คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ถ่าย PV
12
มื้อเช้าของวันนี้เป็นฝีมือของไดจังและยามะจัง(ที่เป็นเพียงลูกมือช่วยหยิบจับอะไรนิดๆหน่อยเท่านั้น) ที่ลงทุนเข้าครัวตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมอาหารให้กับทุกคนในบ้าน
“ว้าว น่ากินจังเลย” ฮิคารุเดินตามกลิ่นเข้ามาที่โต๊ะอาหารเป็นคนแรก
“ไดจังทำเองเลยเหรอเนี่ย” เคโตะตามมาด้วยความตื่นเต้น
“ดีจังเลยที่ไดจังมาอยู่บ้านเรา” เคย์ก็ไม่พลาดที่จะเข้ามาร่วม(เนียน)สมทบ
“ช่ายย...เบื่อข้าวกล่องบริษัทจะแย่แล้ว” ยูโตะชูถุงกล่องข้าวบริษัทที่เมนูวันนี้เป็นเพียงหมูทอดชืดๆราดข้าวเท่านั้น
“ไหนดูซิ มีอะไรกิน...ได้กลิ่นของอร่อยๆตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านเลย” ยามะพีโผล่เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทันสังเกต แต่ไอ้การโผล่ไปที่นั่นที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ และไม่ทันได้ตั้งตัวนี่ถือเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้จนชินแล้ว ทุกคนในบ้านถึงได้ไม่ออกอาการตกใจอะไรนัก
“อ้าวพีซัง มีอะไรแต่เช้าเลยครับ”
“อื้อ แวะมาทำธุระนิดหน่อย ไดจัง เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนนอนหลับสบายมั้ย” ยามะพียิ้มใจดี ถามไถ่ไปถึงสมาชิกบ้านคนใหม่ที่ยืนซ่อนตัวอยู่หลังฝูงลิงกังที่กำลังรุมล้อมโต๊ะอาหารอย่างหิวโหย
“ครับ หลับสบาย” ไดกิก็ยิ้มหวานตอบพีซังไปตามตรงโดยไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไร
“หึ!”
เรียวสุเกะตวัดตามองยูยะที่แค่นหัวเราะขบขัน ยิ้มมุมปากจิบกาแฟยามเช้าอย่างสบายอารมณ์แล้วก็อดจะนึกแค้นเคืองไม่ได้ ....ใช่เซ่!! ไดจังหลับสบาย.. เพราะคนที่รับเคราะห์แทน ต้องนอนหลังขดหลังแข็งอยู่บนพื้นมันคือเรียวสุเกะคนนี้ไง!
แล้วเมื่อคืนตอนที่ไดจังออกจากห้องมาเข้าห้องน้ำแล้วสงสัยว่าทำไมน้องชายตัวเองถึงได้มานอนขดเป็นกุ้งอยู่ข้างเตียงแทนที่จะนอนเหยียดขาสบายๆอยู่บนเตียง ไอ้เราก็ดันแสนดีตอบไปว่า ‘ผมแค่นอนดิ้นจนนอนตกเตียง ไม่มีอะไรหรอก’
นึกแล้วก็เสียดาย... น่าจะฟ้องๆๆแม่งให้หมดเลย ฮึ่ยยย!!
