คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Super Star 05
05
“เพราะไอ้บ้านั่นคนเดียวแท้ๆ”
เรียวสุเกะบ่นออกมาเสียงดังด้วยความหงุดหงิดเพราะคิดว่าตัวเองอยู่คนเดียว .....มือขาวดึงเสื้อยืดสีขาวขึ้นพ้นจากหัวอย่างรวดเร็วและตั้งท่าจะถอดกางเกงตามลงไปด้วยถ้าไม่ได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากด้านหลังเขาเสียก่อน
“ยามะจังหมายถึงผมเหรอ”
“เฮ้ย!!!! นายเข้ามาในนี้ได้ไง” ร่างเล็กหันไปทางต้นเสียงทันที ...แล้วก็เป็นอันตื่นตระหนกตกใจทำอะไรต่อไม่ถูก....มือขาวคว้าเสื้อที่เพิ่งถอดไปมากอดแนบอก... หน้าขาวๆนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
“ผมอยู่ในนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ยามะจังนั่นแหละ อยู่ดีๆก็เดินมาถอดเสื้อผ้าล่อนจ้อนให้ผมดู”
“ไอ้.... ฉันไม่ได้ล่อนจ้อนเว้ย!”
“แต่ก็เกือบแล้วใช่มั้ยล่ะ ..แหม เมื่อกี้ไม่น่าเสียงดังเลยให้ตายสิ”
.....ยังมีหน้ามาทำเสียดมเสียดายได้กวนประสาทซะอีกนะ... เรียวสุเกะตกใจจริงนะเว่ย ไม่ได้ล้อกันเล่นๆ
“มองอะไร! ฉันกับนายก็มีเหมือนๆกันนั่นแหละ”
.....ร่างเล็กรู้สึกแปลกๆที่มีคนจ้องมองโดยที่ไม่รู้เลยว่าในหัวนั่นคิดอะไรหรือว่าตอนนี้รู้สึกยังไงอยู่ ....เค้าเดาความคิดหมอนั่นไม่ออกเลย
“แล้วยามะจังอายอะไรล่ะ..รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าสิ”
.... ร่างสูงตอบได้อย่างไม่มีท่าทีเดือดร้อนกับความเดือดร้อนของคนอื่นได้อีก .... มันนั่งเท้าคางอมยิ้ม แล้วก็จ้องมาที่เขาแบบไม่ละสายตาเลย..... กวนประสาทชะมัด..........
..... นาทีนี้ เรียวสุเกะได้ตระหนักกับตัวเองแล้วว่า เซ้นส์เค้ามาถูกทางจริงๆ......
......ผู้ชายคนนี้อันตรายและไม่น่าเข้าใกล้อย่างที่สุด......
“นายก็ออกไปสิ” ร่างเล็กข่มความรู้สึกทุกอย่างและออกปากไล่... เขาทำเป็นไม่สนใจและแอบมองความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจากเงาในกระจกยาวบานใหญ่ตรงหน้า
..... คิดแล้วก็แค้นใจ กระจกอันเบ้อเร้อขนาดนี้ แต่เขากลับไม่สังเกตเห็นเจ้านั่นตั้งแต่แรก!....
“ไม่ล่ะ........หรือคิดว่าผมจะทำอะไรยามะจังกันล่ะ” ....เงาของร่างสูงที่ปรากฏแก่สายตาเรียวสุเกะส่งยิ้มกลับมาให้อย่างไม่สะท้าน
.....ก็แล้วคิดจริงมั้ยเล่า?! เล่นมานั่งอมยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่แบบนี้ เขาจะเอาสมาธิที่ไหนมาเปลี่ยนเสื้อกันล่ะ.......
“ทำหน้าแบบนี้หรืออยากให้ทำจริงๆ?”
