ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ].... You are beautiful ....[Hey!Say!JUMP version]

    ลำดับตอนที่ #13 : ป่วย

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 55


      

     

     
    13

     

     

     

    เช้าวันต่อมา ที่บริษัท

     

                    สมาชิกทั้งหมดของ A.N.JUMP รวมถึงชิเงะ นั่งรอกันอย่างเรียบร้อยในห้องของยามะพี ที่เรียกตัวทุกคนมาคุยเรื่องโปรเจคชิ้นต่อไป

     

    “ยามะจังไม่สบายรึเปล่า ดูหน้าซีดๆไปนะ” ยูโตะที่นั่งอยู่ข้างๆสังเกตเห็นเป็นคนแรก

    “นั่นสิ ไม่ไหวก็ไปพักนะไม่ต้องฝืนหรอก” เคโตะมีนั่งขนาบอยู่อีกข้างก็มีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยไม่แพ้กัน

    “ผมไม่เป็นไรครับ สบายมาก” ร่างเล็กพยายามยิ้มให้เป็นธรรมชาติที่สุด เพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องมากังวลกับเรื่องของเขา

     

    “ไม่สบายก็พัก อย่ามาล้มตอนทำงานเชียวนะ ...คนอื่นเค้าเดือดร้อน” คำพูดอันเป็นเอกลักษณ์นี้..ไม่ต้องบอกก็คงรู้กันว่าใคร

    “ยูยะ! ไม่เห็นต้องพูดถึงขนาดนั้นเลย” ชิเงะปรามด้วยเสียงดุๆ แต่ยังไม่ทันที่ยูยะจะหันไปเถียงอะไรกลับ ยามะพีก็เดินเข้ามาในห้องเสียก่อน แล้วก็กลายเป็นว่าเริ่มต้นคุยเรื่องงานอย่างจริงจังกันไปเลย

     

     

    “แค่ถ่ายแบบลงนิตยสารทำไมพีซังต้องทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ด้วย”

    “นั่นสิ ปกติเราก็ได้ลงนิตยสารประจำกันทุกเดือนอยู่แล้วนี่”

     

    “เพราะคราวนี้ไม่ใช่มีแค่พวกนายน่ะสิ” รอยยิ้มของผู้มีอำนาจสูงสุดนี่มันช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ... มันดูไม่ออกเลยว่าเป็นเรื่องน่ายินดีหรือยินร้ายกันแน่

     

    “พีซัง อย่าบอกนะว่า....” สัญชาตญาณแห่งลางร้ายของยูยะกำลังกระหน่ำร้องเตือน

    Yes! แฟนนาย จิเน็น ยูริ ก็มีชื่ออยู่ด้วย” แค่ได้ยินชื่อนี้ขึ้นมายูยะก็หันหน้าหนีเบะปากไม่สบอารมณ์ ทำท่าอยากจะถอดชื่อตัวเองออกจากงานครั้งนี้ไปซะแล้ว

     

    “พีซังหมายถึงว่า ยังมีคนอื่นอีกเหรอครับ” เคโตะที่มีความสุขุมรอบคอบกว่าคนอื่น ติดใจในคำบอกเล่าของยามะพีขึ้นมาก็เลยลองถามดู

    “ใช่แล้ว เพราะถ่ายปกคราวนี้ รวมแต่ศิลปินที่กำลังเป็นที่จับตามองในช่วงนี้มารวมกันน่ะสิ”

    “แล้วคนที่เหลือนี่เป็นใครกันละครับ”

    โมริโมโตะ ริวทาโร่ และก็ซาโต้ โชริ ดาราเด็กที่กำลังครองตลาดโฆษณาช่วงนี้ไงล่ะ”

     

    .

    .

     

    เรียวสุเกะกำลังพยายามซักคราบช็อคโกแลตที่เปื้อนเสื้ออยู่ในห้องน้ำ เนื่องจากเมื่อครู่นี้ฮิคารุและยูโตะที่วิ่งไล่กันเพราะแย่งขนมแล้วสะดุดล้ม แล้วมันก็คงเป็นคราวซวยของเขาที่ไปนั่งรับเคราะห์อยู่ตรงนั้นพอดี ผลที่ได้ก็คือรอยเปื้อนขนาดย่อมที่ติดบนเสื้อเขานี่แหละ!

     

    “ยามาดะคุง”

    เรียวสุเกะหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องทำตาโตตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่เรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่เหมือนกับกำลังไม่พอใจอยู่นั้นคือ....  

     

     

     

    “จิเน็น...”

     

    “ทำไมตกใจขนาดนั้นล่ะ....หรือว่าไปทำอะไรไว้แล้วไม่อยากให้ฉันรู้” ยูริเดินตรงเข้ามา และใช้เสียงเย็นๆในการคุกคามเรียวสุเกะจนร่างเล็กต้องถอยหนี

    “เปล่านะ” เรียวสุเกะพยายามจะเลี่ยงออกจากบรรยากาศที่รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจเดินหนีออกจากห้องน้ำ

     

    “อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะเรื่องเมื่อวาน” แต่ยูริก็ยังตามมาพูดเสียงกดต่ำข้างหูจนได้

     

    “ทาคาคิคุงแค่มาช่วยผมหาของเฉยๆ ไม่ได้มี..อะไร”

    “ใช่...ยูยะอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่นายล่ะ คิดอะไรกับยูยะอยู่รึเปล่า”

    “ทาคาคิคุงเป็นแฟนคุณนี่ ผมจะไปคิดอะไรได้ยังไง”

     

    “รู้ตัวก็ดีแล้ว ต่อไปนี้ก็ห้ามยุ่งกับแฟนของคนอื่นอีก ...ห้ามชอบ ห้ามเข้าใกล้ ห้ามมองตา แม้แต่หน้าฉันก็ไม่อยากให้มอง นายไม่มีสิทธิ์รักยูยะ! ...เขาเป็นของฉัน!!

