมเปิดกินด้วยเนี่ยนะ

    .....ผิดปกติสุดๆ.....

     

    .................................

    .................

    ........

     

    เป็นเวลาร่วมอาทิตย์เลยทีเดียวที่ยูยะตั้งใจมาคอมบินี่เวลาเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้อยากจะมาซื้ออะไรมากมาย แค่อยากมาเจอพนักงานคนเดิมเท่านั้น..... แต่ต่างกันที่หลังจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยทำลายภาพพจน์ตัวเองด้วยการใส่แว่นมัดจุกออกจากบ้านอีกเลย..... ชักจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ใช้เวลาแต่งตัวนานๆก่อนออกจากบ้านซะแล้ว.... เขาก็แค่อยากดูดีในสายตาของคนที่กำลังสนใจเท่านั้นเอง

    โดยที่ยูยะก็คงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเองก็ขอแลกกะกับเพื่อนคนเดิมเพื่อให้ได้มาเจอกันทุกคืนเช่นกัน

     

    .......และสิ่งที่กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ก็คือพุดดิ้งนมที่มักจะถูกจับยัดใส่ถุงมาในตอนท้ายอยู่ทุกครั้งไป.....

     

    “ถ้านายให้ฉันกินพุดดิ้งเวลานี้ทุกวันจนอ้วนเป็นหมีขึ้นมา ฉันจะโทษนายคนเดียวเลยนะ ..ไดจัง”

    “จะว่าไปตอนนี้ยูยะคุงก็เริ่มเหมือนหมีนิดๆแล้วล่ะ หมีแพนด้าด้วย..ดูใต้ตาสิ”

    “นายนี่มัน....”

    “ผมแซวเล่นน่า....แต่ว่าผมเป็นห่วงคุณจริงๆนะ อย่าหักโหมทำงานเกินไปสิครับ”

    “อืม..ก็มันช่วยไม่ได้นี่นะ”

    “งานมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ ผมเป็นแฟนพันธ์แท้ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยได้บอกผมนะ”

     

    “ที่จริงแล้ว ฉันมีปัญหาใหญ่ล่ะ แต่ว่า.....” ยูยะทำมองรอบๆร้าน คล้ายจะบอกว่าสถานที่ไม่เอื้ออำนวย ...ไดกิพยักหน้าเข้าใจแล้วก็พายูยะเข้าไปในห้องเล็กๆส่วนของพนักงานด้านหลังร้าน

     

    .....ภายในห้องนั้นมีเฟอร์นิเจอร์อยู่เพียงไม่กี่ชิ้น ตู้ล็อกเกอร์ของพนักงาน โต๊ะวางของที่ตั้งกลางห้อง

     ....และของที่ใหญ่ที่สุดก็เหมือนว่าจะเป็นโซฟาที่ไดกิกำลังพาเขามานั่งอยู่ในตอนนี้.....

     

    ยูยะปล่อยให้ความเงียบครอบงำอยู่สักพักใหญ่ๆ คล้ายเป็นการทำใจก่อนจะยอมกัดฟันถามคำถามที่แสนน่าเขินอายของเขาขึ้นมา....

    “นายเคยมีแฟนมั้ย” ยูยะจ้องตาอีกฝ่ายถามอย่างจริงจัง

    “เอ๋....ผมไม่เคยมีหรอกครับ” ซึ่งสายตาคมที่จ้องมานั้นก็ทำให้ใบหน้านวลกลายเป็นสีระเรื่อทันทีด้วยความเขิน .... เพราะในหัวของไดกิได้จินตนาการภาพฝันล่วงหน้าไปก่อนแล้วว่าถ้าเขาได้เป็นแฟนกับยูยะจะเป็นยังไง ///>.<///

     

    “ว้า....ทำไงดีเนี่ย” ยูยะซบหน้าลงบนฝ่ามือ...หน้าตาออกแนวหนักใจที่แก้ปัญหาได้ไม่ตก

    ....ไอ้เขาก็คิดว่า อย่างน้อยถ้าได้ฟังเรื่องเล่าจากคนมีประสบการณ์ก็คงจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย .....

