ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ]………… SHIKI SERIES………… [Hey! Say! JUMP]

    ลำดับตอนที่ #1 : [Natsu] .......... Dog Days ......Part 1...... [Takaki Yuya x Arioka Daiki]

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 54


      

    Dog Day

    Yuya x Daiki

    Romantic Comady
    PG 13

     

                    ////ใครๆก็ว่า ฤดูร้อนเป็นฤดูแห่งความรัก  แต่สำหรับผม  มันก็แค่ฤดูเปียกเหงื่อเท่านั้นแหละ ////

     ทาคาคิ ยูยะ (ป.3)



                    "โว้ยย .. ร้อน!!"

    เด็กชายคนเดียวกับที่ส่งเสียงโวยวายออกมา กำลังสะบัดเสื้อผ้าเข้าออกพรึบพรั่บเพื่อดับความร้อนรุ่ม ....  รู้อยู่แก่ใจว่า ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ หรือวันไหน พระอาทิตย์ดวงโตก็ยังคงทอแสงให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ  แต่ว่าวันนี้ทำไมมันถึงได้อบอุ่นนักนะ...... อุ่นจนร้อนเลยล่ะ ลมก็ไม่มีซักวูบที่จะพัดผ่านมาให้ชื่นใจบ้างเลย

     

     ..... นี่มันถึงหน้าร้อนอีกแล้วหรือ! ..... เกลียดที่สุดเลยฤดูร้อน เหงื่อก็ออกเยอะแยะ เสื้อผ้าก็เปียกแฉะอับชื้น เผลอแปบเดียวก็เหนียวเหนอะหนะไปทั้งตัว .... น่ารำคาญจะตาย

     

                    เด็กชายทาคาคิ ยูยะ .... วุฒิภาวะ ชั้นประถมปีที่ 3 ห้องบ๊วย  มีตำแหน่งเป็นถึงรุ่นพี่ที่ทรงอำนาจและน่าเกรงขามที่สุดในเวลานี้ (เพราะ ป.3 เป็นชั้นที่โตที่สุดในโรงเรียน) กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนโต๊ะตัวประจำ ที่แทบจะกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาอยู่รอมร่อ ..... เนื่องด้วยทุกคนในโรงเรียนรู้กิตติศัพท์ของยูยะดี .... ใครอย่าได้แหย่เอาบั้นท้ายน้อยๆลงไปนั่งเชียว .... เพราะคนๆนั้นจะต้องโดนกลั่นแกล้งเรื้อรังราวกับติดเชื้อโรคร้ายแรง ...ผู้โชคร้ายคนนั้นจะโดนยูยะและเหล่าลูกกะจ๊อกพากันมาแกล้งได้แกล้งดี แกล้งทุกวัน แกล้งมันทั้งปีทั้งชาติ ไม่เลิกรา ..... เป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำจนไม่มีใครทนไหว  ชิงลาออกกันไปซะหมด ......

     

                    เด็กชายกำลังมองความเป็นไปของอนาคตของชาติตัวเล็กๆ ที่หลังจากคุณพ่อคุณแม่มาส่งที่หน้าโรงเรียน แล้วหนูน้อยแก้มกลมๆพากันเดินขบวนเข้าโรงเรียนมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู .....

                    "สวัสดีครับรุ่นพี่ยูยะ!!" เสียงแหลมๆเสียดหูดังขึ้นทักทาย คนที่มันกำลังนั่งกระดิกตีนดิ้กๆ พลางดูดนมกล่องเสียงดัง ฟืดๆฟืดๆ ด้วยท่าทางอันแสนเท่ห์

     

                    เรื่องการทักทายรุ่นพี่บ้าอำนาจคนนี้ก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติโดยยูยะมาได้ซักพัก ..... เพราะเขาถือว่า จะไปจะมาต้องลาต้องไหว้ผู้ใหญ่ก่อนเสมอ (และเด็ก ป.3 นี่ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่มากๆ ในความคิดของยูยะ)

     

                    "อืม สวัสดีเด็กๆ ตั้งใจเรียนกันล่ะ วันนี้อากาศร้อนเนอะ^^"

    จะเรียกว่าทำหน้าที่แทนคุณครูคนสวยที่มักจะมายืนรอรับเด็กๆอยู่หน้าโรงเรียนได้ไม๊นะ?

                    "เฮ้ย! พัดแรงๆสิฟะ! ร้อนเว้ยร้อน เข้าใจมั้ย!!"

    ผู้ยิ่งใหญ่ของโรงเรียนที่เพิ่งจะยิ้มแย้มกับเด็กๆแสนน่ารัก จู่ๆก็หันไปอารมณ์เสียใส่บรรดาลูกกระจ๊อกที่นั่งปรนนิบัติพัดวีอยู่เคียงข้าง มาดราวกับเจ้าชายน้อยๆเลยทีเดียว

                    "เมื่อไหร่โรงเรียนเราจะติดแอร์ซักทีเนี่ย.... ร้อนจนน่าหงุดหงิดชะมัด!! เฮ้ย บอกว่าพัดแรงๆ! ไอ้พวกนี้นี่ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย"

                    "ลูกพี่ยูยะครับ  พวกผมก็ร้อนครับ มันเลยไม่มีแรง  นี่ก็เต็มที่แล้วนะครับ" ตาตี่ๆที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของยูยะนั้นหรี่ตามองลูกน้องอย่างเอาเรื่อง .... ยอกย้อนนะยอกย้อน!....

