ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เเอสโตโนมี่เดส สงครามมหาเวทย์

    ลำดับตอนที่ #18 : การออกเดินทางของ11 ราชันย์

    • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 55


    //และทั้งคู่ก็วาปออกมาจาหห้อง

    ฟูหมิง : ใครจะเข้าไปก่อนดีละครับ

    เรโน่ :ฉันเข้าไปก่อนก็ได้

    //เรโน่ฟาดดาบไส่ฟูหมิงซึ่งรออยู่ปะกับกระบอง 2 ท่อนที่ฟูหมิงนำออกมาและเตะต้อยกันไปมาซึ่งไม่มีทีท่าว่าทั้งคู่จะเหนือยเลย

    เรโน่ : วิชาลวงตา กงดาบคลื่นกระจก

    //เรโน่อัดพลังมหาศาลซัดไส่พื้นทำให้คลื่นแยกออกมาเป็นวงและทำให้ฟูหมิงติดอยู่ในกระจก

    ฟูหมิง : //อะไรกันทำไมเรโน่ถึงใช้ท่านี้ละ ทั้งทั้งท่รู้ว่าเราสามาตรทำลายเราได้ด้วยท่านั้นแต่คราวนี้มันมาแปลกเฮะ

    เรโน่ : ยอมแพ้ซะ ฟูหมิง ฉันไม่อยากทำร้ายเจ้าหรอกนะ

    ฟูหมิง : พูดบ้าๆ ฉันมาถึงนี้แล้วจะคิดว่าฉันจะให้ฉันยอมแพ้งั้นรึ

    //ฟูหมิงเตะกระจกและร่ายเวทยืทำให้ม่านกระจกหายไปและหลุดออกมาได้

    ซึ่งตอนนั้นเรโน่เข้าไปฟันโดนท้องฟูหมิงเป็นที่เรียบร้อยแต่ฟูหมิงหลบได้ทันจึงโดนแค่ลิ้นปี่เล็กๆ

    ฟูหมิง : ร้ายเอาเรื่องนี้ ไม่นึกว่าจะสู้กับฉันที่ชนะนายมาทั้งชีวิตได้ แต่ได้แค่นี้ละนะ

    //ฟูหมิงยิงเวทย์ไส่เรโน่ ซึ่งเรโน่ก็ร่ายเวทย์เอาพลังต้านทำให้เกิดพายุไปรอบๆและทั้งคู่ก็กระเด็นถอยหลังไป

    เรโน่ : พลังเวทย์สีดำนั้น พลังแห่งความมืดซินะ

    ฟูหมิง : ถูกต้องแล้ว ในชีวิตที่สับสนวุ่นวายนายน่ะคิดแต่จะฝึกฝน แต่ว่าฉันที่เก่งอยู่แล้วกลับโดนให้ไปเล่นดนตรีซึ่งฉันไม่ชอบดนตรีโดยเฉพาะเปียนโน

    ฉันน่ะ อยากจะแข็งแกร่งและได้เล่นสนุกให้เหมือนเด็กทั่วไปแต่ว่า ฉันก็โดนพลากทุกอย่างไป เจ้าน้อยชายโอหังมันทำฉันเดือดร้อนและวันหนึ่งฉันก็ฆ่าน้อยชายของฉันด้วยมือตัวเอง และหนีออกจากบ้านมา ซึ่งฉันก็ระหกระเหินไปตามทางของฉันและปรากฏว่าฉันก็โดนยัดข้อหา แม้ฉันจะปฏิเสธอย่างไร ฉันเลยถูกจับเวลา 1 เดือนผ่านไป ฉันก็ออกมาและฝึกฝนพลังเวทย์แต่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งในตอนที่ฉันคิดจะฆ่าตัวตาย นั้น บุรุษหนุ่มรูปงามผมสีแดงยาวสลวย หน้าตาดีในชุดพาราดินและมีปีกแห่งความอ่อนโยนทำให้ฉันได้สัมผัสถึงความอบอุ่นในตัวเค้า เค้าก็มาเสนอให้ฉันไปอยู่กับด๊าคโซล โดยมีข้อเสนอว่าจะให้ทุกอย่างแก่ฉัน ทุกสรรพสิ่งที่ฉันต้องการ แต่ต้องแลกมากับ การต้องทาน ผมส้มแห่งความมืด เพื่อให้ได้รับพลังจากปีศาจและฉันก็ได้พลังเวทย์ที่ทรงอำนาจมา ไงละ ฮ่าๆๆๆๆๆ ฉันจะทำลายล้างโลกใบนี้ ในฐานะที่ทำให้ฉันต้องตกระกำลำบาก แล้ว นายไม่สนใจมาเป็นพวกเดียวกับฉันงั้นรึ เรโน่ ?