“อ้อ ยูยะ เดี๋ยวบ่ายนี้เข้าบริษัทด้วยนะ” ยามะพีชะงักมือที่กำลังจะหยิบขนมปังปิ้งในจานของยูยะแล้วพูดธุระขึ้นมา ยูยะหรี่ตามองด้วยความไม่เข้าใจ...ว่าทำไมพีซังต้องเลือกหยิบจานของเขา เอ้ะ! ไม่สิ ทำไมถึงต้องเรียกเขาเข้าบริษัทในเมื่อพีซังก็มาถึงที่นี่แล้ว
“แล้วทำไมไม่คุยที่นี่”
“จะให้เรียกจิเน็น ยูริมาคุยที่นี่มั้ยล่ะยูยัง” ยามะพีทำตาเล็กตาน้อย ขณะที่ทึ้งขนมปังแผ่นของยูยะเข้าปากกินเป็นที่เรียบร้อย
“เกี่ยวอะไรกับหมอนั่น” ยูยะกระแทกแก้วกาแฟลงบนจานรองอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีที่เอ่ยถึง ‘หมอนั่น’
“เพราะว่านายสองคนต้องมาเป็นนักแสดงหลักในพีวีเพลงโซโล่ของยามะจังยังไงล่ะ”
“หา!!” ยูยะ เรียวสุเกะ ยูโตะ เคโตะ ฮิคารุ เคย์ ไม่เว้นแม้แต่ไดกิก็อ้าปากค้างไปตามๆกัน
“พีซัง...ทำไมต้องเป็นจิเน็น ยูริล่ะ” ยูยะที่ตกเป็นผู้ประสบภัยแบบไม่ตั้งตัวก็เริ่มทำตัวดีขึ้นมาผิดหูผิดตา
“โถ พ่อเจ้าประคุณ... ถามมาได้นะ ก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ เล่นไปดึงเค้ามาจูบต่อหน้านักข่าวเป็นสิบน่ะสิ” ถ้าไม่ได้เหน็บแนมเด็กในสังกัดตัวเองคงจะไม่ใช่ยามะพีซะแล้วล่ะ โทษฐานที่สร้างเรื่องให้เขาต้องรับมือกับนักข่าวจากทุกสารทิศน่ะ
“เรื่องนั้นผมขอโทษ... แต่เรื่องนั้นมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง”
“ก็ทีนี้พอตกเป็นข่าวดัง พวกนายก็เลยถูกจับคู่ไงล่ะ ประจวบเหมาะที่ฉันกำลังคิดเรื่องพีวีอยู่พอดี ก็เลย..”
“พีซังก็เลยชิงทำก่อนคนอื่นงั้นสิ”
“แหม ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายเลย ก็พวกนายเป็นแฟนกันนี่”
แม้อยากจะเถียงกลับแทบขาดใจว่าไม่ใช่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาต้องยอมสงบปากเงียบไว้เท่านั้น
“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่อยากทำล่ะ”
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใครล่ะ ประธานบริษัทหรือว่าไง”
“........”
“โอเค หายข้องใจแล้วใช่มั้ย ฉันจะได้ให้ตามชี่จังเข้ามาคุยรายละเอียดงาน”
“ตามใจพีซังเถอะ จะทำอะไรก็ทำ.... ผมไม่ใช่ประธานบริษัทนี่” ถึงขนาดพูดประชดประชันเจ้าของบริษัทขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ทาคาคิ ยูยะล่ะก็ คงไม่มีใครกล้าทำ
“อ้อ ลืมบอกไปอีกอย่างนึง ....ยูยะ”
“ครับ”
“น้ำหนักที่วัดได้ล่าสุดนี่เท่าไหร่”
“........65
. กิโล.....” ร่างสูงพูดเสียงเบา แต่ถึงจะเบาแค่ไหนก็ไม่พ้นหูปีศาจอยู่ดีนั่นแหละ
“....ลดน้ำหนักด้วยล่ะ” ยามะพีพูดด้วยยิ้มหวานอย่างทุกที แล้วก็เดินออกจากบ้านไป
“.........”ยูยะรู้สึกเหมือนถูกค้อนปอนด์ฟาดเข้าที่หัวอย่างจัง ร่างสูงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับเคลื่อนไหวใดๆอยู่ร่วม 2 นาที
“อิอิอิอิอิ”
“คิกคิกคิก”
“หุหุหิหิ”
“หัวเราะหาอะไรกัน!!” ยูยะทนไม่ไหวกับอาการหลบสายตาและกลั้นหัวเราะอย่างที่ทุกคนกำลังพยายามทำจนต้องระเบิดออกมาในที่สุด
“...ก็มัน..ก็มัน... ฮะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” แล้วยูโตะก็ทนกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้อีกต่อไป จึงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง คนอื่นๆที่พยายามกลั้นยิ้มอยู่ก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ยูยะทำหน้าบึ้งแล้วก็เดินตึงตังหนีเข้าห้องไปเลย
“ยูยะ ไม่กินข้าวเช้าเหรอ” เคย์ตะโกนถามแกล้งๆ เขารู้หรอกว่ายูยะจะไม่มีทางตอบคำถามตรงกับใจหรอก คนเย่อหยิ่ง ทิฐิสูงอย่างนั้น ไม่มีทางแน่ล่ะ
“ไม่กิน!!!!!”
