ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ & SexyZone].......3 Kyoudai The Series .......

    ลำดับตอนที่ #1 : Lovely Complex 01

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 55




    Title : Lovely Complex

    Cast : Nakajima Kento x Sato Shori

    Rate : PG 13

    Author : I-PrA

     

    01

     

                    เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นแล้ว .... เหล่านักเรียนที่นั่งเรียนกันหลังขดหลังแข็งมาทั้งวันก็ถึงเวลายืดเส้นยืดสาย.... บ้างก็เก็บของสะพายกระเป๋าพร้อมสำหรับชมรมกลับบ้าน บ้างก็ลุกขึ้นมาเหยียดแขนร้องบ่นไปตามประสา แต่มีจำนวนไม่น้อยเลยที่กำลังจับกลุ่มคุยกันในเรื่องชมรม ซึ่งถือเป็นประเด็นสุดฮอตสำหรับเด็กปี 1 ในเวลานี้

                    รวมถึงเด็กหนุ่มหัวฟู หน้าตาหล่อเหลาที่หมุนตัวหันหลังมาหาเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ด้านหลังตัวเองทันทีที่ออดดังด้วย

     

                    “นายรู้มั้ย ว่าชมรมคหกรรมน่ะ พวกรุ่นพี่ที่ชมรมฉันเค้าลือกันว่ายังไง” จินกูจิ ยูตะ ไม่รอช้า รีบเปิดประเด็นที่ตัวเองต้องการคุยอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเพื่อนร่างบางจะยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักก็ตาม

                    “ข่าวลือ...ว่าอะไรเหรอ” โชริเอียงคอทำหน้าสงสัย ในขณะที่มือเรียวก็ค่อยๆเก็บของบนโต๊ะใส่กระเป๋าอย่างไม่รีบร้อนนัก

                    “ก็เป็นชมรมล่าผู้ชายน่ะสิ!! 90%ของผู้หญิงที่เข้าชมรมนี้ก็เพื่อหาแฟนเท่านั้นแหละ” ยูตะพูดอย่างใส่อารมณ์ หวังจะใช้โชริได้รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนกับเค้ามั่ง ว่าตัวเองอาจจะโดนนินทาเสียๆหายๆเหมารวมไปด้วย

     

    “แต่ฉันเป็นผู้ชาย คงไม่เป็นไรมั้ง” ร่างบางทำเพียงแค่ยิ้มตอบกลับมา ....ตามประสาคนมองโลกในแง่ดีแบบสุด

     

    แต่แบบนั้นน่ะ ยิ่งทำให้เพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมอย่างยูตะต้องก่ายหน้าผากด้วยความเหนื่อยใจ

     

    “คนที่คิดว่าไม่เป็นไรคงมีแค่นายคนเดียวนั่นแหละ” ยูตะแอบบ่นกับตัวเองเบาๆ

    “เมื่อกี้จินจังว่าอะไรนะ” ทีแบบนี้ล่ะหูดีเชียวนะ

    “เปล่า~ แต่โชริ นายมั่นใจนะว่าจะเข้าชมรมคหกรรมจริงๆ” ยูตะถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

    “อื้อ ฉันอยากฝึกทำอาหารน่ะ” คำตอบของโชรินั้นเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ตาใสๆนั้นเป็นประกายซะจนยูตะต้องยอมพ่ายแพ้แต่โดยดี

    “งั้น...นายต้องทำให้ฉันกินด้วยนะ”

    “ได้สิ”

    “สัญญาแล้วนะ” ยูตะยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าโชริแบบเก็กๆ เหมือนจะเขินอยู่ไม่น้อยที่ต้องใช้วิธีเด็กน้อยแบบนี้

    “อื้อ” แต่โชริก็ยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวด้วยและเขย่าน้อยๆ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะล้อเลียนอะไรอย่างที่ยูตะนึกกลัว

     

    ....จริงๆยูตะก็รู้นิสัยของร่างบางดีอยู่แล้ว โชริน่ะใจดี ยิ้มง่าย ใสแล้วก็บริสุทธิ์จริงๆ .... อ่อนต่อโลกจนเรียกได้ว่าน่าเป็นห่วงเลยล่ะ ... ไม่แปลกที่จะเห็นพี่ชายของเจ้านี่มาวนเวียนป้วนเปี้ยนดูแลอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้ก็ตาม

     

    .