                    "โอ้ย.. ไม่ได้เรื่อง... เอามานี่... พัดเองก็ได้วะ"

     

    วันนี้ก็เหมือนว่าจะเป็นอย่างทุกวัน  ชีวิตของเด็กชายยูยะผู้บ้าอำนาจมาตั้งแต่ยังเล็กยังน้อย ยังคงดำเนินไปโดยปกติสุข  เด็กน้อยๆทั้งหลายที่ไม่มีทางสู้ก็ยังคงก้มหน้าให้รุ่นพี่โขกสับอยู่อย่างวันวาน ... ก็ตั้งแต่ที่กิตติศัพท์ของยูยะแพร่กระจายออกไป  ก็ไม่มีใครที่กล้ามาแหย่หนวดแมว เอ้ย หนวดเสือ อีกเลย

                    "เอ้ะ!!?"

    เด็กชายอุทานออกมาอย่างแปลกใจที่เห็นเด็กชายตัวเล็กๆท่าทางไม่คุ้นตา เดินตัวลีบๆเข้ามาในอาณาบริเวณของตน ท่าทางไม่สู้คนแบบนี้ไม่เคยเจอ

    ...... เด็กหัวแตงโม แว่นหนาๆ ท่าทางเฉิ่มๆ แบกกระเป๋าใบโตติดหลัง  เดินดุ่มๆก้มหน้าก้มตามาไม่สบสายตาใคร ....

    .......  แปลก .......

     

                    สวบๆๆ~!

    เด็กคนนั้นยังคงเดินจำอ้าวๆ ตรงไปข้างหน้าลูกเดียว ไม่คิดจะแวะทักทายรุ่นพี่ที่นั่งหัวโด่ รอรับอรุณสวัสดิ์อยู่ทุกเช้า เหมือนอย่างที่ทุกคนในโรงเรียนต้องทำไม่เว้นแม้กระทั่งครูบาอาจารย์

     

     ..... แล้วเด็กนี่เป็นใครกัน? กล้าๆเดินผ่านไปเฉยๆแบบนี้ .... อย่างนี้หยามกันมากๆ เมินกันแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่ตายดีหรอก! .....

     

                    "เฮ้ย!!ไอ้เด็กหัวแตงโม!!ลื้อเปรี้ยวนักเรอะ!? กล้าเมินท่านยูยะผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร!" ยูยะคุงกระโดดผลุงลงจากเก้าอี้ลงมายืนกังขา ถือกล่องนมชี้หน้าท่าทางเอาเรื่องด้วยความโกรธา

    เด็กชายตัวเล็กที่เดินก้มหน้าก้มตาชะงักกึก ค่อยๆหันกลับมา นิ่งอยู่อย่างนั้นสักพัก..... แล้วจึงพูดด้วยเสียงที่ .... ดังกว่ากระซิบนิดหนึ่งว่า ...

                    "สวัสดี..ครับ" แล้วก็จำอ้าวๆ กระเป๋าติดหลัง  เดินจากไป ... ทิ้งให้ท่านยูยะผู้ยิ่งใหญ่ยืนทำหน้างงอยู่ที่เดิม .....  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็ถึงขนาดทำให้ลำดับเหตุการณ์ไม่ทันเลยทีเดียว

     

                    "ลูกพี่จะตามสั่งสอนไหมครับ" เป็นฝ่ายลูกน้องเสียงเองที่พูดขึ้นมาแทนหัวหน้าใหญ่ที่ท่าทางจะ ช๊อคกุมี ไปเสียแล้ว

                    "สั่งสอนอะไร  ไม่มีอารมณ์เว้ย ร้อน!!!!"

    ครั้งแรกล่ะมั้งที่ปล่อยเหยื่อไปง่ายๆแบบนี้ ...... ยูยะเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน 

    พวกลูกน้องต่างมองหน้ากันแบบไม่เชื่อสายตา .... ลูกพี่ปล่อยกวางน้อยที่มาแหย่หนวดเสือให้เดินเพ่นพ่าน โดยไม่ตามไปขย้ำคอเนี่ยนะ! หรือจะเป็นเพราะว่าอากาศร้อน เลยทำให้อารมณ์ไม่ใคร่จะปกตินัก  มันก็.... อาจจะใช่ล่ะมั้ง

     

                    ช่วงเย็น เป็นเวลาเลิกเรียน.... เด็กเล็กๆจะมารวมตัวกันอยู่ที่สนามเด็กเล่นหน้าโรงเรียนเพื่อรอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน และระหว่างรอนั้นเอง ก็เป็นความวุ่นวายของคุณครูประจำชั้นที่คอยไล่ต้อนเหล่าเด็กซนทั้งหลายให้อยู่เป็นที่เป็นทาง

                    แม้ว่าอากาศจะไม่ร้อนแรงเท่าตอนกลางวัน แต่ก็ยังคงความอบอ้าวได้อย่างเหนียวแน่น จนผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่อยากจะลุกไปไหนจากหน้าแอร์เลยก็ตามที ....... แต่สิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงอย่างเด็กประถมพวกนี้ ก็ยังคงวิ่งเล่นกันได้อย่างร่าเริง และเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างน่านับถือ

     

                    ร่างน้อยๆของเด็กแว่นหนา กระเป๋าติดหลัง ท่าทางไม่คุ้นเคยกับคน? (คนหมู่มากน่ะ) กำลังนั่งเล่นก่อกองทรายของเขาอย่างเงียบเหงาคนเดียว ในขณะที่รอบบริเวณนั้น เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใส และกลิ่นอายของความสนุกสนาน