     

    ถึงจะตัวเล็กน่ารักแต่ยูริเป็นเป็นผู้ชาย แล้วก็แรงเยอะอย่างเหลือเชื่อ ...เขากดดันข่มขู่พร้อมทั้งผลักร่างของเรียวสุเกะที่หน้าซีดจนแทบไม่มีสีลงไปกองอยู่ข้างกำแพง โดยที่มียูริยืนใช้สายตาหลุบต่ำมองเป็นนางพญาอยู่ไม่ห่าง

     

     

     

    “ยามะจัง!!

     

    จังหวะเดียวกับยูโตะกับฮิคารุที่ตามมาด้วยความสำนึกผิดเรื่องเสื้อเปื้อน ก็เลยมาเห็นเข้าพอดี เคโตะเองก็ตามมาด้วยความเป็นห่วง ..ทันทีที่เห็นสภาพของเรียวสุเกะ ร่างหนาพุ่งเข้าไปช่วยประคองขึ้นมาแล้วใช้สายตาทิ่มแทงมองไปที่ยูริอย่างไม่คิดปิดบัง

     

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ร้องซะเสียงดัง” ยูยะกับเคย์วิ่งตามออกมาเพราะได้เสียงเสียงร้อง บรรยากาศตกอยู่ในความน่าอึดอัด ไม่มีใครยอมปริปากพูดอะไรออกมา มีเพียงสายตาของยูโตะและฮิคารุที่มองยูริอย่างไม่พอใจ ทำให้สองหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่พอจะอ่านสถานการณ์ออก

     

    ยูริเห็นท่าไม่ดีก็รีบวิ่งเข้ามาเกาะแขนของยูยะทันที

     

    “คือ..ผมเห็นยามะจังทำท่าเหมือนจะไม่สบาย เลยเข้าไปถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า แล้วอยู่ดีๆยามะจังก็ล้มลงไปกองกับพื้นเอง... ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักหน่อย”

     

    ยูยะยืนนิ่ง มองร่างเล็กที่อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงถูกเคโตะกอดประคองไว้ทั้งตัว

     

    ...... ทำไมต้องรู้สึกอยากจะเข้าไปแยกสองคนนี้ออกจากกันด้วยนะ เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดชะมัด ....

     

    .

    .

     

     

    เรียวสุเกะถูกพากลับไปที่บ้าน เคโตะจับให้ร่างเล็กนอนห่มผ้าบนเตียง พร้อมกันนั้นยูโตะและฮิคารุก็กำชับแน่นหนาว่าให้พักผ่อนให้มากที่สุด ห้ามลุกไปทำงานอะไรโดยไม่จำเป็น

     

    “ส่งเสร็จแล้วก็ออกไปสิ ฉันจะทำงาน” ยูยะออกปากไล่ ส่วนตัวเขาไปประจำที่นั่งบนโต๊ะทำงานในห้องเรียบร้อยแล้ว

    “ฉันว่าย้ายยามะจังไปนอนห้องฉันดีกว่า จะได้ช่วยดูแลได้” เคโตะเสนอทางออกขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางไม่ยี่หระมนุษย์หน้าไหนของเจ้าของห้องตัวจริง

     

    “ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่พาไปซะตั้งแต่ทีแรก มัวแต่ย้ายไปย้ายมาเจ้านั่นก็ไม่ได้นอนพักกันพอดี”

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้ แค่นอนพักเดี๋ยวเดียวก็หายแล้วล่ะ” น้ำเสียงแหบแห้งเปล่งออกมาจากปากของผู้ป่วย .....ในเมื่อเจ้าตัวเป็นคนพูดออกมาแบบนั้น คนอื่นๆก็เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากอวยพรให้หายเร็วๆแล้วทยอยเดินออกจากห้องไป

     

    “ยูยัง! ดูแลยามะจังด้วยนะ” ยูโตะย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง

    “รู้แล้วน่า ...วุ่นวายชะมัด” ยูยะจึงจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมาตอบรับ ซึ่งพอยูโตะได้รับคำยืนยันจากปากของยูยะแล้วจึงงับบานประตูปิดไปแต่โดยดี

     

    ทันทีที่ประตูห้องปิดลงความเงียบสงบก็คืบคลานเข้าปกคลุมบรรยากาศภายในห้อง

     

    “ขอโทษที่ทำให้ลำบาก” เรียวสุเกะโผล่เสี้ยวหน้าออกมาจากผ้าห่ม พูดขอโทษด้วยเสียงอ่อยๆ

     

    .... สุดท้ายก็เดือนร้อนทาคาคิคุงอีกแล้วสินะ ......