ร่างเล็กเผลอใจลอยไปแค่นิดเดียว.... นิดเดียวจริงๆ ยูมะก็โผล่พรวดมายืนซ้อนหลังให้เรียวสุเกะได้อวดแผ่นหลังขาวเนียนเรียบให้อีกฝ่ายดูแบบชัดๆเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
ยูมะทำหน้านิ่งไล่ต้อนไอดอลหนุ่มไปจนชิดกับกระจกแต่งตัว แต่ถึงกระนั้นเรียวสุเกะก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดกลัวใดๆ หมุนตัวมาเชิดหน้าสู้อย่างสุดตัวตามประสาคนมีอีโก้สูง
“นายคิดจะ...ทำอะไร”
กลิ่นของความอันตรายพุ่งพรวดขึ้นมาในระดับแม็คซ์ เมื่อคนตัวสูงไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว .... เอาแต่โน้มหน้าลงมาจนชิดใบหน้าสวยที่เงยเริ่ดขึ้นสู้ ....ตาต่อตา ...นัยน์ตาคู่สวยเฉี่ยวมีแววแข็งกร้าวจ้องตาตอบอย่างดื้อรั้นไม่ยอมโอนอ่อนให้ง่ายๆ
“หึ...” ร่างสูงยิ้มนิดๆ ก่อนจะพุ่งเป้าหมายไปที่ริมฝีปากแดงฉ่ำสีเดียวกับผลไม้ที่เจ้าของของมันชอบ .....ระยะห่างย่นย่อเข้าไปเรื่อยๆโดยที่ยูมะไม่มีความคิดที่จะหยุดมันให้เป็นแค่เรื่องล้อเล่น
......เขาเอาจริง .....
.....ยูมะตั้งใจจูบปากแดงๆสวยๆนี่ให้หายซ่าซักที......
“....ยูมะ!!”
............ดูเหมือนร่างเล็กเองก็ตระหนักได้ถึงความมุ่งมั่นจริงจังในแววตาปลาทะเลน้ำลึกของยูมะ ถึงได้ตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังอย่างจนมุม..............
..............ได้ผล…...............
ร่างสูงหยุดชะงักในระยะเส้นยาแดงผ่าแปด....หวิดจะได้ชิมความหวานจากปากแดงๆของไอดอลหน้าสวยไปแค่นิดเดียว ก่อนจะยืดตัวตรงกลับมาเต็มความสูง...เว้นระยะห่างระหว่างกันไว้ไม่ให้ดูน่าอึดอัดเกินไป...
......ยูมะจ้องมองอากัปกิริยาแอบถอนหายใจเบาๆของเรียวสุเกะแล้วก็ยิ้มอารมณ์ดี.....
“นึกว่าจะลืมชื่อกันไปซะแล้ว เห็นเรียกแต่นายๆๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ....ทีอยู่หน้ากล้องล่ะยูมะคุงอย่างงั้นอย่างงี้ ...ผมก็น้อยใจเป็นนะ”
......น้อยใจ? จะปล้ำจูบเขาเนี่ยนะอาการของคนน้อยใจ!! .....
เรียวสุเกะเหวี่ยงจิกสายตามาทางร่างสูงทันทีพร้อมกับแสดงออกทางสีหน้าที่มากกว่าปกติที่เคยเห็น...... ยูมะมองดูแล้วก็ยิ้มกลั้นขำจนแก้มจะแตก กรามจะเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
“ยามะจังนี่ก็ตลกดีนะ.... ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เปลี่ยนชุดเร็วๆล่ะ ผมจะไปรอข้างนอก” ยูมะทำท่าจะผละออกไปให้ร่างเล็กได้หายใจหายคอได้สะดวก
“เออ...ลืมอะไรไปอย่าง” .....แต่ยังไม่ทันไรร่างสูงก็เดินว้ายกลับมาที่เดิมพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม.....
“อะไรอีกละ..อ้ะ!”
ร่างสูงก้มลงฉกริมฝีปากซุปตาร์หนุ่มด้วยความไวแสงแล้วก็ผละออก ก่อนจะเผ่นหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างรวดเร็ว................ทุกอย่างมันเร็วมากจนเรียวสุเกะต้องยืนนิ่งตั้งสติอยู่หลายนาที
......เรียวสุเกะอธิบายความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ........ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน
........ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกตื่นเต้นจนใจเต้นระรัวขนาดนี้........
.........แย่แล้วเรียวสุเกะ แย่แน่ๆ.........