    .

     

    ชมรมคหกรรมที่ว่า ตั้งอยู่ชั้นล่างสุดในตึกที่อยู่ติดกับสนามฟุตบอล... ในเรื่องของอุปกรณ์ทำครัวเรียกได้ว่าครบครัน สามารถที่จะทำอาหารคาวหวานได้แทบทุกชนิด สาวๆจึงใฝ่ฝันที่จะได้เข้าชมรมนี้ ..... แต่ก็ใช่ว่าใครอยากเข้าก็ได้เข้าอย่างง่ายๆ ทุกคนต้องผ่านการคัดเลือกจากประธานชมรมที่เรียกได้ว่าเป็นสาวสวยที่ดุ โหดและเข้มงวดมากที่สุดคนนึง

    แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่งก็เหมือนกับชมรมคหกรรมจะคัดเลือกสาวในอุดมคติของใครหลายคนเอาไว้ดีๆนี่เอง จึงถือได้ว่าเป็นชมรมที่ป๊อปมากในหมู่หนุ่มๆ ....นอกจากนี้แล้วทำเลที่ตั้งของชมรมคหกรรมนั้นถือเป็นทำเลทอง เป็นศูนย์กลางจุดยุทธศาสตร์ที่พวกชมรมกีฬาต่างๆจะต้องตบเท้ากันเข้ามาเกาะขอบหน้าต่างขอขนมกินบ้าง หยอดมุกขายขนมจีบบ้าง มีคู่รักเกิดขึ้นหลายคู่เลยทีเดียวที่เริ่มต้นจากเสน่ห์ปลายจวักของสาวๆชมรมนี้

    ส่วนในกรณีของโชรินั้น น่าจะเรียกว่าผ่านเข้ามาอยู่ในชมรมได้ด้วยหน้าตาโดยแท้ เพราะพวกรุ่นพี่นั้นเอาแต่หน้าแดงตอนที่ร่างบางเข้าไปสมัครเข้าชมรม แล้วก็ให้เขาผ่านเข้ามาอย่างง่ายๆโดยไม่ต้องมีการทดสอบความสามารถเหมือนคนอื่นๆ

     

    เรื่องทำอาหารนั้น สำหรับโชริแล้ว เพราะว่าหัดทำอาหารกับพี่ชายมาตั้งแต่ยังเล็ก จนตอนนี้เขากุมบังเหียนเรื่องปากท้องของที่บ้านไปแล้ว แม้ว่าร่างบางจะทำได้แค่อาหารพื้นๆ แต่เรื่องรสชาติก็ไม่เป็นสองรองใคร .....คอนเฟิร์มโดยพี่ชายคนโต ทาคาคิ ยูยะ ที่กินอาหารที่โชริทำจนหมดเกลี้ยงทุกครั้งอย่างมีความสุข แม้จะโดนล้อว่าอ้วน แก้มกลมขึ้นหรือมีพุงเป็นอาเสี่ยก็ไม่เคยสนใจ เพราะยูยะเคยพูดเอาไว้ว่า  “เพราะมันเป็นสิ่งที่โชริตั้งใจทำเพื่อพี่ จะเหลือไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินเอาๆ แม้ว่าในรสชาติของอาหารที่โชริฝึกทำในระยะแรกๆมันจะเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมมากแค่ไหนก็ตาม พี่ยูยะก็ไม่เคยพูดบ่นสักคำ

     

     