     

    “รู้ตัวก็ดี รีบๆหลับไปได้แล้ว” ร่างสูงตอบแบบไม่ใส่ใจ แล้วก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป

     

     

     

     

    พอเจ้าตัวเล็กบนเตียงหลับไป ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้มีสมาธิในการแต่งเพลงต่อได้ดังใจนึก ก็ต้องสะดุ้งตกใจเพราะเสียงฝีเท้าโครมครามจากข้างนอกจนกระทั่ง

     

    “เรียวจัง!!

     

    ไดกิเปิดประตูผางเข้ามาด้วยความรีบร้อน เขาเพิ่งกลับมาจากซื้อของที่มินิมาร์ทและได้รับคำบอกเล่าว่าน้องชายไม่สบายจึงรีบวิ่งมาหาทันที มือเล็กยังหอบหิ้วถุงของกินเต็มมืออยู่เลย... เพราะมีไอบ้าบางคนมันส่งเมลล์มาก่อกวนเขาว่าอยากกินฟุตลองชีทร้อนๆตอนที่กลับมาถึงบ้านน่ะสิ ..เมื่อวานตอนไปซื้อของด้วยกันก็ไม่รู้จักบอก ดูซิว่าต้องเสียเวลาออกไปอีกรอบเลย มันน่า...นักนะ

     

    “จะเข้ามาก็เคาะประตูห้องหน่อยสิ มารยาทแค่นี้ไม่รู้รึไง” ไดกิเงยหน้าขึ้นมาทำตาโตตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่ามีใครอีกคนที่อยู่ในห้องด้วย

    “ขอโทษครับ ผมเป็นห่วงน้องมากไปหน่อย ....ไม่คิดว่าทาคาคิคุงจะอยู่ในห้องด้วย”

    “เจ้านั่นเพิ่งหลับไป อย่าเพิ่งไปปลุกล่ะ”

     

    “เดี๋ยวผมพาน้องเข้าไปนอนในห้องดีกว่า จะได้ไม่รบกวนทาคาคิคุง”

    “นอนที่นี่ก็ได้... นายจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ เดี๋ยวฉันดูให้”

    “แต่ว่า...”

    “นั่นน่ะ ทุกคนรอกินข้าวเย็นอยู่ไม่ใช่หรือ” ยูยะชี้ไปที่ถุงที่เขากองไว้ข้างเตียง... แม้ไดกิอยากจะเถียงใจแทบขาดว่าไม่ใช่ แต่ก็ดูเหมือนไร้ประโยชน์ที่จะทำแบบนั้น

     

    “งั้นเดี๋ยวผมจะรีบทำแล้วรีบกลับมา”

     

    .

    .

    .

     

    กลางดึกของคืนนั้นเอง ยูยะที่นั่งปักหลักรากงอก จดจ่ออยู่กับการทำงาน .... ทำไงได้ เตียงเขาถูกยึดไปแล้ว ไอ้ครั้นจะไปนอนที่โซฟาหรือที่อื่นก็คงนอนไม่หลับอยู่ดี....ก็เลยตั้งใจว่าจะทำงานโต้รุ่งซะหน่อย

     

    “อืมมม.....อืออ...” เสียงครางเบาๆพร้อมกับอาการกระสับกระส่ายเหมือนนอนไม่สบายของคนป่วยบนเตียงทำให้ร่างสูงต้องเข้าไปดู ยูยะใช้หลังมือแตะหน้าผากเล็กเพื่อวัดไข้ แต่ต้องสะดุ้งชักมือกลับเมื่อสัมผัสกับความร้อนที่มากเกินกว่าปกติ

     

    “เรียวจัง...” ไดกิที่ออกมาจากห้องน้ำพอดี ได้ยินเสียงน้องร้องแม้จะผะแผ่วแค่ไหนก็ยังได้ยินชัดเต็มสองหู จึงรีบถลาเข้ามาที่เตียงด้วยอีกคน

    “ไข้ขึ้นสูงมากเลย”

    “อ๋า ตัวร้อนจี๋เลย.. เดี๋ยวผมจะไปเตรียมเช็ดตัว” ไดกิกลับมาพร้อมกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนู  แต่พอจะลงมือเช็ดตัวให้น้อง ยูยะก็ร้องห้ามออกมา

     

    “เดี๋ยว.... ให้ฉันดูแลเองดีกว่า”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลน้องได้ ทาคาคิคุงควรไปพักมากกว่า ยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่หรือ”

    “นายยิ่งป่วยง่ายอยู่ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวติดไข้เข้าอีกคนแล้วจะกลายเป็นเรื่องใหญ่.... ส่งผ้านั่นมา”

    “แต่ว่า... จะไม่รบกวนทาคาคิคุงหรือครับ”

    “อย่าให้ต้องพูดซ้ำได้ไหม!

     

    ไดกิเห็นสีหน้าจริงจังนั้นก็ยอมถอยออกมาโดยดี แต่ยังไม่วายแอบยืนมองอยู่ห่างๆ

     

    “ทำไมไม่เข้าห้องไปล่ะ”

    “ก็ผมเป็นห่วงน้องผมนี่”

    “ฉันบอกว่าจะดูแลให้ ...ไม่ไว้ใจฉันหรือไง”

    “ก็ได้ๆ ฝากเรียวจังด้วยนะครับ” ไดกิโค้งให้น้อยๆแล้วก็ยอมเดินเข้าห้องปิดประตูไป....