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด -_-“
...........................................
...........................
.............
วันนี้เป็นการถ่ายโปรโมชั่นวีดีโอเพลงโซโล่เดบิวต์ของเรียวสุเกะ โดยธีมเนื้อเรื่องของเพลงนี้ก็คือ เพื่อนรักที่ไปแอบรักคนรักของเพื่อนตัวเอง โดยที่มีโรงเรียนไฮสคูลเป็นฉากหลัง สะท้อนถึงรักในวัยรุ่นวัยเรียนอันสดใสซาบซ่า.... แล้วที่บ้าที่สุดก็เป็นจะเป็นพีซังที่ดันนึกพิเรนจับจิเน็น ยูริใส่มินิสเกิร์ตในชุดนักเรียนหญิงม.ปลาย มาเล่นบทคนรักของยูยะนี่แหละ!
“ว้าว ชี่จังน่ารักมากๆเลย อย่างกับเด็กผู้หญิงจริงๆแน่ะ” ฝ่ายคอสตูมที่ดูแลเสื้อผ้าให้กับนักแสดงนำทั้งหมด อดจะชื่นชมออกมาไม่ได้เมื่อยูริเดินกลับมาหลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ และเข้าไปจัดแต่งโน่นนี่ให้ดูน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก
“ขอบคุณฮะ” ยูริยิ้มหวานตอบอย่างเคยชิน ปล่อยฟีโรโมนกระจายใส่บรรดาสต๊าฟให้เคลิบเคลิ้มไปแบบไม่ได้ตั้งใจ .... ส่วนคนที่เขาตั้งใจโปรยเสน่ห์ให้กลับนั่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่หน้ากระจก โดยไม่มีทีท่าจะสนใจมองเขาอย่างที่คนอื่นมองสักนิด
“ยูยะ...ฉันดูเป็นไงบ้าง” ยูริเดินไปหมุนตัวกระโปรงบานอย่างน่ารักอยู่ตรงหน้าร่างสูงที่ทำหน้าเบื่อโลก
“หึ..น่ารักตายล่ะ” ยูยะแค่นยิ้มตอบไม่เกรงใจ
“นายนี่....” ยูริยกมือขึ้นกอดอกแกล้งพองแก้มใส่อย่างแสนงอน
“ทั้งสองคนเหมาะกันมากๆเลย อย่างกับภาพวาดแน่ะ” แต่ภาพที่คนอื่นเห็นมันกลับดูน่ารักกุ๊กกิ๊กไปซะอย่างนั้น
“ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้สิฮะ” ยูริตอบด้วยรอยยิ้มหวานแล้วคว้าแขนยูยะเข้ามากอดแน่นแถมยังเซอร์วิสด้วยการเอียงหัวซบบ่ากว้างท่าทางน่าเอ็นดู ยูยะเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนทำหน้านิ่งๆให้บรรดาคอสตูม สไตลิสต์รัวชัตเตอร์เก็บภาพประทับใจ
เรียวสุเกะที่เพิ่งเปลี่ยนชุดออกมายืนอยู่ไม่ไกล ก้มมองชุดนักเรียนชายของตัวเองอย่างหงอยๆ ...แล้วก็สะบัดหัวไล่ความคิดตัวเอง เขาเผลอคิดอะไรแปลกๆไปซะได้ เขาไม่ได้มีหน้าตาน่ารักเหมือนจิเน็นซะหน่อย ถ้าใส่ชุดกระโปรงแบบนั้นคงจะตลกน่าดู ... คงไม่มีใครเที่ยวมาบอกว่าเขาเหมาะสมกับยูยะหรอก....
แล้วนี่เขาคิดอะไรแปลกๆอีกแล้วเนี่ย ......
.
.