    “เอาล่ะ วันนี้เป็นวันแรกของสมาชิกใหม่ ดังนั้นเราจะทำเมนูง่ายๆอย่างแพนเค้กกัน ส่วนผสมแล้วก็ของที่จำเป็นต้องใช้มีให้อยู่แล้วที่โต๊ะของทุกคน ....เริ่มลงมือได้”

    สาวๆตอบรับคำสั่งกันอย่างขันแข็งแล้วก็แยกย้ายกันไปเตรียมส่วนผสมกันอย่างมืออาชีพสุดๆ ....เหลือก็เพียงแต่โชริที่ยืนหน้าเครียดอยู่กลางห้องคนเดียว ใบหน้าใสนั้นแสดงออกชัดเจนทางสีหน้าว่ากำลังประสบปัญหาแบบสุดๆ 

     

    ....... งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ เรื่องของคาวน่ะเค้าพอทำได้อยู่เพราะต้องทำอยู่ทุกวัน แต่กับของหวานนี่บอดสนิท แทบไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ.....

     

    “โชริคุง มีอะไรรึเปล่า”

    “อ่า ไม่มีอะไรครับ”

    ...... เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน ไหนๆก็ได้เข้าชมรมมาทั้งทีแล้ว ขอครูพักลักจำยำเอาคนเดียวบ้างคงไม่เสียหายน่า ....

     

    .

    .

     

    “เหนื่อยจังเลยน้า~ วันนี้ทำอะไรกินกันเหรอ”

    ทานากะ จูริวิ่งเข้ามาเกาะขอบหน้าต่างที่เชื่อมระหว่างห้องคหกรรมกับสนามฟุตบอลเป็นคนแรกพร้อมกับผ้าขนหนูคู่ใจ.... แต่หาได้รับความสนใจจากสาวๆที่กำลังขมีขมันทำเวลาในการตกแต่งแพนเค้กร้อนๆกรุ่นกลิ่นหอมๆ ที่ราดด้วยน้ำผึ้งและโปะด้วยเนยขูดก้อนโรลสวยงามแบบที่เห็นตามตามคาเฟ่ดังๆ

    “หอมจังเลย ชักจะหิวแล้วสิ” ตามมาด้วยหนุ่มหน้าหวาน ยาสุอิที่เพียงแค่พูดเปรยๆด้วยเสียงอ้อนๆหน้าอ้อนๆ สาวๆก็พากันเชื้อชวนเด็กหนุ่มให้กินแพนเค้กฝีมือที่ตัวเองทำกันจ้าละหวั่น โดยมีจูริยืนกัดผ้าขนหนูคู่ใจอยู่ใกล้ๆอย่างหดหู่.... โลกนี้ไม่ยุติธรรม.....

     

    ส่วนเด็กหนุ่มน่ารักคนเดียวในชมรมนั้นกลับยืนหลบอยู่ในมุมมืด มองผลงานร่วมสองชั่วโมงของตัวเองที่ตั้งตระหง่านส่งกลิ่นแปลกๆบนโต๊ะ.... หน้าตาของมันใกล้เคียงกับคำว่าแฮมเบอร์เกอร์มากกว่าจะเป็นแพนเค้ก เนื่องจากมันไหม้จนเกรียมไปด้านนึง และอีกด้านก็คล้ายจะไม่สุกดี แม้กระทั่งเนยขูดก้อนโรลที่โปะอยู่ข้างบนนั้นยังรูปร่างพิกลพิการเหมือนก้อนอุกาบาตที่พุ่งชนโลกยังไงอย่างนั้น

    เฮ้อ~ เห็นแล้วน้ำตาจะไหล ......ทิ้งซะดีมั้ยเนี่ย

     

    “ห้ามทิ้งนะ!