     

    ยูยะเพ่งมองที่ประตูบานนั้นอยู่สักพักจนแน่ใจแล้วว่าไดกิเข้าไปนอนจริงๆ จึงเริ่มลงมือดูแลผู้ป่วยที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงอย่างจริงจัง...

     

    โดยที่ยูยะไม่ได้สังเกตเพราะกำลังวุ่นวายกับการพยาบาลคนป่วย ไดกิแอบแง้มบานประตูออกมาแอบดูร่างสูงที่กำลังง่วนกับการเช็ดหน้าเช็ดตาน้องชายเขา คอยประคบประหงมดูแล ทะนุถนอมราวกับเป็นสิ่งสำคัญ.....

     

    “ไอ้ท่าทางแบบนี้มันยังไงอยู่น้า.....” ไดกิอมยิ้มกับภาพที่เห็น จึงวางใจแล้วค่อยๆปิดประตูกลับไปตามเดิม

     

     

     

    “นะ.......น้ำ”

    ยูยะเงี่ยหูเข้าไปฟังใกล้ๆ เมื่อได้ยินปากบางๆนั่นเพ้อหาอะไรสักอย่าง

     

    “อะไรนะ หิวน้ำเหรอ” ร่างสูงกวาดสายตามองไปรอบห้อง แต่ก็ไม่มีน้ำสักขวดที่วางทิ้งไว้ จึงตั้งใจที่จะลุกออกไปหยิบจากในครัวมาให้ ...แต่ยังไม่ทันได้ลุกไปไหนก็ถูกมือเล็กดึงชายเสื้อเอาไว้ก่อน ในเวลาที่ไม่มีสติแบบนี้ เรียวสุเกะคงทำไปตามสัญชาตญาณเพราะไม่อยากถูกทิ้งอยู่คนเดียวนั่นเอง

     

    “ไม่สบายแล้วขี้อ้อนขนาดนี้เลย...” ร่างสูงยิ้มเอ็นดูแล้วคว้าเอาคุซาป๊งที่วางอยู่บนหัวเตียงมาให้เรียวสุเกะกอดเอาไว้แทน

     

    “ให้ยืมแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นนะ....เดี๋ยวฉันมา” ยูยะยิ้มแล้วลูบหัวร่างเล็กเบาๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

    .

    .

     

    “ยังไม่นอนอีกเหรอ”

    เคโตะที่เดินลงมาที่ครัวพอดี เจอเข้ากับยูยะที่กำลังขนขวดน้ำ 3-4 ขวดกลับเข้าห้อง

     

    “อ้อ พอดีเจ้านั่นไข้ขึ้นสูงน่ะ”

    “งั้น..เดี๋ยวฉันจะไปดูแลหะ...ให้ // ไม่ต้องหรอก!” ยูยะเผลอพูดห้ามออกไปเสียงดังจนเคโตะถึงกับชะงัก ... แต่พอรู้สึกตัวได้ก็พยายามหาเหตุผลมากลบเกลื่อน

    “คือ.. ฉันหมายถึงหลายคนมันวุ่นวายน่ะ แล้วพี่ชายเจ้านั่น...ไดกิน่ะก็อยู่ด้วย นายไม่ต้องห่วงหรอก”

    “แต่ฉัน...”

    “ฉันจะดูแลเขาเอง” ยูยะจ้องตาอีกฝ่ายกลับแล้วตอบอย่างหนักแน่น ....จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่สนใจคนที่กำลังยืนกำมือแน่น เพราะทำอะไรไม่ได้อยู่ที่เดิม

     

     

    ..................................

    ..................

    ......

     

     

    เรียวสุเกะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนสายของวันรุ่งขึ้น..... เขายังคงมึนหัวอยู่นิดหน่อย เมื่อคืนก็จำอะไรได้ไม่ชัดนัก รู้แค่ว่าเขาป่วยหนักแล้วมีใครสักคนมาคอยพยาบาลให้ทั้งคืน ....สงสัยจะเป็นไดจังล่ะมั้ง  เมื่อวานคงไม่ได้นอน เลยเพลียจัดจนมาหลับอยู่ข้างเตียงแบบนี้

     

    แต่ว่า....เสี้ยวใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย รวมทั้งกลุ่มผมสีน้ำตาลประกายทองที่ซบอยู่ข้างเตียงนี่มัน....

     

     “ทาคาคิคุง!!” เผลอร้องออกมาเสียงดัง ต่อให้เอามือปิดปากทีหลังก็เหมือนจะสายไป

    ....แต่จากการกวาดสายตาประเมินสภาพห้องอย่างคร่าวๆแล้ว คิดว่าคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากคนที่คอยดูแลเขาทั้งคืนคือทาคาคิ ยูยะไม่ใช่ไดจังอย่างที่เข้าใจ

     

    “ตื่นแล้วเหรอ” หน้าง่วงๆเสียงทุ้มๆที่ดังอยู่ใกล้ๆ ยิ่งตอกย้ำความจริงข้อนี้เข้าไปกันใหญ่

     

    “ไข้ลดแล้วนี่” แล้วที่อึ้งสุดๆก็ตอนที่ร่างสูงเอื้อมมือมาใช้หลังมือแตะหน้าผากวัดอุณหภูมิเขาด้วยนี่แหละ

     