.......นายกำลังจะตกหลุมพรางที่หมอนั่นขุดดักเขาไว้ทุกทิศทางจนขยับหนีไปไหนไม่ได้เลย........
.
.
.
“ในส่วนนี้..ยาบุซังเค้าบอกว่าเป็นร้านคอฟฟี่ชอฟเล็กๆให้แขกได้นั่งพักผ่อน จิบชา ทานของหวานให้หายเหนื่อยครับ...แล้วตอนนี้พวกผมก็เริ่มอยากเข้าไปนั่งพักบ้างแล้วสิ .... ยูมะคุง”
เรียวสุเกะที่ยืนแอคติ้งอยู่หน้ากล้องด้วยท่าทางน่ารักร่าเริง ....ฮู้ดติดหูกระต่ายน้อยที่เจ้าตัวบ่นว่ามันน่ารักแอ้บแบ้วเกินไปไม่เหมาะกับเขาก็ถูกดึงมาสวมคลุมผมสีน้ำตาลไว้ ...เวลาเอียงหัวหรือแม้แต่ขยับตัวแต่ละที หูกระต่ายนั่นก็เด้งขึ้นๆลงๆ เข้ากั๊นเข้ากันกับใบหน้าหวานที่กำลังแย้มยิ้มสวยงามเจิดจ้าอยู่หน้ากล้องนั่นจริงๆ
“ยูมะคุง~”
.....สะ...เสียงอ้อน......
“ครับผม!!!” กระต่ายตัวผู้ในชุดสีฟ้ารีบร้อนยืดอกตะเบ้ะตัวตรงแหน่ว..... ไม่บอกก็รู้ว่าสุดจะพ่ายแพ้แบบน็อคเอ้าท์ไปได้เลยหากเจอยามะจังในโหมดสวิตซ์ON แบบนี้เข้าไป
“ไปกินเค้กกันเถอะ^^”
........ยามะจังชักชวนเสียงหวานด้วยหน้ายิ้มๆ ซ้ำยังเข้ามากอดแขนเขาแนบแน่น.... แต่ถ้ามองเข้าไปในดวงตาสวยคมนั่นดีๆจะเห็นว่ามันเป็นประโยคในรูปคำสั่งดีๆนี่เอง.......
...... ถ้าจะลงทุนทำตัวน่ารักน่าฟัดขนาดนี้ .....บอกได้คำเดียวว่า......ยอมครับยอม ...........
.
.
.
เมื่อของหวานหลายชนิดที่ประดับประดาด้วยผลสตรอเบอร์รี่สุกฉ่ำหน้าตาน่ากินมาเสิร์ฟที่โต๊ะอย่างละลานตา ให้เรียวสุเกะอุทานว้าวออกมาพร้อมกับประกายตาระยิบระยับ .....ซองจดหมายสีชมพูก็ถูกส่งมาให้ทั้งคู่อีกครั้ง
ร่างเล็กเปิดซอง ดึงจดหมายออกมาอ่านโดยที่ยูมะก็ชะโงกหน้ามาร่วมอ่านด้วย ... ในนั้นเป็นคำสั่งให้ทั้งคู่ผลัดกันป้อนขนมให้กันเท่านั้น ห้ามตักกินด้วยตัวเอง โดยจะกินเยอะเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่
“ให้ป้อนด้วยอะไรครับ!!”
ยูมะเบิกตาโตหันไปถามสต๊าฟทันที..... ดูจากหน้าตาแล้วไม่บอกก็รู้ว่าในหัวคิดหื่นไปถึงไหนๆ เรียวสุเกะที่นั่งอยู่ข้างๆจึงฟาดมือเข้ากลางหลังร่างสูงอย่างแรง
“โอ้ย!!!!! ยามะจังตีผมทำไม”
“ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่”
“แล้วคิดไม่ได้เหรอ” ยูมะเห็นสีแดงจางๆบนหน้าสวยก็ย่ามใจ แกล้งก้มหน้าลงไปถามใกล้ๆ ....ผลที่ได้ก็คือเรียวสุเกะหันมายัดสตรอเบอร์รี่ลูกใหญ่ใส่ปากเขาแบบไม่ทันตั้งตัว .....ยูมะรีบเคี้ยวกลืนๆลงคอไปอย่างรวดเร็วแล้วก็หันไปกระแซะซุปตาร์คนสวยต่ออย่างไม่ย่อท้อ
“นี่ๆ ยามะจัง ไม่สนใจป้อนแบบแอดวานส์หน่อยเหรอ”
“ฉันขอปฏิเสธ” ....เรียวสุเกะพูดสวนตอบกลับทันทีอย่างมั่นใจโดยไม่มองหน้าคนพูดแม้แต่น้อย....