    อยู่ดีๆก็มีเสียงร้องห้ามดังขึ้นมาในจังหวะที่โชริกำลังจะเทผลงานสองชั่วโมงของเขาลงถังขยะ ร่างบางชะงักมือแล้วหันไปมองตามต้นเสียง ก็เห็นว่ามีร่างสูงคนหนึ่งในชุดซ้อมที่โชกที่ด้วยเหงื่อกำลังจ้องมาทางเขาจากด้านนอกหน้าต่าง

    “อย่าทิ้งมันเลยนะ” แล้วผู้ชายคนนั้นก็ย้ำประโยคคล้ายๆเดิมอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม

    .....ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูใจดี สดใส สว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์จริงๆ ...คนๆนี้มีรอยยิ้มที่ทำให้โลกสดใสเอามากๆ.....

    ร่างสูงกวักมือเรียกให้โชริเดินเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งร่างบางก็เดินถือจานติดมือเข้าไปหาแบบงงๆ

     

    “เจ้านั่นน่ะ ให้ฉันกินได้มั้ยล่ะ” ร่างสูงชี้มาที่จานที่โชริถืออยู่

    “เอ๋...เดี๋ยวก็ตายหรอกครับ” ร่างบางพูดออกไปตามที่คิด ซึ่งทำให้ร่างสูงระเบิดหัวเราะออกมาไม่หยุด

    “ฮะๆๆ นายนี่ตลกชะมัดเลย.... เอาน่า ฉันขอได้มั้ยล่ะ” ร่างสูงเริ่มใช้ลูกอ้อนแบบที่มั่นใจในหน้าตาของตัวเองว่าจะทำให้คนตรงหน้ายอมใจอ่อนให้แบบง่ายๆ

    “ผมว่ารุ่นพี่อย่ากินเลยดีกว่านะฮะ” แต่โชริกลับทำหน้าเคร่งเครียดจริงจัง... กลัวว่ามีคนตายขึ้นมาจริงๆ -_-“

     

    “แต่มันก็เป็นสิ่งที่นายตั้งใจทำมาตั้งนานสองนานไม่ใช่เหรอ อย่าเอาไปทิ้งเลย เสียดายของเปล่าๆ ....ขอนะ”

    ร่างสูงอาศัยความมือไวคว้าเอาจานในมือโชริไปครองเป็นที่เรียบร้อย แล้วก็ถอยหลังไปสองก้าวเพื่อกันไม่ให้เจ้าของร่างบางกระโจนมาเอาคืนไปได้

    “รอยไหม้พวกนี้ ใช้ส้อมขูดๆออกหน่อยก็ใช้ได้แล้ว นี่ไงเห็นมั้ย” ร่างสูงพูดอย่างร่าเริงเพื่อให้กำลังใจโชริที่ถูกดูดเข้าสู่หลุมดำให้กลับฟื้นคืนมา

    “อื้ม ก็อร่อยดีนี่นา.....คราวหน้าก็หรี่ไฟหน่อย ใช้ไฟอ่อนๆก็ใช้ได้แล้วล่ะ”

    นอกจากให้จะกำลังใจแล้วก็ยังให้คำแนะนำอีกซะด้วย..... ร่างบางเผลอใจเต้นแรงไปกับผู้ชายใจดีที่เปล่งประกายแห่งความสดใสระยิบระยับตรงหน้านี่ไปโดยไม่รู้ตัว

     

    “ขอบคุณสำหรับอาหาร ....ว่าแต่นายชื่ออะไรน่ะ”

    “ทาคาคิ โชริ ปี 1 ห้อง B ครับ”

    “ชื่อดีนี่นา... แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมารอชิมของที่นายทำนะ โชริ

     

    ..... โชริ ตั้งแต่เกิดมาชื่อนี้ก็เป็นชื่อที่ทุกคนใช้เรียกเขาอยู่แล้ว การจะถูกคนที่ไม่รู้จักเรียกชื่อต้นมันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา .... แต่ทำไมเขาถึงต้องมาใจเต้นกับอีแค่ถูกเรียกด้วยเสียงนุ่มๆที่ลงท้ายเสียงได้ราวกับว่ามีรูปหัวใจต่อท้ายมาด้วยแบบนั้นนะ

    ……เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่…..