    แต่ถึงกระนั้น เรียวสุเกะก็ยังรู้สึกสงสัยว่าทำไมหน้าผากตัวเองถึงได้โล่งแปลกๆ ...เมื่อจับคลำดูก็พบว่ามีกิ๊ฟตัวหนึ่งทำหน้าที่เปิดโหงวเฮ้งเขาออกสู่โลกกว้าง .... และตอนนี้ยูยะก็กำลังลอบขำอยู่เบาๆ

     

    “นี่มันอะไรครับเนี่ย” ร่างเล็กพยายามดึงกิ๊ฟออกจากผมหน้า แล้วถึงได้สังเกตเห็นว่ามันเป็นกิ๊ฟรูปสตรอเบอร์รี่ที่ดูน่ารักแปลกตาทีเดียว... ท่าทางจะราคาแพงซะด้วย  

     

    “ก็ผมข้างหน้านายมันยาวเกะกะน่ารำคาญ ก็เลยเอามาติดให้” ร่างสูงเห็นเรียวสุเกะนั่งพินิจพิจารณากิ๊ฟตัวนั้นอยู่นานก็เลยถามออกมาอย่างใจดี “ชอบเหรอ...จะเอาไปเลยก็ได้นะ ฉันให้”

    “จริงเหรอครับ”

    “อื้อ รักษาให้ดีล่ะ ของแพงเชียวนะ ผลิตออกมาแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นด้วย เป็นของที่แฟนคลับฉันให้มา ดูสิมีชื่อฉันสลักอยู่ในนี้ด้วย” ยูยะชี้ให้ดูตัวอักษรภาษาอังกฤษสีทองที่สลักอยู่ด้านหลัง เขียนเป็นตัวย่อว่า T.Y.

     

    “จริงด้วย...งั้นผมคงรับไว้ไม่ได้หรอกครับ” เรียวสุเกะรีบยื่นคืนให้

    “นายชอบไม่ใช่เหรอ เอาไปเถอะ ฉันยังมีอีกเยอะ มีเป็นคอลเลคชั่นเลย”

     

    เมื่อเจ้าของท่านว่าอย่างนั้นแล้ว เรียวสุเกะก็เลยยิ้มรับได้โดยสดุดี

     

    “ขอบคุณนะครับ ผมชอบสตรอเบอร์รี่มากๆเลย” มันเป็นเรื่องที่แก้ไม่ได้ไปซะแล้วล่ะสำหรับเรียวสุเกะ เวลาที่ได้ยินได้เห็นหรือว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับสตรอเบอร์รี่ทีไรจะต้องควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ให้ยิ้มหวานออกมาไม่ได้ ซ้ำยังตาเป็นประกายระยิบระยับไปซะทุกที

     

    ทางด้านยูยะเมื่อเห็นท่าทางดีใจจนเหมือนเวอร์ขนาดนั้นก็ยิ้มออกมา และส่งมือหนาเข้าไปขยี้หัวร่างเล็กเบาๆด้วยความเอ็นดูอย่างลืมตัว .... ร่างเล็กชะงักไปนิดหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้รู้สึกดีทุกครั้งกับสัมผัสของฝ่ามืออบอุ่นคู่นี้

     

    “วันนี้ไม่มีงาน นายนอนพักต่อก็ได้ จะได้หายสนิท”

     

     

    .

    .

     

     

    “ยามะจัง ออกมาข้างนอกทำไม ไข้ลดแล้วเหรอ” ยูโตะร้องออกมาทันทีที่เห็นเรียวสุเกะเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่ตัวเองกำลังเอกเขนกดูการ์ตูนอยู่

                    “อื้ม ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง”

                    “แหม.. ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน” ...แม้จริงๆแล้วจะอยากเป็นคนใกล้สุดๆก็ตามที

     

    ร่างเล็กกวาดสายตาดูโดยรอบบ้าน เพราะรู้สึกว่าวันนี้บ้านเงียบแปลกๆ แต่ไม่ทันที่จะเอ่ยปากถามอะไรออกไป ยูโตะก็เหมือนจะเข้าใจและสาธยายออกมาถึงสาเหตุของความเงียบ(ที่หาได้ยากยิ่ง)ของที่แห่งนี้

    ...ปกติล่ะจะต้องมีเสียงโวยวายของใครไม่ก็ของใครที่จะทะเลาะกันเรื่องแย่งชิงอาหารเช้า แค่ไข่ดาวของใครใหญ่กว่าก็เป็นเรื่องได้แล้ว หรือไม่ก็แย่งเปลี่ยนช่องทีวี คนนึงจะดูข่าว คนนึงจะดูการ์ตูน ก็อลหม่านกันแทบไม่ได้ดูกันล่ะทีนี้

    ... แล้วพอวันไหนบ้านเงียบ มันก็เลยแลดูเหงาๆ ไม่มีชีวิตชีวาไปซะอย่างนั้น

     

                    “อ้อ.. ยูยะเพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อกี้เอง... ส่วนคนอื่นๆ ออกไปกันตั้งแต่เช้าแล้ว”

     

                    “แล้วไดจัง”

                    “อ้อ..รายนั้นเห็นว่ามีนัดที่ต้องไปเคลียร์ให้เรียบร้อยน่ะ”

    “งั้นก็เหลือแค่เราสองคนน่ะสิ” เรียวสุเกะพูดไปแบบไม่ได้คิดอะไร แต่ยูโตะนั้นมีจินตนาการล้ำเลิศกว่าร่างเล็กหลายขุมนัก.. และทั้งหมดนั้นก็แสดงออกมาผ่านหน้าแดงๆของเจ้าตัวนั่นเอง