                    "เฮ้ย! ใครอนุญาตให้มาเล่นในเขตของฉันกัน เจ้าเด็กเอ๋อ!" เด็ก ป.2 ท่าทางกร่างๆ เดินเข้ามาพร้อมกับพรรคพวกอีก 2-3 คน ท่าทางเอาเรื่องราวกับพวกยากูซ่าขูดรีดไถเงินตามทีวีเลยทีเดียว

                    "ไม่รู้รึไงว่าแถวนี้น่ะ ถิ่นลูกพี่ข้านะเว้ย" ลิ่วล้อคนที่ 1 ออกมาปฏิบัติการข่มขู่ ซึ่งเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไรนัก เพราะคนฟังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ  เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมารับรู้เท่านั้น  แล้วก็ก้มหน้าก้มตา นั่งนิ่งเหมือนเดิม

                    "เป็นใบ้ไงวะ ทำไมไม่พูด หา!!"

    อยากจะรู้นักว่าโรงเรียนนี้มันปลูกฝังให้นักเรียนเป็นยากูซ่าหรือไงกัน  เห็นหน้าตาน่ารักๆใสๆแต่เอาเรื่องกันทั้งนั้นเลย แถมมีหลายแก็งค์ซะด้วยสิ

    แล้วเด็กน้อยที่เพิ่งเข้ามาเรียนวันแรก ยังไม่ประสีประสาจะไปเข้าใจอะไร ?

                    "เงียบแบบนี้กวนนี่หว่า เล่นมันเลยไหมลูกพี่?"

                    "เออ เอาเลย หมั่นไส้เด็กแว่น!"

    ได้ยินคำอนุมัติแล้ว ลิ่วล้อ 2-3 คน ก็กรูกันเข้ามาหาร่างน้อยที่ยังนั่งนิ่งอยู่อย่างไม่ไหวติง ........ ตรงเข้ามา ..... ใช้เท้าเหยียบกองปราสาททรายของเด็กน้อยซะไม่เหลือซาก .... เจ้าเด็กเถื่อนพวกนั้นหัวเราะครื้นเครงสนุกสนานเมื่อได้ทำลายปราสาททรายของชาวบ้านเขาให้พังครืนลงมาถล่มทลายจนไม่เหลือเค้าเดิม ........... เด็กแว่นหนา กระเป๋าติดหลัง ที่นิ่งอยู่เมื่อครู่  ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับน้ำใสๆที่คลอเบ้าตา ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมามองกันทั้งแถบ แต่ไม่มีใครเข้ามายุ่งเพราะรู้กันว่าถิ่นใคร

     

                    ตุ้บ.....ตุ้บบ~!!!!!

    เสียงวัตถุตกกระทบพื้นดิน ก่อนจะตามมาด้วยร่างของเด็กชายที่ตีลังกากลับหลังลงมาจากต้นไม้ใกล้ๆกันนั้นเอง ลงมาสู่พื้นด้วยความสง่างาม ดึงดูดสายตาจากทุกคนได้ดี

    แค่เพียงชั่วแวบเดียวที่เห็นหน้าตาของผู้มาเยือนใหม่นั้นชัดๆเท่านั้น.... เด็ก ป.2 ท่าทางกร่างเมื่อครู่ ก็หดตัวลีบ  ค่อยๆถอยทัพออกไปโดยไม่พูดอะไร

     

                    ร่างเล็กที่สองข้างแก้มยังเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูก มองตามด้วยความแปลกใจ  ทำไมอยู่ๆคนถ่อย(??)พวกนั้นถึงถอยกลับไปได้แบบนั้นล่ะ ...หรือจะเป็นเพราะคนๆนี้ ... คนที่มาช่วยเอาไว้ (สายตาปลาบปลื้มสุดชีวิต มองตรงไปยังคนที่เขย่ากล่องนมในมือ แล้วดูดเสียงดังฟืดๆ) เท่ห์จังเล้ยยยย

     

                    และด้วยความที่หนูน้อย อาริโอกะ ไดกิ คนนี้เป็นเพียงเด็ก ป.1 ที่มีโลกของหนังสือเป็นเพื่อนเท่านั้น จึงเกิดตกหลุมรักรุ่นพี่ขี้กร่างคนนี้ได้อย่างง่ายดาย

                    ฝ่ายคนที่ถูกมอง ก็ไม่ได้รู้สึกตัวเอาเสียเลยว่า ใครจะมองเขาด้วยสายตาแบบใดอยู่

    ..... ก็นอนดูดนม ชมวิว ดูท้องฟ้า อยู่บนต้นไม้ดีๆ มีคนมาทำเสียงดัง ขัดอารมณ์สุนทรีย์ก็เลยคิดว่าจะลงมาดูหน้าซักหน่อย ..... ที่แท้ก็พวกปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ที่เคยคิดลองดีกับเขามาครั้งหนึ่ง แล้วก็ร้องไห้ขี้มูกยืดกลับบ้านไป ..... คราวนี้ไม่คิดสู้อีกเลยรึ... หึ ให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร  

                    ดูดนมเสร็จก็ปาลงถังขยะใกล้ๆกันนั้นได้อย่างแม่นยำ  ก่อนจะหันมาชำเลืองมองไอ้เด็กเอ๋อที่จ้องเค้าตาแป๋วอย่างสงสัย... อ้อ จำได้ล่ะ ไอ้เด็กหัวแตงโมเมื่อเช้านี่เอง .... คิดได้ดังนั้นก็หมดธุระแล้ว เดินไปคว้ากระเป๋าที่วางอยู่โคนต้นไม้ขึ้นมาพาดบ่า เสยผมนิดหนึ่ง พลางคิดว่า ข้าเท่ห์จัด! แล้วก็เดินกร่างๆออกจากโรงเรียนไป โดยไม่คิดจะทักทายครูสาวที่ยืนส่งอยู่ตรงประตูโรงเรียนเลยซักนิด

                   

                    เช้าวันต่อมานั้นเอง

    ด.ช. ทาคาคิ ยูยะยังคงนั่งเต๊ะท่าอยู่หน้าโรงเรียน รอทักทายกับเด็กๆในสังกัดอย่างทุกวัน ..... อากาศในวันนี้ก็ยังคงร้อนระอุอย่างทุกที ถึงจะมีลมพัดเข้ามาบ้างแต่ก็เป็นลมร้อน แต่ที่แปลกไปจากเดิมก็คือ....