“ยามะจัง...”
ยูมะคาบสตรอเบอร์รี่ให้ครึ่งนึงแล้วจงใจยื่นหน้าไปตรงหน้าเรียวสุเกะ.... ดวงตาคมมันพราวระยับ
เรียวสุเกะเหลือบสายตาไปมองคาเมร่าแมนที่กำลังรอลุ้นอยู่อย่างเต็มที่ คุณผู้กำกับที่ยืนห่างไปอีกหน่อยก็พยักหน้าให้เขาราวกับคำขอว่า ช่วยทำให้รายการมีสีสันหน่อยเถอะ
....ได้...แกล้งให้เขาอายนักใช่มั้ย เดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน....
ว่าแล้วเรียวสุเกะคนงามก็ยืดตัวขึ้นงับผลไม้สีแดงสุดโปรดไปจากปากร่างสูงไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นว่ายูมะเป็นฝ่ายที่ยืนอึ้งตะลึงงัน อ้าปากค้างอยู่ในท่าเดิม เหมือนต้องมนต์สะกดจากอิทธิฤทธิ์ความขาวกระจ่างใสสะกดใจชาย
...........โอว...ไม่คิดว่าจะกล้าทำต่อหน้ากล้องจริงๆนะ............
..........ยูมะช็อค...........
...................................
......................
.............
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการตระเวนทัวร์รอบไร่ ก็ถึงเวลาพักกันเสียที.... ห้องพักที่ทางรายการจัดไว้ให้เป็นห้องแบบญี่ปุ่นพื้นบ้านแต่ก็กว้างขวาง ดูมีระดับด้วยการจัดแต่งห้องอย่างมีสไตล์
เรียวสุเกะเดินสำรวจไปรอบๆห้องด้วยความตื่นเต้น จนไปเจอประตูเลื่อนบานหนึ่ง...... ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กหนุ่มก็เลยตัดสินใจจะเปิดดู แต่ยังไม่ทันได้เปิด ประตูนั่นก็กลับถูกกระชากเปิดออกอย่างแรงจนตกใจ
“อ้ะ!!..//ยามะจัง!♥”
“เราใจตรงกันเลยน้า~”
เรียวสุเกะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย....แม้แต่ห้องพักก็ยังหนีหมอนี่ไม่พ้นอยู่ดี.... สายตาเขาเริ่มมองหาตัวล็อกที่ประตูเพื่อความปลอดภัย ......ยูมะเองก็พอมองออกว่าซุปตาร์คนสวยของเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่ต้องหาอะไรมาล็อคประตูหรอก....ผมสัญญาว่าจะไม่บุกเข้ามาทำมิดีมิร้ายยามะจังก่อนแน่นอน”
เรียวสุเกะหรี่ตามองอย่างชั่งใจ โดยที่อีกฝ่ายก็ยิ้มกรุ้มกริ่มเพิ่มความน่าเชื่อถือแบบสุดๆ (กัดฟัน)
“ยกเว้นว่ายามะจังจะยั่วผมก่อนน่ะนะ”
“ฝันไปเถอะ!!”
แล้วคนสวยก็ดึงประตูปิดกลับอย่างแรงแทบชนสันดั้งยูมะให้เสียโฉมเล่น
.
.