     

    “ชะ...ใช่!! พวกนั้นใจร้ายมากเลย ทั้งที่ยามะจังป่วยขนาดนี้ ยังออกไปข้างนอกกันได้ลงคอ เหอะๆๆ” ร่างโปร่งของยูโตะหัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เพื่อจะกลบเกลื่อนความคิดชั่วร้ายในใจ

     

    “พวกเขาอาจจะติดธุระกันก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงยูโตะคุงก็อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนผม ขอบคุณนะ” เรียวสุเกะที่แก้มขาวใสยังแดงเรื่อๆเพราะยังไม่หายดีส่งยิ้มตาหยีเป็นประกายละลายใจตรงมาที่ยูโตะ ซึ่งอ้าปากค้างหน้าแดงไปแล้วเรียบร้อยกับฤทธาความน่ารักที่มีมาไม่เว้นวาง แม้จะอยู่ในสภาวะคนป่วยอยู่ก็ตาม

     

    “อ่ะ... ยามะจังหิวแล้วรึยัง ไดจังต้มข้าวต้มไว้ให้น่ะ เดี๋ยวฉันไปอุ่นมาให้นะ” แค่พอคิดว่าตอนนี้บ้านทั้งหลัง มีเพียงแค่เขากับยามะจังเพียงแค่สองคน อยู่ๆยูโตะก็รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เลยเลี่ยงลุกเข้าไปในครัวแทน

     

    .............................

    ................

    ........

     

     

    .....จะเข้าไปดี หรือไม่เข้าดีอ่ะ....

     

    ยามะจังไม่สบาย และกำลังนอนอยู่ในห้อง

    ถ้าเขาเข้าไปก็อาจจะเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อน

    ....แต่ ถ้ายามะจังหลับไปแล้ว ...ขอสักครั้งน่า แค่อยากเห็นหน้ายามะจังตอนหลับบ้างเท่านั้นเอง

     

     

    ร่างสูงโปร่งของยูโตะเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องที่เรียวสุเกะกลับเข้าไปนอนได้สักครู่แล้ว ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าเขาควรจะโผล่เข้าไปดีไหม

     

    แกร่กกก...

     

    เอาน่ะ ถือซะว่าเพื่อความปลอดภัย เผื่อยามะจังเป็นลมเป็นแล้งไปจะได้ช่วยทัน ฮี่ๆ

     

     

    ยูโตะยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่ปลายเตียง ขณะที่มองภาพร่างเล็กซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ขดตัวนอนกอดตุ๊กตาหมีที่ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นตัวเดียวกับที่ยูยะเคยบอกว่ารักนักหนาซะด้วย

     

    เอาล่ะสิ มาถึงตรงนี้แล้วเขาควรจะทำอะไรต่อดี

     

    มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลย ....ยามะจังตอนนอนหลับน่ารักขนาดนี้เลยหรือ .... อดคิดไปถึงอีกคนที่เป็นทั้งเจ้าของห้อง คนที่อาศัยอยู่ในห้องเดียว เตียงเดียวกับยามะจังทุกคืน (เพราะยูโตะไม่รู้ว่ายามะจังถูกไล่มานอนที่พื้นข้างเตียง)

     

    .....อิจฉายูยะชะมัดเลยอ่า.....

     

     

     

    ฟึบบบ.....

     

    เมื่อความริษยาแล่นริ้วไปทั่วร่าง ที่นอนยุบไปข้างหนึ่งด้วยน้ำหนักของยูโตะที่ถือวิสาสะเข้าไปนั่งหน้าตาเฉย ...ทำใจกล้าบังคับมือสั่นๆขึ้นมาจับปอยผมที่ละใบหน้านั้นทัดข้างใบหูเล็ก เผยใบหน้าขาวกระจ่างใส ....นึกอยากสัมผัสเส้นผมว่าจะนุ่มมืออย่างที่คิดหรือเปล่า มือเรียวก็ทำไปตามใจนึก .. อา...นุ่มลื่นเหมือนขนแมวเลย ... แก้มนี่ก็นุ่มนิ่มเหมือนเยลลี่เลย

     

    และในที่สุดสายตาซุกซนของนักสำรวจยูโตะก็ไปหยุดอยู่ที่ริมฝีปากสีชมพู .... พอโน้มตัวลงตั้งใจจะลองสัมผัส แต่ไปได้ครึ่งทางความคิดฝ่ายดีในหัวก็ตีฆ้องร้องป่าวให้กระชากตัวเองขึ้นมาอีกครั้งว่า เขาไม่ควรลักกินขโมยกินอย่างอุกอาจแบบนี้ จูบเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะทำกับคนที่รักเท่านั้น.... ยามะจังคงไม่ยินดีเท่าไหร่ที่จูบแรกถูกพรากไปตอนที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัวด้วย...

    แต่แหม...ปากแดงๆนี่มันฉุดสติจริงๆให้ตายเหอะ พอได้มองใกล้ๆแล้วรู้สึกว่ามันค่อยๆดึงดูดเขาให้หลุดจากศีลธรรม ..และโน้มใบหน้าหล่อลงไปจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆผะแผ่ว

     

    จะว่ารังแกคนป่วยก็ยอมเอ้าะ ณ จุดๆนี้แล้วเนี่ย!!!