     

                    "นั่นมันไอ้เด็กหัวแตงโมเมื่อวานนี่หว่า"

     

    ร่างเล็กๆนั้นยังคงสวมแว่นหนาสไตล์เดิม  สะพายกระเป๋าติดหลังจนแทบจะเลยขึ้นมาถึงคอ เดินก้มหน้าก้มตา เหมือนหาเศษเหรียญอยู่เหมือนเดิม ...... แต่วันนี้เหมือนจะเริ่มซึมซับเอาธรรมเนียมปฏิบัติประจำของที่นี่มาใช้ได้แล้ว  ดังนั้นขาสั้นๆที่มุ่งหน้าไปยังตึกเรียนก็เลยเลี้ยวกลับมาหารุ่นพี่ขี้กร่างที่มองมานิ่งๆ ไม่ยิ้ม ไม่โกรธ ไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไรทั้งสิ้นบนใบหน้านั้น

     

                    "อะ...อรุณ...สะ.. สวัสดิ์ ครับ" น้ำเสียงตะกุกตะกักด้วยความเป็นคนไม่มีความมั่นใจ  กลืนเนียนเข้ากับความประหม่าเขินอาย ที่ได้เจอหน้ารุ่นพี่ที่แอบปลื้ม

                    "อืม เรียนรู้เร็วดีนี่ ทีหลังจะทำอะไรก็ดูหน้าดูหลังซะมั่ง จะได้ไม่โดนแกล้งอีก"

                    "...ฮะ" ตอบรับเสียงเบา เก้อเขินกับความอ่อนโยนที่สัมผัสได้ภายในตัวคนๆนี้ จนไม่กล้าจะเงยหน้าขึ้นมอง ได้แต่ยืนมองหน้าตัวเองในเงาของรองเท้าสีดำขลับที่มันวับจนสะท้อนเห็นหน้าตัวเองได้

                    "อะ..เอ่อ"

                    "อะไรอีก  รีบไปเข้าห้องสิ ไอ้เด็กหัวแตงโม!" แม้ว่ายูยะจะขึ้นเสียงดุ แต่ร่างน้อยก็หาได้สนใจไม่ กลับถอดกระเป๋าที่สะพายติดหลังตลอดเวลาจนเป็นเอกลักษณ์ มาค้นของข้างในที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือเรียน ... ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตายื่นสิ่งหนึ่งมาตรงหน้ายูยะ

     

                    "คะ..คือ ผมเห็น พี่ชอบกิน" ร่างน้อยพูดเสียงเบา แต่กระนั้นด้วยความเงียบก็ทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน

    มันคือนมกล่องตราหมีน้อยน่ารัก นอนจิ้มลิ้มอยู่บนฉลาก ..... ยูยะรับมามองดูเชิดๆ ก่อนจะโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ...... ร่างเล็กเห็นดังนั้นก็ชะงักนิ่ง  ความเสียใจ ความเสื่อมศรัทธาอะไรทั้งหลายแหล่เข้ามาถาโถมจิตใจที่แสนบอบบางนั้น  ทำให้ร่างเล็กกล้าเชิดหน้าขึ้นมองหน้ารุ่นพี่ยูยะชัดๆด้วยลูกแก้วใสที่คลอน้ำตา ราวกับจะจดจำใบหน้าตาคนนี้ไว้ตลอดชีวิต ก่อนที่ขาสั้นๆจะพาวิ่งออกไปจากที่ตรงนั้น จากไปพร้อมความทรงจำเลวร้ายที่ไม่อาจลืมเลือน!!!!

     

                    "ลูกพี่ยูยะครับ  ทำไมถึงทิ้งล่ะครับ ผมก็เห็นพี่ชอบกิน" สนมฝ่ายซ้ายที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่พัด ขับไล่ความร้อนอย่างไม่ตกบกพร่อง เอ่ยถามขึ้นมา

     .... น่าแปลกใจจะตาย .... ปกติก็เห็นดูดฟืดๆท่าทางมีความสุขอยู่ทุกวันนี่นา ...

                    "ก็ฉันไม่ชอบนมตราหมีน้อยบ๊องแบ๊วปัญญาอ่อนนั่นนี่นา  ฉันกินแต่นมตราแมวเหมียวๆเท่านั้น.... ก็แค่เนี้ย!"