การถ่ายทำวีดีโอโปรโมตเสร็จสิ้นลงแล้ว สต๊าฟทุกคนวุ่นวายกับการเก็บข้าวของเคลียร์พื้นที่ ในขณะที่เรียวสุเกะที่เปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดไปรเวทเหมือนเดิมแล้วก็วิ่งวุ่นกับการหาของไปทั่วทั้งห้องแต่งตัว
“ไปอยู่ที่ไหนนะ” ร่างเล็กพยายามมุดหา ก้มดูตามใต้โต๊ะ เก้าอี้อย่างร้อนใจ ..... เขาทำสิ่งสำคัญหลุดมือไปได้ยังไงนะ ทั้งๆที่มันเป็นของสิ่งสุดท้ายที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้เขากับไดจังดูต่างหน้าแท้ๆ
เซ่อซ่าอะไรจะขนาดนี้ เรียวสุเกะ!
“ยามาดะคุง หาอะไรอยู่เหรอ” จิเน็น ยูริเดินเข้ามาสะกิดทัก ริมฝีปากบางวาดเป็นรอยยิ้ม แต่เขาไม่แน่ใจนักว่านี่เป็นยิ้มจริงๆหรือว่าแค่การบังคับกล้ามเนื้อมุมปากให้ยกขึ้นเท่านั้น
“แหวนครับ ผมเผลอสะบัดมันหลุดมือไป”
“แย่จังเลยนะฮะ ผมว่าจะชวนยามาดะคุงไปทานข้าวด้วยกันกับยูยะซะหน่อย” คำพูดดูคล้ายจะเสียดายที่ผมไม่ว่างไปตามคำชวน แต่แววตาที่ดูเหมือนกำลังสมใจอะไรบางอย่างอยู่นี่มัน...จะให้คิดยังไงดีล่ะ
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ไปกันสองคนเถอะ”
ยูยะเดินเข้ามาในห้องพอดี ภาพที่เห็นคือเรียวสุเกะกำลังก้มหัว(หาของ)อยู่แทบเท้า ขณะที่ยูริยืนคอตั้ง เชิดหน้าท่าทางหยิ่งยโสอยู่ ให้บรรยากาศเหมือนเห็นภาพแม่เลี้ยงใจร้ายกับซินเดอเรลล่าซ้อนทับอยู่อย่างไรอย่างนั้นทีเดียว
“ทำอะไรกันอยู่น่ะ!” เสียงห้าวดังขึ้น ดึงดูดความสนใจจากคนทั้งสองที่อยู่กลางห้อง
ยูริเปิดยิ้มแล้ววิ่งไปกอดแขนของร่างสูงฟ้องทันที
“ยามะจังทำของหายล่ะ ว้า..เสียดายจังนะ เราคงต้องดินเนอร์กันสองคนแล้วล่ะยูยะ”
“ใครบอกจะไปกับนาย”
เมื่ออีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ ยูริก็เขย่งเท้าขึ้นกระซิบข้อความบางอย่างข้างหูร่างสูง
“คิดจะปฏิเสธฉันเหรอ ก็ได้นะ...ฉันจะได้นัดกับพวกนักข่าวแทน.. เอ จะคุยเรื่องอะไรดีน้า” ยูริแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่ายูยะมีท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“เออๆไปก็ไป” เมื่อไหร่ก็ตามที่หยิบยกท็อปซีเครตของวงเข้ามาขู่ ร่างสูงมักจะต้องจำยอมตอบรับอย่างเสียไม่ได้
“ต้องอย่างนี้สิถึงจะน่ารัก” ยูริเขย่งตัวขึ้นอีกครั้งและหอมแก้มยูยะเบาๆ แล้วก็โดนร่างสูงผลักออกแทบจะทันที
“เล่นอะไร!! จะไปก็รอที่รถโน่น”
เรียวสุเกะยืนมองภาพคู่รักตรงหน้าด้วยความสะเทือนใจ แล้วจึงก้มหน้าก้มตาหาของของเขาต่อไปอย่างเงียบๆ
“หาอะไรอยู่” เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จนเรียวสุเกะที่คิดว่าร่างสูงเดินออกไปจากห้องพร้อมยูริแล้วต้องเงยขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ
“ทาคาคิคุง..ไม่รีบไปเหรอครับ”
“ฉันถามนายว่าหาอะไรอยู่”
“แหวนครับ แหวนที่ผมใส่ติดตัวตลอด”
“สำคัญมากสินะ”
“ครับ..มันเป็นแหวนที่พ่อกับแม่ผมทิ้งไว้ให้ผมกับไดจังก่อนท่านจะเสียไป”
“เดี๋ยวฉันช่วยหา”
“แต่ว่า....จิเน็นคุงรออยู่ไม่ใช่หรือครับ”
“ช่างสิ อยากรอได้ก็รอไป”
ยูยะก็มาก้มๆเงยช่วยหาตามซอกหลืบมุมห้อง และในจังหวะที่เห็นร่างเล็กกำลังมุดใต้โต๊ะอยู่นั้นเอง เขาก็ได้เห็นประกายสีเงินแวบๆออกมาจากฮู้ดเฟอร์ขนสัตว์ของเรียวสุเกะ
“นาย..ลุกขึ้นมานี่ซิ”
หน้าตาของเรียวสุเกะคงแสดงออกไปอย่างชัดเจนเลยว่าไม่เข้าใจ จนร่างสูงเรียกซ้ำด้วยเสียงที่เข้มงวดกว่าเดิม ร่างเล็กถึงยอมเดินไปหาด้วยความจำยอม
และยังไม่ทันได้พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็ถูกร่างสูงดึงเข้าไปกอดซะเฉยๆ เล่นเอาเรียวสุเกะที่ถลาเข้าไปปะทะกับอกแกร่งโดยไม่ตั้งใจนั้นตัวแข็งค้าง หน้าแดงอยู่พักใหญ่
“จอมเบ๊อะเอ้ย” ยูยะหยิบแหวนที่คาดว่าจะเป็นวงที่กำลังตามหากันอยู่นั้นออกมาจากเสื้อฮู้ดของเรียวสุเกะมายื่นให้ตรงหน้า แล้วขยี้หัวร่างเล็กอย่างหมันเขี้ยว
“แฮะๆ ไปอยู่ในนั้นได้ยังไง” เรียวสุเกะยิ้มออกมาอย่างดีใจ เขาลูบแหวนนั้นอย่างรักใคร่
“นายนี่มันเซ่อซ่าหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ” ถึงแม้จะโดนว่าแบบนั้น แต่เรียวสุเกะก็ยังยิ้มและขอบคุณร่างสูงโดยไม่ถือสาหาความใดๆ เพราะเขารู้ว่ายูยะก็แค่ชอบพูดจาร้ายๆไปอย่างนั้นเอง
โดยที่ทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็น จิเน็น ยูริ ยืนกัดฟันแน่นที่อยู่กรอบประตูห้องแต่งตัว มือเล็กๆนั้นกำแน่นด้วยความคับแค้นใจ .....
นายอีกแล้วนะ ยามาดะ เรียวสุเกะ!!
.
.
.
“เดี๋ยวผมจะไปซุปเปอร์ อยากได้อะไรกันรึเปล่าครับ”
บ่ายนี้ไดกิตั้งใจจะออกไปซื้อพวกของสดและวัตถุดิบทำอาหารมาตุนไว้ในตู้เย็นเพิ่มเสียหน่อย เพราะหลังจากที่เขาคิดจะทำประโยชน์ในฐานะผู้อาศัย โดยการรับผิดชอบเรื่องปากท้องของคนในบ้านแล้ว เขาก็ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินของเหล่าศิลปินเบอร์1ของค่าย ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง งานนี้ได้สปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายมาจากพีซังแบบเต็มแม็กซ์ก็ยิ่งเพลินกับการจับจ่ายไปกันใหญ่
“ไปด้วยสิ” เคย์กระโดดผลุงขึ้นมาจากอิริยาบถนอนเลื้อยบนโซฟาแทบจะทันทีจนฮิคารุกับยูโตะถึงกับต้องเบิกตามองด้วยความตกใจ พวกเขาเพิ่งกลับมาจากการทำงานเมื่อซักครู่นี้เอง เพิ่งจะได้หย่อนก้นลงพักผ่อนยังไม่ทันหายเหนื่อยดีด้วยซ้ำ... ไอ้ตัวดีมันหาเรื่องออกไปแร่ดข้างนอกอีกละ