    เรโน่ : นายบ้าไปแล้ว เหรอ นี้นายเป็นอะไรไป ตอนนั้นนายยังคิดว่าการทำลายล้างเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยนี้

    ฟูหมิง : หุบปากซะ ฉันจะพานายไปกับฉันให้ได้

    //ฟูหมิงยิงพลังใส่เรโน่ซึ่งเอาดาบมากันแต่กันไม่ไหวและโดนกระแทกกระเด็นไปซึ่งตอนนั้นเรโน่ถูกฟูหมิงเตะอย่างหนังจนลุกมาไม่ได้

    เรโน่ :  ฟูหมิง ตาสว่างซะที นายน่ะทำแบบนั้นไม่ได้

    //ฟูหมิงเตะเข้าไปที่ท้องแต่เรโน่กันและตีลังกาหลบไปได้

    ฟูหมิง : นายนี้หัวดื้อเหมือนสมัยก่อนจริงๆ

    //ฟูหมิงเตะเข้าไปและแลกกันเตะต่อยกันซึ่ง เรโน่รอโอกาศเอาดาบฟาดเข้าที่ร่างฟูหมิงแต่ดันทะลุและไปโนนี้ดำไหวออกมาจากร่างและฟูหมิงก็กลับเป็นแบบเดิม

    เรโน่ : อะไรกัน ทำไมนายจึงเป็นแบบนี้

    ฟูหมิง : ตกใจละซิท่า เรโน่ นายน่ะฟันฉันไม่เข้าหรอกนะ ที่ฉันเป็นแบบนี้น่ะก็เพราะพลังจากผลส้มแห่งความมืด ไงละ ซึ่ง 1 ในผลดีของมันก็คือ การที่ทำให้ไม่ว่าการโจมตีใดๆก็ไม่อาจทำอะไรคนคนนั้นที่ทานผลส้มแห่งความมืดได้ยังไงละ

    เรโน่ : ถ้างั้นก็ต้องจับไปเท่านั้น วิชาดารา เชือกเทพ

    ฟูหมิง : เปล่าประโยชน์ วิชาอสุร เชือกมาร

    //ทั้งคู่เอาเชือกปาใส่กันซึ่งและปะทะกันทำให้เชือกทั้ง2 เส้นหมัดกันและกระเด็นหายไป

    เรโน่ : พลังเราทำไมถึงเบาบางลงละ

    ฟูหมิง : พึ่งจะเข้าใจรึไงว่า นายนะถูกหมายหัว

    //และซักพักขาของเรโน่ก็อ่อนแรงลง

    ฟูหมิง : เชือกมารของฉันน่ะจะทำให้พลังเวทย์ของนายเบาบางลง //และเรโน่ก็ไม่มีแรงแล้วล้มพับไป

    ฟูหมิง : ขอเรโน่ไปละนะ //และฟูหมิงก็จับขื้นพาดบ่าและวาปหายไป

    //รุ่งเช้า ทั้ง 12 คนตื่นขื้นมา

    สึเทระ : โอ้ยยยยยยยยยย ทำไมมันปวดหัวแบบนี้

    ฟอมัส : ก็นายโง่ที่ไปทานส้มก่อนนอนแล้วเป็นไงละ ปวดหัว //มันเกี่ยวไหม

    //และคนคนหนึ่งก็มาปลุก

    มิว : ท่านพ่อท่านลุงเกิดเรื่องใหญ่แล้วละครับ //มิวที่วิ่งอย่างเร็ววิ่งมาแบบรีบร้อน