                    " ...... " เหล่าลูกกระจ๊อกได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยความมึน  ใครเลยจะรู้ว่าต้องมาถูกทำร้ายจิตใจด้วยเหตุผลไร้สาระขนาดนี้ได้ ....พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกสงสารเด็กน้อยคนนั้นจับใจ

     

                    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ .....  ที่สายลมเย็นแห่งฤดูใบไม้ผลิจะพัดจากไป  เหลือไว้เพียงลมร้อนอ้าวๆที่พัดมาเป็นครั้งคราวของฤดูร้อนที่เวียนมาบรรจบอีกครั้ง

     ..... นี่ก็ผ่านมา 12 ปีแล้วนะ ..... แต่ใบหน้าของไอ้รุ่นพี่ขี้กร่าง ที่สร้างทั้งความประทับใจครั้งแรกและความเสียใจสุดๆเป็นครั้งแรกได้เหมือนกัน ..... ใบหน้าของเจ้านั่น จนบัดนี้แล้ว ไดกิก็ยังจำได้ไม่ลืมเลือน!! 

     

                    อาริโอกะ ไดกิ ก็ได้พัฒนาจากเด็กผมสั้นบ๊อบทรงเห็ด สวมแว่นหนา กระเป๋าติดหลัง ภาพลักษณ์เฉิ่มๆเชยๆที่ทำให้ถูกเมินจากคนที่ชอบอย่างไร้เยื่อใย ..... เขานั่งพิจารณาตัวเองอยู่นานหลายต่อปี เพื่อหาจุดแตกต่างจากเพื่อนมนุษย์รอบข้าง  เพื่อหาว่าเขาผิดปกติที่ตรงไหน  ทำไมเพื่อนถึงไม่มาเล่นด้วย .... จนในที่สุดเขาก็หาจนพบในช่วงชีวิตม.ปลายนั้นเอง

                    ไดกิค่อยๆเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต ปรับปรุงแฟชั่นและการแต่งตัว แล้วก็เรียนรู้การเข้าหาเพื่อนมนุษย์ และทั้งหมดนั้น อาจจะไม่สำเร็จผลด้วยดี หากไม่มีรุ่นพี่ข้างบ้านที่ชื่อ "อิโนะ เคย์" คอยช่วยแนะนำเรื่องต่างๆให้  โดยแลกกับการที่อิโนะคุง จะเข้ามาทัศนศึกษาพิพิธภัณฑ์หนังสือขนาดย่อมในห้องของเขาได้ตลอดเวลา  ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ไปมาหาสู่จนสนิทสนมกันไปโดยปริยาย

                    และด้วยภาพลักษณ์ใหม่กับท่าทางที่ร่าเริงสดใส(จนเกินเหตุ) ก็ทำให้หาเพื่อนได้ไม่ยาก ..... หน้าร้อนปีนี้อาจจะทำให้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตเขาบ้างก็ได้

     

     

                    "ไดจัง เลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลยหรือเปล่า?" เสียงเรียกใสๆของหนุ่มน้อยแก้มยุ้ย นัยน์ตาเรียวใสแป๋ว

    นี่ล่ะเพื่อนคนแรกของเขาที่โรงเรียนคนนี้  .... ยามาดะ เรียวสุเกะ หนึ่งในไออลที่ถูกจัดว่าเป็นคนของประชาชนตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน .... เพราะว่าเรียวสุเกะเป็นคนที่ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในมหาลัยเกิดอาการคลุ้มคลั่งได้ เพียงแค่เห็นรอยยิ้มบนหน้าน่ารักๆนั่น

                    "อ๋อ เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานพิเศษต่อน่ะ ยามะจังล่ะ?"

                    "เหรอ ตั้งแต่วันนี้เลยเหรอ  ยังไม่ถึงปิดเทอมฤดูร้อนซะหน่อย  อย่างนั้นฉันก็กลับบ้านคนเดียวน่ะสิ" พูดเหมือนจะพึมพำกับตัวเองคนเดียว  แต่สายตาที่ส่งมาแบบอ้อนเล็กๆโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง  แทบจะทำให้ยามะจังแฟนคลับที่แอบซ่อนตัว คอยสังเกตการณ์อยู่ตามพุ่มไม้แทบจะถลาเข้ามาเสนอตัวกอดปลอบเลยทีเดียว

     

                    "ไม่ลองชวนหนุ่มๆซักคนแถวนี้ไปส่งล่ะ แค่เอ่ยปาก ก็วิ่งกรูกันมาเข้าแถวให้เจ้าหญิงเลือกแล้วล่ะมั้ง"

                    "ไม่เอาหรอก อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิ น่ากลัวจะตาย ...ไดจังไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก" แค่พูดถึงเรียวสุเกะก็รู้สึกขนลุกขนพอง เสมือนว่าเป็นเหตุการณ์จริงไปแล้ว ...แต่ไดกิที่ครองตำแหน่งเพื่อนสนิทคนเดียวคนนี้ กลับเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานนัก ยามที่เห็นเพื่อนชายทำหน้ามุ่ยเวลาขัดใจ

                    "โถ... ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงไม่มีทางรู้หรอก เพราะฉันไม่ได้น่ารักเหมือนยามะจังนี่นา ฮะฮะ"

                    "ใครว่า ไดจังก็น่ารักจะตาย"

     

    สองหนุ่มน้อยหัวร่อต่อกระซิกกันหนุงหนิง พาลสร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับบุคคลโดยรอบอย่างมาก ....ไดกิที่กลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดตอนนี้ กลับทำเพียงหัวเราะสะใจในลำคอเท่านั้น

                    "โอ จะได้เวลาแล้ว ฉันไปทำงานก่อนนะ ให้ไปส่งนายที่สถานีก่อนไหม?"