    .... ครั้นจะไปขอให้น้องๆช่วยก็กระดากปาก อายเกินกว่าจะไปขอความช่วยเหลือ แถมด้วยความหวงน้องอยู่เป็นทุนเดิม ถ้าได้ฟังเรื่องราวเจาะลึกถึงลูกถึงคนเขาจะพาลรับไม่ได้จนต้องออกอาละวาดกีดกันความรักพวกมันแน่ๆ

     

    “เอ่อแล้ว...ทาคาคิคุงล่ะครับ มีแฟนรึเปล่า” ....ร่างบางส่งคำถามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

    .... ใครจะว่ายังไงก็เถอะ แต่สำหรับไดกิแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสอันดีในหลายๆเรื่องเลยทีเดียว....

     

    “นี่ล่ะปัญหา เพราะฉันก็ไม่มี ตั้งแต่โตมาก็คิดถึงแต่เรื่องครอบครัวแล้วก็น้องๆตลอดเลย ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย”

    ....ยูยะมองหน้าไดกิ เห็นว่าคนตาโตกำลังฟังเขาบ่นอย่างตั้งใจก็เลยพล่ามยาวต่อเพื่อระบายความทุกข์ระทม....

     

    “งานเขียนฉันถูกบอกว่ามันไม่พัฒนา... เพราะฉันขาดประสบการณ์เรื่องรัก ...อย่างน้อย ฉันก็น่าจะรู้ว่าความรู้สึกของการจูบหรือการ make love เนี่ย มันเป็นยังไง .....ของแบบนี้ถ้าเข้าใจความรู้สึกของมันก็น่าจะดีกว่าใช่มั้ยล่ะ”

     

    ...ยูยะคิดแค่ว่า การมีใครสักคนรับฟังในเรื่องที่เขาไม่สามารถเล่าให้น้องๆฟังได้ ....ก็เป็นการช่วยเขาแล้ว....

     

     

    “แต่เรื่องจูบผมช่วยได้นะ”

     

    ยูยะหันขวับมาเจ้าของเสียงหวานนั้นด้วยความเร็วที่เกือบทำให้คอแทบเคล็ด.... หูเขาไม่ได้ฝาดไปใช่ป้ะ

     

    “ได้เหรอ” ยูยะถามย้ำอีกครั้ง ...และก็ได้รับคำตอบเป็นการยื่นหน้าไปใกล้ๆร่างใหญ่ที่นั่งอยู่บนโซฟาแล้วหลับตาพริ้ม ...ยูยะใจเต้นแรงเมื่อสายตาเขาจับจ้องอยู่กลีบปากสีซากุระที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม.... เขาเองก็สังเกตเห็นว่าไดกิเองก็สั่นระริกไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น

    ....ยูยะแอบอบยิ้มกับความกล้าหาญของเด็กตรงหน้า ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ประสากับเรื่องแบบนี้แท้ๆ.... เขาค่อยๆโน้มหน้าลงสัมผัสริมฝีปากอิ่มอย่างช้าๆ บดเบียดเคล้าคลึงแนบชิดโดยไม่ได้หยิบยื่นสิ่งใดผ่านแนวฟัน ...ทุกอย่างเป็นไปอย่างเชื่องช้าเนิบนาบยิ่งนักในความรู้สึก ... ถึงแม้จะเป็นจูบที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร แต่ยูยะก็บรรจงป้อนจูบหวานๆให้แบบนอนสต๊อปแกล้งให้คน(ที่ทำเป็น)เก่งหายใจไม่ทันและเป็นฝ่ายผลักอกกว้างออกเสียเอง

    ยูยะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แต่พอประสานเข้ากับตากลมๆใสๆที่กำลังมองมาอย่างจังก็เกิดเขินขึ้นมาพร้อมกัน แล้วก็กลายเป็นว่าต่างคนต่างเบี่ยงหน้าหลบสายตากันไปคนละทิศละทาง

     

    .......จูบแรกยังไม่ทันจางหาย...ความรู้สึกอุ่นๆยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก.....