แต่จนแล้วจนรอด คนที่เปิดประตูเชื่อมบานนั้นก่อนก็คือเรียวสุเกะเอง
หลังจากที่แช่ออนเซ็นอย่างสบายใจไร้สิ่งรบกวน เขาก็เปลี่ยนมาใส่ยูกาตะที่ทางรีสอร์ตจัดเตรียมให้.... แต่พอจะนอนเท่านั้นแหละ เขาถึงเพิ่งนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
........เรียวสุเกะจะนอนไม่ได้ ...ถ้าเปิดไฟสว่างแจ้งหรือว่ามืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลย ซึ่งเขาก็ลืมเช็คเรื่องนี้ในตอนที่เข้าห้องมาตอนแรก..........
ร่างเล็กรีบวิ่งไปแผงควบคุมไฟและลองเปิดปิดไฟทุกดวงทุกปุ่มในห้อง
“ไม่จริงน่า......”
......เป็นอย่างที่คิดจริงๆ รึว่าวันนี้เขาจะต้องข่มตานอนทั้งที่ไฟแจ้งแยงแก่นตาไปทั้งแบบนี้.....
ไม่....เรียวสุเกะทนไม่ได้
เขาจัดแจงโทรหาเมเนเจอร์ซัง แต่ผลปรากฏว่าเมเนเจอร์ซังคงกำลังยุ่งอยู่ถึงได้ไม่ได้รับสายด่วนจากเขา
ทำยังไงดี
ตาเรียวมองไปที่ประตูเชื่อมระหว่างห้องบานนั้น
.....เอาวะ...ลองดูก็ได้
.
.
.
ใครก็ได้..ช่วยคอนเฟิร์มให้เขาที.......
......ไอ้คนที่กำลังนอนดีดๆดิ้นๆ บิดตัวไปมา บ้างก็กลิ้นหลุนๆเป็นวงกลมอยู่บนพื้นห้อง......
.........นั่นมันใช่คนเดียวกับไอ้แฟนบอยตัวโย่งที่ตามกวนประสาทเขาทั้งวันรึเปล่า? .......
“ยามะจังน่าร๊ากกกกก น่ารักๆๆๆๆ หนังหน้านี่นะ...สวยแบบเลอค่า หาที่ติไม่ได้เลย”
......ในมือมันกำไอโฟนแนบหู...ไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร แต่เดาว่าคงเป็นคนที่น่าจะมีความอดทนอย่างน่าชื่นชม ที่ทนฟังเจ้าบ้านี่พร่ำเพ้อได้นานๆ........
“โชริ~ ช่วยพี่ด้วย พี่กำลังมีความสุขมากเกินไป ยามะจังน่ารักแบบเกินบรรยายเลย ...เฮ้ยพี่ยูยะ! อย่าแย่งน้องคุยดิ น้องจะคุยกับโชริ เอามือถือคืนน้องเดี๋ยวนี้นะ!”
แล้วหลังจากนั้นมันก็โวยวายสลับกับเพ้อถึงแต่ชื่อเขา จนเรียวสุเกะไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ให้ยิ้มได้เลย
.....หมอนี่ก็มีมุมน่ารักๆเหมือนกันนี่ ..... จริงๆแล้วคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกมั้ง
“โชริรู้มั้ย พี่นะ...ทำอะไรก็ไม่เคยได้ดี ทำให้ยามะจังโมโหตลอดเลยด้วย ...แต่ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้โมโหสักหน่อยนี่นา ใครจะไปอยากให้คนที่ชอบทำหน้างอทั้งวันกันล่ะ .......โชริ๊~ พี่จะทำไงดีอ่า พี่รักยามะจังจะบ้าตายอยู่แล้ว!!”
เรียวสุเกะที่บังเอิญได้ฟังคำรักตรงๆซื่อๆแบบไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่ยืนหน้าร้อนฉ่าอยู่หน้าประตูสักพัก ถึงได้ตัดสินใจกระแทกประตูเปิดอีกครั้งด้วยเสียงอันดัง หวังจะให้ไอ้เจ้าของห้องมันรู้ตัวสักทีว่ามีคนรอจะบุกรุกอยู่นานแล้ว!!!