                    "ไม่เป็นไรหรอก ... ฉันกลับเองได้" ถึงปากจะบอกว่าอย่างนั้นก็ตาม แต่สายตานี่วิงวอนสุดๆ ประมาณว่าช่วยรั้งฉันไว้ทีเหอะ  แค่เห็นสายตาเชื่อมๆของไอ้พวกที่ซุ่มอยู่ตามต้นไม้ก็สยองแล้ว

                    "ไม่เอา เดี๋ยวฉันไปส่งดีกว่า... นะ^^"

                   

                    หลังจากไปส่งเพื่อนผู้น่ารักอย่างปลอดภัย รอดพ้นจากพวกปากเหยี่ยวปากกาเรียบร้อยแล้ว ร่างบางของไดกิจึงเดินย้อนกลับมาที่ร้านหนังสือที่เขามาทำงานพิเศษอยู่ .... แล้วก็ต้องร้องออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นว่าลุงเจ้าของร้านที่สูงอายุแล้ว กำลังปีนบันไดเพื่อเก็บหนังสือเรียงเข้าชั้นดังเดิม

     

                    "ทำอะไรน่ะ ลุง!!ลงมาเลยๆ บอกแล้วไง เดี๋ยวผมเก็บให้เอง ไม่เจียมบอดี้เลยนะ สูงขนาดนั้นเกิดพลัดตกลงมาตายไปว่าไง แล้วใครจะจ่ายเงินเดือนผมเล่า!"

     

                    "ไอ้เด็กบ้านี่.... ก็แกไม่มาซักที ฉันก็เลยต้องทำเองน่ะสิ" ถึงจะรู้ว่าพูดไปด้วยความห่วงใยก็ตามที แต่วาจานี่นะ ขอเถอะ ... ตั้งแต่ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่มาเนี่ย  นอกจากมันจะร่าเริงจนเกินเหตุ  ดูมันจะกวนขึ้นทุกวันๆนะ .... ไม่รู้ว่าไปติดมาจากใคร?

     

                    "ไปนั่งๆเลยลุง จิบน้ำชาสบายๆรับแขกนู่น  ทางนี้ผมทำเอง มันเป็นหน้าที่ผมนะ!"

    "รู้แล้วครับคุณลูกจ้าง  เดี๋ยวเจ้าของร้านจะไปนั่งเฉยๆตามคำสั่งนะครับ" ลุงเจ้าของร้านเดินไปนั่งที่มุมประจำแต่โดยดี แต่ไม่วายส่งค้อนให้หน่อยๆ .... ตกลงใครเป็นเจ้าของร้านกันแน่วะ สั่งเอาๆ

                    "อืม ให้มันรู้หน้าที่"

     

    แต่พอมาคิดๆดูแล้ว แบบนี้บางทีมันก็สนุกดี  ถึงจะตกใจนิดๆ(จริงๆแล้วแปลกใจมาก)กับความเปลี่ยนแปลงของไดกิแบบพลิกฝ่ามือ .... จำได้ว่าเมื่อก่อน จะเข้ามาอ่านหนังสือเงียบๆทุกวัน นานๆถึงจะได้ยินเสียงพูดซักครั้งหนึ่ง .... แต่เดี๋ยวนี้สิ  มันเกิดอะไร! พูดคำมันเถียงกลับฉอดๆซะจนเราตามมันไม่ทัน .... คนเรามันเปลี่ยนกันได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ

     

                    "เออนี่ ไดจัง  ถ้าจัดตรงนั้นเสร็จแล้ว เอาจดหมายไปส่งให้หน่อยได้ไหม"

                    "ส่งซองผ้าป่าหรือไงลุง"

                    "ไอ้นี่!! ตกลงจะไปให้ ได้หรือไม่ได้!"

                    "ได้คร้าบบ.. "

                    "เออ ฝากด้วยละกัน"

     

                    .

                    .

     

                    "เฮ้อ เหงื่อออกอีกแล้ว"

    หนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษามหาลัยชื่อดัง  กำลังเดินเตะฝุ่นหาประกาศรับสมัครงานพาร์ตไทม์ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน บ่นไปพลางก็ขยับเสื้อเข้าออกด้วยความรำคาญ

     

                    ..... วันนี้ก็เดินหามาทั้งวันแล้ว  มีตั้งแต่งานล้างจาน เด็กเสิร์ฟ เด็กยกของ ไซร์ก่อสร้าง ลูกจ้างร้านคอนวิเนี่ยน แต่ก็ไม่มีงานไหนที่เขาพอจะทำได้เลย .... ไม่ใช่ว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำอะไรไม่เป็นหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ  แต่เป็นเพราะนิสัยดั้งเดิมที่ยังแก้ไม่หาย  เคยชินกับการเป็นผู้มีอิทธิพลซะจนไม่อาจทนเป็นลูกน้อง ลูกจ้าง ให้ใครเค้ากดขี่เอาตามใจชอบได้

                     .......แต่ว่า.... มันจะไม่มีงานไหนที่เหมาะกับเขาเลยเหรอ ......