    .......ถึงจะเป็นเพียงจูบเดียว แต่ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นก็ได้ประทับลงในหัวใจของคนทั้งคู่แล้ว.......

     

    “เอ่อ...ผมขอไปดูข้างนอกก่อนนะฮะ”

     

    .......ไดกิจะรู้ตัวไหมว่า ....หนึ่งจูบนี้ได้ปลุกเอาความรู้สึกบางอย่างของยูยะที่นอนนิ่งสงบอยู่ในซอกลึกของหัวใจมาเนิ่นนานขึ้นมาแล้ว......

     

    ยูยะมองตามร่างบางที่ลุกลี้ลุกลนวิ่งออกไปจากห้องทั้งๆที่หน้าแดงแปร๊ดแบบนั้นแล้วก็หลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ....แล้วก็พาลนึกไพล่หลังไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆวันนี้เอง

    ยูริมาที่บ้านเขาตอนบ่ายๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่บรรณาธิการตัวน้อยจะเดินเข้าเดินออกบ้านเขาเหมือนเป็นบ้านตัวเองด้วยเหตุผลในเรื่องการทำงาน ...ยูริอ่านพล็อตนิยายเรื่องใหม่ของเขาแล้วก็ส่ายหัวพร้อมกับบอกว่าเขายังสามารถไปได้อีก มันยังไม่สุดขีดจำกัดของตัวเองอย่าเพิ่งท้อแท้  ...แต่พอยูริเบือนหน้ามาเห็นว่ายูยะนอนหงายไปกับโซฟาแล้วก่ายหน้าผากทำหน้าเครียดแบบคนแก้ปัญหาไม่ตก ก็เดินนวยนาดมาใกล้ๆ

     

    “ฉันช่วย เอามั้ยล่ะ”

    ยังไม่ทันได้สงสัย ยูริก็ปีนขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา ใบหน้าสวยราวกับผู้หญิงก้มลงมาซุกไซร้คลอเคลียยั่วยวนอยู่ใกล้ๆจนยูยะรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดเหนือริมฝีปาก

     

    “ของแบบนี้ ถ้าไม่ได้รัก ไม่อยากทำก็ทำไม่ได้หรอก”

     ...อะไรบางอย่างในตัวยูยะผลักดันให้เขาตัดสินใจพูดมันออกไปในนาทีที่ริมฝีปากนุ่มหยุ่นเกือบจะแตะสัมผัสกัน...

     

    ยูริหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วลุกขึ้นนั่งถอนหายใจ ...มือเล็กยกขึ้นเสยผมตัวเองลวกๆทีนึง

     

     “นายมัน...ตายด้านแล้วแน่ๆ”

    ....นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ยูริตราหน้าเขาเอาไว้เมื่อกลางวัน.....

     

    พอมาถึงตอนนี้ยูยะก็นึกสงสัยตัวเองว่าทำไมทีกับยูริไม่เห็นจะมีความรู้สึกตื่นเต้นหรือว่าใจสั่นเหมือนกับไดกิเลย

    แต่กับไดกิคนนั้น......

     

    พอได้จูบกันครั้งนึงแล้วกลับอยากได้มากกว่านั้นอีกอย่างไม่รู้จักพอ

     

                    To be con

    I-PrA Talk : ม่ะ...ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอีกนิดเนาะ หลังจากไอประหายหัวไปสักพัก เพราะไปเข็นฟูมะเคย์อยู่ 555+

    พี่ใหญ่ของเราออกจากบ้านแล้วนะ...ออกหากินตอนดึกสงัดเพราะรักความเป็นส่วนตัว ฮ่าๆ

    แฟนทาคาไดหายไปไหนหมดคะ...อย่าปล่อยให้กระแสฟูมะเคย์กลบสิ แสดงตัวออกมาน๊ะ!!  เดี๋ยวประเผลอใจอีก 555+

    และก็ขอบคุณมิตรรักแฟนฟิกที่ยังอยู่ด้วยกันตลอดมาอย่างเหนียวแน่นนะคะ เริ๊ฟฟฟ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×