     

    แต่ที่แน่ๆ..... มันเป็นจุดเริ่มต้นประหลาดๆ ที่ทำให้เขาได้รู้จักกับรุ่นพี่ที่คนในโรงเรียนเรียกขานว่า “เจ้าชาย”

     

    .

    .

     

    “เฮ้! ทำไมมายืนค้างอยู่ตรงนี้ล่ะ”

    ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ร่างบางยืนค้างเติ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ริมหน้าต่างตั้งแต่ที่ผู้ชายคนนั้นเดินออกไป จนกระทั่งจินกูจิเข้ามายืนแทนที่ พร้อมกับโบกไม้โบกมือพยายามเรียกให้เค้ารู้สึกตัว

     

    “จินจัง...”

    “โทษที พอดีโค้ชกักตัวพวกปี1น่ะเลยมาช้า ....ไหนวันนี้ทำอะไรกินอ่ะ” ตาเรียวที่ฉายแววซุกซนตามฉบับเด็กผู้ชายพยายามสอดส่ายสายตาทะลุผ่านโชริเข้าไปถึงโต๊ะด้านหลัง

    “ขอโทษนะ ฉันทำเสียหมดเลย”  ร่างบางก้มหน้าน้อยๆ รู้สึกผิดที่ต้องปกปิดความจริงกับเพื่อนสนิท ....

    “โหย อุตส่าห์ตั้งตารอเลยนะเนี่ย ถ้างั้นพรุ่งนี้ฉันหวังว่าจะได้ชิมฝีมือของนายนะ”

    “อื้ม ฉันจะพยายาม”

    “แล้วนี่จะกลับบ้านเลยรึเปล่า วันนี้ใครมารับ”

    “พี่ยูมะน่ะ” ยูมะคือพี่ชายคนรองของบ้าน อยู่ชั้นปี3 ...ปกติแล้วโชริจะต้องกลับบ้านหรือว่ามาโรงเรียนพร้อมกับพี่ชายเสมอตั้งแต่เด็กๆแล้ว ...ยูตะพยักหน้ารับรู้ เขาก็ได้แต่หวังว่าสักวันจะมีโอกาสกลับบ้านกันสองคนกับโชริบ้าง หลังเลิกเรียนได้ไปแวะร้านเค้กน่ารักๆหรือว่าร้านคาราโอเกะก่อนกลับบ้านแบบเด็กคนอื่นๆบ้างก็คงจะดี

    .....แต่มันดูเป็นไปได้ยาก พอๆกับการหวังว่าเขาจะเรียนได้อันดับที่1ของระดับชั้นเลยล่ะ.....

    “โอเค งั้นฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

     

    โชริลาเพื่อนสนิทเรียบร้อยก็หันกลับมาหมายจะเก็บล้างจานชามต่างๆ แต่ก็ต้องชะงักกับสายตาประหัดประหารของสาวๆร่วมชมรม โดยที่จุดรวมสายตาของทุกคนก็คือ....เขาเอง ...ไม่รู้ว่าเค้ามีจินตนาการลึกล้ำถึงขนาดคิดไปเองรึเปล่า แต่สีหน้าท่าทีของทุกคนดูเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่มีใครยอมพูดออกมาตรงๆ

     

    ......นี่เค้าทำอะไรผิดไปรึเปล่านะ......

     

    .

    .

     

    เย็นวันนั้นเอง ที่บ้านทาคาคิ

     

    สามพี่น้องนั่งล้อมโต๊ะอาหารที่ใช้เป็นโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆตั้งอยู่กลางห้อง ... บนโต๊ะมีจานแพนเค้กเหลืองทอง มีสีคล้ำๆบ้างเป็นแห่งส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจวางตระหง่านอยู่กลางโต๊ะ...เพียงอย่างเดียว

    ท่ามกลางความเงียบงัน... โชรินั่งนิ่งอยู่เฉยๆท่าทางเหมือนใจลอยๆไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่อธิบายถึงต้นสายปลายเหตุ จนยูยะที่นั่งในตำแหน่งตรงข้ามอดไม่ได้ที่ออกปากถามขึ้นมา