    แต่พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายประกาศขนาดเล็กๆที่ติดอยู่ข้างร้านคอนวิเนี่ยนแห่งหนึ่ง .... ไฟแห่งความหวังที่ร้อนแรงดังแสงอาทิตย์ก็ลุกโชนไปทั่วตัว รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากร่างสูงอีกครั้ง ก่อนจะสาวเท้ายาวๆเข้าไปอ่านข้อความบนนั้นด้วยความสนใจ

     

                    แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาจนเย็น แสงแดดจากพระอาทิตย์ก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งนัก  แม้ว่าใกล้ลับขอบฟ้าแล้วก็ตามที

    มนุษย์เงินเดือน รวมไปถึงเหล่านักเรียน นักศึกษาก็ต่างเร่งรีบกลับบ้านกันอย่างหนาแน่น.... ร่างบางที่ถูกมอบหมายหน้าที่ให้มาส่งจดหมายนั้นกลับเดินสวนกระแส ผู้คนจำนวนมากนั้นไปอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน  เถลไถลแวะดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย

     

                    "อ้ะ ซีดีซิงเกิลใหม่ของ Smap ออกแล้วนี่นา" ไดกิถลาเข้าไปเกาะแผ่นโปสเตอร์โปรโมตด้วยความสนใจ โดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว

                    "โหย เพิ่งซื้อตั๋วคอนเสิร์ตไปเมื่อวันก่อนเอง ไม่มีตังค์แล้วอ่า  แย่ๆๆ" พูดสิ่งที่คิดออกมาเสียงดัง ซ้ำยังร้องโหยหวนพร้อมกับทำท่าแปลกๆออกมาด้วย เพราะคิดว่าตัวเองยืนอยู่คนเดียว ก็เลยไม่ได้สนใจว่าทำออกมาแล้วมันจะตลกแต่ไหน ...... จนร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษา ที่ยืนอ่านประกาศรับสมัครงานที่แปะอยู่ข้างกันต้องแอบขำ

     

                    "วงนี้เขาเจ๋งดีนะครับ" เพราะเสียงของบุคคลที่ถูกมองข้าม หันมาชวนคุยด้วยนั้นเอง  ไดกิถึงได้รู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวอีกต่อไป

                    "นั่นสินะครับ" ยิ้มเขินๆ พลางหันไปมองคนตรงหน้า แต่พอได้ประสานสายตากันตรงๆแล้วก็รู้สึกตงิดๆในใจ .... ใครว้า หน้าตาคุ้นๆ  เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน

                    "มีอะไรรึเปล่าครับ?" ชายแปลกหน้าหันมาถามอีกครั้ง หลังจากที่เผลอจ้องหน้าเขานานเกินไป

                    "ไม่มีครับ ขอตัวก่อนนะฮะ

     

                    "อะไรอีกเนี่ย ลุง!! บอกแล้วไงให้รอก่อน ออกไปส่งจดหมายแปบเดียว ซนอีกแล้ว!" พอกลับมาถึงร้านได้ไม่ทันไร ไดกิก็ได้ร้องโวยวายอีกครั้ง เมื่อลุงเจ้าของร้านขึ้นไปปีนบันไดหาของอีกแล้ว

                    "ซนบ้าอะไรเล่า ไอ้เด็กบ้า! แกนี่ชักลามปามผู้หลักผู้ใหญ่ขึ้นทุกวันแล้วนะ"

                    "ฮี่ฮี่"

    ลุงถึงขั้นถอดใจแล้วยอมปีนลงมาแต่โดยดี  ขืนไม่ลง มันคงตะโกนบ่นปนสาปแช่งให้เขาตกลงมาแข้งขาหักก่อนตายแน่ๆ

                    "ที่ฉันมาก้าวก่ายหน้าที่แกเนี่ย  เพราะว่ามีคนมาสมัครงานเพิ่มต่างหากเล่า"

                    "อ้าว นี่มีคนคิดจะทำงานร้านหนังสือโทรมๆที่นี่อีกหรอ?"

                    "หืม ดูวาจา มันน่าหักเงินเดือนไหมเนี่ย ถึงจะเป็นร้านโทรมๆแค่ไหน ก็มีแต่แกไม่ใช่เหรอที่มาทำงานที่นี่เนี่ย!!"

                    "ก็นั่นน่ะสิ ทำไมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้นะ" ตอบกวนๆอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่ลุงจะได้ฝากรอยเท้าไว้ที่ตูดงามๆของไดกิซักที 2 ที ด้วยความหมันไส้  เสียงของคนหน้าแปลกก็ดังขัดขึ้นมา

     

                    "เอ้ นายก็ทำงานอยู่ที่นี่ด้วยหรือเนี่ย?"

    รู้ซึ้งถึงคำว่าโลกกลมก็วันนี้ล่ะ ไอ้คนหน้าแปลกที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็คือคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะเจอกันเมื่อกี้นี่เอง

                    "อ้าว รู้จักกันหรอ  นี่ไง พนักงานคนใหม่ของร้านที่บอกน่ะ ...ทาคาคิคุง เจ้านี่เป็นพนักงานคนเดียวในร้าน ไม่เข้าใจอะไรก็ถามมันได้นะ"

                    ครับ ฝากตัวด้วยนะ

                    "ยินดีๆ ก็เจอกันตอนไปส่งจดหมายให้ลุงเมื่อกี้นั่นแหละ" แถมทำท่าทางบ้าๆ ให้คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเห็นซะด้วย น่าขายหน้าชะมัด

                    "แล้วนายชื่ออะไรล่ะ?"

                    "อาริโอกะ ไดกิ ว่าแต่ นายนี่หน้าคุ้นมากๆเลยนะ"

    พอได้มองหน้ากันชัดๆอีกครั้ง  ก็ยังไม่เลิกรู้สึกว่ามันคุ้น คุ้นมากๆ คุ้นแบบแปลกๆ โดยเฉพาะไอ้ตาตี่ๆแบบนี้เนี่ย .... ใครว้า มันติดอยู่ตรงปากเนี่ยแหละ ใคร!?

                    "เหรอ แต่ผมว่านอกจากวันนี้ เราไม่เคยเจอกันมาก่อนนะ"

                    "ไม่รู้สิ  นายหน้าโหลมั้ง?" ไดกิจึงพูดตัดบทไปทั้งที่ใจยังคงไม่คลายความสงสัย ..