“เอ๋ จะดีเหรอ ไม่กลัวคนจำได้หรือไง” ไดกิเป็นห่วงถึงสวัสดิภาพของชายหนุ่มถึงได้ถามออกไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ก็ปลอมตัวไง น่า นายรอแป๊บนึง ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อน” เคย์ไม่รอคำตอบจากใครทั้งนั้น ขายาวก้าวเท้าฉับๆขึ้นไปที่ห้องด้านบนทันทีที่พูดจบ
“มันไม่เหนื่อยเลยหรือวะ” ฮิคารุเกาหัวแกรก... เขาแทบจะไม่มีแรงเดินขึ้นห้องเสียด้วยซ้ำ ถึงต้องมานอนตายเกลื่อนกลาดเหมือนเพิ่งจบสงครามอย่างไรอย่างนั้น ขนาดยูโตะที่เป็นพวกไฮเปอร์ยังนอนแหมบอยู่ข้างๆกันนี่เลย เคโตะที่แม้จะไม่ได้พูดบ่นอะไรแต่ก็มีสภาพไม่ต่างกัน .....แล้วเจ้าเคย์มันจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปชอปปิ้งกันละเนี่ย ไม่เข้าใจจริงๆ
ระหว่างรอ ไดกิก็ยังมีน้ำใจหันไปถามคนอื่นๆอย่างใจดี
“แล้วทุกคนล่ะครับ อยากได้อะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมซื้อมาฝาก”
“ฉันเอาซาลาเปาไส้เนื้อ” ฮิคารุตะโกนออกมาคนแรก
“ขอชาเขียวเย็นๆ” ตามด้วยเคโตะ
“พุดดิ้ง....” และยูโตะที่เหมือนถ่านหมด ถึงได้ซุกหน้าอยู่กับหมอนไม่ยอมลุดอยู่แบบนั้น
“โอเคครับ เดี๋ยวผมแวะซื้อมาให้” ไดกิจดออเดอร์เพิ่มเติมลงในใบรายการที่เขาลิสต์ไว้ว่าต้องซื้ออะไรบ้าง
ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ร่างโปร่งบางของอิโนโอะ เคย์ก็เดินลงมาในชุดไปรเวทปกติที่เพิ่มออฟชั่นโดยการสวมหมวกและแว่นตาดำ...ถึงจะบอกว่านี่เป็นการพรางตัวแล้วก็เถอะ แต่รัศมีความหน้าตาดี รวมถึงออร่าของความเป็นคนดังนี่มัน ....กลบยังไงก็ไม่มิดจริงๆ ให้ตายเหอะ...
.
.
ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง
“พุดดิ้ง?..นายชอบกินเหรอ” เคย์ร้องขึ้นมาด้วยความสงสัยที่เห็นไดกิแทบจะกวาดพุดดิ้งในตู้แช่ลงมาใส่เสียเต็มรถเข็น
“จริงๆฉันก็ชอบนะ.... ยูโตะคุงเค้าอยากกิน แต่ไม่รู้ว่าชอบรสไหนก็เลยเลือกไปหลายๆรส.... ยี่ห้อนี้อร่อยนะ นายเคยลองกินหรือยัง”
“ยัง”
“นายน่าจะลองนะ เวลาที่เหนื่อยๆกลับมามันจะทำให้สดชื่น”
“นั่นมันของยูโตะ”
“ฉันก็ตั้งใจซื้อทิ้งไว้ติดตู้เย็นด้วยนั่นแหละ ใครจะหยิบไปกินก็ได้ ....ไม่ต้องมาทำเป็นใจน้อยเลยนะ หัวยังไม่ล้านซะหน่อย แค่หน้าผากกว้างนิดๆเอง”
“นายพูดจาทำร้ายจิตใจดวงน้อยของฉัน ...เย็นนี้ฉันจะกินออมไรท์ ห้ามขัดด้วย”
“ครับๆ ออมไรท์ก็ออมไรท์ งั้นก็ไปซื้อไข่เพิ่มด้วย”
พ่อบ้านเบอร์1 ไดกิเดินนำไปยังโซนของสดต่อโดยมีพ่อบ้าน(จำเป็น)เบอร์2อย่างเคย์ ที่มีหน้าที่แค่เข็นรถตามต้อยๆ และหยิบขนมไร้สาระที่ตัวเองชอบใส่รถเข็นในเวลาที่ร่างบางเผลอมาตลอดทาง