     

    “ฉันกลับมาแล้ววววว.... อ้าว ไม่มีใครอยู่เหรอเนี่ย อุตส่าห์ซื้อสตรอเบอร์รี่ช็อตเค้กมาฝาก”

     

    เสียงดังทำลายล้างโลกของฮิคารุที่แผดลั่นบ้าน ทำให้ยูโตะสะดุ้งตกใจหูหางตั้ง รีบรุดออกไปจากห้อง ทำทีว่าเพิ่งลงมาจากชั้นบนเข้าไปหาฮิคารุที่ส่งเสียงล๊งเล้งวุ่นวายอยู่ในครัวคนเดียว

     

    “อ้าว นายก็อยู่เหรอยูโตะ บ้านเงียบเชียว.. แล้วยามะจังล่ะ”

    “นะ...นอนอยู่ในห้องน่ะ” ยูโตะพยายามแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนความผิด เหงื่อกาฬไหลพลั่กๆแบบคนมีความผิดติดหลัง

     

    “จะเอาไปไหนน่ะ”
                    “ก็เอาไปให้ยามะจังกินน่ะสิ”

    “ใครเค้าให้คนป่วยกินเค้กกันเล่า”

    “เอ้า แกไม่รู้อะไรซะแล้ว สตรอเบอร์รี่เนี่ยแหละ แหล่งพลังงานของยามะจังเค้า ..นี่ฉันอุตส่าห์ไปถามมาจากไดจังเลยนะ อ้อ ถ้าแกจะกินก็มีเหลืออยู่ในกล่องน่ะ ฉันซื้อมาเผื่อ จะเอาไปกินก็ได้...ไปละ”

     

     

    “กลับมาแล้วครับ... ยูโตะ ยามะจังล่ะ” ฮิคารุยังถือจานเค้กไปไม่ทันพ้นห้องครัวดี เคโตะที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกก็ถามหายามะจังเอาจากยูโตะอีกแล้ว ... ในมือร่างใหญ่ถือถุงอะไรไม่รู้ที่ซื้อมาจากห้างชื่อดังกลางใจเมือง ..คงเป็นของฝากยามะจังอีกนั่นแหละ

     

    ยูโตะขมวดคิ้วหน้ามุ่ย ... นี่แสดงว่าที่หายๆกันออกจากบ้านไปนี่ไปหาของมาบำรุงคนป่วยกันงั้นสิ

     

    ชิชะ..ชวดทั้งจูบ ชวดทั้งโอกาสทำคะแนน

     

    .....ยูโตะเซ็งเป็ด เซ็งห่าน อยากเอาหน้ามุดลงคอห่านแล้วตะโกนโวยวายให้มันหายแค้นนัก ฮึ่ย!! .....

     

     

    แต่ที่ยูโตะทำก็คือ เดินฟึดฟัดไปหยิบเค้กที่ฮิคารุออกปากว่าให้กินได้มานั่งจ้วงกินอย่างกระแทกกระทั้นบนโซฟาหน้าทีวีอยู่คนเดียวอย่างไม่สบอารมณ์

     

     

    “กลับมาแล้ว”

    “ยามะจังอยู่ในห้อง! แต่เมื่อกี้ฮิคารุกับเคโตะเพิ่งเข้าไป เพราะงั้นกรุณารอคิวด้วย!!

     

    “ใครถาม..หมอนั่นจะอยู่ไหน ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” ยูยะมีทีท่าอึ้งไปนิดหน่อย ที่ยูโตะตอบคำถามราวกับอ่านใจเขาได้ ทั้งๆที่ยังไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรออกไปสักคำ ... ร่างสูงแสร้งเดินเข้าครัวไปหยิบไอศกรีมฮาเกนดาสรสชาเขียวในตู้เย็นมานั่งกินพลางเปิดทีวีดูไปด้วยอย่างใจเย็น

     

    “ไม่ลดน้ำหนักแล้วเหรอ” ยูโตะเตือนด้วยความหวังดี (รึเปล่า) ... ยูยะชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหันฉลากข้างถ้วยตรงที่มันเขียนเน้นๆเด่นชัดว่า low fat ไขมัน0% ให้ยูโตะดูเป็นคำตอบ ... เพราะตั้งแต่ที่เขาโดนสั่งลดน้ำหนัก ไดกิที่รับหน้าที่ดูแลเรื่องปากท้องพวกเขาก็ดูเหมือนจะใส่ใจกับมันเป็นพิเศษ เลือกหาของกินเล่นที่ไขมันต่ำมาติดตู้ให้เสมอ

     

    “แต่ถ้านายกินหมดถ้วยนั่น มันก็ไม่มีผลอะไรหรอกนะ ต่อให้เป็นไขมัน0% ก็เหอะ” คนพูดจิ้มช็อตเค้ก(ที่มีปริมาณไขมัน และน้ำตาล รวมถึงแคลอรี่ที่มากกว่าฮาเกนดาสของยูยะสักสิบเท่าได้)เข้าปากหน้าตาเฉย นั่นยิ่งเป็นการทำให้ยูยะฉุนจี๊ดเข้าไปใหญ่

     

    ... เออ อย่าให้กรูกลับไปหุ่นเพรียวเท่ามึงเชียวนะ พ่อจะกินล้างกินผลาญให้บ้านแตกไปเลย ฮึ่มมมม!!!