                   

    .

    .

     

                    "ไปส่งไหม?"

    ร่างสูงโปร่งของยูยะ ถามขึ้นมาหลังจากที่ปิดร้านเรียบร้อย เตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ใจก็ยังอดเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานใหม่คนนี้ไม่ได้   ผู้ชายหน้าหวานๆตัวบางๆแบบนี้ กลับบ้านมืดๆคนเดียวจะไม่เป็นอะไรหรือเนี่ย

                    "ใกล้ๆแค่นี้เอง  พอจะกลับบ้านเองถูกที่ถูกทางอยู่หรอก ไม่ต้องรบกวนนายก็ได้"

                    "อ่ะหรอ"  รู้สึกเหมือนหน้าชาไปนิดๆที่ถูกปฏิเสธความหวังดี แต่เห็นรูปร่างบอบบางแบบนี้ กลับดูไม่อ่อนแอเลยซักนิด...... เข้มแข็งกว่าที่คิดไว้เยอะเหมือนกัน

     

                    "เออใช่ นายคิดยังไงถึงมาทำงานที่นี่น่ะ  มันไม่มีอะไรเลยนะ ... ร้านหนังสือเก่าๆโทรมๆ ร้อนก็ร้อน! ไม่เคยจะมีสิ่งสวยๆงามๆโผล่มาให้กระชุ่มกระชวยหัวใจซักครั้ง น่าหดหู่จะตาย"

     

    ปากบางๆเจื้อยแจ้ว บอกเล่าถึงความเป็นอยู่ในร้าน  สีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามอารมณ์ของคำบอกเล่า เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวบูด เดี๋ยวก็ทำหน้าเบ้ เดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้า ตามอารมณ์แทบจะไม่ทัน .... แต่ไม่รู้สินะ ทำไมถึงละสายตาจากเพื่อนใหม่คนนี้ไม่ได้เสียที  มันเหมือนกับมีอะไรดึงดูดไว้อย่างนั้นล่ะ

     

                    "แล้วนายล่ะ ทั้งที่รู้อย่างนั้นแล้วจะทนทำอยู่ทำไม  แต่ท่าทางนายก็ออกจะมีความสุขดีนี่นา"

                    "เหอะ ก็สงสารลุงแกนั่นแหละ แกอยู่คนเดียว แก่ก็แก่แล้วด้วย เดี๋ยวจะเหงา ... อีกอย่าง ฉันก็ชอบอ่านหนังสือที่ร้านลุงแกอยู่แล้ว ก็เลยสนิทกันมาตั้งแต่ฉันยังเด็ก "

                    "ใจดีจังเลยน้า"

                    "ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออย่างเดียวนี่หว่า มันก็ต้องมีผลตอบแทนกลับมาด้วย ถึงทำน่ะ .. นายอ่ะ ยังไม่ตอบฉันเลยนะ!"

                    "ไม่รู้สิ  ช่วงนี้กำลังร้อนเงิน ก็เลยจะหางานพิเศษทำน่ะ  ตอนเห็นป้ายประกาศ เห็นมันสีเก่าๆซีดๆ ท่าทางจะนานแล้ว มันดูขลังๆดีอะ ก็เลยลองมาดู"

    เป็นวิธีเลือกงานที่ดูมีสาระมากๆ(กัดฟัน) ..... จริงๆแล้วก็เห็นว่างานมันไม่ได้หนักหนาอะไร แถมไม่ต้องฟังคำสั่งใคร นอกจากลุงเจ้าของร้านท่าทางใจดีอยู่คนเดียว

     

                    "แล้วจะเอาเงินไปทำอะไรล่ะ ที่นี่เงินเดือนน้อยนะ  เพราะลุงแกงก ฮ่าฮ่าฮ่า"

                    "ก็ซื้อของนิดหน่อยน่ะ" จริงๆแทบจะลืมจุดประสงค์ของการมาทำงานที่นี่ไปซะแล้วด้วยซ้ำ  มันไม่เหมือนกับมาทำงานที่นี่เพื่อให้ได้เงิน แต่เหมือนมาที่นี่เพื่อตามหาอะไรบางอย่าง

     

                    "โธ่ แค่นี้ก็บอกไม่ได้ เออๆ ถึงบ้านฉันล่ะ  ขอบคุณที่เดินเพลินจนมาส่งถึงบ้านจนได้  บ้ายบาย เจอกันพรุ่งนี้ เดินกลับดีๆนะ"

                    ล่ำลาตามมารยาทเรียบร้อยก็หันหลังเปิดประตูเข้าบ้านไปเลย  นึกจะไปก็ไปซะอย่างนั้น ..... ก็เลยไม่เห็นว่ามีใครบางคนกำลังแอบยิ้มอยู่คนเดียวที่หน้าบ้าน


    To be con

    มาแล้วโปรเจคฟิกแปลง (ลงขัดดอกฟิกใหม่ที่ยังกระดื้บๆไม่ถึงไหน) 
    คิดว่าเด็กๆรุ่นใหม่คงจะยังไม่เคยทันอ่านเวอร์ชั่นเก่ากันละมั้ง
    ประเลยเอามาแปลงเป็นเวอร์ชั่นของจัมพ์ซะเลย .....จริงๆแล้วก็สนองนิ๊ดตัวเองเล็กๆ ฮะๆๆ 
    ยังไงถ้าสนใจก็อย่าลืมเม้น และติดตามตอนต่อไปนะคะ ...จะพยายามหาเวลามาลงเรื่อยๆเนะ ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×