    คารีส : เกิดอะไรกันขื้นละ หา //ผู้เป็นพ่อถามได้ดีมาก แถมเสียงดังซะด้วย

    มิว : ท่านเรโน่ หายไปขอรับ  และวันนี้ไม่มีเรียน

    //เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ สุดๆเลยเฮะโชคดีอะรแบบนี้ ละนี้

    มิว : ท่าน อาทีมิส เรียกพวกท่านด้วยละ ครับ

    //ทั้ง12 รีบเปลื่ยนเสื้อผ้าและอาบน้าแบบไวสุดเท่าที่จะไวได้และรีบวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อพบท่านอาทีมิส

    //ทางด้าน อาทีมิส

    อาทีมิส : มากันช้า จริงๆนะ พวกนายน่ะ

    มุเรนิ : ขออภัยท่านอาทีมิส อย่าพึ่งโกรธพวกเราเลยครับ

    อาทีมิส : คงรู้เรื่อง เรโน่ ถูกจับไปแล้วซินะ เอาละ ไม่ต้องพูดพร่าทำเพลงอะไรแล้วละนะ เอาเป็นว่า ฉันจะขอให้พวกนายน่ะ เดินทางออกไปช่วย เรโน่ ซึ่งจะให้ทั้งหมดไปดังนี้ ซึ่งไปที่โลกปีศาจ (โลกขนานกับโลกมนุอย์)

    1.    อารีออน เดินทางไปที่บลาซิล

    2.   มุเรนิ ไปเม็กซิโก

    3.   จิลรอส เดินทางไปที่ ญี่ปุ้น

    4.   เดริยะ ไปที่กรีซ

    5.   คิสึมิ ไปที่อินเดีย

    6.   คุมิสึ ไปที่ เยอรมัน

    7.   สึเทระ ไปที่ รัสเซีย

    8.   วาชุริ ไปที่ พม่า

    9.   ชิคุริ ไป ซานฟานซิสโก

    10.                คารีส ไปที่ อียิปส์ เพื่อสมทบกับราชิยะ

    11. และ ฟอมัส ไปที่ เกาหลีเหนือ

    โดยที่ขอให้ ทำงานด้วยความตั้งใจมากๆ ถ้างานนี้สำเร็จจะเพิ่มเงินเดือนรวมถึงคืนเงินเดือนที่หักให้มาเหมือนเดิม

    //ทั้ง12 ทำหน้าแบบว่า โอ้ สวรรค์มาถึงแล้วซินะ

    อาทีมิส : ส่วนเรื่องการเดินทางไม่ต้องเป็นห่วงเพราะ เดียวจะให้เรื่องบินไปส่งตามที่ต่างๆ เป็นทอันว่าเข้าใจดีแล้วนะ

    //ทั้ง11 รับทราบ

    อาทีมิส : ส่วน อาเกดส์ ก็เดินทางไปตามหาของให้เราทีนะ

    //และอาทีมิสก็ยื่นใบที่มีเขียนของไว้ให้

    อาเกดส์ : สัญญาครับว่าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด

    อาทีมิส : ดีมาก เอาละ เราให้เวลา จัดของของแต่ละ คน 1 ชั่วโมง ไปรีบเก็บข้าวของและไปเจอกันที่ลานฟุตบอล นะ

    //เวลาผ่านไป1 ชั่วโมง ทั้งหมดก็จัดของลงมากันแบบรีบสุดๆ

    อาทีมิส : ขอให้จำไว้ ในระหว่างการเดินทางจะมีคนคอยจับตาดูพวกเธออยู่ทั้งฝ่าน เรา และ ฝ่าย ด๊าคโซล ของจงทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเพื่อหน่อยต่างๆจะสนับสนุนพวกเธอได้ และในบัดดนี้ เป็นต้นไป การต่อสู้และสงครามจะทวีความรุ่นแรงขื้นหลายเท่ายิ่งและขออย่าประมาทและขอจงเดินทางโดยปลอดภัย

    //ทั้ง12 ก็ทำความเคราพและเดินทางขื้นเครื่องบินไปซึ่งแต่ละคนทำหน้าเหมือนกับคนไม่เคยนั่งเครื่องบิน