     

    .

    .

    .

     

    ตกเย็น หลังจากที่เรียวสุเกะถูกบังคับกินข้าวกินยาเรียบร้อย ก็ถึงเวลาบังคับนอน ... แม้เจ้าตัวจะบอกว่าตัวเองหายแล้ว และอาการป่วยก็ดีขึ้นตามลำดับ ไม่มีไข้ ตัวไม่ร้อนแล้ว แต่ก็ประมาทไม่ได้.... เรียวสุเกะต้องฟิตร่างกายให้พร้อมสำหรับงานใหญ่ โปรเจคถ่ายแบบรวมศิลปินอะไรนั่นที่พีซังเซ็นสัญญาไว้แล้ว เขาเหลือเวลาอีกวันเดียวสำหรับการป่วย เพราะหลังจากนั้นชิเงะซังบอกว่าคงมีงานถมเข้ามาเรื่อยๆจนแทบไม่ได้กระดิกไปไหนแน่ๆ

     

    เรียวสุเกะนั่งอยู่บนเตียงและช่างใจว่าจะยืมคุซาป๊งมากอดนอนอีกได้มั้ยในคืนนี้ แต่พอจะเอื้อมมือไปหยิบก็โดนยูยะคว้าไปต่อหน้าต่อตา .... ร่างเล็กทำหน้าบูดกำลังจะหันไปงอแงใส่ให้มันรู้ซะบ้างว่า อย่าขัดใจคนป่วย

     

    “นี่..ของนายน่ะเอาตัวนี้ไป” ยูยะโยนถุงที่ซื้อมาเมื่อกลางวันให้ร่างเล็ก

     

    เรียวสุเกะทำหน้างงแต่ก็เปิดถุงดู แล้วก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ขณะที่เอามันมากอดแนบอก ช้อนตาขึ้นมองร่างสูงอย่างมีความหวัง

    “ให้ผมเหรอ”

    “เปล่า..ให้ยืม” เรียวสุเกะทำหน้าจ๋อยไปถนัดตา จนยูยะอดจะขำไม่ได้

     

    “ฉันล้อเล่น ฉันเห็นมันหน้าเหมือนนายดีก็เลยซื้อติดมือมาเท่านั้นแหละ...ทีนี้จะได้ไม่ต้องมาเอาคุซาป๊งของฉันไปอีกล่ะ”

    “หน้าเหมือนผมเหรอ...” เรียวสุเกะพิจารณาตุ๊กตาแพนด้าเนโกะที่ยูยะบอกว่าเหมือนตนเองแล้วลองเอามาเทียบหน้าแล้วทำหน้าตาเลียนแบบมันให้ยูยะดู

    “ฮ่าๆๆ จริงๆฉันน่าจะซื้อตุ๊กตาแพนด้าหมูให้นายมากกว่านะ”

     

    “ทาคาคิคุง.. มันมีซะที่ไหนกันล่ะ แล้วผมก็ไม่เหมือนหมูซะหน่อย” เพราะอย่างน้อยก็ไม่ถูกสั่งลดน้ำหนักเหมือนใครแถวนี้นั่นแหละนะ (ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูด เพราะกลัวโดนยึดของคืน)

      “แต่ก็...ขอบคุณนะครับ” เรียวสุเกะยิ้มหวานจนตาเป็นขีด แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้ร่างสูง ทั้งๆที่กอดเจ้าแพนด้าเนโกะไว้แน่น ...

     

    “นี่... เขยิบไปเลย คืนนี้ฉันจะนอนด้วย ....ฉันให้นายครองเตียงมาคืนนึงแล้ว ปวดหลังจะตายชัก”

     

    ยูยะทำทีบ่นไปตามเรื่อง ขณะที่นอนหันหลังให้ร่างเล็กพลางกอดคุซาป๊งแนบอก ..... แผ่นหลังของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ถ่ายทอดความอบอุ่นให้กันภายใต้ผืนผ้าห่มหนา .... รอยยิ้มบางๆยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากของยูยะไม่คลาย คล้ายๆกับเรียวสุเกะที่นอนยิ้มไม่หุบด้วยความปลื้มใจ จนกระทั่งหลับไปโดยที่มีรอยยิ้มทาบทาทั้งสองคนอยู่นั่นเอง

     

    To be con

     

    Talk : สุขสันต์ปีใหม่ค่ะทุกคน ปีนี้มีข่าวดีมาตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว ... คิดว่าแฟนคลับจัมพ์ทุกคนคงรู้ข่าวแล้วล่ะนะ ยังไงก็... เจอกันในคอนล่ะกันค่ะทุกคน ^____________________________________^

     

    ส่วนเรื่องฟิก... เราข้ามปีมาด้วยกันแล้วนะ ก็ขอให้ช่วยติดตามกันต่อไปนะคะทุกคน ฮ่าๆ

    น้องริวกำลังจะมา รอตอนหน้าได้เลย (คิดว่านะ) .... เขียนไปบ้างละ แต่ยังไม่ได้ขัดเงา ลงแว็กซ์.... งานเยอะเบิกบานตั้งแต่ต้นปีเลย เหอๆๆ สู้ๆกันต่อไปนะคะ อ่านฟิกให้เพลิดเพลินแล้วไปลุยงาน การบ้าน บลาๆกันต่อเนอะ ^^

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×