                    “เอ่อ... โชริ ไหนละข้าว”

    “ไม่มีฮะ” โชริสะดุ้งขึ้นมาเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ตอบออกไปเหมือนเวลาถูกครูเรียกให้ตอบคำถามในเวลาที่กำลังจะหลับหรือเผลอหลับไปแล้ว

     

    “หา!!!!~” สองพี่น้องยูยะและยูมะร้องออกมาพร้อมกัน ....เพียงแต่ของยูยะนั้นร้ายแรงกว่าตรงที่ร่างหนานั้นทำหน้าเหมือนโลกถล่มลงตรงหน้าแล้วมีสัตว์ประหลาดบุกเข้ามายึดครองโลกยังไงอย่างนั้น

     

    “วันนี้ที่ชมรมเค้าทำแพนเค้กกัน แต่ผมยังทำได้ไม่ดี เลยกลับมาฝึกต่อที่บ้านน่ะ”

     

    .....แล้วก็รวดเหมาเป็นข้าวเย็นแทนเลยสินะน้องพี่.....

    เจอคำตอบแบบนี้เข้าไป พี่ชายคนโตอย่างยูยะพูดอะไรต่อไม่ออก ได้แต่เอาคางเกยโต๊ะกระพริบตาปริบๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

     

    “เอาน่าๆ แพนเค้กมันก็แป้งเหมือนกันนั่นแหละ กินกันเถอะ” ยูมะที่นั่งอยู่ตรงกลางช่วยพูดให้พี่ชายรู้สึกดีขึ้น แล้วก็หั่นแพนเค้กเป็นชิ้นเล็กแล้วใช้ส้อมจิ้มขึ้นมากัดเข้าปาก “อื้มม อร่อยดีนี่นา.... หน้าตาก็ใช้ได้นะ”

    “จริงเหรอฮะ” โชริยิ้มกว้างอย่างดีใจ

    “อื้อ อร่อยจริงๆ พี่ยูยะชิมสิ”

    ยูยะที่เศร้าโศกโศกาเพราะไม่ได้กินข้าวเย็นอ้าปากงับแพนเค้กชิ้นพอดีคำที่ยูมะยื่นมาให้ แล้วก็แสดงอาการออกมาไม่ต่างกับพี่ชายคนรองเท่าไหร่นัก สองพี่ชายพากันกินแพนเค้กฝีมือโชริพลางเอ่ยชมน้องชายสุดที่รักไม่หยุดหย่อน ทำเอาโชริยิ้มกว้างไม่ยอมหุบเลย

     

    .... แค่ได้เห็นพี่ชายทั้งสองคนของเขากินอาหารที่เค้าทำอย่างมีความสุขทุกวันเขาก็มีความสุขพอแล้ว.....

    ว่าแล้วโชริก็ต้องนึกย้อนไปถึงคำพูดของคนที่ให้คำแนะนำนี้มา

     

    .... มันใช้ได้ผลจริงๆด้วยแฮะ... พรุ่งนี้ต้องไปขอบคุณซะหน่อยแล้ว...

     

    ......................................

    .....................

    ..........

     

    To be con

     

    I-PrA talk : ตื่นเต้นจัง...เหะๆ เป็นครั้งแรกเลยที่จับคู่ให้ลูกชายคนเล็กของบ้าน....

    เป็นไงกันบ้างคะ หวังว่ามันจะทำให้คนอ่านอมยิ้มได้บ้างไม่มากก็น้อยละนะ ....อย่าได้คาดหวังอะไรกับฟิกประเลย ไอ้คนแต่งมันเขียนตามใจตัวเอง ฮ่าๆ

    ตอนต่อไป......รออ่านหลังปีใหม่นะ ขอให้เที่ยวให้สนุก ถ้าไม่ได้ไปไหนก็นอนอ่านฟิกฟินๆก่อนละกันเน้อ

    บุญรักษาค่ะพี่น้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×