“เฮ่ย..ใครหยิบของพวกนี้มา” ในที่สุดไดกิก็จับได้ขณะที่เคย์กำลังหย่อนถุงมันฝรั่งทอดลงในรถเข็นแบบคาหนังคาเขา ร่างบางตวัดตามองเคย์ที่ทำเป็นมองไปที่อื่นอย่างไร้จุดหมาย
“เอาไปเก็บเลย ขนมพวกนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ... มันฝรั่งทอดพวกนี้ยิ่งแล้ว ไขมันเยอะจะตาย ทาคาคิคุงกำลังลดน้ำหนักอยู่ไม่ใช่หรือ เลือกแบบที่มัน low fat หน่อยสิ” ทั้งๆที่คำพูดของไดกิเต็มไปด้วยความหวังดีแท้ๆ แต่ถ้าลองให้ยูยะมาฟังประโยคนี้คงจะต้องซาบซึ้งจนอยากร้องไห้แน่ๆ
“นายก็ห่วงแต่คนอื่นอยู่นั่นล่ะ”
“หา..”
“เคยสนใจฉันบ้างมั้ยล่ะว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร” จู่ๆเคย์ก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจังเสียจนไดกินึกหวั่นอยู่ในใจ
มันคงเป็นคำถามธรรมดาสากลล่ะนะ ถ้าคนถามมันไม่ได้กำลังคุกคามเขาจนต้องถอยหลังติดแผงขนม แถมยังใช้มือเรียวยาวที่ไดกิเคยชื่นชมว่ามันสวยนักหนาท้าวกั้นไว้กับเชลฟ์ไม่ให้หนีไปไหนอีก
“ระ..รู้สิ นายบอกว่าชอบกิน..ข้าวสวยไง” แต่ระยะห่างที่ลดลงโดยไม่ได้ตั้งตัว ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่มีการอำพรางใดๆ เพราะเจ้าตัวถอดออกไปก่อนหน้าที่เข้ามาใกล้นั้นยิ่งทำให้ไดกิตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่ จนไม่สามารถบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น หน้าไม่ให้แดงได้เลย
“รู้มาจากไหน”
“ฉันอ่านมาจากนิตยสาร ตอนที่ศึกษาข้อมูลของพวกนายน่ะ”
“เหรอ.. ทำการบ้านมาดีจัง แล้วรู้รึเปล่าว่าฉันชอบอะไรอีก” แววตาของเคย์เปลี่ยนไปหลังจากที่ได้คำตอบที่น่าพอใจแล้ว มันเหลือแค่เพียงแววตาของสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เท่านั้นเอง
ไดกิรู้สึกจนมุมอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เข้าใจว่าเคย์ต้องการอะไรจากเขาอีก
“มะ..ไม่รู้ด้วยแล้ว” ไดกิคว้าถุงขนมจากด้านหลังของตัวเองฟาดเข้าที่อกของเคย์เต็มแรง แล้วเข็นรถหนีเตลิดออกไปจากบริเวณนั้นทันที
“ทีเรื่องที่ฉันชอบนาย ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอยู่นั่นแหละน้า ไดจัง...” เคย์อมยิ้มแล้ววิ่งตามไดกิไป
To be con
Talk: ตอนนี้แอบรวบรัดเบาๆ แต่ทำไมเคย์ไดดูก้าวหน้ากว่าคู่อื่น55+ ก็เพราะอุปสรรคของเคย์ไดยังมาไม่ถึงน่ะสิทุกโค๊นน ..โปรดติดตามตอนต่อไปนะจ้ะ ... เกสที่เคยพูดถึงกันเมื่อตอนต้นๆเรื่องใกล้จะได้ออกมาล่ะ (กว่าจะมีบทได้ นานมากทีเดียวไอประ55+)
ความคิดเห็น