“...ยามะ..จัง”
ยูมะที่นอนอยู่สะดุ้งตกใจลุกขึ้นมาทำตาโต และยิ่งตาเหลือกหนักขึ้นไปกว่าเก่าเมื่อเห็นว่าคนที่ส่งเสียงดังคือใคร .....มือที่กำโทรศัพท์แน่นกดวางสายไปโดยพลัน
“คราวนี้ยามะจังเป็นคนเข้าห้องผมก่อนเองนะ” ร่างสูงชี้ไปที่ขาให้เรียวสุเกะก้มลงมองปลายเท้าตัวเอง .....เขาก้าวเข้ามายืนอยู่ในพื้นที่ห้องยูมะแล้วจริงๆ
“ฉันแค่จะมาขอดูสวิตซ์ไฟในห้องเท่านั้นแหละ” ว่าแล้วร่างเล็กก็เดินไปที่แผงสวิตซ์อย่างว่องไว ทดลองกดเปิดปิดเสร็จสรรพ แล้วก็พบว่ามันเหมือนของห้องเค้าแบบเดี้ยะๆเลย
....ยูมะที่เฝ้ามองอยู่ทุกอิริยาบถ เห็นเรียวสุเกะถอนหายใจอย่างหดหู่ก็ยิ้มถาม
“ยามะจังนอนไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”
“ใครบอก ฉันแค่.....”
“ก็ยามะจังเองนั่นแหละที่เคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารตั้งหลายเล่มแน่ะ”
“ก็มัน..นอนไม่ได้นี่นา”
.....ก็ไหนจะต้องนอนคนเดียวแถมยังเป็นต่างถิ่น แล้วยังมาไร้เงาของเมเนเจอร์ซังให้พึ่งพิงอีกซะด้วย.....
“เอางี้....ถ้าไม่รังเกียจ ไปนั่งเล่นที่ระเบียงกับผมมั้ยล่ะ” ยูมะยิ้มชวนอย่างใจดี.... แล้วเขาหมายความตามนั้นจริงๆ ถ้ายามะจังนอนไม่หลับแล้วก็หงุดหงิดไม่มีความสุข ....เขาเองก็คงหลับไม่มีความสุขเช่นกัน
“ไม่ได้บังคับนะ....แต่ถ้าเชื่อใจกันสักนิดนึง.....ก็ตามมาละกัน”
ร่างสูงพูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วก็เดินไปนั่งแกว่งขารอตรงระเบียงห้องที่เชื่อมกับสวนญี่ปุ่นเล็กๆแบบส่วนตัว
เรียวสุเกะยืนนิ่งคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ๆ
ความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียวนั้นชวนให้สับสนอยู่ไม่น้อยเลย
..........การแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่แฝงอยู่ในข้อความเชิญชวนธรรมดาๆ กับรอยยิ้มซื่อๆดูไร้พิษภัยนั่น.......... กับตัวอันตรายจอมกวนประสาทที่ชอบแกล้งทำให้เค้าหงุดหงิดตลอดทั้งบ่าย.... คือคนๆเดียวกันจริงๆหรือ
อะไรหลายๆอย่างทำให้ขาสั้นๆของเรียวสุเกะยอมก้าวเดินตามร่างสูงไปในที่สุด
.........ฉันอยากรู้ตัวตนที่แท้จริงของนาย .....ยูมะ.....
To be con
I-PrA Talk: เจอกันตอนหน้าค่ะ.... มันใกล้จะจบพาร์ทของยูมะยามะแล้วล่ะน้า ......และเหมือนเดิมค่ะ ยูยามะจะไม่หายไปไหน ยังคงลอยวนๆเวียนๆอยู่ในเรื่องต่อไปพร้อมกับเคนโชริด้วยแน่นอน ฮ่าๆๆ (แฟนทาคาไดจะโวยว่าไม่คุ้มรึเปล่า มาคู่สุดท้ายเลย หะๆ เอาเป็นว่า...อาจจะมีสเปเชี่ยลแบบเลิฟๆกันสักตอนสองตอนละกันเนอะ ต้องรอดูกันต่อไป55+)
ปล.รูปข้างบนนี้จริงๆอยากเอาไปใช้ตอนหน้ามากเลย เพราะจะเริ่มหวานแหววบ้างละ แต่ลืมทำ..ใช้อันนี้ไปก่อนละกันนะ ฮาา
ความคิดเห็น