    //ตัดมาทางด้าน ราชิยะ ซึ่งตอนนี้เดินทางมาถึงอินเดียโลกปีศาจ

    มาคิ : ราชิยะ ผมอยากจะซื้อของทานอะ

    ราชิยะ : อะไรงั้นเหรอ

    มาคิ : นมแพะ ไงละท่าน ^^

    คิริน : อย่าทำตัวเป็นเด็กๆได้ไหม เห็นมั้ยมีแต่คนอื่นมอง ฉันรับไม่ได้นะ

    มิยุ : อ่อ ทางนั้นมีเครื่องประดับด้วยละ ไปดูกันไหมจ๊ะ คิริน

    //คิรินถึงกับทำตาแวววาวเมื่อได้ยินคำว่าเครื่องประดับและทั้งคู่ก็

    ราชิยะ : เดียวมาหาตรงนี้ด้วยละนะ รู้มั้ยย ไปกันเร็วมากๆเลยให้ตายเถอะ

    //และราชิยะก็เดินไปตามตลาดซึ่งที่นี้มีขายทั้ง นมแพะ ไห เครื่องปั้นดินเผา

    โรตี และขนมต่างๆมากมายเลยทีเดียวและราชิยะก็มาดูที่ร้านแฮมเบอเกอร์ อินเดีย

    ราชิยะ : พี่ครับ อันนี้อะไรเหรอ น่าทานจัง

    //คนขายของคนที่ราชิยะมาหาซื้อของทานนี้เป็นคนที่มีผิวเด่นและแต่งตัวธรรมดามากสุดในชาวบ้าน ซึ่งในชุดอินเดียสีแดงออกส้มๆอ่อน หน้าตาดี สูง 176 ผมสีดำเข้ม และดูมีเวทย์มนต์แข็งแกร่ง

    สิริทารา : สวัสดีนะท่าน ราชันย์กระผมมารอทานอยู่นานแล้ว

    ราชิยะ : นายรู้ชื่อฉันได้ไงกัน

    //ราชิยะอึ้งเมื่อพบว่าเค้ารู้ตัวตนที่แท้จริงแต่แล้วเค้าก็หายไปพร้อมทั้งเงินทั้งหมดของราชิยะ

    ราชิยะ : อะไรกัน ทำไมเร็วจนไม่รู้เรื่องเลยละ

    //ราชิยะก็วิ่งตามศิริทาราไปซึ่งไปเจอเค้านำเงินมานับ

    ราชิยะ : เอาเงินคืนข้ามาเดียวนี้นะ

    //และสิริทาราก็ปาลูกบอลเวทย์ไส่ซึ่งทำให้ราชิยะตกใจ

    สิริทารา : คุณคงยังไม่รู้ซินะว่า ผมน่ะ เป็นใคร งั้นผมจะบอกให้ก็ได้ ชื่อของผม ก็คือ สิริทารา ผู้วิเศษแห่ง เมือง พุทธนาแห่งนี้

    ราชิยะ : ผู้วิเศษ อ่อ แกเหรอ ผู้มีพลังพิเศษจากเทพเจ้า

    สินิทารา : ใช่แล้วละ ผมนี้ละ ผู้มีพลังพิเศษจากเทพเจ้า ให้มีความสามาตรในการทำให้มีเวทย์มนต์ไร้เทียมทานไม่ว่าจะกันยังไงหรือรับยังไงท่านก็สู้ผมไม่ได้

    ราชิยะ : ทำไมต้องมาทำร้ายกันด้วยละ

    สิริทารา : ท่าน ทาคุยะ สั่งผมให้มากำจัดท่านน่ะซิ //ยิ้ม //เพราถ้าผมทำสำเร็จ ท่านทาคุยะจะแต่งตั้งผมเป็นราชันย์ราศีกรกฏ แทนท่านยังไงละ 55555

    ราชิยะ : ที่แท้ก็เป็นแผนกาลมาถ่วงเวลาของเจ้าพวก ด๊าคโซล งั้นซินะ

    โปรดติดตามตอนต่อไป

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×